“หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ” เจ้าอาวาสวัดป่าศิลาพร ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ จากอาการปอดติดเชื้อฉับพลัน ที่กุฏิกลางน้ำภายในวัดป่าศิลาพร เมื่อเวลา 00.45 น.ของวันที่ 12 กรกฎาคม 2561
กราบถวายอาลัย
หลวงปู่บุญมี เกิดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2469[2] ตรงกับแรม 13 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ณ บ้านหนองแสง ต.สิงห์ อ.ยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันเป็น อำเภอเมืองยโสธร)
อุปสมบท
ท่านอุปสมบท เมื่อวันปวารณาออกพรรษา ตรงกับวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2489 เวลา 13:35 น. ณ วัดสร่างโศก อ.ยโสธร จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบันคือ วัดศรีธรรมาราม อ. เมือง จ. ยโสธร)[2] โดยมีพระครูพิศาลศีลคุณ (โฮม วิสาโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ปริปุณฺโณ”
ศึกษาธรรม
ในพรรษาที่ 3 (ปี พ.ศ. 2492) หลวงปู่บุญมี ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าหนองโดก (วัดป่าโสตถิผล) จ.สกลนคร และได้เข้ารับการอบรมธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดป่าบ้านหนองผือ จนหลวงปู่มั่นละสังขารลงในปีนั้น หลวงปู่บุญมีมีเพื่อนสหธรรมิกที่สนิทกันมาตั้งแต่ยังเด็กและได้มีโอกาสออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมร่วมกัน คือหลวงปู่เพียร วิริโย แห่งวัดป่าหนองกอง จ.อุดรธานี
ในพรรษาที่ 5 (ปี พ.ศ. 2494) หลวงปู่บุญมี ได้กลับไปอยู่ศึกษาธรรมกับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ และในพรรษาที่ 6 (ปี พ.ศ. 2495) หลวงปู่บุญมี ได้ไปอยู่ศึกษาธรรมกับหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่วัดป่าบ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร จากนั้นจึงติดตามหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน มาสร้างวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ตั้งแต่พรรษาที่ 11 (ปี พ.ศ. 2500) และอยู่อบรมกรรมฐานกับพระหลวงตามหาบัว เรื่อยมาจนถึงพรรษาที่ 30 (ปี พ.ศ. 2519)
สมัยที่อยู่ที่วัดป่าบ้านตาด หลวงปู่บุญมี ท่านจะมีเมตตาโอบอ้อมอารีกับพระภิกษุรุ่นน้อง คอยให้คำแนะนำเรื่องธรรมวินัย บางครั้งเมื่อหลวงตาท่านดุ และไล่พระที่ทำผิดออกจากวัด หลวงปู่บุญมี ก็จะออกรับแทนพระผู้น้อยขอโอกาสให้กับภิกษุนั้น ๆ ความอนุเคราะห์เหล่านี้ หลวงปู่บุญมี ท่านจึงเปรียบเหมือนพี่ชายใหญ่แห่งวัดป่าบ้านตาด กอปรกับท่านเป็นพระที่มีจริยาวัตรงดงาม ดังคำที่หลวงตามหาบัวเคยกล่าวไว้ “..ท่านเพียร-ท่านบุญมี เรียบร้อยเหมือนกันหมด ไม่มีด่างพร้อย เรียบร้อยในการปฏิบัติธรรมของท่าน ท่านเพียร ท่านบุญมี ท่านปฏิบัติเอาจริงเอาจังเหมือนกัน..”
จากนั้นหลวงปู่บุญมี ได้มาอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ำยานาโพธิ์ (ภูลังกา) อ.บ้านแพง จ.นครพนม ตั้งแต่พรรษาที่ 32-42 (ปี พ.ศ. 2521-2531) จากนั้นท่านจึงมาสร้างวัดป่านาคูณ บ้านนาคูณ ต.บ้านค้อ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี อยู่ตั้งแต่พรรษาที่ 44 (ปี พ.ศ. 2533) จนถึงปัจจุบัน
เจดีย์ผู้มีบุญ ณ.วัดป่าศิลาพร จ.ยโสธร ถ่ายเมือ มกราคม 2560
คำสอนหลวงปู่
คนเราทุกวันนี้ ถ้าเป็นคนที่มีธรรม จะคิด จะพูด จะทำอะไรก็เป็นธรรม แต่ถ้าเป็นคนไม่มีธรรม เอาเรื่องโลกมาคิด มาพูด มาทำ ก็มีแต่โลกทั้งนั้น ให้เราทั้งหลายช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เห็นการกระทำอะไรที่ไม่ดีให้ช่วยกันบอกสอนแก้ไขให้ถูกให้ควร อย่าปล่อยให้คนทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อย่าพึ่งเชื่อในสิ่งที่อาตมาพูดว่าดี ว่าถูก ว่าควรแล้ว ให้นำไปไตร่ตรองดูเสียก่อน หากพิจารณาว่าดี ว่าถูก ว่าควร แล้วจึงค่อยเชื่อ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้ พ่อแม่ครูจารย์ก็เคยเตือนให้พึง ระวังเรื่องอายตนะ 6 กาย ใจ ตา หู จมูก และลิ้น ไม่ให้นำสิ่งไม่ดีเข้ามา ให้คะลำ ภาษาอีสาน คะลำ หมายถึง หลีกเลี่ยง อย่าเอาสิ่งไม่ดีเข้ามาในตัว หากรู้ว่าไม่ดีให้หลีกหนีให้ไกล
“หลวงปู่บุญมี” มรณะภาพ สิริอายุ 91 ปี 71 พรรษา
“หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ” เจ้าอาวาสวัดป่าศิลาพร ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ จากอาการปอดติดเชื้อฉับพลัน ที่กุฏิกลางน้ำภายในวัดป่าศิลาพร เมื่อเวลา 00.45 น.ของวันที่ 12 กรกฎาคม 2561
กราบถวายอาลัย
หลวงปู่บุญมี เกิดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2469[2] ตรงกับแรม 13 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ณ บ้านหนองแสง ต.สิงห์ อ.ยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันเป็น อำเภอเมืองยโสธร)
อุปสมบท
ท่านอุปสมบท เมื่อวันปวารณาออกพรรษา ตรงกับวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2489 เวลา 13:35 น. ณ วัดสร่างโศก อ.ยโสธร จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบันคือ วัดศรีธรรมาราม อ. เมือง จ. ยโสธร)[2] โดยมีพระครูพิศาลศีลคุณ (โฮม วิสาโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ปริปุณฺโณ”
ศึกษาธรรม
ในพรรษาที่ 3 (ปี พ.ศ. 2492) หลวงปู่บุญมี ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าหนองโดก (วัดป่าโสตถิผล) จ.สกลนคร และได้เข้ารับการอบรมธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดป่าบ้านหนองผือ จนหลวงปู่มั่นละสังขารลงในปีนั้น หลวงปู่บุญมีมีเพื่อนสหธรรมิกที่สนิทกันมาตั้งแต่ยังเด็กและได้มีโอกาสออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมร่วมกัน คือหลวงปู่เพียร วิริโย แห่งวัดป่าหนองกอง จ.อุดรธานี
ในพรรษาที่ 5 (ปี พ.ศ. 2494) หลวงปู่บุญมี ได้กลับไปอยู่ศึกษาธรรมกับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ และในพรรษาที่ 6 (ปี พ.ศ. 2495) หลวงปู่บุญมี ได้ไปอยู่ศึกษาธรรมกับหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่วัดป่าบ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร จากนั้นจึงติดตามหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน มาสร้างวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ตั้งแต่พรรษาที่ 11 (ปี พ.ศ. 2500) และอยู่อบรมกรรมฐานกับพระหลวงตามหาบัว เรื่อยมาจนถึงพรรษาที่ 30 (ปี พ.ศ. 2519)
สมัยที่อยู่ที่วัดป่าบ้านตาด หลวงปู่บุญมี ท่านจะมีเมตตาโอบอ้อมอารีกับพระภิกษุรุ่นน้อง คอยให้คำแนะนำเรื่องธรรมวินัย บางครั้งเมื่อหลวงตาท่านดุ และไล่พระที่ทำผิดออกจากวัด หลวงปู่บุญมี ก็จะออกรับแทนพระผู้น้อยขอโอกาสให้กับภิกษุนั้น ๆ ความอนุเคราะห์เหล่านี้ หลวงปู่บุญมี ท่านจึงเปรียบเหมือนพี่ชายใหญ่แห่งวัดป่าบ้านตาด กอปรกับท่านเป็นพระที่มีจริยาวัตรงดงาม ดังคำที่หลวงตามหาบัวเคยกล่าวไว้ “..ท่านเพียร-ท่านบุญมี เรียบร้อยเหมือนกันหมด ไม่มีด่างพร้อย เรียบร้อยในการปฏิบัติธรรมของท่าน ท่านเพียร ท่านบุญมี ท่านปฏิบัติเอาจริงเอาจังเหมือนกัน..”
จากนั้นหลวงปู่บุญมี ได้มาอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ำยานาโพธิ์ (ภูลังกา) อ.บ้านแพง จ.นครพนม ตั้งแต่พรรษาที่ 32-42 (ปี พ.ศ. 2521-2531) จากนั้นท่านจึงมาสร้างวัดป่านาคูณ บ้านนาคูณ ต.บ้านค้อ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี อยู่ตั้งแต่พรรษาที่ 44 (ปี พ.ศ. 2533) จนถึงปัจจุบัน
เจดีย์ผู้มีบุญ ณ.วัดป่าศิลาพร จ.ยโสธร ถ่ายเมือ มกราคม 2560
คำสอนหลวงปู่
คนเราทุกวันนี้ ถ้าเป็นคนที่มีธรรม จะคิด จะพูด จะทำอะไรก็เป็นธรรม แต่ถ้าเป็นคนไม่มีธรรม เอาเรื่องโลกมาคิด มาพูด มาทำ ก็มีแต่โลกทั้งนั้น ให้เราทั้งหลายช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เห็นการกระทำอะไรที่ไม่ดีให้ช่วยกันบอกสอนแก้ไขให้ถูกให้ควร อย่าปล่อยให้คนทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อย่าพึ่งเชื่อในสิ่งที่อาตมาพูดว่าดี ว่าถูก ว่าควรแล้ว ให้นำไปไตร่ตรองดูเสียก่อน หากพิจารณาว่าดี ว่าถูก ว่าควร แล้วจึงค่อยเชื่อ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้ พ่อแม่ครูจารย์ก็เคยเตือนให้พึง ระวังเรื่องอายตนะ 6 กาย ใจ ตา หู จมูก และลิ้น ไม่ให้นำสิ่งไม่ดีเข้ามา ให้คะลำ ภาษาอีสาน คะลำ หมายถึง หลีกเลี่ยง อย่าเอาสิ่งไม่ดีเข้ามาในตัว หากรู้ว่าไม่ดีให้หลีกหนีให้ไกล