ปืฬาร์.........แมวบ้านนอก 1

กระทู้สนทนา
เรื่องแมว ๆ..เขียนโดยคนรักแมว... สำหรับคนรักแมว.. และสำหรับบรรดาแมวทั้งหลาย

             ปิฬาร์ เป็นแมวรุ่นสีขาวเพศเมีย (แต่ปิฬาร์มักจะบอกกับใครๆว่าตัวเองเป็นแมวเพศหญิง เพราะคิดว่าฟังแล้วดูเท่กว่า) น่ารัก ขนนุ่มฟู ตัวอุ่น ๆ น่ารักน่ากอด  อาศัยอยู่กับคุณนายใจดี ผู้มีใจรักแมวอยู่แถวชานเมืองอันสงบสุข ชีวิตของปิฬาร์หลากหลายประสบการณ์ไม่ต่างจากชีวิตผู้คนทั่วไป ซึ่งมีทั้งสุข ทุกข์ สดใส ดำมืด รอยยิ้ม (แบบแมว)และหยดน้ำตา

เหตุการณ์ต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของแมวปิฬาร์ หนีออกจากบ้าน เพราะคุณนายใจดี เอาน้องหมามาเลี้ยงในบ้าน  ปิฬาร์ทนไม่ได้ จึงต้องหนีออกจากบ้าน ทั้งน้ำตาแมว


1.......ผีแตงโม



             หลังจากแอบหนีออกจากบ้าน แมวปิฬาร์ได้ไปเผลอนอนหลับ อยู่บนกองแตงโมท้ายรถกระบะคันหนึ่ง เพราะเป็นแมวนิสัยชอบแตงโมเป็นพิเศษ เลยนอนกอดแตงโมเผลอนอนหลับไปไม่รู้ตัว และคงไม่มีคนขับรถหน้าไหน จะขยันนับจำนวนลูกแตงโมทุกครั้งเมื่อจอดรถหรือขับรถ  เลยทำให้ปิฬาร์ติดรถไปอย่างช่วยไม่ได้ ใช่...ต้องหนีไปให้สุดหล้าฟ้าเขียว  ถึงจะเป็นแมวก็มีหัวใจ ทำไมคุณนายใจดีต้องเอาเจ้าหมา มาเลี้ยงในบ้านด้วย รู้ไหมว่าหัวใจแมวแหลกสลายลงแล้ว  อย่ามาตามง้อให้ยากเลย จะไปตามเอาดาบหน้า

             คนขับรถเป็นชายวัยฉกรรจ์ อาชีพรับส่งแตงโมเป็นหลัก ด้วยเหตุว่าเมียเป็นเจ้าของไร่แตงโม พ่อตาแม่ยายช่วยกันขายผลิตภัณฑ์แตงโม ลูกหลานชอบกินแตงโมก่อนอาหารและหลังอาหาร เลยทำให้หลังจากแต่งงาน หนุ่มขับรถตู้ผู้โชคดีคนนี้ผันตัวเองจากการรับส่งผู้โดยสาร มาเป็นรับส่งแตงโม ซึ่งก็มีความทุกข์สมควรแก่อัตภาพ

             ด้วยความใกล้ชิดกับแตงโมนานาพันธุ์เป็นพิเศษ เลยทำให้ครอบครัวนี้ให้เกียรติยกย่องบูชาแตงโมเหนือครอบครัวอื่น ขนาดว่าตั้งศาลแตงโมไว้หน้าบ้าน ผนังห้องต่าง ๆ  ในบ้าน ล้วนตกแต่งด้วยรูปแตงโมทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ เตียงนอนหมอนมุ้งมีรูปแตงโมเต็มไปหมด จนทุกคนในบ้านแทบจะกลายพันธุ์เป็นมนุษย์แตงโมอยู่แล้ว ลูกสาวคนแรกก็ให้ชื่อว่า ‘เด็กหญิงแตงโม’ ลูกสาวคนที่สองชื่อว่า ‘เม็ดแตง’ ลูกชายคนสุดท้องมีชื่อว่า ‘บักโม’ เขาเองก็มีชื่อว่า นายแตงโม

              นายแตงโมขับรถไปเรื่อย ๆ เพราะไม่จำเป็นต้องรีบไปดูแตงโมลูกไหน ขับไปพลางมองกระจกหลังไปพลาง ถนนช่วงนี้ได้ยินข่าวบ่อยๆ ว่ามีคนร้ายโรคจิตขับรถจักรยานยนต์มา แอบขโมยแตงโมไปจากท้ายรถบรรทุกอย่างหน้าไม่อาย ไร้สามัญสำนึกและจริยธรรมอันดีงาม

             กรรมวิธีในการโจรกรรมแตงโมก็ไม่ยากเย็นเข็ญใจอะไร แค่ขับรถจักรยานยนต์ตามหลังรถบรรทุกแตงโมมาเรื่อย ๆ ในบริเวณมุมมองซึ่งกระจกมองหลังมองเห็นไม่ถนัด พอได้โอกาสก็โฉบมาเลือกหยิบแตงโมตามใจชอบ หรือบางทีอาจขึ้นไปนั่งท้ายรถ แทะกินแตงโมอย่างมีความสุข ก่อนกระโดดลงซ้อนท้ายจักรยานยนต์ของเพื่อน ซึ่งน้ำลายยืดไหลนองหน้า ด้วยความอยากกินขับรถตามคุมเชิงอยู่  พลัดเปลี่ยนเวียนวนกันปีนขึ้นไปกินแตงโมที่น่าสงสาร  จนกว่าจะสาแก่ใจ เป็นข่าวลืออันน่าประหวั่นพรั่นพรึงกับคนรักแตงโมเป็นอย่างมาก

             ทันใดนั้น หนุ่มขนแตงโมก็เห็นรถจักรยานยนต์คันหนึ่งจากกระจกมองหลังตามมาติด ๆ แทนที่จะแซงก็ไม่ยอมแซง แต่วิ่งจี้ตามหลังมาอย่างมีพิรุธ  ขับโฉบซ้ายป่ายขวาไปมาอย่างน่ากลัว หายลับไปจากสายตานอกรัศมีมุมมอง รู้สึกว่าจะมีคนนั่งซ้อนท้ายมาด้วย ทั้งสองคนโบกไม้โบกมือเป็นทำนองข่มขู่ให้จอดรถ

              โจรแตงโม..!

             แบบนี้โจรแตงโมชัด ๆ ไม่มีคนหรือเทวดาองค์ใด ขับรถส่ายไปมาด้วยความเร็ว และน่าหวาดเสียวขนาดนั้น พวกมันต้องมาดักปล้นแตงโมอย่างไม่ต้องสงสัย

              หนอย...! ป่านนี้ไอ้คนซ้อนท้ายคงกำลังพยายามหยิบลูกแตงโมอันน่าสงสาร กัดกินด้วยปากและฟันอันน่าสยองแสยงของพวกมันอย่างตะกละตะกราม แล้วทิ้งเปลือกลงกับพื้นถนนอย่างไม่ไยดี.....มันจะเกินไปแล้ว.... ไอ้โจรพวกนี้ฉลาดเป็นกรด มันจะเลือกขับตามหลังในตำแหน่งไม่สามารถมองเห็นได้ถนัด แถมมีกองแตงโมมหึมา บังมุมมองอีกต่างหาก กว่าจะรู้ตัวแตงโมคงจะหมดคันรถแน่ ๆ  เหลือแต่เศษเปลือกแตงโมไว้ดูต่างหน้า แตงโมที่น่าสงสาร

             ไอ้พวกมารแตงโม..

             พวกมันต้องเจอแบบนี้..แบบเดียวกับที่เห็นในหนังขายยาบ่อย ๆ ....ขับรถมาด้วยความเร็วสูง แล้วเบรกกะทันหัน รถที่วิ่งตามหลังมา จะพุ่งเข้าอัดท้ายรถ จนกระดอนกระเด็นไม่เป็นท่า

            หึหึ...แบบนี้ข้าดูมาสามร้อยรอบแล้วเฟ้ย!

             ความคิดพอพุ่งวาบ เท้าก็เหยียบเบรกทันที เสียงล้อบดขยี้พื้นถนนดังเสียดประสาท แตงโมจำนวนมากที่วางอยู่ท้ายรถกระบะกลิ้งระเนระนาดตามแรงเฉื่อย หลายลูกกระเด้งกระดอนชน กระจกด้านหลังดังโครมคราม รถชะลอความเร็วลงแล้วส่ายวูบวาบไปมาเหมือนรถเมาเหล้าแทบชนราวกั้นถนน

             แต่ไม่มีเสียงรถจักรยานยนต์พุ่งมาชนท้ายรถตามความต้องการ พอมองดูกระจกหลังก็เห็นใบหน้าแมวสยองเต็มจอ ทำเอาหนุ่มแตงโมตาเหลือกตาค้าง

              ปิฬาร์กำลังนอนอย่างมีความสุข อยู่ดี ๆ ฟ้าก็ถล่มทลายครืน โลกหมุนคว้างเป็นกังหัน ก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังพุ่งเข้าอัดกระจกหลังของรถกระบะตามแรงเฉื่อยไร้สภาพ ด้วยความตกใจทำให้แหกปากร้องสุดเสียง มือกางเท้ากางขนฟูฟองไปทั้งตัวราวกับเปลี่ยนร่างเป็นแมวปีศาจ

             นั่นคือภาพที่คนขับมองเห็นจากกระจกมองหลัง

             “อ๊าก!”    หนุ่มแตงโมเคราะห์ร้ายร้องไม่เป็นภาษา เมื่อมองเห็นภาพอันไม่คาดคิด เรื่องเล่าและตำนานเก่า ๆ  เกี่ยวกับผีแตงโมทะลักทลายถาโถมเข้ามาในหัวสมองราวทำนบแตกจนล้นสติ....นิทานเกี่ยวกับแตงโมอาถรรพ์ซึ่งมีวิญญาณร้ายสิงสู่...เรื่องเล่าของแมวผีแฝงกายมาในร่างร้ายของแตงโมสยอง....ข่าวลือเกี่ยวกับแมวถูกฆ่าและฝังในไร่แตงโม จนทำให้คนซื้อบางคนได้ยินเสียงแมวร้องดังออกมาจากลูกแตงโม หรือเรื่องของเด็ก ๆ บอกพ่อแม่ว่าเห็นแมววิ่งเล่นในบ้าน แต่พอพ่อแม่ไปดูกลับพบว่าเป็นเพียงลูกแตงโมกลิ้งไปมาบนพื้นเท่านั้น

             แค่นั้นก็สยองขวัญเกินพอแล้ว...

             แต่ยังมีข่าวลือหนักไปกว่านั้น ว่าบางคนกำลังจะผ่าแตงโมกิน ก็พบว่ามีหัวแมวตะกายออกมาจากลูกแตงโม หวีดสยองพองขนกระตุกประสาทกันไปทั้งบ้าน

             รถกำลังจะหยุดเพราะแรงเบรก พลันกระโจนพรวดไปข้างหน้าด้วยอาการกระทืบคันเร่งของคนหนีตาย เสียงเครื่องยนต์คำรนคำรามกึกก้องเหมือนเครื่องยนต์จะระเบิด เมื่อความเร็วกับเกียร์ไม่สัมพันธ์กัน ล้อบดถนนเสียงเสียดประสาท ควันสีเทาและกลิ่นเหม็นไหม้ตะลบอบอวลทั่วบริเวณนั้น ก่อนรถจะวิ่งหน้าตั้งลนลานออกไปเหมือนคนขับสติแตกหรือคนรีบไปดูใจน้องเมีย

             ส่วนสองหนุ่มวัยรุ่นที่กำลังจอดจักรยานยนต์อยู่ริมถนน พากันมองตามดูอาการวิปริตของรถดังกล่าวด้วยความแปลกใจสงสัย เมื่อครู่ขณะกำลังจะขับแซงรถบรรทุกแตงโม ล้อรถพวกเขาก็ระเบิดกะทันหัน เคราะห์ดีว่าเป็นล้อหลัง จึงยังพอจะประคองรถเข้าจอดข้างทางได้แม้จะฉวัดเฉวียนไปมาจนแทบตกถนน พวกเขาพยายามโบกมือขอความช่วยเหลือจากรถกระบะข้างหน้า แต่ดูเหมือนจะไร้ผล

             “มันเป็นอะไรของมันฟะ......จู่ๆ ก็เบรก จู่ ๆ ก็เร่งเครื่องไปเฉย ๆ...บ้าหรือเปล่าฟะ”

              ไอ้หนุ่มผมยาววัยรักนักศึกษาซึ่งรับหน้าที่คนขับหันไปถามเพื่อนรุ่นร้อง ผู้กำลังตรวจดูสภาพยับเยินของยางหลังอยู่อย่างสิ้นหวังในชีวิต

             “มันคงตกใจที่เห็นรถเราปัดเป๋ไปอย่างนั้นมั้งพี่ป้อม”

             “ไม่น่าเป็นไปได้ หรือว่ามันเมายา”

             “ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเราขับตามมันมาตั้งนาน ยังดีๆ อยู่เลย...อ๊ะ...หรือว่า........”    หนุ่มรุ่นน้องหยุดตั้งข้อสังเกต หันไปมองรอบ ๆ บริเวณครู่หนึ่ง ก่อนลดเสียงพูดเบา ๆ แทบเป็นกระซิบกระซาบว่า  “หรือว่ามันเห็นอะไรบางอย่าง”

             “อะไรบางอย่างของแกอะไรวะไอ้น้อย”  

              เสียงรุ่นพี่บอกแววไม่สบอารมณ์ โมโหก็โมโห ว่ายางรถมาระเบิดกลางทาง แต่ไม่รู้จะโทษใครดี จะโทษตัวเองก็ไม่ได้ เพราะมันผิดหลักสากล
“พี่ป้อมไม่รู้สึกหรือว่าถนนแถวนี้มันวังเวงชอบกล อากาศก็เย็นยะเยือกยังไงไม่รู้ รถราก็ไม่ค่อยผ่านมาเลย ผมว่ามันยังไงอยู่นา”

              ก็จริงอย่างเจ้าน้อยว่า ถนนสายนี้ตัดเข้าแนวเขา ซึ่งเห็นชะโงกเงื้อมในม่านหมอกด้านหน้า ราวมุ่งหน้าไปสู่แดนสนธยา บรรยากาศตอนสายของวันนี้ดูเลือนรางวังเวงชอบกล ทั้งที่เมื่อวานอากาศยังร้อนตับแตก คงเป็นเพราะอยู่ใกล้เทือกเขานั่นเอง พวกเขาเป็นนักศึกษา กำลังสำรวจตรวจหาพื้นที่จัดกิจกรรมอะไรบางอย่าง ในการพัฒนาชนบท หาใช่โจรแตงโมแต่ประการใดไม่

              “ไม่แปลกหรอกไอ้น้อย”

              ลูกพี่บอกด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจขณะมองไปรอบ ๆ  แต่ในใจก็ชักรู้สึกพิกลเหมือนกัน เพราะสองข้างทางตอนนี้มีต้นไม้ใหญ่น้อยเรียงรายเต็มไปหมด  เสียงลมพัดผ่านเงาไม้ดังหวีดหวิววังเวง รวมทั้งเสียงร้องของสัตว์แปลก ๆ ฟังแล้วไม่ชินหู เด็กในเมืองอย่างพวกเขาไม่ชินกับความวังเวงของป่าเขาลำเนาไพร  และตอนนี้ดูเหมือนจะได้ยินเสียงนกบางชนิดร้องเสียงทอดยาวมาแต่ไกล ฟังดูเหมือนคนกำลังหวีดร้องโหยหวน

             “ก็ถนนเส้นนี้เป็นถนนไปบ้านนอกคอกนา มันก็เงียบอย่างนี้แหละ...คิดมากไปได้… อย่าลืมสิว่าเรากำลังเดินทางอยู่บนถนนสายวัยรุ่น ซึ่งทอดยาวอยู่ชนบท เพื่อนำพลังแห่งการสร้างสรรค์ของพวกเราไปนำทางแก่ชาวบ้าน ให้รอดพ้นจากนายทุนมาเฟียขุนศึกการแบ่งชนชั้นศักดินา...พวกนักการเมืองฉ้อฉล พวกที่ชอบงุบงิบขึ้นเงินเดือนให้กับตัวเอง ย้อนหลังเป็นปีอีกต่างหาก .......”

             “พอแล้วพี่ป้อม อย่าพูดมาก ผมไม่อยากถูกอุ้ม”

             ทันใดนั้นเอง วัตถุบางอย่างก็กลิ้งลงมาตามถนนอย่างช้า ๆ เหมือนภาพสโลว์โมชั่น หนุ่มรุ่นน้องมองเห็นก่อน ด้วยความเป็นคนขี้กลัวอยู่แล้วทำให้ร้องเสียงหลง กระโดดโหยง แทบกระโดดขี่คออีกฝ่ายหนึ่งพลางร้องละล่ำละลัก

             “พี่ป้อม อะไรมันกลิ้งลงมานั่น”

             ตอนแรกหนุ่มผมยาวก็ค่อนข้างตกใจเหมือนกัน เพราะเหตุการณ์แบบนี้มันผิดธรรมชาติอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อตั้งสติมองให้ดีก็เห็นว่าเป็นเพียงแตงโมลูกหนึ่งเท่านั้น กลิ้งลงมาตามความลาดชันเล็กน้อยของถนนเบื้องหน้า ตามแรงโน้มถ่วงของโลก

             “ไอ้บ้า...”   ลูกพี่เหวี่ยงมะเหงกไร้เงาลงกระบาลหนุ่มรุ่นน้องโป๊กหนึ่งด้วยความหมั่นไส้   “นั่นมันแตงโมธรรมดา ทำเป็นกลัว เสียชื่อเสียสถาบันหมด”

             แตงโมผลโตขนาดเท่าศีรษะมนุษย์ กลิ้งมาหยุดข้าง ๆ สองหนุ่มพอดี ราวกับมีใครเอามือไร้สภาพมายันเอาไว้

             “ลูกพี่ มันหยุดแล้ว....”

             หนุ่มรุ่นน้องโวยวายขึ้นมาอีก ใบหน้าซีดเผือดเหมือนคนโดนผีหลอก ปากอ้าตาค้างมองดูแตงโมอย่างหวาดผวา เขาเองก็ได้ยินเรื่องเล่าถึงอาถรรพ์ และความลี้ลับของแตงโมอยู่เหมือนกัน

             “ไอ้บ้า....” ลูกพี่เหวี่ยงรางวัลอีกโป้กหนึ่ง “มันหยุดเพราะถนนช่วงนี้มันเป็นแนวราบขนานกับเส้นระดับน้ำทะเลแล้วโว๊ย...ทำเป็นตกอกตกใจเสียชื่อสถาบันหมด ไปกันดีกว่า แกไปเข็นท้ายรถ ขืนเสียเวลามายืนรอรถโดยสารคงรออีกนาน แถวนี้ไม่ค่อยมีรถผ่านมาเสียด้วย”

             “แล้วลูกอื่นๆ ทำไมไม่กลิ้งลงมาล่ะพี่ป้อม” รุ่นน้องตั้งข้อสงสัยไม่รู้จบ พลางชี้มือให้ดูบรรดาแตงโม ซึ่งหล่นลงมาจากหลังรถกระบะคันนั้นกระจัดกระจายเกลื่อนถนนห่างออกไปทางถนนเบื้องหน้าไม่มากนัก

             “ไอ้บ้า...”  คราวนี้เป็นบาทาไร้เงาเหวี่ยงเข้าเต็มก้น   “มันไม่กลิ้งเพราะว่าถนนช่วงนั้นมันไม่ลาดไม่เอียง และสำคัญคือมันไม่อยากกลิ้งมีอะไรไหมไอ้น้อย มันไม่อยากกลิ้ง...สงสัยอะไรไม่เข้าเรื่องแบบนี้เสียชื่อสถาบันหมด เร็ว..รีบไปกันดีกว่า อย่ามัวสงสัยนั่นสงสัยนี่”





.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่