มาทักทายทุกคนด้วยกระทู้ท่องเที่ยว กระทู้แรกของเราในพันทิปกับทริปญี่ปุ่นค่ะ ทริปนี้ไปมาตั้งแต่วันที่ 10-17 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา เป็นช่วงที่อากาศยังหนาวมากๆ แบบติดลบอยู่เลยค่ะ

          แพลนคร่าวๆ ของทริปนี้ เราไปกับพี่ที่รู้จักกันอีก 3 คน รวมเป็น 4 คน เมืองหลักที่ไปคือ ทาคายาม่า ชิราคาวาโกะ เกโระ นาโกย่า ไปไฟล์ทของสายการบิน Vietnam Airlines จองตั๋วกันข้ามปี ได้ราคาไป-กลับที่ประมาณคนละ 8,500 บาท Full service มีอาหารให้บนเครื่อง น้ำหนักกระเป๋าคนละ 30 กิโลกรัม แต่ต้องแวะพักที่เวียดนามก่อนประมาณ 10 ชั่วโมง เราเลยถือโอกาสเที่ยวเวียดนามกันไปด้วยในช่วงสั้นๆ


          DAY 1 (10 กุมภาพันธ์ 2018)
          เล่าถึงเวียดนามซะหน่อย เพื่อใครสนใจไฟล์ทแบบเดียวกัน ไฟล์ทของเราออกจากสนามบินสุวรรณภูมิตอน 12.20 น. (10 ก.พ.) ถึงฮานอย 14.10 น. ตอนนั้นอากาศอยู่ที่ 18 องศา กำลังเย็นสบายเลย วิธีการออกไปเที่ยวนอกสนามบิน กรณีไฟล์ทของเราคือต้องอยู่รอถึง 10 ชั่วโมงก่อนเปลี่ยนเครื่องต่อไปญี่ปุ่น เลยมีเวลาให้หาของกินและเดินเล่นเพลินๆ ในเมืองได้หลายชั่วโมง

          สายการบินนี้จะให้ตั๋วเรามา 2 ใบตั้งแต่ขึ้นเครื่องที่สนามบินค่ะ พอถึงเวียดนามเราสามารถออกไปเที่ยวได้ด้วยการผ่านตม. ตามปกติ ตอนกลับมาสนามบินก็ใช้ตั๋วที่ได้มาแล้วอีกใบสำหรับรอขึ้นเครื่องต่อได้เลย ไม่ต้องออกตั๋วใหม่ ส่วนกระเป๋าเดินทางสายการบินลำเลียงไปให้เรียบร้อย คือเอาแค่ตัวกับเงินในกระเป๋าไปเที่ยวเวียดนามได้แบบชิลๆ


          DAY 2 (11 กุมภาพันธ์ 2018)
          นั่งเครื่องไปญี่ปุ่นกันต่อ ออกจากเวียดนาม 00.20 น. ไปถึงสนามบินนาโกย่า ชูบุเซ็นแทรร์ (Nagoya Chubu Centrair International Airport : NGO) เช้าของอีกวัน (11 ก.พ.) ตอน 6.30 น. (เวลาญี่ปุ่น) ถ้านับเวลาไทยก็ตีสี่ค่ะ อดหลับอดนอนกันไปนิด มาถึงขั้นตอนการผ่าน ตม. ที่นี่ไม่ยุ่งยากเลย มีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำในการเขียนใบผ่านเข้าประเทศ แถมมีตัวอย่างคำแปลภาษาไทยให้ด้วย เสร็จเรียบร้อยเราก็ตรงไปล้างหน้า แปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อน ที่สนามบินจะมีโซน Meeting place เป็นโซนฝากกระเป๋า มีที่นั่งและห้องน้ำ ไว้บริการสำหรับนักเดินทางอย่างเรา ถือว่าสะดวกสบายมาก


          ตอนนั้นยังเช้าอยู่มาก เราเลยแวะไปถ่ายรูปที่ Sky Deck ของสนามบินกันก่อน อยู่ชั้นบนสุดของสนามบินเลยค่ะ ติดกับโซน Shop & Restaurants ถ้าใครอยากไปดูวิวเครื่องบินลงจอดก็เดินตามป้ายบอกทางไปเลย



          จาก Sky Deck เราตรงไปขึ้นรถไฟเข้านาโกย่า ด้วยการใช้พาส SHORYUDO Highway Bus Ticket แบบ 3 วัน พาสนี้ซื้อก่อนออกเดินทาง 3 วันค่ะ ช่วงก่อนไปมีงานท่องเที่ยวญี่ปุ่นพอดี ฝากเพื่อนซื้อให้จากบูธ JTB ราคาคนละ 2,250 บาท (ราคาญี่ปุ่น 7,500 เยน) ใช้ข้อมูลหน้าพาสปอร์ตกับรายละเอียดไฟล์ทการเดินทางของเราไปซื้อ จะได้ใบรับพาสสำหรับมารับพาสของจริงที่สนามบินค่ะ (ข้อมูลการใช้งานพาสเพิ่มเติมตามไปดูในเว็บหลักได้เลยค่ะ มีภาษาไทยอธิบาย http://www.meitetsu.co.jp/tha/ticket-info/shoryudo.html )

          ส่วนที่เชื่อมสนามบินกับสถานีรถไฟอยู่ที่ชั้น 2 ของสนามบิน เดินผ่านทางเชื่อมเข้าไปมองหา Meitetsu Travel Plaza/Tourist Information อยู่ติดกับทางเข้าไปขึ้นรถไฟของ Meitetsu Line ไปแลกพาสกันที่จุดนี้ แล้วเอาพาสมาแลกเป็นตั๋วรถไฟ ที่เคาน์เตอร์แลกตั๋วฝั่งซ้ายของทางเข้าสถานี ข้อดีของการใช้พาสอีกอย่างคือ ส่วนลดต่างๆ ที่มาพร้อมกับพาส ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดที่กิน ที่เที่ยว ที่ช้อป ถ้าได้ใช้หมดก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้มค่ะ ได้ตั๋วกันเสร็จเรียบร้อยก็ลากกระเป๋าขึ้นรถไฟออกเดินทางกันต่อ



          นั่งรถไฟไม่ถึงครึ่ง ชม.ก็มาถึงสถานี Meitetsu Nagoya เดินหา Meitetsu Bus Center ก่อนเลย ตั้งใจจะไปแลกตั๋วขึ้นรถบัสเข้าทาคายาม่ากันที่นี่ เพราะใช้พาสได้ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม แต่พอไปถึงคนขายตั๋วบอกว่ารอบรถบัสที่จะไปทาคายาม่าถูกจองเต็มแล้ว ถ้าจะใช้พาสได้มีรอบรถให้ไปลงอีกสถานีนึงก่อน แล้วค่อยนั่งรถบัสจากที่นั่นไปทาคายาม่าอีกที แต่มันจะเสียเวลาเดินทางมาก เราเลยตัดสินใจไม่ใช่พาสรถบัส เปลี่ยนไปซื้อตั๋วใหม่ นั่งรถไฟเข้าทาคายาม่าแทนค่ะ ราคาอยู่ที่คนละ 5,510 เยน (ประมาณ 1,653 บาท) ลักษณะตั๋วเป็นตั๋ว reserved แบบ non-reserved seat คือมีที่นั่งบนรถไฟแน่ๆ แค่ไม่เจาะจงว่านั่งตรงไหน เราเลือกนั่งได้ตามชอบ (แต่ต้องเลือกขึ้นตู้ที่ระบุว่าเป็น non-reserved seat นะคะ ส่วนใหญ่จะอยู่ตู้ท้ายๆ) จะได้ตั๋วมา 2 ใบ ใบนึงเป็นตั๋วเดินทาง อีกใบเป็นเหมือนตั๋วยืนยันว่าเรา reserved ที่บนรถไฟไว้แล้ว

          รวมเวลาเดินทางจากสถานี Nagoya มาลงสถานี Takayama ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เวลาปกติน่าจะเร็วกว่านี้ แต่ตอนที่ไปมีหิมะตก บนรางก็มีหิมะปกคลุมอยู่เยอะ อาจจะส่งผลให้กินเวลาเดินทางเพิ่มไปอีกนิดหน่อย





          มาถึงทาคายาม่า เราออกจากสถานีรถไฟตรงไปที่ Takayama Nohi Bus Center ก่อนเลยค่ะ ไปสอบถามรอบรถบัสที่จะไปชิราคาวาโกะในวันต่อไปให้แน่ใจ ไม่ให้พลาดเหมือนตอนมาจากนาโกย่าอีก จริงๆ ก่อนมาโทรสอบถามรอบรถบัสกับเจ้าหน้าที่ที่ญี่ปุ่นแล้วรอบนึง เขาแจ้งว่าวันที่เราเดินทางไม่ต้องจองที่นั่งค่ะ เพราะมีรอบรถสำรองเยอะ ทั้งช่วงเวลาไปและกลับ พอไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ที่สถานีรถบัสอีกทีก็บอกแบบเดิม แค่ต้องมารอรถตามตารางเวลารถออกให้ทัน

          จากสถานีรถบัสตรงเข้าที่พักเอากระเป๋าไปเก็บก่อน 2 วันแรก พักที่ Minshuku Kuwataniya เดินจากสถานีรถไฟ Takayama ประมาณ 10 นาที จองเป็นห้องใหญ่แบบนอนได้ 4 คน คุณลุงคุณป้าที่เป็นเจ้าของน่ารักมากๆ มาช่วยยกกระเป๋าพวกเราขึ้นบนห้องได้โดยสวัสดิภาพ ที่พักนี้ไม่มีลิฟต์นะคะ เพราะมีแค่ 2 ชั้น ห้องอาบน้ำเป็นห้องรวม มีบ่อให้แช่ออนเซ็น ส่วนห้องน้ำจะแยกออกอยู่อีกส่วนนึง



          เก็บของเรียบร้อย เดินจากที่พักออกไปหาของกินกันก่อน ตั้งแต่ออกจากสนามบินยังไม่ได้กินอะไรเลย สุดท้ายมาจบที่ร้านราเม็งที่เราเดินผ่านก่อนเดินมาถึงที่พักค่ะ ชื่อร้าน ちとせ เราสั่งราเม็ง เพิ่มไข่ต้ม ราคา 550 เยน (ประมาณ 165 บาท) และสั่งยากิโซบะ โปะไข่ดาวมากินด้วยกัน ราคา 570 เยน (ประมาณ 171 บาท) รสชาติใช้ได้เลยค่ะ น้ำซุปกินไปเรื่อยๆ อาจจะเค็มหน่อย แต่กินตอนร้อนๆ ช่วยให้อุณหภูมิร่างกายอุ่นขึ้นได้เยอะ ร้านนี้มีชาข้าวให้เติมฟรีด้วยนะคะ แล้วเอกลักษณ์อีกอย่างน่าจะเป็นช้อนที่ใช้กินราเม็ง เรียกว่าเป็น กระบวยน่าจะเหมาะกว่า คืออันใหญ่มาก ตอนซดน้ำซุปคือสะใจสุดๆ


          อิ่มท้องแล้วก็ถึงเวลาเดินเที่ยว ตอนนั้นเป็นช่วงบ่ายเกือบเย็นแล้วค่ะ อากาศอยู่ที่ตัวเลขหลักหน่วย ไปจนถึงติดลบ เราเน้นเดินชมวิวกันสบายๆ ตั้งใจไปเดินเล่นที่เมืองโบราณทาคายาม่า แล้วก็ถ่ายรูปที่สะพานนาคาบาชิ หรือที่เรียกกันว่า สะพานแดง ที่เที่ยวในทาคายาม่าส่วนใหญ่เดินเชื่อมถึงกันได้ ถ้าไม่รีบร้อนค่อยๆ เดินชมวิวไปเรื่อยๆ ก็เก็บสถานที่เที่ยวหลักได้หลายที่เลยค่ะ



          การเดินทางในทาคายาม่าส่วนใหญ่เราดูสถานที่เที่ยวตามแผนที่ข้างล่างนี้ค่ะ จำไม่ได้ว่าแหล่งที่มาได้มาจากไหน แต่เป็นประโยชน์มากค่ะ ช่วยให้ไปตามจุดหมายได้ง่ายขึ้นเยอะ


          เดินถ่ายรูปกันจนเหนื่อย ถึงเวลาข้าวเย็น บอกเลยว่าวันนั้นหาของกินยากมาก วางแผนกันไว้ว่าจะไปกินร้านปิ้งย่าง เน้นกินเนื้อวัวฮิดะ ของขึ้นชื่อของทาคายาม่า แต่เสิร์ชหาร้านไหนก็ปิด เพราะเป็นวันอาทิตย์ ร้านไหนเปิดก็คิวแน่นมาก สุดท้ายมาจบที่ร้านแถวสะพานที่เราเดินถ่ายรูปกัน มีอาหารหลายอย่างเลย แต่เราเลือกกินข้าวหน้าเนื้อฮิดะ ด้วยความที่ตั้งใจมากินเนื้อฮิดะอยู่แล้ว พี่ที่มาด้วยกันสั่งราเม็งหน้าเนื้อฮิดะมากิน หน้าตาน่ากินทั้งคู่เลยค่ะ ถึงเนื้อที่ได้มาจะน้อยกว่าข้าวไปหน่อย แต่รสชาติอร่อยให้ผ่านค่ะ กินกับซุปมิโซะตอนอากาศหนาวๆ นี่ฟินมากกก



          ออกจากร้านจะเดินกลับที่พัก หิมะตกค่ะ ตกแบบไม่แรงมาก กำลังได้บรรยากาศ ตามที่ตั้งใจว่าอยากมาตามล่าหิมะกัน ได้เจอตั้งแต่วันแรกในญี่ปุ่นเลย เดินกลับมาถึงที่พัก บนถนนคือขาวโพลนไปหมดเลยค่ะ คิดว่าหิมะน่าจะตกทั้งคืนแน่นอน หมดไปหนึ่งวันเต็มๆ รอไปลุยหิมะที่ชิราคาวาโกะกันต่อวันต่อไปนะคะ