สวัสดีครับทุกท่าน ผมเป็นสมาชิกใหม่ของพันทิพครับ อยากแบ่งปันบันทึกการเดินทางของผมระหว่างการเดินทางเข้าไปในรัฐฉานตอนใต้และตอนกลางตลอดระยะเวลา 14 วันครับ ขอออกตัวก่อนว่า ผมบันทึกตามความรู้สึกของผม ผมเป็นคนเขียนบรรยายไม่เก่ง นี่เป็นการโพสต์ครั้งแรกครับ ผมจะใช้เวลาว่างจากการทำงานทะยอยเล่าเรื่องและลงภาพให้ชมนะครับ ภาพทั้งหมดถ่ายด้วยกล้องจากมือถือค่ายเกาหลีเองครับ เนื่องจากผมว่าเขียนบรรยายาวๆไม่ค่อยเก่ง เอาเป็นว่าเน้นชมภาพกับคำอธิบายใต้ภาพก็แล้วกันนะครับ หากท่านใดมีคำแนะนำเกี่ยวกับการโพสต์ แนะนำผมได้ครับ
รัฐฉาน ในภาษาอังกฤษ คือ SHAN STATE เป็นส่วนหนึ่งของประเทศพม่า มีขนาดพื้นที่พอๆกับภาคเหนือของประเทศไทย มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศไทย ลาว จีน ด้านประเทศไทยจะมีชายแดนติดต่อกับจังหวัด แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ยกตัวอย่างเมืองในรัฐฉานที่คนไทยรู้จักดีมากที่สุด คือ ท่าขี้เหล็ก ตรงพรมแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อีกจุดหนึ่งที่คนไทยรู้จักดีคือ เมืองเชียงตุง และ พื้นที่ของทะเลสาบอินเล ที่มีชาวประมงพายเรือโดยใช้เท้า แต่การเดินทางของผมนั้นลึกเข้าไปในเขตใจกลางและทางตอนใต้ของรัฐฉานอีกครับ การเดินทางของผมถือว่า ไปโดยวิธีพิเศษ ซึ่งในบางพื้นที่ นักท่องเที่ยวยังไม่สามารถไปได้ครับ ผมเริ่มต้นการเดินทางด้วยเที่ยวบินเช้าตรู่จากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังกรุงย่างกุ้งประเทศพม่า หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการเข้าเมืองแล้ว จึงอาศัยรถเวียนระหว่างอาคารผู้โดยสารไปยังอาคารภายในประเทศ ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 400 เมตร รถเวียนนี้มีลักษณะเป็นรถตู้ ด้านหลังมีที่วางกระเป๋าและสัมภาระ เป็นบริการฟรีครับ จะมีรถเวียนเช่นนี้ทุก 15 นาที
เมื่อถึงอาคารภายในประเทศแล้ว จะมีการเอ็กซ์เรย์สัมภาระทุกชิ้นรวมทั้งกระเป๋าถือก่อนที่จะเข้าในตัวอาคาร จุดหมายที่ผมจะบินต่อไปคือ ท่าอากาศยานเฮโฮ ตั้งอยู่ที่เมืองเฮโฮ ห่างจากเมืองหลวงของรัฐฉานคือ เมืองตองจี หรือ ตองกี โดยใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ราว 1 ช.ม ผมยังมีเวลาสำหรับต่อเครื่องบิน ราว 2 ช.ม จึงไม่ได้รีบร้อนมากนัก เมื่อไปถึงหน้าเค้าเตอร์ตรวจบัตรโดยสาร ยังไม่ค่อยมีผู้โดยสารมากนัก ผมจึงตรงไปเช็คบัตรโดยสารพร้อมฝากสัมภาระ หลังจากนั้นจึงไปแลกเงิน และหาซื้อซิมการ์ดสำหรับใช้งานอินเตอร์เน็ต
ภาพนี้เป็นจอแสดงอัตราแลกเงินสกุลต่างๆเป็นเงินจ๊าดพม่า ของบูธรับแลกเงินเจ้าหนึ่งในสนามบินครับ
แพคเกจของซิมอินเตอร์เน็ตในร้านหนึ่งในสนามบิน ผมเลือกเจ้านี้ครับ MPT เพราะมีเครือข่ายกว้าง สามารถใช้งานได้ดีในพื้นที่ไกลจากเมือง ตามป่าเขาส่วนมากใช้ได้ครับ
ยังพอมีเวลาหาอะไรรองท้องก่อนขึ้นเครื่องครับ เท่าที่เดินดูภายในอาคารผู้โดยสารมีร้านอาหารราว 4 ที่ ทั้งหมดจะอยู่ชั้นเดียวกับส่วนของการเช็คบัตรโดยสารคือ ชั้น G ครับ เนื่องจากอาคารไม่ได้ใหญ่โตมากนัก ประกอบกับมีเพียง 2 ชั้น จึงเดินได้ทั่วภายในเวลาไม่นานนัก ผมเลือกรองท้องด้วยอาหารไทย จากร้านขายอาหารไทยที่ให้บริการคล้ายคลึงกับไก่ทอดยี่ห้อดัง หรือ แฮมเบอร์เกอร์ยี่ห้อ เอ็ม นั่นคือเราต้องไปเลือกสั่งเมนูและจ่ายเงินที่หน้าเค้าเตอร์ แล้วไปนั่งรอตรงโต๊ะ พนักงานจะนำไปเสิร์ฟเมื่ออาหารพร้อมครับ
เมื่อท้องอิ่มแล้ว ผมจึงขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้น 2 เพื่อผ่านช่องเอ็กซ์เรย์อีกรอบ ก่อนที่จะไปนั่งรอขึ้นเครื่อง การเดินทางด้วยเครื่องบินภายในประเทศพม่า จะไม่มีการตรวจเอกสารโดยเข้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอีก มีเพียงเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรโดยสารพร้อมเอกสารการเดินทางก่อนถึงจัดตรวจสัมภาระ
สายการบินที่ผมเลือกใช้บริการครับ เครื่องที่ใช้บินเป็นเครื่องใบพัดครับ
ท้องฟ้าเหนือแผ่นดินรัฐฉานครับ
ถึงแล้วครับ ท่าอากาศยานเฮโฮ
เครื่องบินใบพัดแบบ ATR 72 นำผมลงจดห่างจากตัวอาคารผู้โดยสารสนามบินเฮโฮเพียงไม่กี่เมตร สามารถเดินลงจากเครื่องเข้าสู่ตัวเอาคารขาเข้าได้เลยครับ สนามบินเฮโฮเป็นสนามบินขนาดเล็กมากครับ ตัวอาคารขาเข้าและขาออกแยกกันคนละส่วน ซึ่งไม่น่าจะมีพื้นที่กว้างเกิน 30 ตารางเมตร ตัวอาคารค่อนข้างเก่า
บริเวณรับกระเป๋าที่ฝากใต้ท้องเครื่องบินมา เราต้องแสดงหางบัตรกระเป๋าให้เจ้าหน้าที่ก่อนครับ มีสัมภาระกี่ชิ้นก็ต้องแสดงหางบัตรตามจำนวนนั้นครับ บริเวณที่รับกระเป๋าไม่มีสายพานลำเลียง ใช้วิธีนำรถเข็นด้วยแรงคนนี่แหละ ขนจากเครื่องบินเข็นมายังจุดลงสัมภาระ พอเราได้สัมภาระครบจำนวน จะต้องเดินผ่านจุดที่มีเจ้าหน้าที่ขอดูหางตั๋วที่ผูกกับสัมภาระเรา
ผมรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกมานอกตัวอาคารผู้โดยสารขาเข้า กดมือถือตามหารถที่จะมารับผม ภายในเขตสนามบิน จะไม่สามารถจอดรถแช่ไว้นานๆได้ ผู้ที่มารอรับญาติต้องไปจดรถรอนอกเขตสนามบิน
น้องตี๋และน้องหวานภรรยาคู่ใจ มารอรับผมที่สนามบินเฮโฮกับเจ้าเทา พาหนะที่จะพาผมท่องเที่ยวในรัฐฉานตลอดระยะเวลา 14 วันข้างหน้าครับ
ผมรู้จักน้องทั้งสองตั้งแต่ทั้งคู่ทำงานที่ประเทศไทย น้องตี๋ซึ่งหน้าจะไม่ค่อยตี๋ซักเท่าไหร่ เป็นคนไทใหญ่เกิดและเติบโตที่เมืองตองจี ได้รับการศึกษาแบบพม่า จึงพูดได้คล่องทั้งสองภาษา ส่วนน้องหวานมีเชื้อสายลูกผสมระหว่างไทใหญ่และปะโอ น้องหวานเป็นคนอำเภอโหโปง อำเภอหนึ่งของเมืองตองจี อยู่ห่างออกไปราว ครึ่งชั่วโมงเดินทางโดยรถยนต์ ทั้งคู่พบรักกันในโลกออนไลน์ขณะทำงานที่เมืองไทย หลังจากตกลงปลงใจร่วมชีวิตกันจึงพากันกลับมาแต่งงาน แต่ก็กลับไปทำงานที่เมืองไทยได้ไม่นานทั้งสองจึงพากันกลับมาอยู่บ้านเกิด
วิวระหว่างทาง ที่มองเห็นไกลๆคือ ที่ราบบริเวณรอบๆทะเลสาบอินเลครับ
เราขับรถออกจากสนามบินเฮโฮมาได้ราว 30 นาทีก็ถึงเมืองฉ่วยหย่อง จุดนี้มีสามแยก ถ้ามุ่งตรงไปจะเป็นทางไปเมืองหลวงตองจี แต่หากเลี้ยวซ้าย จะเป็นเส้นทางไปเมืองหย่องฉ่วยซึ่งมีพื้นที่ติดทะเลสาบอินเล วันนี้เราขับมุ่งตรงเข้าเมืองตองจีครับ น้องตี๋บอกว่าจะพาไปทานมื้อกลางวันก่อน แล้วค่อยพาขึ้นไปชมวิวเมืองตองจีจากบนวัดซึ่งตั้งอยู่บนเขาใกล้ตัวเมือง เส้นทางจากสนามบินจะผ่านด่านเก็บค่าทาง คล้ายๆด่านโทลเวย์ของไทย ตี๋บอกผมว่า ด่านเก็บค่าผ่านทางในพม่ามีเยอะมาก ทั้งด่านแบบเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ ด่านบางประเภทเป็นการเก็บเพื่อบำรุงถนน บางประเภทเก็บในขณะสร้างทาง บางประเภทเป็นด่านค่าผ่านทางของกองกำลังต่างๆ ซึ่ง ค่าผ่านทางเริ่มตั้งแต่ 200 จ๊าดขึ้นไป สำหรับด่านที่เราเพิ่งผ่านมา จ่ายไป 360 จ๊าดครับ ( 8.64 บาท ) การที่จะเก็บเท่าไหร่นั้น เจ้าหน้าที่ที่ด่านเขาจะมีสเปครถไว้ เขาดูจำนวนคนในรถด้วยครับ เราใช้เวลาขับรถราวๆ 1 ช.ม จากสนามบิน จึงมาถึงในตัวเมืองตองจี ตี๋บอกว่า ช่วงเช้าและเย็น รถติดนิดหน่อย อาจต้องใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นอีกราว 20 นาทีครับ
บนโต๊ะตามร้านอาหารในพม่า จะมีถ้วยเล็กๆ แช่น้ำในกะละมังเล็กๆ แบบนี้ สำหรับใส่น้ำชาดื่มครับ ชาจะเป็นแบบชาชงจากชาแห้งเป็นใบๆ ตามร้านอาหารหรือร้านน้ำชาจะมีกระติกน้ำชาวางไว้ให้เป็นบริการเสริมฟรีครับ เมื่ออิ่มท้องกันแล้วเราจึงพากันขึ้นไปชมวิวเมืองบนวัดแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนเขาใกล้กับตัวเมืองตองจี
หน้าตามื้อกลางวันของเราครับ ชามนี้เป็นเส้นคล้ายๆเส้นขนมจีนแต่มีขนาดใหญ่กว่า ทานแบบแห้งมีเนื้อหมูทำเป็นแบบหมูแดง หั่นชิ้นเล็กๆ มีน้ำซุปมาให้ด้วยครับ
จานนี้ เป็นเกี๊ยวซ่าครับ ความหนาของแผ่นแป้งจะหนาหน่อย ข้างในเป็นใส้ไก่ครับ รสชาดดีทีเดียว
ซอสสีแดงๆที่เห็นเป็นซอสพริกพริก ไม่ค่อยเผ็ดครับ
วิวตัวเมืองตองจี เมื่อมองจากวัดบนยอดเขาครับ
ช่วงที่ผมไปเป็นเดือนกันยายนครับ ท้องฟ้ามีเมฆมากแบบนี้ทุกวัน
เมืองตองจีตั้งอยู่บนที่ราบบนภูเขาอีกที อากาศจึงเย็นสบายตลอดทั้งปีครับ
ที่ตั้งของวัดบนเขา ยังมีถ้ำเล็กๆ เราพากันลงไปดูข้างในถ้ำครับ
หอผีนัตมีให้เห็นอยู่ทั่วไปตามวัดในเมืองที่มีอิทธิพลของความเชื่อแบบพม่าครับ
ประตูทางเข้าวัดบนเขาครับ
บ่ายแก่ๆ เราพากันลงจากเขา เพื่อเดินทางมุ่งต่อไปยังบ้านของหวานที่เมืองโหโปง ใช้เวลาขับรถราว 30 นาทีครับ สำหรับโปรแกรมวันรุ่งขึ้น เราจะพากันล่องเรือหางยาวไปชมกลุ่มเจดีย์โบราณกาดกู่ หรือ กั๊กกู่ในพม่าษาพม่า
ทานมื้อเช้ากันก่อนออกเดินทางไปนั่งเรือหางยาวเที่ยวครับ
ตะลุยรัฐฉานภาคใต้และภาคกลาง 14 วัน
สวัสดีครับทุกท่าน ผมเป็นสมาชิกใหม่ของพันทิพครับ อยากแบ่งปันบันทึกการเดินทางของผมระหว่างการเดินทางเข้าไปในรัฐฉานตอนใต้และตอนกลางตลอดระยะเวลา 14 วันครับ ขอออกตัวก่อนว่า ผมบันทึกตามความรู้สึกของผม ผมเป็นคนเขียนบรรยายไม่เก่ง นี่เป็นการโพสต์ครั้งแรกครับ ผมจะใช้เวลาว่างจากการทำงานทะยอยเล่าเรื่องและลงภาพให้ชมนะครับ ภาพทั้งหมดถ่ายด้วยกล้องจากมือถือค่ายเกาหลีเองครับ เนื่องจากผมว่าเขียนบรรยายาวๆไม่ค่อยเก่ง เอาเป็นว่าเน้นชมภาพกับคำอธิบายใต้ภาพก็แล้วกันนะครับ หากท่านใดมีคำแนะนำเกี่ยวกับการโพสต์ แนะนำผมได้ครับ
รัฐฉาน ในภาษาอังกฤษ คือ SHAN STATE เป็นส่วนหนึ่งของประเทศพม่า มีขนาดพื้นที่พอๆกับภาคเหนือของประเทศไทย มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศไทย ลาว จีน ด้านประเทศไทยจะมีชายแดนติดต่อกับจังหวัด แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ยกตัวอย่างเมืองในรัฐฉานที่คนไทยรู้จักดีมากที่สุด คือ ท่าขี้เหล็ก ตรงพรมแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อีกจุดหนึ่งที่คนไทยรู้จักดีคือ เมืองเชียงตุง และ พื้นที่ของทะเลสาบอินเล ที่มีชาวประมงพายเรือโดยใช้เท้า แต่การเดินทางของผมนั้นลึกเข้าไปในเขตใจกลางและทางตอนใต้ของรัฐฉานอีกครับ การเดินทางของผมถือว่า ไปโดยวิธีพิเศษ ซึ่งในบางพื้นที่ นักท่องเที่ยวยังไม่สามารถไปได้ครับ ผมเริ่มต้นการเดินทางด้วยเที่ยวบินเช้าตรู่จากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังกรุงย่างกุ้งประเทศพม่า หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการเข้าเมืองแล้ว จึงอาศัยรถเวียนระหว่างอาคารผู้โดยสารไปยังอาคารภายในประเทศ ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 400 เมตร รถเวียนนี้มีลักษณะเป็นรถตู้ ด้านหลังมีที่วางกระเป๋าและสัมภาระ เป็นบริการฟรีครับ จะมีรถเวียนเช่นนี้ทุก 15 นาที
เมื่อถึงอาคารภายในประเทศแล้ว จะมีการเอ็กซ์เรย์สัมภาระทุกชิ้นรวมทั้งกระเป๋าถือก่อนที่จะเข้าในตัวอาคาร จุดหมายที่ผมจะบินต่อไปคือ ท่าอากาศยานเฮโฮ ตั้งอยู่ที่เมืองเฮโฮ ห่างจากเมืองหลวงของรัฐฉานคือ เมืองตองจี หรือ ตองกี โดยใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ราว 1 ช.ม ผมยังมีเวลาสำหรับต่อเครื่องบิน ราว 2 ช.ม จึงไม่ได้รีบร้อนมากนัก เมื่อไปถึงหน้าเค้าเตอร์ตรวจบัตรโดยสาร ยังไม่ค่อยมีผู้โดยสารมากนัก ผมจึงตรงไปเช็คบัตรโดยสารพร้อมฝากสัมภาระ หลังจากนั้นจึงไปแลกเงิน และหาซื้อซิมการ์ดสำหรับใช้งานอินเตอร์เน็ต
ภาพนี้เป็นจอแสดงอัตราแลกเงินสกุลต่างๆเป็นเงินจ๊าดพม่า ของบูธรับแลกเงินเจ้าหนึ่งในสนามบินครับ
แพคเกจของซิมอินเตอร์เน็ตในร้านหนึ่งในสนามบิน ผมเลือกเจ้านี้ครับ MPT เพราะมีเครือข่ายกว้าง สามารถใช้งานได้ดีในพื้นที่ไกลจากเมือง ตามป่าเขาส่วนมากใช้ได้ครับ
ยังพอมีเวลาหาอะไรรองท้องก่อนขึ้นเครื่องครับ เท่าที่เดินดูภายในอาคารผู้โดยสารมีร้านอาหารราว 4 ที่ ทั้งหมดจะอยู่ชั้นเดียวกับส่วนของการเช็คบัตรโดยสารคือ ชั้น G ครับ เนื่องจากอาคารไม่ได้ใหญ่โตมากนัก ประกอบกับมีเพียง 2 ชั้น จึงเดินได้ทั่วภายในเวลาไม่นานนัก ผมเลือกรองท้องด้วยอาหารไทย จากร้านขายอาหารไทยที่ให้บริการคล้ายคลึงกับไก่ทอดยี่ห้อดัง หรือ แฮมเบอร์เกอร์ยี่ห้อ เอ็ม นั่นคือเราต้องไปเลือกสั่งเมนูและจ่ายเงินที่หน้าเค้าเตอร์ แล้วไปนั่งรอตรงโต๊ะ พนักงานจะนำไปเสิร์ฟเมื่ออาหารพร้อมครับ
เมื่อท้องอิ่มแล้ว ผมจึงขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้น 2 เพื่อผ่านช่องเอ็กซ์เรย์อีกรอบ ก่อนที่จะไปนั่งรอขึ้นเครื่อง การเดินทางด้วยเครื่องบินภายในประเทศพม่า จะไม่มีการตรวจเอกสารโดยเข้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอีก มีเพียงเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรโดยสารพร้อมเอกสารการเดินทางก่อนถึงจัดตรวจสัมภาระ สายการบินที่ผมเลือกใช้บริการครับ เครื่องที่ใช้บินเป็นเครื่องใบพัดครับ
ท้องฟ้าเหนือแผ่นดินรัฐฉานครับ
ถึงแล้วครับ ท่าอากาศยานเฮโฮ
เครื่องบินใบพัดแบบ ATR 72 นำผมลงจดห่างจากตัวอาคารผู้โดยสารสนามบินเฮโฮเพียงไม่กี่เมตร สามารถเดินลงจากเครื่องเข้าสู่ตัวเอาคารขาเข้าได้เลยครับ สนามบินเฮโฮเป็นสนามบินขนาดเล็กมากครับ ตัวอาคารขาเข้าและขาออกแยกกันคนละส่วน ซึ่งไม่น่าจะมีพื้นที่กว้างเกิน 30 ตารางเมตร ตัวอาคารค่อนข้างเก่า
บริเวณรับกระเป๋าที่ฝากใต้ท้องเครื่องบินมา เราต้องแสดงหางบัตรกระเป๋าให้เจ้าหน้าที่ก่อนครับ มีสัมภาระกี่ชิ้นก็ต้องแสดงหางบัตรตามจำนวนนั้นครับ บริเวณที่รับกระเป๋าไม่มีสายพานลำเลียง ใช้วิธีนำรถเข็นด้วยแรงคนนี่แหละ ขนจากเครื่องบินเข็นมายังจุดลงสัมภาระ พอเราได้สัมภาระครบจำนวน จะต้องเดินผ่านจุดที่มีเจ้าหน้าที่ขอดูหางตั๋วที่ผูกกับสัมภาระเรา
ผมรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกมานอกตัวอาคารผู้โดยสารขาเข้า กดมือถือตามหารถที่จะมารับผม ภายในเขตสนามบิน จะไม่สามารถจอดรถแช่ไว้นานๆได้ ผู้ที่มารอรับญาติต้องไปจดรถรอนอกเขตสนามบิน
น้องตี๋และน้องหวานภรรยาคู่ใจ มารอรับผมที่สนามบินเฮโฮกับเจ้าเทา พาหนะที่จะพาผมท่องเที่ยวในรัฐฉานตลอดระยะเวลา 14 วันข้างหน้าครับ
ผมรู้จักน้องทั้งสองตั้งแต่ทั้งคู่ทำงานที่ประเทศไทย น้องตี๋ซึ่งหน้าจะไม่ค่อยตี๋ซักเท่าไหร่ เป็นคนไทใหญ่เกิดและเติบโตที่เมืองตองจี ได้รับการศึกษาแบบพม่า จึงพูดได้คล่องทั้งสองภาษา ส่วนน้องหวานมีเชื้อสายลูกผสมระหว่างไทใหญ่และปะโอ น้องหวานเป็นคนอำเภอโหโปง อำเภอหนึ่งของเมืองตองจี อยู่ห่างออกไปราว ครึ่งชั่วโมงเดินทางโดยรถยนต์ ทั้งคู่พบรักกันในโลกออนไลน์ขณะทำงานที่เมืองไทย หลังจากตกลงปลงใจร่วมชีวิตกันจึงพากันกลับมาแต่งงาน แต่ก็กลับไปทำงานที่เมืองไทยได้ไม่นานทั้งสองจึงพากันกลับมาอยู่บ้านเกิด
วิวระหว่างทาง ที่มองเห็นไกลๆคือ ที่ราบบริเวณรอบๆทะเลสาบอินเลครับ
เราขับรถออกจากสนามบินเฮโฮมาได้ราว 30 นาทีก็ถึงเมืองฉ่วยหย่อง จุดนี้มีสามแยก ถ้ามุ่งตรงไปจะเป็นทางไปเมืองหลวงตองจี แต่หากเลี้ยวซ้าย จะเป็นเส้นทางไปเมืองหย่องฉ่วยซึ่งมีพื้นที่ติดทะเลสาบอินเล วันนี้เราขับมุ่งตรงเข้าเมืองตองจีครับ น้องตี๋บอกว่าจะพาไปทานมื้อกลางวันก่อน แล้วค่อยพาขึ้นไปชมวิวเมืองตองจีจากบนวัดซึ่งตั้งอยู่บนเขาใกล้ตัวเมือง เส้นทางจากสนามบินจะผ่านด่านเก็บค่าทาง คล้ายๆด่านโทลเวย์ของไทย ตี๋บอกผมว่า ด่านเก็บค่าผ่านทางในพม่ามีเยอะมาก ทั้งด่านแบบเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ ด่านบางประเภทเป็นการเก็บเพื่อบำรุงถนน บางประเภทเก็บในขณะสร้างทาง บางประเภทเป็นด่านค่าผ่านทางของกองกำลังต่างๆ ซึ่ง ค่าผ่านทางเริ่มตั้งแต่ 200 จ๊าดขึ้นไป สำหรับด่านที่เราเพิ่งผ่านมา จ่ายไป 360 จ๊าดครับ ( 8.64 บาท ) การที่จะเก็บเท่าไหร่นั้น เจ้าหน้าที่ที่ด่านเขาจะมีสเปครถไว้ เขาดูจำนวนคนในรถด้วยครับ เราใช้เวลาขับรถราวๆ 1 ช.ม จากสนามบิน จึงมาถึงในตัวเมืองตองจี ตี๋บอกว่า ช่วงเช้าและเย็น รถติดนิดหน่อย อาจต้องใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นอีกราว 20 นาทีครับ
บนโต๊ะตามร้านอาหารในพม่า จะมีถ้วยเล็กๆ แช่น้ำในกะละมังเล็กๆ แบบนี้ สำหรับใส่น้ำชาดื่มครับ ชาจะเป็นแบบชาชงจากชาแห้งเป็นใบๆ ตามร้านอาหารหรือร้านน้ำชาจะมีกระติกน้ำชาวางไว้ให้เป็นบริการเสริมฟรีครับ เมื่ออิ่มท้องกันแล้วเราจึงพากันขึ้นไปชมวิวเมืองบนวัดแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนเขาใกล้กับตัวเมืองตองจี
หน้าตามื้อกลางวันของเราครับ ชามนี้เป็นเส้นคล้ายๆเส้นขนมจีนแต่มีขนาดใหญ่กว่า ทานแบบแห้งมีเนื้อหมูทำเป็นแบบหมูแดง หั่นชิ้นเล็กๆ มีน้ำซุปมาให้ด้วยครับ
จานนี้ เป็นเกี๊ยวซ่าครับ ความหนาของแผ่นแป้งจะหนาหน่อย ข้างในเป็นใส้ไก่ครับ รสชาดดีทีเดียว
ซอสสีแดงๆที่เห็นเป็นซอสพริกพริก ไม่ค่อยเผ็ดครับ
วิวตัวเมืองตองจี เมื่อมองจากวัดบนยอดเขาครับ
ช่วงที่ผมไปเป็นเดือนกันยายนครับ ท้องฟ้ามีเมฆมากแบบนี้ทุกวัน
เมืองตองจีตั้งอยู่บนที่ราบบนภูเขาอีกที อากาศจึงเย็นสบายตลอดทั้งปีครับ
ที่ตั้งของวัดบนเขา ยังมีถ้ำเล็กๆ เราพากันลงไปดูข้างในถ้ำครับ
หอผีนัตมีให้เห็นอยู่ทั่วไปตามวัดในเมืองที่มีอิทธิพลของความเชื่อแบบพม่าครับ
ประตูทางเข้าวัดบนเขาครับ
บ่ายแก่ๆ เราพากันลงจากเขา เพื่อเดินทางมุ่งต่อไปยังบ้านของหวานที่เมืองโหโปง ใช้เวลาขับรถราว 30 นาทีครับ สำหรับโปรแกรมวันรุ่งขึ้น เราจะพากันล่องเรือหางยาวไปชมกลุ่มเจดีย์โบราณกาดกู่ หรือ กั๊กกู่ในพม่าษาพม่า
ทานมื้อเช้ากันก่อนออกเดินทางไปนั่งเรือหางยาวเที่ยวครับ