บันทึกจากเมืองไต

บันทึกนี้ผมถือว่าเป็นการเขียนไดอะรี่ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวไปในรัฐฉานตลอดระยะเวลา 21 วันของผม  ไม่ได้เป็นการรีวิวใดๆ เนื่องจากบางช่วงของการเดินทางผมได้เข้าไปในบางพื้นที่ด้วยวิธีพิเศษ  ชื่อของบุคคลต่างๆในบันทึกของผม  ได้ตั้งขึ้นมาใหม่เพื่อปกป้องชื่อเสียงและเคารพความเป็นส่วนตัวของเขา  ผมถือว่าอาจมีใครบางคนผ่านเข้ามาอ่านบันทึกของผม  อย่างน้อยผมได้แบ่งปันประสบการณ์  ความรู้สึกนึกคิดของผม  
           ผมเดินทางถึงสนามบินย่างกุ้ง หลังเที่ยงคืนของวันที่ 9 กุมภาพันธ์  2561   การเดินทางเข้าพม่าของผมรอบนี้  สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงคือ พิธีการตรวจคนเข้าเมืองง่ายขึ้น  ไม่มีการให้นักท่องเที่ยวกรอกแบบฟอร์มเข้าออกเมืองอีกต่อไปและไม่มีการเอ็กซ์เรย์สัมภาระก่อนออกจากห้องโถงขาเข้า    ผมยังจำได้ว่าเมื่อปีที่แล้ว  เมื่อรับสัมภาระจากสายพานกระเป๋าแล้ว  ก่อนที่จะออกจากโถงรับกระเป๋าไปยังจุดนัดพบญาติหรือ ผู้มารับ    ผู้โดยสารทุกคนจะต้องนำสัมภาระทุกชิ้นรวมทั้งกระเป๋าถือ  ผ่านเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์       ร้านรวงในอาคารผู้โดยสารปิดเกือบหมดแล้ว  รวมทั้งเค้าน์เตอร์แลกเงิน และบูธค่ายมือถือต่างๆ     ผมเดินเข็นรถเข็นพร้อมสัมภาระออกมา   บรรดาคนขับแท็กซี่ตะโกนเรียกผมโหวกเหวก   ผมเดินผ่านลานจอดรถโดยมีเป้าหมายคือ  โรงแรมที่ตั้งอยู่ตรงข้ามอาคารผู้โดยสารเลยเนื่องจากมีความจำเป็นต้องทำธุระเกี่ยวกับรถเช่าที่ผมติดต่อเอาไว้ก่อนหน้านี้   สาขาของบริษัทรถเช่าตั้งอยู่ภายในโรงแรมที่ผมจะพักคืนนี้    เด็กหนุ่มพม่านุ่งโสร่งเดินถามผมขณะผมเข็นรถเข็นข้ามลานจอดรถ   เขาเริ่มส่งภาษาพม่าพยายามจะบอกอะไรสักอย่าง   บางช่วงพื้นลานจอดรถไม่เรียบ  กระเป๋าผมหล่นจากรถเข็นบ้าง  เขารีบเข้ามาช่วยเก็บกระเป๋า   ส่งภาษาพร้อมชี้ไปที่ตัวเขาพร้อมกับเข้ามาเข็นรถให้ผม   ผมชี้ไปทางโรงแรมที่เห็นอยู่ไม่ไกล   เขาบอกโอเคๆ   ตลอดระยะทางที่เราเดินมุ่งหน้าไปโรงแรมเขาพูดตลอดทางซึ่งผมก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด   ภาษาพม่าของผมยังอยู่ในระดับอนุบาล   ยังเรียนไม่จบเล่มเสียด้วยซ้ำ   ผมบอกเขาไปว่า พูดภาษาพม่าได้นิดเดียว  มาจากเมืองไทย   เขาฉีกฟันยิ้ม  เห็นคราบน้ำมากบนฟันสีขาว   เขาเข็นรถบรรทุกกระเป๋าเข้าไปส่งผมถึงในโรงแรม   ผมยังไม่ได้แลกเงินเป็นเงินพม่าจึงควักแบงค์ละ 1 ยูเอสดอลลาร์ให้เขาไป 2 ใบ  เขากล่าวขอบคุณพร้อมเดินออกมาจากโรงแรม  ผมเช็คอินเรียบร้อยแล้วจึงเข้าห้องพัก   โรงแรมในเขตสนามบินเช่นนี้มักมีราคาไม่ถูกนัก  อาจเป็นเพราะมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว  ราคากับสภาพห้องพักและสภาพโดยรวมทั่วๆไปของโรงแรมถือว่าไม่คุ้มค่าเงินเนื่องจากมีสภาพเก่า  แต่ทุกอย่างผมได้เตรียมใจไว้แล้วกับการมาท่องเที่ยวประเทศนี้   คือ ไม่คาดหวังสูง  ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามสภาพ     
 
หน้าตาอาหารเช้าที่แถมมากับราคาห้องพักราคา  1800 บาท 

  วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2562
             ผมตื่นขึ้นมาตามเวลาที่ตั้งปลุกไว้ในโทรศัพท์มือถือคือ  8.00 โมงเช้า  ทำธุระส่วนตัวเสร็จจึงออกไปทานอาหารเช้า    เท่าที่มองดู  ห้องทานอาหารคือ  เป็นร้านอาหารที่มีบริเวณติดต่อกับโรงแรม  เผลอๆอาจเป็นเจ้าของเดียวกัน   อาหารเช้าเป็นชุดแบบเอเชียคือชุดที่ผมเลือก   ทุกอย่างถูกจัดมาเป็นชุดตายตัวพอทานได้  ไม่ถือว่าเด่นอะไรมาก      ผมเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมและเดินข้ามลานจอดรถไปที่อาคารผู้โดยสารเพื่อทำธุระก่อนที่จะเช็คบัตรโดยสารเพื่อเดินทางกับสายการบินภายในประเทศพม่าไปยังเมืองตองกีจุดหมายปลายทางของผม   ผมแวะแลกเงินจำนวนหนึ่งและจัดการเติมเงินลงในซิมการ์ดอันเดิมของผมซึ่งซื้อไว้ใช้เมื่อปีก่อน     เจ้าหน้าที่บอกว่า  มันยังใช้ได้อยู่เพียงแต่ต้องเติมค่าธรรมเนียมเพื่อปลดล๊อคมัน  เนื่องจากผมไม่ได้ใช้เบอร์นี้มาเป็นปีแล้ว   ระบบจะล็อคเบอร์ไว้  ผมจ่ายค่าปลดล็อคไป  2000 จ๊าด เท่ากับเงินไทย ราว 41 บาท  หลังจากนั้นจึงซื้อแพคเกจอินเตอร์เน็ตเพิ่มลงไปอีกสำหรับการใช้ตลอดระยะเวลาการเดินทางท่องเที่ยวราวๆ 20 วันของผม   
   บริเวณขาเข้าของอาคารผู้โดยสารในสนามบินย่างกุ้ง  จะมีบูธค่ายมือถือหลายค่าย

   สนนราคาแพคเกจ  อินเตอร์เน็ตและโทร ของค่าย เทเลนอ   ใช้ได้ดีในเขตเมือง
       แพคเกจของค่าย ออรีดู    ใช้ได้ดีในเขตเมือง
   ค่ายมายเทล  เป็นของรัฐบาลพม่า  สัญญาณใช้ได้ครอบคลุมถึงพื้นที่ห่างไกล  ปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
      บูธแลกเงินของธนาคารต่างๆ
     ผมเช็คอินเรียบร้อยแล้ว   ยอมจ่ายค่าน้ำหนักสัมภาระเกินไป 5 ก.ก  คิดเป็นเงินไทย 233 บาท    นำ้หนักที่เขาให้คือ 20 ก.ก  น้ำหนักผมเกิน 8 ก.ก  เขายกเว้นให้ 3 ก.ก  คิดค่าน้ำหนักเกินเพียง 5 ก.ก  ก็ตก ก.ก ละ ราว 46 บาท ซึ่งถือว่าไม่แพง  เทียบกับค่าน้ำหนักเกินของหลายๆสายการบินในเมืองไทย    ไปครั้งนี้ผมนำของฝากญาติๆและเพื่อนฝูงไปเยอะ    ของใช้ส่วนตัวมีไม่มาก  จำพวกเสื้อผ้านั้นผมฝากไว้บ้านเพื่อนที่โน่นไว้เยอะมาก 
     หน้าตาของเครื่องบินสายการบิน แอร์ KBZ  ที่ผมใช้บริการ  จากย่างกุ้ง ไปลงที่สนามบินแฮโฮ  ที่เมืองตองจี   เป็นเครื่องใบพัดรุ่น ATR 72  ใช้เวลาบินตรง  1 ช.ม กับ 15 นาที   ราคาตั๋วจองผ่านเว็บไซต์ของสายการบินโดยตรง  114 เหรียญยูเอสดอลล่าร์ สำหรับขาเดียว ซึ่งเป็นที่ทราบว่า  ราคาค่าตั๋วบินภายในประเทศของพม่า มีราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับไทยครับ
     โลโก้ของสายการบิน  AIR KBZ  ที่หางเครื่องบิน
          ถึงสนามบินแฮโฮ  เมืองตองจีแล้วครับ
        
                                                                             ป้ายทางเข้า-ออก สนามบินแฮโฮ  ครับ

               เมื่อผมเดินทางถึงสนามบินแฮโฮ  หลังจากรับสัมภาระแล้ว  จึงเดินไปที่สำหนักงานย่อยของบริษัทรถเช่าที่ผมได้จองออนไลน์ไว้   เจ้าหน้าที่ได้จัดรถเช่ารอผมไว้อยู่แล้ว   ผมต้องใช้เวลาหัดขับวนในลานจอดรถของสนามบินราว 20 นาทีจึงกล้าที่จะขับออกจากสนามบินได้  เพราะเป็นรถพวงมาลัยซ้าย  และต้องหัดขับชิดขวา     เมื่อขับพ้นออกจากเขตสนามบินเหงื่อออกที่ฝ่ามือผมพอสมควรเพราะขับแบบเกร็งๆ  ระหว่างทาง มอเตอร์ไซค์เยอะมากครับ   ขับขี่กับแบบน่ากลัวมาก  ต้องบอกว่า  มอเตอร์ไซค์เป็นใหญ่ในพม่า   
        รูปร่างหน้าตารถที่ผมเช่าขับในพม่าครับ  นั่งแบบสบายๆ ได้  ได้ 6 คนรวมคนขับ   เช่าระยะยาวได้ราคาที่สบายกระเป๋าเอามากๆ  และน้ำมันที่พม่าก็มีราคาสบายกระเป๋าด้วยครับ      ปกติคนที่นั่นใช้เวลาขับรถจากสนามบินแฮโฮถึงตัวเมืองตองจี  เพียง 40 นาที  แต่ครั้งนี้ตัวผมใช้เวลาถึง 1 ช.ม ครึ่ง  เพราะเป็นครั้งแรกที่ไปขับรถในพม่า   ไม่ชินถนนหนทาง ประกอบกับขับรถชัดขวาด้วยรถพวกมาลัยซ้าย   กว่าจะหาโรงแรมที่จองไว้ในตัวเมืองตองจีเจอ ก็ปาเข้าไปบ่าย 4 โมงกว่าๆแล้ว 
                                                              วิวตัวเมืองตองจี  ถ่ายจากห้องพักของโรงแรมครับ     

              โรงแรมแห่งนี้ ชื่อ  Mountain Star Hotel  ผมจองจากเว็บจองโรงแรมเว็บหนึ่ง  ได้ราคา 1570 บาทพร้อมอาหารเช้าครับ  เป็นโรงแรมค่อนข้างใหม่  สะอาดสะอ้าน  พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใสและให้การช่วยเหลือดีมาก   ทีแรกผมแจ้งทางโรงแรมว่า จะขอจอดรถไว้ข้างถนนหน้าโรงแรม  เจ้าหน้าที่บอกว่า  ไม่แนะนำให้ทำแบบนั้น  ในพม่ามีการลักขโมยรถเยอะมาก   เขาแนะนำให้นำลงไปจอดที่ลานจอดรถของโรงแรมซึ่งอยู่ชั้นใต้ดินของโรงแรม  มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง    เย็นวันนั้นน้องที และน้องอ้อย  คู่สามีภรรยาที่ผมรู้จักตั้งแต่ทั้งสองทำงานอยู่กรุงเทพฯ  ได้ไปพบผม  เราพากันไปทานอาหารไทใหญ่ในตัวเมืองตองกี  คืนนั้นผมหลับอย่างสนิทครับ   ตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่  ลองเปิดหน้าต่างห้องดู  พบว่าอากาศข้างนอกเย็นจัดมาก  เช็คอุณหภูมิบนมือถือดู  แค่ 10 องศาเอง ตอนเวลา 7 โมงเช้ากว่าๆ 
            ห้องอาหารของโรงแรมอยู่ชั้นดาดฟ้าเลยครับ  ทานอาหารเช้าไปด้วย  ชมวิวเมืองตองจีไปด้วยครับ  
 
                                     ทิวทัศน์เมืองตองจียามเช้า  มองจากห้องอาหารของโรงแรมครับ 

                                                         เด็กๆลุมล้อมแม่ค้าที่นำขนมมาขายในงานบุญ
                                                              
      

                                                          
                                                                                                  
 
                 

                  
    
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่