เล่าประสบการณ์การลงทุน 10 ปี ในตลาดหลักทรัพย์ครับ



เมื่อประมาณปี2550 หรือ10ปีที่แล้ว ผมได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์จากพี่สาวคนนึงในที่ทำงาน เนื้อหาในเมล์นั้นก็ประมาณในภาพนี้ครับ ตอนนั้นผมทำงานมาได้ 4ปีมีเงินเก็บประมาณ 2 แสนบาทได้ ผมกำลังหาช่องทางการลงทุนพอดี เคยอ่านเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์มาบ้างแต่ไม่รู้ว่าทำยังไงถึงจะไปลงทุนได้ แต่พอได้อ่านเมล์นี้แล้วทำให้อยากเข้าไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในห้องสินธร จากห้องสินธรนำผมไปห้อง thaivi ผมก็ได้เก็บเกี่ยวความรู้ทั้ง2เวบ และหาหนังสืออ่านเกี่ยวกับการลงทุนไม่ต่ำกว่า 50 เล่ม ผมเลยอยากมาแชร์ ประสบการการลงทุนตลอด 10 ปีในตลาดหลักทรัพย์ให้ฟังครับ ต้องขอบคุณ ฟอร์เวิร์ดเมล์อันนี้ที่พี่สาวคนนั้นส่งมาให้จริงๆที่ทำให้ผมได้มีโอกาสเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์

     ปี2550 ผมลองลงทุนในกองทุนรวมscb -set ประมาณฝึกการส่งคำสั่งซื้อขาย ก่อนเข้าไปซื้อขายจริงในตลาดหลักทรัพย์ ตอนนั้นใช้เงินประมาณ1แสนได้ ผลตอบแทนผมก็จำไม่ค่อยได้แล้วครับ ไม่กี่เปอร์เซ็นครับซื้อๆขายเหมือนคนทั่วไป
     ปี2551 ตอนนี้เปิดบัญชีกับกิมเองแล้ว เลยถอนเงินจากscb-set มาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เต็มตัว ตอนนั้นเริ่มศึกษาแนวVIแต่ก็ยังงงๆอยู่ว่าจุดซื้อคือจุดไหนจุดขายคือจุดไหน จำได้ตัวแรกๆที่ซื้อ cpf upoic robins bjc ตอนนั้นsetอยู่ราวๆ700 ครั้งนึงเคยซื้อ cpf ที่ราคา12บาท แล้วราคาก็ไหลรูดลงมา8-9บาท ทำให้ขาดทุนไปเยอะมาก ตอนนั้นตกใจจึงล้างพอร์ตก่อน มาตั้งหลักใหม่หาซื้อหนังสือมาอ่านเพิ่มเติม จนคิดว่าน่าจะมีความรู้มากพอแล้ว เลยตัดสินใจลองใหม่
     ปี2552 ตอนนั้นไล่ดูงบการเงินทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์เลยก็ว่าได้ครับ ตัวที่เลือกลงทุนตอนนั้นก็ sena ที่ราคาประมาณ2 บาท ชอบที่ตัวผู้บริหาร pe ก็ไม่สูงมาก บริษัทยังเล็กอยู่มีโอกาสเติบโตได้อีกสูงเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆในธุรกิจเดียวกัน และตอนนั้นเติมเงินเพิ่มมาอีก1แสนบาทรวมเป็น2แสนบาทแล้วครับ
     ปี2553 ปีนี้ผมไล่ดูงบการเงินทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์อีกเช่นเคย ก็ตัดสินใจลงทุนในหุ้นตัว sst ตอนนั้นมูลค่าบริษัทประมาณ1000ล้านนิดๆ บริษัทตอนนั้นกำลังจะลงทุนในกิจการอื่นๆอีกหลายกิจการและบริษัทมีสินทรัพย์ที่จะเเปลงเป็นทุนอยู่สูงทีเดียว ปีนี้เติมเงินเข้าไปอีก1แสนกว่าๆ ยอดรวมที่ลงทุนไปราวๆเกือบ4แสน จะอยู่ในsstราวๆ3แสน และอยู่ในsenaราวๆ1แสน
     ปี2554 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
     ปี2555 ตอนนั้นมูลค่ารวมพอร์ตของผมราวๆ7แสนได้ ผมจึงขายหุ้นsenaมาแสนกว่าบาทเพื่อมาซื้อรถเพราะคิดว่าได้เวลาต้องมีรถแล้ว จากเงินตั้งต้นเกือบ4แสนตอนนี้ก็จะเหลือเงินต้นราวๆ3แสนซึ่งอยู่ในหุ้นsst
     ปี2556-2561 ปีนี้หุ้นsstทำให้พอร์ตผมโตราวๆ9แสน แต่ผมกลับไม่สบายใจเพราะหลายปีแล้วบริษัทยังคงขาดทุนติดต่อกัน ตอนนี้บริษัทมีมูลค่าราวๆ6000ล้านจากตอนที่ซื้อมาราวๆ1000ล้านนิดๆ ทำให้ผมลองไล่ดูงบการเงินทั้งตลาดอีกครั้งเปิดดูครบทุกตัวนะครับ500กว่าตัว ส่วนใหญ่ผมจะใช้เวลาช่วงเย็นๆหลังเลิกงาน และวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ว่างจากงาน มาหาข้อมูลต่างๆ จนเจอหุ้นofmหรือcolในปัจจุบัน ตอนนั้นบริษัทcolมีมูลค่าราวๆ8000ล้านกว่าๆแต่ทำกำได้ราวๆ400ล้าน ผมเลยเทียบกับsstมูลค่า6000ล้านใกล้เคียงกันแต่ยังขาดทุนอยู่และไม่รู้จะมีกำไรเมื่อไหร่ ผมจึงขายsstและมาลงทุนในcolแทน ตอนนั้นชอบcolที่งบการเงินแข็งแกร่งมากหนี้สินระยะยาวไม่มีเลย ชอบผู้บริหารด้วย อีกทั้งเครือเซ็นทรัลยังถือหุ้นใหญ่อีก  ตั้งแต่ตอนนั้นก็ถือมาตลอดจนถึงปัจจุบันครับตามข่าวตามงบตลอดทุกไตรมาส ก็ยังเติบโตได้ดีและสบายใจที่จะถือต่อครับ คิดว่าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด กว่าจะเกษียณก็น่าจะมีเงินพอใช้จ่ายหลังเกษียณในระดับนึง แต่การลงทุนก็มีความเสี่ยง ผมก็ยังไม่รู้อนาคตว่าจะต้องเจอกับอะไรอีกบ้าง ในช่วงsetตั้งแต่700-1800หลายๆครั้งก็ผ่านมาได้ทำให้เรามีประสบการณ์เพิ่มขึ้น และยังมีบทเรียนใหญ่ๆที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอีกมากมาย ไม่รู้เหมือนกันว่าจะผ่านไปได้ไหม ผมชอบตลาดหลักทรัพย์เพราะที่นี่มีโอกาสให้กับคนที่พยายามและเรียนรู้อยู่เสมอ ในขณะที่งานบางอย่างเราพยายาม เราทุ่มเท วันหยุดแทบจะไม่มี แต่ผลที่ตอบแทนกลับมามันก็ไม่ได้ดีอย่างที่เราคิด แต่มันก็เป็นสิ่งที่ควรทำ ควรพยายามไม่ว่าผลจะออกมายังไง มองที่เป้าหมายไว้ และตลาดหลักทรัพย์ก็ทำให้ผมรู้สึกดีว่าการพยายามนั้นมีบางสิ่งตอบแทนเรากลับมา ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็อยู่ที่ตัวเราไม่ได้อยู่ที่ใคร และเราก็สามารถเป็นนักลงทุนได้ตลอดชีวิต ขณะที่งานของเรามีวันที่จะเกษียณ นี่ก็เป็นอีกข้อดีของการเป็นนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
     อยากบอกว่าแนวทางviยังใช้ได้ผลอยู่เสมอนะครับ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคตก็น่าจะเป็นไปในทางเดียวกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่