ตะลุยรัฐฉานภาคใต้และภาคกลาง 14 วัน


                   สวัสดีครับทุกท่าน  ผมเป็นสมาชิกใหม่ของพันทิพครับ  อยากแบ่งปันบันทึกการเดินทางของผมระหว่างการเดินทางเข้าไปในรัฐฉานตอนใต้และตอนกลางตลอดระยะเวลา 14 วันครับ  ขอออกตัวก่อนว่า ผมบันทึกตามความรู้สึกของผม   ผมเป็นคนเขียนบรรยายไม่เก่ง  นี่เป็นการโพสต์ครั้งแรกครับ ผมจะใช้เวลาว่างจากการทำงานทะยอยเล่าเรื่องและลงภาพให้ชมนะครับ  ภาพทั้งหมดถ่ายด้วยกล้องจากมือถือค่ายเกาหลีเองครับ  เนื่องจากผมว่าเขียนบรรยายาวๆไม่ค่อยเก่ง   เอาเป็นว่าเน้นชมภาพกับคำอธิบายใต้ภาพก็แล้วกันนะครับ   หากท่านใดมีคำแนะนำเกี่ยวกับการโพสต์  แนะนำผมได้ครับ
                   รัฐฉาน ในภาษาอังกฤษ คือ SHAN STATE เป็นส่วนหนึ่งของประเทศพม่า มีขนาดพื้นที่พอๆกับภาคเหนือของประเทศไทย มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศไทย  ลาว  จีน  ด้านประเทศไทยจะมีชายแดนติดต่อกับจังหวัด แม่ฮ่องสอน  เชียงใหม่ และเชียงราย  ยกตัวอย่างเมืองในรัฐฉานที่คนไทยรู้จักดีมากที่สุด คือ ท่าขี้เหล็ก  ตรงพรมแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย   อีกจุดหนึ่งที่คนไทยรู้จักดีคือ เมืองเชียงตุง และ พื้นที่ของทะเลสาบอินเล ที่มีชาวประมงพายเรือโดยใช้เท้า  แต่การเดินทางของผมนั้นลึกเข้าไปในเขตใจกลางและทางตอนใต้ของรัฐฉานอีกครับ   การเดินทางของผมถือว่า ไปโดยวิธีพิเศษ ซึ่งในบางพื้นที่ นักท่องเที่ยวยังไม่สามารถไปได้ครับ  ผมเริ่มต้นการเดินทางด้วยเที่ยวบินเช้าตรู่จากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังกรุงย่างกุ้งประเทศพม่า  หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการเข้าเมืองแล้ว  จึงอาศัยรถเวียนระหว่างอาคารผู้โดยสารไปยังอาคารภายในประเทศ ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 400 เมตร  รถเวียนนี้มีลักษณะเป็นรถตู้  ด้านหลังมีที่วางกระเป๋าและสัมภาระ  เป็นบริการฟรีครับ   จะมีรถเวียนเช่นนี้ทุก 15 นาที  
                  เมื่อถึงอาคารภายในประเทศแล้ว  จะมีการเอ็กซ์เรย์สัมภาระทุกชิ้นรวมทั้งกระเป๋าถือก่อนที่จะเข้าในตัวอาคาร    จุดหมายที่ผมจะบินต่อไปคือ  ท่าอากาศยานเฮโฮ  ตั้งอยู่ที่เมืองเฮโฮ  ห่างจากเมืองหลวงของรัฐฉานคือ เมืองตองจี หรือ ตองกี โดยใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ราว 1 ช.ม    ผมยังมีเวลาสำหรับต่อเครื่องบิน ราว 2 ช.ม จึงไม่ได้รีบร้อนมากนัก   เมื่อไปถึงหน้าเค้าเตอร์ตรวจบัตรโดยสาร  ยังไม่ค่อยมีผู้โดยสารมากนัก  ผมจึงตรงไปเช็คบัตรโดยสารพร้อมฝากสัมภาระ   หลังจากนั้นจึงไปแลกเงิน และหาซื้อซิมการ์ดสำหรับใช้งานอินเตอร์เน็ต
ภาพนี้เป็นจอแสดงอัตราแลกเงินสกุลต่างๆเป็นเงินจ๊าดพม่า ของบูธรับแลกเงินเจ้าหนึ่งในสนามบินครับ


แพคเกจของซิมอินเตอร์เน็ตในร้านหนึ่งในสนามบิน  ผมเลือกเจ้านี้ครับ  MPT เพราะมีเครือข่ายกว้าง  สามารถใช้งานได้ดีในพื้นที่ไกลจากเมือง  ตามป่าเขาส่วนมากใช้ได้ครับ  
                ยังพอมีเวลาหาอะไรรองท้องก่อนขึ้นเครื่องครับ  เท่าที่เดินดูภายในอาคารผู้โดยสารมีร้านอาหารราว 4 ที่ ทั้งหมดจะอยู่ชั้นเดียวกับส่วนของการเช็คบัตรโดยสารคือ ชั้น G ครับ   เนื่องจากอาคารไม่ได้ใหญ่โตมากนัก  ประกอบกับมีเพียง 2 ชั้น จึงเดินได้ทั่วภายในเวลาไม่นานนัก   ผมเลือกรองท้องด้วยอาหารไทย  จากร้านขายอาหารไทยที่ให้บริการคล้ายคลึงกับไก่ทอดยี่ห้อดัง หรือ แฮมเบอร์เกอร์ยี่ห้อ เอ็ม  นั่นคือเราต้องไปเลือกสั่งเมนูและจ่ายเงินที่หน้าเค้าเตอร์  แล้วไปนั่งรอตรงโต๊ะ  พนักงานจะนำไปเสิร์ฟเมื่ออาหารพร้อมครับ    
                   เมื่อท้องอิ่มแล้ว  ผมจึงขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้น 2 เพื่อผ่านช่องเอ็กซ์เรย์อีกรอบ  ก่อนที่จะไปนั่งรอขึ้นเครื่อง     การเดินทางด้วยเครื่องบินภายในประเทศพม่า  จะไม่มีการตรวจเอกสารโดยเข้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอีก  มีเพียงเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรโดยสารพร้อมเอกสารการเดินทางก่อนถึงจัดตรวจสัมภาระ     สายการบินที่ผมเลือกใช้บริการครับ  เครื่องที่ใช้บินเป็นเครื่องใบพัดครับ  
      


ท้องฟ้าเหนือแผ่นดินรัฐฉานครับ

ถึงแล้วครับ ท่าอากาศยานเฮโฮ
เครื่องบินใบพัดแบบ ATR 72 นำผมลงจดห่างจากตัวอาคารผู้โดยสารสนามบินเฮโฮเพียงไม่กี่เมตร  สามารถเดินลงจากเครื่องเข้าสู่ตัวเอาคารขาเข้าได้เลยครับ   สนามบินเฮโฮเป็นสนามบินขนาดเล็กมากครับ  ตัวอาคารขาเข้าและขาออกแยกกันคนละส่วน ซึ่งไม่น่าจะมีพื้นที่กว้างเกิน 30 ตารางเมตร  ตัวอาคารค่อนข้างเก่า
บริเวณรับกระเป๋าที่ฝากใต้ท้องเครื่องบินมา   เราต้องแสดงหางบัตรกระเป๋าให้เจ้าหน้าที่ก่อนครับ  มีสัมภาระกี่ชิ้นก็ต้องแสดงหางบัตรตามจำนวนนั้นครับ  บริเวณที่รับกระเป๋าไม่มีสายพานลำเลียง  ใช้วิธีนำรถเข็นด้วยแรงคนนี่แหละ  ขนจากเครื่องบินเข็นมายังจุดลงสัมภาระ  พอเราได้สัมภาระครบจำนวน  จะต้องเดินผ่านจุดที่มีเจ้าหน้าที่ขอดูหางตั๋วที่ผูกกับสัมภาระเรา
                           ผมรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกมานอกตัวอาคารผู้โดยสารขาเข้า  กดมือถือตามหารถที่จะมารับผม   ภายในเขตสนามบิน จะไม่สามารถจอดรถแช่ไว้นานๆได้  ผู้ที่มารอรับญาติต้องไปจดรถรอนอกเขตสนามบิน   
น้องตี๋และน้องหวานภรรยาคู่ใจ มารอรับผมที่สนามบินเฮโฮกับเจ้าเทา  พาหนะที่จะพาผมท่องเที่ยวในรัฐฉานตลอดระยะเวลา 14 วันข้างหน้าครับ
                     ผมรู้จักน้องทั้งสองตั้งแต่ทั้งคู่ทำงานที่ประเทศไทย  น้องตี๋ซึ่งหน้าจะไม่ค่อยตี๋ซักเท่าไหร่  เป็นคนไทใหญ่เกิดและเติบโตที่เมืองตองจี  ได้รับการศึกษาแบบพม่า  จึงพูดได้คล่องทั้งสองภาษา  ส่วนน้องหวานมีเชื้อสายลูกผสมระหว่างไทใหญ่และปะโอ  น้องหวานเป็นคนอำเภอโหโปง   อำเภอหนึ่งของเมืองตองจี  อยู่ห่างออกไปราว ครึ่งชั่วโมงเดินทางโดยรถยนต์   ทั้งคู่พบรักกันในโลกออนไลน์ขณะทำงานที่เมืองไทย   หลังจากตกลงปลงใจร่วมชีวิตกันจึงพากันกลับมาแต่งงาน   แต่ก็กลับไปทำงานที่เมืองไทยได้ไม่นานทั้งสองจึงพากันกลับมาอยู่บ้านเกิด
วิวระหว่างทาง ที่มองเห็นไกลๆคือ  ที่ราบบริเวณรอบๆทะเลสาบอินเลครับ
                               เราขับรถออกจากสนามบินเฮโฮมาได้ราว 30 นาทีก็ถึงเมืองฉ่วยหย่อง  จุดนี้มีสามแยก  ถ้ามุ่งตรงไปจะเป็นทางไปเมืองหลวงตองจี   แต่หากเลี้ยวซ้าย จะเป็นเส้นทางไปเมืองหย่องฉ่วยซึ่งมีพื้นที่ติดทะเลสาบอินเล  วันนี้เราขับมุ่งตรงเข้าเมืองตองจีครับ  น้องตี๋บอกว่าจะพาไปทานมื้อกลางวันก่อน  แล้วค่อยพาขึ้นไปชมวิวเมืองตองจีจากบนวัดซึ่งตั้งอยู่บนเขาใกล้ตัวเมือง   เส้นทางจากสนามบินจะผ่านด่านเก็บค่าทาง  คล้ายๆด่านโทลเวย์ของไทย  ตี๋บอกผมว่า  ด่านเก็บค่าผ่านทางในพม่ามีเยอะมาก  ทั้งด่านแบบเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ   ด่านบางประเภทเป็นการเก็บเพื่อบำรุงถนน   บางประเภทเก็บในขณะสร้างทาง   บางประเภทเป็นด่านค่าผ่านทางของกองกำลังต่างๆ ซึ่ง  ค่าผ่านทางเริ่มตั้งแต่ 200 จ๊าดขึ้นไป   สำหรับด่านที่เราเพิ่งผ่านมา  จ่ายไป 360 จ๊าดครับ  ( 8.64 บาท )  การที่จะเก็บเท่าไหร่นั้น  เจ้าหน้าที่ที่ด่านเขาจะมีสเปครถไว้   เขาดูจำนวนคนในรถด้วยครับ  เราใช้เวลาขับรถราวๆ  1 ช.ม  จากสนามบิน จึงมาถึงในตัวเมืองตองจี   ตี๋บอกว่า  ช่วงเช้าและเย็น  รถติดนิดหน่อย  อาจต้องใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นอีกราว 20 นาทีครับ    
บนโต๊ะตามร้านอาหารในพม่า  จะมีถ้วยเล็กๆ แช่น้ำในกะละมังเล็กๆ แบบนี้  สำหรับใส่น้ำชาดื่มครับ  ชาจะเป็นแบบชาชงจากชาแห้งเป็นใบๆ  ตามร้านอาหารหรือร้านน้ำชาจะมีกระติกน้ำชาวางไว้ให้เป็นบริการเสริมฟรีครับ    เมื่ออิ่มท้องกันแล้วเราจึงพากันขึ้นไปชมวิวเมืองบนวัดแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนเขาใกล้กับตัวเมืองตองจี
หน้าตามื้อกลางวันของเราครับ  ชามนี้เป็นเส้นคล้ายๆเส้นขนมจีนแต่มีขนาดใหญ่กว่า  ทานแบบแห้งมีเนื้อหมูทำเป็นแบบหมูแดง หั่นชิ้นเล็กๆ มีน้ำซุปมาให้ด้วยครับ

จานนี้ เป็นเกี๊ยวซ่าครับ ความหนาของแผ่นแป้งจะหนาหน่อย ข้างในเป็นใส้ไก่ครับ รสชาดดีทีเดียว

ซอสสีแดงๆที่เห็นเป็นซอสพริกพริก  ไม่ค่อยเผ็ดครับ
วิวตัวเมืองตองจี  เมื่อมองจากวัดบนยอดเขาครับ

ช่วงที่ผมไปเป็นเดือนกันยายนครับ  ท้องฟ้ามีเมฆมากแบบนี้ทุกวัน

เมืองตองจีตั้งอยู่บนที่ราบบนภูเขาอีกที  อากาศจึงเย็นสบายตลอดทั้งปีครับ



ที่ตั้งของวัดบนเขา ยังมีถ้ำเล็กๆ   เราพากันลงไปดูข้างในถ้ำครับ







หอผีนัตมีให้เห็นอยู่ทั่วไปตามวัดในเมืองที่มีอิทธิพลของความเชื่อแบบพม่าครับ



ประตูทางเข้าวัดบนเขาครับ

                               บ่ายแก่ๆ เราพากันลงจากเขา เพื่อเดินทางมุ่งต่อไปยังบ้านของหวานที่เมืองโหโปง ใช้เวลาขับรถราว 30 นาทีครับ  สำหรับโปรแกรมวันรุ่งขึ้น  เราจะพากันล่องเรือหางยาวไปชมกลุ่มเจดีย์โบราณกาดกู่  หรือ กั๊กกู่ในพม่าษาพม่า  
ทานมื้อเช้ากันก่อนออกเดินทางไปนั่งเรือหางยาวเที่ยวครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่