หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียงเพลง 8/7/2561 - โชคชะตาของเจ้าภาพ
กระทู้คำถาม
การ์ตูนการเมือง
สวัสดีครับ
สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันอาทิตย์
MC แอ๊ด (หวางเจ๋)
) ประจำการอีก 1 วันครับ ^^
เมื่อคืนนี้ ศึกลูกหนังโลก รอบควอเตอร์ไฟนอล ผ่านพ้นไปแล้ว ได้ 4 ทีมสุดท้ายสำหรับรอบตัดเชือกแล้ว โดย "เลอ เบลอ" ทีมตราไก่ฝรั่งเศส จะพบกับ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" เบลเยี่ยม และ "สิงโตคำราม" อังกฤษ จะต้องดวลกับ "ทีมตาหมากรุก" โครเอเชีย ซึ่งผ่านเจ้าภาพรัสเซียมาอย่างทุกลักทุเลในเกมสุดมันส์และยืดเยื้อจนถึงขั้นดวลลูกโทษ...เป็นอีกครั้งที่เจ้าภาพฟุตบอลโลก ต้องตกรอบ ไปไม่ถึงฝั่งฝัน
ในอดีตที่ผ่านมา เจ้าภาพฟุตบอลโลก ก็มักจะไม่ค่อยได้เป็นแชมป์กันอยู่แล้ว มีน้อยรายมากๆ เราจะย้อนหลังไปดูประวัติศาสตร์ของเจ้าภาพฟุตบอลโลกกันในวันนี้ครับ
1) ยุคแรก ถ้วย "จูลส์ ริเมต์"
1930 อุรุกวัย
เป็นเจ้าภาพ และได้เป็นแชมป์ โดยนัดชิงชนะเลิศ ชนะ อาร์เจนติน่า 4-2
ทีมชาติอุรุกวัย จึงเป็นทีมแรกที่เป็นเจ้าภาพและได้เป็นแชมป์
1934 อิตาลี เป็นเจ้าภาพ และเป็นแชมป์
"อัซซูรี่" ประกาศศักดาบ้างโโดยไม่ยอมน้อยหน้าแชมป์เก่าซึ่งเป็นเจ้าภาพครั้งแรก พวกเขาเข้าถึงรอบชิง และชนะเช็คโกสโลวาเกียไป 2-1 ซึ่งเป็นช่วงต่อเวลาพิเศษ ในเวลา 90 นาที เสมอกัน 1-1 แล้ว แองเจโล เชียวิโอ้ ยิงประตูชัยได้ในนาทีที่ 95 อิตาลี จึงได้เป็นเจ้าภาพรายที่สองที่ได้เป็นแชมป์ในที่สุด
1938 ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ
แต่อิตาลีป้องกันแชมป์ได้เป็นชาติแรก พวกเขาเขี่ยเจ้าภาพตกรอบควอเตอร์ไฟนอลด้วยสกอร์ 1-3 ทำให้ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพชาติแรกที่ไม่ได้เข้าชิง และหลังจากนั้นชาติต่างๆที่เป็นเจ้าภาพก็ยากอย่างยิ่งที่จะเป็นแชมป์ในบ้านของตัวเอง
หลังจากนี้คือ ปี 1942 ถึง 1946 ฟุตบอลโลกจำเป็นต้องหยุดชั่วคราว เพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2
หลังสงครามจบ ปี 1950 บราซิล เป็นเจ้าภาพ
แต่อุรุกวัยเป็นแชมป์,การแข่งขันจัดเป็นระบบ "ลีก" 4 ทีมคือ เจ้าภาพบราซิล อุรุกวัย สวีเดน และสเปน แข่งพบกันหมด ครบทีมละ 3 นัด อุรุกวัยเป็นที่ 1 จึงคว้าแชมป์ไป
1954 สวิตเซอร์แลนด์เป็นเจ้าภาพ
แต่เยอรมันตะวันตกเป็นแชมป์ โดยเจ้าภาพแพ้ออสเตรียในรอบควอเตอร์ไฟนอลไปอย่างดุเดือด ยิงประตูกันสุดมันส์รวมกันเกินสิบประตู และออสเตรียยิงได้มากกว่า ชนะไป 7-5
1958 สวีเดนเป็นเจ้าภาพ
แต่บราซิลเป็นแชมป์ โดยเอาชนะเจ้าภาพได้ในนัดชิงคาบ้าน 5-2
1962 ชิลีเป็นเจ้าภาพ และบราซิลป้องกันแชมป์ได้
โดยก่อนเข้าชิง ทีมแซมบ้าเตะเจ้าภาพตกรอบตัดเชือกด้วยสกอร์ 4-2
1966 อังกฤษ เป็นเจ้าภาพ และคว้าแชมป์ได้ เป็นชาติที่ 3 ต่อจาก อุรุกวัย และอิตาลี
เฮลมุท ฮัลเลอร์ ของทีมอินทรีเหล็ก ยิงนำก่อนในนาทีที่ 12 แต่ เจฟฟ์ เฮิร์ส ยิงตีเสมอได้ในนาทีที่ 18 และ มาร์ติน สแตนฟอร์ด ปีเตอร์ ยิงอีก 1 ลูกให้อังกฤษแซงนำ 2-1 ในนาทีที่ 78 เยอรมันตะะวันตกไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นาทีที่ 89 โวลฟกัง เวเบอร์ ยิงตีเสมอเป็น 2-2 จบ 90 นาทีต้องต่อเวลาพิเศษไปอีก 30 นาที และเป็น เจฟฟ์ เฮิร์ส คนแรกที่ยิงสองลูกซ้อนๆให้เจ้าภาพแซงนำและชนะไป 4-2 โดย 1 ใน 2 ลูกนั้นเป็นประตูปริศนาที่ลูกเด้งชนคานบนแล้วตกลงบนเส้นประตูคาบเกี่ยวพื้นที่ข้างในแบบก้ำกึ่งว่าเข้าหรือไม่เข้า แต่ ก็อตฟรีต ดีนส์ กรรมการผู้ตัดสินตัดสินใจเป่าให้เป็นประตูหลังจากปรึกษากับผู้ช่วยผู้ตัดสินแล้ว
1970 เม็กซิโกเป็นเจ้าภาพ บราซิลเป็นแชมป์ "เปเล่" คือดาวจรัสแสง
เจ้าภาพจังโก้ โดนทีม "อัซซูรี่" สอยร่วงในรอบสอง (ตอนนั้นเป็นควอเตอร์ไฟนอล) อย่างขาดลอย 4-1
2. ยุค ถ้วย FIFA WORLDCUP
1974 เยอรมันตะวันตกเป็นเจ้าภาพ และเป็นแชมป์ เป็นรายที่ 4 ต่อจากอังกฤษที่เคยทำได้ในปี 1966
ฟร้านซ์ เบ็คเค่นเบาร์ เป็นกัปตันทีม พาอินทรีเหล็กปะทะ "อัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ โดยทีแรกโดนฮอลแลนด์ยิงนำไปก่อนเสียด้วยซ้ำจากลูกจุดโทษในนาทีที่ 2 เท่านั้นเอง โดยโยฮัน ยาคอปสัน นีสเค่นยิงเข้าไป แต่ในนาทีที่ 25 พอล ไบร์ทเนอร์ ก็ได้ลูกที่จุดโทษเหมือนกัน ยิงตีเสมอเป็น 1-1 และหลังจากนั้นไม่นาน นาทีที่ 43 ก่อนหมดเวลาครึ่งแรกแค่ 2 นาที "ไอ้ลูกระเบิด" แกรด มุลเลอร์ ก็ซัดตุงตาข่ายให้เยอรมันตะวันตกแซงเป็น 2-1 และชนะไปด้วยสกอร์นี้นี่เอง "ไกเซอร์" ฟร้านซ์ พาทีมขึ้นรับถ้วยใหม่ "ฟีฟ่าเวิร์ลคัพ" เป็นชาติแรกของโลก อย่างยิ่งใหญ่
1978 อาร์เจนติน่าเป็นเจ้าภาพ และคว้าแชมป์ได้ เป็นชาติที่ 5 ต่อจากเยอรมันตะวันตก
ขุนพลฟ้าขาว เมื่อได้เป็นเจ้าภาพ ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเจ้าภาพครั้งก่อน กรุยทางสู่รอบชิงสำเร็จ เจอกับฮอลแลนด์ มาริโอ เคมเปส ยิงให้เจ้าภาพนำก่อนในนาทีที่ 38 แต่ เดิร์ก ยาโคบุส นานนิงก้า ยิงตีเสมอให้ทีมกังหันสีส้มได้ในนาทีที่ 82 หมดเวลา 90 นาที ต้องต่อเวลาพิเศษ และเป็น มาริโอ เคมเปสคนเดิมยิงให้ทีมฟ้าขาวแซงนำเป็น 2-1 ในนาทีที่ 105 แล้ว ริคาร์โด้ แดเนียล แบร์โตนี่ ยิงฝังฮอลแลนด์เป็น 3-1 ในนาทีที่ 115
1982 สเปนเป็นเจ้าภาพ อิตาลีเป็นแชมป์
ทีมกระทิงดุ ผ่านรอบแรก แล้วไปตกรอบสองซึ่งใช้ระบบแบ่งกลุ่มๆละ 3 ทีม แข่งพบกันหมดทีมละ 2 นัด เอาทีมที่คะแนนสูงสุด ผลลัพธ์ดีที่สุดเข้ารอบตัดเชือก เจอของแข็งร่วมกลุ่มกับอังกฤษและเยอรมันตะวันตก แพ้อินทรีเหล็ก 2-1 เสมอกับทีมสิงโตคำราม 0-0 และสิงโตก็คำรามไม่ออก เสมอกับทีมอินทรีเหล็กแบบไร้สกอร์อีก ทำให้เยอรมันตะวันตกเข้ารอบตัดเชือก สเปนเจ้าภาพกอดคอกับอังกฤษตกรอบไป
1986 เม็กซิโกเป็นเจ้าภาพ "มาราโดน่า" ผงาด พาฟ้าขาวอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์
เจ้าภาพจังโก้ ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย เจอกระดูกชิ้นเบ้อเริ่มคือ "อินทรีเหล็ก" แต่ก็สู้ได้ตลอด 120 นาทีโดยยิงกันไม่ได้ จำเป็นต้องยิงลูกที่จุดโทษตัดสิน ฝั่งเยอรมันยิงเข้าหมด 4 คนรวด แต่ฝั่งเจ้าภาพยิงเข้าเพียงคนแรกและคนเดียว อีกสองคนถัดมายิงไม่เข้า ก็เลยตกรอบไป
และเหตุการณ์สำคัญที่เป็นไฮไลท์อันโด่งดังตลอดกาลของฟุตบอลโลกคราวนี้ก็คือ การทำ "หัตถ์พระเจ้า" ของเสือเตี้ย ดิเอโก้ มาราโดน่า นั่นเอง
1990 อิตาลีเป็นเจ้าภาพแต่ตกรอบรองแพ้อาร์เจนติน่า และอาร์เจนติน่าเข้าชิงกับเยอรมัน สุดท้ายเยอรมันเป็นแชมป์
เจ้าภาพอัซซูรี่ หมายมั่นปั้นมือว่าจะคว้าแชมป์ในบ้านตัวเองให้ได้ พวกเขาเข้าถึงรอบตัดเชือกเจอกับทีม "ฟ้าขาว" ที่มี "เสือเตี้ย" ดิเอโก้ มาราโดน่าอยู่ด้วย แต่เกมเสมอกันในเวลา ทั้งๆที่ ซัลวาตอเร่ สกิลลาชี่ ยิงให้เจ้าภาพออกนำไปก่อนแท้ๆในนาทีที่ 17 แต่เคลาดิโอ คานิกเกีย ยิงตีเสมอให้ทีมฟ้าขาวเป็น 1-1 ในนาทีที่ 67 จบ 90 นาที ต่อเวลาพิเศษเป็น 120 นาที อิตาลีก็ยิงแซงนำไม่ได้ หมดเวลา 120 นาที (และเกินเวลาไปมากๆด้วย) ต้องดวลลูกโทษกัน ผลคือเจ้าภาพร่วงตกรอบตัดเชือก ทำชาวอิตาเลียนซึมเศร้าทั้งประเทศเพราะคนที่ 4 และ 5 ของอิตาลียิงไม่เข้า แต่ฝั่งอาร์เจนติน่า ยิงเข้าหมด 4 คนรวด
1994 อเมริกาเป็นเจ้าภาพ บราซิลเป็นแชมป์
เจ้าภาพอเมริกา เข้ารอบสองได้ แต่เจอของแข็งอย่างบราซิล พวกเขาพยายามต้านสุดฤทธิ์ด้วยเกมรับ แต่ทีมแซมบ้าที่มี "โรนัลโด้" แพรวพราวด้วยลีลามากมายยากเกินกว่าจะต้านทานไหว แต่ก็เสียประตูเดียวในนาทีที่ 72 ด้วยลูกยิงของเบเบโต้ และตามมาด้วยท่าดีใจที่ทั้งโลกยกให้ว่าสุดน่ารักอมตะตลอดกาลนั่นคือ "ท่ากล่อมลูกน้อย" ซึ่งเบเบโต้ทำท่านี้เพราะเพิ่งเป็นคุณพ่อคนใหม่นั่นเอง และทีมลุงแซมก็ตกรอบไป
1998 ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ และคว้าแชมป์เป็นครั้งแรก
ทีมตราไก่เจ้าภาพ ลุยเส้นทางจนเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ดวลกับแชมป์เก่าบราซิล และพลิกล็อกชนะแบบขาดลอยเหลือเชื่อถึง 3-0 นำโดย "จอมทัพ" ซีเนอดีน ซีดาน ยิงนำก่อนนาทีที่ 27 และนาทีที่ 46 หลังทดเวลาเจ็บในครึ่งแรกแค่นาทีเดียว "ซีซู" ก็ยิงให้เจ้าภาพหนีไปเป็น 2-0 มาถึงครึ่งหลัง บราซิลยังฟอร์มบู่ไม่ฟื้นยิงเอาคืนไม่ได้เลย แถมโดนตอกฝาโลงอย่างเจ็บแสบในนาทีที่ 3 ของการทดเวลาหลังหมด 90 นาทีโดย เอ็มมานูเอล เปอร์ตีต์
2002 เกาหลีใต้และญี่ปุ่นร่วมกันเป็นเจ้าภาพ บราซิลเป็นแชมป์
นี่คือ THE MOST SCANDAL OF FIFA ว่ากันอย่างนั้นเลยทีเดียว จากการ "โกง" อย่างจะแจ้งโจ๋งครึ่มของเจ้าภาพฝั่งเกาหลีใต้ ในขณะที่ฝั่งญี่ปุ่นเล่นขาวสะอาดกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้ นำความเสื่อมเสียมาให้แก่ทั้งชาติเอเชีย และองค์กรใหญ่คือฟีฟ่าเอง!
เจ้าภาพทั้งสองชาติผ่านเข้ารอบสองกันทั้งคู่ โดยฝั่งญี่ปุ่นนั้นเจอกับตุรกี และโสมขาวพบอิตาลี ทีม "ซามูไรบลูส์" โดนยิงตั้งแต่นาทีที่ 12 และพยายามตีเสมอไม่สำเร็จ ตกรอบสองนี้เอง แต่ก็แพ้อย่างสมศักดิ์ศรี...ต่างกับเกาหลีใต้ที่กรุยทางไปจนถึงรอบตัดเชือกเลยทีเดียว โกงอิตาลีในรอบสอง ต็อตติโดนใบแดงโดยไม่สมควรจะได้และผู้เล่นอิตาลีเจ็บกันระนาวบางคนถึงกับเลือดอาบ เสมอกัน 1-1 ใน 90 นาทีและ อาห์น จุง วาน ยิงแซงในนาทีที่ 117 สามนาทีก่อนหมดเวลาแล้วจะไปยิงลูกโทษตัดสิน เขี่ยอัซซูรี่ตกรอบสอง โดยกรรมการ ไบรอน โมเรโน่ ชาวเอกวาดอร์ ตัดสินลำเอียงเอื้อเฟื้อทีมเจ้าภาพโสมขาวอย่างสุดๆ ท่ามกลางเสียงก่นด่าของผู้ชมทั่วโลก...
ยังไม่พอแค่นั้น รอบ 8 ทีมสุดท้าย ยัดเยียดความปราชัยแก่สเปนอีกหนึ่งทีมโดยในเวลาตลอด 120 นาทียิงกันไม่ได้ ซึ่งก็มีลูกตุกติกกันตลอด เกมเลยไปถึงกสนดวลลูกโทษ ปรากฏว่านักเตะโสมขาาวยิงเข้าหมดทั้ง 5 คน แต่ฝั่งสเปนคนที่ 4 ยิงไม่เข้า จึงตกรอบนี้ไป
(มีต่อครับ)
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
มุมมองที่น่าสนใจ ในเกมทีมชาติไทยนัดล่าสุด จากเพจวิเคราะห์บอลจริงจัง
ไม่ได้พูดเกินจริง ถ้าเราจะบอกว่า AFF คือทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลระดับทีมชาติ ที่ "โหดที่สุดในโลก" ความโหดที่ว่า ไม่ใช่เรื่องของคุณภาพการแข่งขัน แต่เป็นเรื่องของโปรแกรม ที่จัดขึ้นมา โดยไม่สนใจควา
Ployasd
2 เหตุการณ์สำคัญท้ายเกม จาก 2 นัดที่ไทยพบกับสิงคโปร์
เจริญศักดิ์ยิงเฉียดเสาออก นาทีที่ 90+6 พลาดไปคัดบอลโลกรอบ 3 Suparno ยิงเฉียดเสาออก นาทีที่ 90+14 พลาดตีเสมอทีมชาติไทย
สมาชิกหมายเลข 1049607
เกมที่ครบทุกรสชาติ ไทย 4-2 สิงคโปร์
เรียกได้ว่า สุดๆ จริงๆ เกมนี้ ช่วง 40 นาทีแรก เราตั้งเกมแทบไม่ได้ เจอบอลยาวและเกมริมเส้นของเจ้าบ้านเล่นงานจนเละทั้ง 2 ฝั่ง จนโดนนำไป 2 ลูก แต่จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่ประตูตีตื้นของไทยในช่วงก่อนจบครึ่งแร
Ployasd
ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียงเพลง 16/7/2561 - วันชิงความเป็นหนึ่ง
สวัสดีครับ สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันอาทิตย์ MC แอ๊ด (หวางเจ๋)) ประจำการอีก 1 วันครับ ^^ มหกรรมลูกหนังโลก ในที่สุดก็เดินทางมาถึงวันสุดท้าย วันแห่งการชิงชัย นัดชิงชนะเลิศของฟุตบอลโลกในแต่ละครั้
หวางเจ๋
จับสลากบอลโลกกันแล้ว มาตั้งทฤษฎีสมคบคิดทายแชมป์โลก 2014 กันดีกว่า
รู้ผลการแบ่งสายฟุตบอลโลก ปี 2014 กันไปแล้วนะครับ ระหว่างที่รอ ช่วงนี้ มาหาอะไรสนุกๆ ทำเรียกน้ำย่อยกันครับ อยากให้ท่านๆ ลองมาตั้งทฤษฎีสมคบคิดทายแชมป์โลก 2014 กันครับ ที่มันพ้องกับเหตุการณ์ในอดีต จะเอาอ
อาร์คีมิดิส
🔎 ผลจับสลาก ⚽️ ยูฟ่า เนชันส์ลีก 2024/25 รอบ 8 ทีม
โปรแกรมรอบรองชนะเลิศ อิตาลี / เยอรมนี พบ เดนมาร์ก / โปรตุเกส เนเธอร์แลนด์ / สเปน พบ โครเอเชีย / ฝรั่งเศส *รอบรองชนะเลิศ เลือกเจ้าภาพระหว่าง 4 ทีมที่เข้ารอบ แข่ง
สมาชิกหมายเลข 6738609
เมสซี่ 58 แอสซิสต์ สูงสุดประวัติศาสตร์ฟุตบอลทีมชาติ
เท่ากับ แลนดอน โดโนแวน ลูกพี่ป้อน ลูกน้องยิง แถมตีลังกายิงเท้าที่ไม่ถนัดอีกด้วย โคตรโหด . . . โดดยิง เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 3
สมาชิกหมายเลข 6773802
เกร็ดน่าสนใจ ฟุตบอลโลก
- มีทีมที่เคยได้แชมป์มาแล้วทั้งหมด 8 ทีม คือ อุรุกวัย อิตาลี บราซิล เยอรมัน อังกฤษ อาร์เจนตินา ฝรั่งเศส สเปน - บราซิลคือทีมล่าสุดที่สามารถป้องกันแชมป์ไว้ได้ ในปี 1958 และ 1962 - ทีมที่เป็นแชมป์ใน 5 คร
compatriot
🎉❤️❤️✼✼✼[Glory Glory Man United @ EPL : 10] นำก่อนไม่ช่วยเล้ยยยย โครงการแบ่งแต้มเข้าอีกแล้วจ้า ✼✼✼❤️❤️🎉
ตามสูตรแบบฉบับยูไนเต็ด นำก่อนไม่เคยไว้ใจได้เล้ยยยยย โดนตีเสมออีกจนได้ ในไม่กี่นาทีต่อมา ต้องปรับ ต้องจูนเรื่องนี้กันอีกเยอะ ๆ หลายต่อหลายครั้งเราเสียประตูกันแบบอิหยังวะเลย ค่อย ๆ พัฒนากันไปนะเด็
TRouBlEMakeR_NB
🏀 Rookie ที่น่าจับตามองของ Lakers
เกม pre-season วันนี้ Dalton Knecht ทำ 35 แต้ม พา Lakers ชนะ Suns ในช่วง ต่อเวลา Knecht ยิง 3 แต้ม ต่อหน้า Bol Bol ตีเสมอให้ Lakers ในช่วงเวลาปกติ และในช่วง OT ก็ฉายเดี่ยว ทำไป 13 ค
โสดยันเงา
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
การ์ตูนการเมือง
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียงเพลง 8/7/2561 - โชคชะตาของเจ้าภาพ
สวัสดีครับ สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันอาทิตย์ MC แอ๊ด (หวางเจ๋)) ประจำการอีก 1 วันครับ ^^
เมื่อคืนนี้ ศึกลูกหนังโลก รอบควอเตอร์ไฟนอล ผ่านพ้นไปแล้ว ได้ 4 ทีมสุดท้ายสำหรับรอบตัดเชือกแล้ว โดย "เลอ เบลอ" ทีมตราไก่ฝรั่งเศส จะพบกับ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" เบลเยี่ยม และ "สิงโตคำราม" อังกฤษ จะต้องดวลกับ "ทีมตาหมากรุก" โครเอเชีย ซึ่งผ่านเจ้าภาพรัสเซียมาอย่างทุกลักทุเลในเกมสุดมันส์และยืดเยื้อจนถึงขั้นดวลลูกโทษ...เป็นอีกครั้งที่เจ้าภาพฟุตบอลโลก ต้องตกรอบ ไปไม่ถึงฝั่งฝัน
ในอดีตที่ผ่านมา เจ้าภาพฟุตบอลโลก ก็มักจะไม่ค่อยได้เป็นแชมป์กันอยู่แล้ว มีน้อยรายมากๆ เราจะย้อนหลังไปดูประวัติศาสตร์ของเจ้าภาพฟุตบอลโลกกันในวันนี้ครับ
1) ยุคแรก ถ้วย "จูลส์ ริเมต์"
1930 อุรุกวัย เป็นเจ้าภาพ และได้เป็นแชมป์ โดยนัดชิงชนะเลิศ ชนะ อาร์เจนติน่า 4-2
ทีมชาติอุรุกวัย จึงเป็นทีมแรกที่เป็นเจ้าภาพและได้เป็นแชมป์
1934 อิตาลี เป็นเจ้าภาพ และเป็นแชมป์
"อัซซูรี่" ประกาศศักดาบ้างโโดยไม่ยอมน้อยหน้าแชมป์เก่าซึ่งเป็นเจ้าภาพครั้งแรก พวกเขาเข้าถึงรอบชิง และชนะเช็คโกสโลวาเกียไป 2-1 ซึ่งเป็นช่วงต่อเวลาพิเศษ ในเวลา 90 นาที เสมอกัน 1-1 แล้ว แองเจโล เชียวิโอ้ ยิงประตูชัยได้ในนาทีที่ 95 อิตาลี จึงได้เป็นเจ้าภาพรายที่สองที่ได้เป็นแชมป์ในที่สุด
1938 ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ
แต่อิตาลีป้องกันแชมป์ได้เป็นชาติแรก พวกเขาเขี่ยเจ้าภาพตกรอบควอเตอร์ไฟนอลด้วยสกอร์ 1-3 ทำให้ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพชาติแรกที่ไม่ได้เข้าชิง และหลังจากนั้นชาติต่างๆที่เป็นเจ้าภาพก็ยากอย่างยิ่งที่จะเป็นแชมป์ในบ้านของตัวเอง
หลังจากนี้คือ ปี 1942 ถึง 1946 ฟุตบอลโลกจำเป็นต้องหยุดชั่วคราว เพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2
หลังสงครามจบ ปี 1950 บราซิล เป็นเจ้าภาพ แต่อุรุกวัยเป็นแชมป์,การแข่งขันจัดเป็นระบบ "ลีก" 4 ทีมคือ เจ้าภาพบราซิล อุรุกวัย สวีเดน และสเปน แข่งพบกันหมด ครบทีมละ 3 นัด อุรุกวัยเป็นที่ 1 จึงคว้าแชมป์ไป
1954 สวิตเซอร์แลนด์เป็นเจ้าภาพ
แต่เยอรมันตะวันตกเป็นแชมป์ โดยเจ้าภาพแพ้ออสเตรียในรอบควอเตอร์ไฟนอลไปอย่างดุเดือด ยิงประตูกันสุดมันส์รวมกันเกินสิบประตู และออสเตรียยิงได้มากกว่า ชนะไป 7-5
1958 สวีเดนเป็นเจ้าภาพ
แต่บราซิลเป็นแชมป์ โดยเอาชนะเจ้าภาพได้ในนัดชิงคาบ้าน 5-2
1962 ชิลีเป็นเจ้าภาพ และบราซิลป้องกันแชมป์ได้
โดยก่อนเข้าชิง ทีมแซมบ้าเตะเจ้าภาพตกรอบตัดเชือกด้วยสกอร์ 4-2
1966 อังกฤษ เป็นเจ้าภาพ และคว้าแชมป์ได้ เป็นชาติที่ 3 ต่อจาก อุรุกวัย และอิตาลี
เฮลมุท ฮัลเลอร์ ของทีมอินทรีเหล็ก ยิงนำก่อนในนาทีที่ 12 แต่ เจฟฟ์ เฮิร์ส ยิงตีเสมอได้ในนาทีที่ 18 และ มาร์ติน สแตนฟอร์ด ปีเตอร์ ยิงอีก 1 ลูกให้อังกฤษแซงนำ 2-1 ในนาทีที่ 78 เยอรมันตะะวันตกไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นาทีที่ 89 โวลฟกัง เวเบอร์ ยิงตีเสมอเป็น 2-2 จบ 90 นาทีต้องต่อเวลาพิเศษไปอีก 30 นาที และเป็น เจฟฟ์ เฮิร์ส คนแรกที่ยิงสองลูกซ้อนๆให้เจ้าภาพแซงนำและชนะไป 4-2 โดย 1 ใน 2 ลูกนั้นเป็นประตูปริศนาที่ลูกเด้งชนคานบนแล้วตกลงบนเส้นประตูคาบเกี่ยวพื้นที่ข้างในแบบก้ำกึ่งว่าเข้าหรือไม่เข้า แต่ ก็อตฟรีต ดีนส์ กรรมการผู้ตัดสินตัดสินใจเป่าให้เป็นประตูหลังจากปรึกษากับผู้ช่วยผู้ตัดสินแล้ว
1970 เม็กซิโกเป็นเจ้าภาพ บราซิลเป็นแชมป์ "เปเล่" คือดาวจรัสแสง
เจ้าภาพจังโก้ โดนทีม "อัซซูรี่" สอยร่วงในรอบสอง (ตอนนั้นเป็นควอเตอร์ไฟนอล) อย่างขาดลอย 4-1
2. ยุค ถ้วย FIFA WORLDCUP
1974 เยอรมันตะวันตกเป็นเจ้าภาพ และเป็นแชมป์ เป็นรายที่ 4 ต่อจากอังกฤษที่เคยทำได้ในปี 1966
ฟร้านซ์ เบ็คเค่นเบาร์ เป็นกัปตันทีม พาอินทรีเหล็กปะทะ "อัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ โดยทีแรกโดนฮอลแลนด์ยิงนำไปก่อนเสียด้วยซ้ำจากลูกจุดโทษในนาทีที่ 2 เท่านั้นเอง โดยโยฮัน ยาคอปสัน นีสเค่นยิงเข้าไป แต่ในนาทีที่ 25 พอล ไบร์ทเนอร์ ก็ได้ลูกที่จุดโทษเหมือนกัน ยิงตีเสมอเป็น 1-1 และหลังจากนั้นไม่นาน นาทีที่ 43 ก่อนหมดเวลาครึ่งแรกแค่ 2 นาที "ไอ้ลูกระเบิด" แกรด มุลเลอร์ ก็ซัดตุงตาข่ายให้เยอรมันตะวันตกแซงเป็น 2-1 และชนะไปด้วยสกอร์นี้นี่เอง "ไกเซอร์" ฟร้านซ์ พาทีมขึ้นรับถ้วยใหม่ "ฟีฟ่าเวิร์ลคัพ" เป็นชาติแรกของโลก อย่างยิ่งใหญ่
1978 อาร์เจนติน่าเป็นเจ้าภาพ และคว้าแชมป์ได้ เป็นชาติที่ 5 ต่อจากเยอรมันตะวันตก
ขุนพลฟ้าขาว เมื่อได้เป็นเจ้าภาพ ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเจ้าภาพครั้งก่อน กรุยทางสู่รอบชิงสำเร็จ เจอกับฮอลแลนด์ มาริโอ เคมเปส ยิงให้เจ้าภาพนำก่อนในนาทีที่ 38 แต่ เดิร์ก ยาโคบุส นานนิงก้า ยิงตีเสมอให้ทีมกังหันสีส้มได้ในนาทีที่ 82 หมดเวลา 90 นาที ต้องต่อเวลาพิเศษ และเป็น มาริโอ เคมเปสคนเดิมยิงให้ทีมฟ้าขาวแซงนำเป็น 2-1 ในนาทีที่ 105 แล้ว ริคาร์โด้ แดเนียล แบร์โตนี่ ยิงฝังฮอลแลนด์เป็น 3-1 ในนาทีที่ 115
1982 สเปนเป็นเจ้าภาพ อิตาลีเป็นแชมป์
ทีมกระทิงดุ ผ่านรอบแรก แล้วไปตกรอบสองซึ่งใช้ระบบแบ่งกลุ่มๆละ 3 ทีม แข่งพบกันหมดทีมละ 2 นัด เอาทีมที่คะแนนสูงสุด ผลลัพธ์ดีที่สุดเข้ารอบตัดเชือก เจอของแข็งร่วมกลุ่มกับอังกฤษและเยอรมันตะวันตก แพ้อินทรีเหล็ก 2-1 เสมอกับทีมสิงโตคำราม 0-0 และสิงโตก็คำรามไม่ออก เสมอกับทีมอินทรีเหล็กแบบไร้สกอร์อีก ทำให้เยอรมันตะวันตกเข้ารอบตัดเชือก สเปนเจ้าภาพกอดคอกับอังกฤษตกรอบไป
1986 เม็กซิโกเป็นเจ้าภาพ "มาราโดน่า" ผงาด พาฟ้าขาวอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์
เจ้าภาพจังโก้ ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย เจอกระดูกชิ้นเบ้อเริ่มคือ "อินทรีเหล็ก" แต่ก็สู้ได้ตลอด 120 นาทีโดยยิงกันไม่ได้ จำเป็นต้องยิงลูกที่จุดโทษตัดสิน ฝั่งเยอรมันยิงเข้าหมด 4 คนรวด แต่ฝั่งเจ้าภาพยิงเข้าเพียงคนแรกและคนเดียว อีกสองคนถัดมายิงไม่เข้า ก็เลยตกรอบไป
และเหตุการณ์สำคัญที่เป็นไฮไลท์อันโด่งดังตลอดกาลของฟุตบอลโลกคราวนี้ก็คือ การทำ "หัตถ์พระเจ้า" ของเสือเตี้ย ดิเอโก้ มาราโดน่า นั่นเอง
1990 อิตาลีเป็นเจ้าภาพแต่ตกรอบรองแพ้อาร์เจนติน่า และอาร์เจนติน่าเข้าชิงกับเยอรมัน สุดท้ายเยอรมันเป็นแชมป์
เจ้าภาพอัซซูรี่ หมายมั่นปั้นมือว่าจะคว้าแชมป์ในบ้านตัวเองให้ได้ พวกเขาเข้าถึงรอบตัดเชือกเจอกับทีม "ฟ้าขาว" ที่มี "เสือเตี้ย" ดิเอโก้ มาราโดน่าอยู่ด้วย แต่เกมเสมอกันในเวลา ทั้งๆที่ ซัลวาตอเร่ สกิลลาชี่ ยิงให้เจ้าภาพออกนำไปก่อนแท้ๆในนาทีที่ 17 แต่เคลาดิโอ คานิกเกีย ยิงตีเสมอให้ทีมฟ้าขาวเป็น 1-1 ในนาทีที่ 67 จบ 90 นาที ต่อเวลาพิเศษเป็น 120 นาที อิตาลีก็ยิงแซงนำไม่ได้ หมดเวลา 120 นาที (และเกินเวลาไปมากๆด้วย) ต้องดวลลูกโทษกัน ผลคือเจ้าภาพร่วงตกรอบตัดเชือก ทำชาวอิตาเลียนซึมเศร้าทั้งประเทศเพราะคนที่ 4 และ 5 ของอิตาลียิงไม่เข้า แต่ฝั่งอาร์เจนติน่า ยิงเข้าหมด 4 คนรวด
1994 อเมริกาเป็นเจ้าภาพ บราซิลเป็นแชมป์
เจ้าภาพอเมริกา เข้ารอบสองได้ แต่เจอของแข็งอย่างบราซิล พวกเขาพยายามต้านสุดฤทธิ์ด้วยเกมรับ แต่ทีมแซมบ้าที่มี "โรนัลโด้" แพรวพราวด้วยลีลามากมายยากเกินกว่าจะต้านทานไหว แต่ก็เสียประตูเดียวในนาทีที่ 72 ด้วยลูกยิงของเบเบโต้ และตามมาด้วยท่าดีใจที่ทั้งโลกยกให้ว่าสุดน่ารักอมตะตลอดกาลนั่นคือ "ท่ากล่อมลูกน้อย" ซึ่งเบเบโต้ทำท่านี้เพราะเพิ่งเป็นคุณพ่อคนใหม่นั่นเอง และทีมลุงแซมก็ตกรอบไป
1998 ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ และคว้าแชมป์เป็นครั้งแรก
ทีมตราไก่เจ้าภาพ ลุยเส้นทางจนเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ดวลกับแชมป์เก่าบราซิล และพลิกล็อกชนะแบบขาดลอยเหลือเชื่อถึง 3-0 นำโดย "จอมทัพ" ซีเนอดีน ซีดาน ยิงนำก่อนนาทีที่ 27 และนาทีที่ 46 หลังทดเวลาเจ็บในครึ่งแรกแค่นาทีเดียว "ซีซู" ก็ยิงให้เจ้าภาพหนีไปเป็น 2-0 มาถึงครึ่งหลัง บราซิลยังฟอร์มบู่ไม่ฟื้นยิงเอาคืนไม่ได้เลย แถมโดนตอกฝาโลงอย่างเจ็บแสบในนาทีที่ 3 ของการทดเวลาหลังหมด 90 นาทีโดย เอ็มมานูเอล เปอร์ตีต์
2002 เกาหลีใต้และญี่ปุ่นร่วมกันเป็นเจ้าภาพ บราซิลเป็นแชมป์
นี่คือ THE MOST SCANDAL OF FIFA ว่ากันอย่างนั้นเลยทีเดียว จากการ "โกง" อย่างจะแจ้งโจ๋งครึ่มของเจ้าภาพฝั่งเกาหลีใต้ ในขณะที่ฝั่งญี่ปุ่นเล่นขาวสะอาดกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้ นำความเสื่อมเสียมาให้แก่ทั้งชาติเอเชีย และองค์กรใหญ่คือฟีฟ่าเอง!
เจ้าภาพทั้งสองชาติผ่านเข้ารอบสองกันทั้งคู่ โดยฝั่งญี่ปุ่นนั้นเจอกับตุรกี และโสมขาวพบอิตาลี ทีม "ซามูไรบลูส์" โดนยิงตั้งแต่นาทีที่ 12 และพยายามตีเสมอไม่สำเร็จ ตกรอบสองนี้เอง แต่ก็แพ้อย่างสมศักดิ์ศรี...ต่างกับเกาหลีใต้ที่กรุยทางไปจนถึงรอบตัดเชือกเลยทีเดียว โกงอิตาลีในรอบสอง ต็อตติโดนใบแดงโดยไม่สมควรจะได้และผู้เล่นอิตาลีเจ็บกันระนาวบางคนถึงกับเลือดอาบ เสมอกัน 1-1 ใน 90 นาทีและ อาห์น จุง วาน ยิงแซงในนาทีที่ 117 สามนาทีก่อนหมดเวลาแล้วจะไปยิงลูกโทษตัดสิน เขี่ยอัซซูรี่ตกรอบสอง โดยกรรมการ ไบรอน โมเรโน่ ชาวเอกวาดอร์ ตัดสินลำเอียงเอื้อเฟื้อทีมเจ้าภาพโสมขาวอย่างสุดๆ ท่ามกลางเสียงก่นด่าของผู้ชมทั่วโลก...
ยังไม่พอแค่นั้น รอบ 8 ทีมสุดท้าย ยัดเยียดความปราชัยแก่สเปนอีกหนึ่งทีมโดยในเวลาตลอด 120 นาทียิงกันไม่ได้ ซึ่งก็มีลูกตุกติกกันตลอด เกมเลยไปถึงกสนดวลลูกโทษ ปรากฏว่านักเตะโสมขาาวยิงเข้าหมดทั้ง 5 คน แต่ฝั่งสเปนคนที่ 4 ยิงไม่เข้า จึงตกรอบนี้ไป
(มีต่อครับ)