▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
ภาพถ่ายทิวทัศน์
ภาพถ่ายจากกล้องโทรศัพท์
เที่ยวต่างประเทศ
บันทึกจากเมืองไต
ผมเดินทางถึงสนามบินย่างกุ้ง หลังเที่ยงคืนของวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 การเดินทางเข้าพม่าของผมรอบนี้ สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงคือ พิธีการตรวจคนเข้าเมืองง่ายขึ้น ไม่มีการให้นักท่องเที่ยวกรอกแบบฟอร์มเข้าออกเมืองอีกต่อไปและไม่มีการเอ็กซ์เรย์สัมภาระก่อนออกจากห้องโถงขาเข้า ผมยังจำได้ว่าเมื่อปีที่แล้ว เมื่อรับสัมภาระจากสายพานกระเป๋าแล้ว ก่อนที่จะออกจากโถงรับกระเป๋าไปยังจุดนัดพบญาติหรือ ผู้มารับ ผู้โดยสารทุกคนจะต้องนำสัมภาระทุกชิ้นรวมทั้งกระเป๋าถือ ผ่านเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์ ร้านรวงในอาคารผู้โดยสารปิดเกือบหมดแล้ว รวมทั้งเค้าน์เตอร์แลกเงิน และบูธค่ายมือถือต่างๆ ผมเดินเข็นรถเข็นพร้อมสัมภาระออกมา บรรดาคนขับแท็กซี่ตะโกนเรียกผมโหวกเหวก ผมเดินผ่านลานจอดรถโดยมีเป้าหมายคือ โรงแรมที่ตั้งอยู่ตรงข้ามอาคารผู้โดยสารเลยเนื่องจากมีความจำเป็นต้องทำธุระเกี่ยวกับรถเช่าที่ผมติดต่อเอาไว้ก่อนหน้านี้ สาขาของบริษัทรถเช่าตั้งอยู่ภายในโรงแรมที่ผมจะพักคืนนี้ เด็กหนุ่มพม่านุ่งโสร่งเดินถามผมขณะผมเข็นรถเข็นข้ามลานจอดรถ เขาเริ่มส่งภาษาพม่าพยายามจะบอกอะไรสักอย่าง บางช่วงพื้นลานจอดรถไม่เรียบ กระเป๋าผมหล่นจากรถเข็นบ้าง เขารีบเข้ามาช่วยเก็บกระเป๋า ส่งภาษาพร้อมชี้ไปที่ตัวเขาพร้อมกับเข้ามาเข็นรถให้ผม ผมชี้ไปทางโรงแรมที่เห็นอยู่ไม่ไกล เขาบอกโอเคๆ ตลอดระยะทางที่เราเดินมุ่งหน้าไปโรงแรมเขาพูดตลอดทางซึ่งผมก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ภาษาพม่าของผมยังอยู่ในระดับอนุบาล ยังเรียนไม่จบเล่มเสียด้วยซ้ำ ผมบอกเขาไปว่า พูดภาษาพม่าได้นิดเดียว มาจากเมืองไทย เขาฉีกฟันยิ้ม เห็นคราบน้ำมากบนฟันสีขาว เขาเข็นรถบรรทุกกระเป๋าเข้าไปส่งผมถึงในโรงแรม ผมยังไม่ได้แลกเงินเป็นเงินพม่าจึงควักแบงค์ละ 1 ยูเอสดอลลาร์ให้เขาไป 2 ใบ เขากล่าวขอบคุณพร้อมเดินออกมาจากโรงแรม ผมเช็คอินเรียบร้อยแล้วจึงเข้าห้องพัก โรงแรมในเขตสนามบินเช่นนี้มักมีราคาไม่ถูกนัก อาจเป็นเพราะมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว ราคากับสภาพห้องพักและสภาพโดยรวมทั่วๆไปของโรงแรมถือว่าไม่คุ้มค่าเงินเนื่องจากมีสภาพเก่า แต่ทุกอย่างผมได้เตรียมใจไว้แล้วกับการมาท่องเที่ยวประเทศนี้ คือ ไม่คาดหวังสูง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามสภาพ
หน้าตาอาหารเช้าที่แถมมากับราคาห้องพักราคา 1800 บาท
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2562
ผมตื่นขึ้นมาตามเวลาที่ตั้งปลุกไว้ในโทรศัพท์มือถือคือ 8.00 โมงเช้า ทำธุระส่วนตัวเสร็จจึงออกไปทานอาหารเช้า เท่าที่มองดู ห้องทานอาหารคือ เป็นร้านอาหารที่มีบริเวณติดต่อกับโรงแรม เผลอๆอาจเป็นเจ้าของเดียวกัน อาหารเช้าเป็นชุดแบบเอเชียคือชุดที่ผมเลือก ทุกอย่างถูกจัดมาเป็นชุดตายตัวพอทานได้ ไม่ถือว่าเด่นอะไรมาก ผมเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมและเดินข้ามลานจอดรถไปที่อาคารผู้โดยสารเพื่อทำธุระก่อนที่จะเช็คบัตรโดยสารเพื่อเดินทางกับสายการบินภายในประเทศพม่าไปยังเมืองตองกีจุดหมายปลายทางของผม ผมแวะแลกเงินจำนวนหนึ่งและจัดการเติมเงินลงในซิมการ์ดอันเดิมของผมซึ่งซื้อไว้ใช้เมื่อปีก่อน เจ้าหน้าที่บอกว่า มันยังใช้ได้อยู่เพียงแต่ต้องเติมค่าธรรมเนียมเพื่อปลดล๊อคมัน เนื่องจากผมไม่ได้ใช้เบอร์นี้มาเป็นปีแล้ว ระบบจะล็อคเบอร์ไว้ ผมจ่ายค่าปลดล็อคไป 2000 จ๊าด เท่ากับเงินไทย ราว 41 บาท หลังจากนั้นจึงซื้อแพคเกจอินเตอร์เน็ตเพิ่มลงไปอีกสำหรับการใช้ตลอดระยะเวลาการเดินทางท่องเที่ยวราวๆ 20 วันของผม
บริเวณขาเข้าของอาคารผู้โดยสารในสนามบินย่างกุ้ง จะมีบูธค่ายมือถือหลายค่าย
สนนราคาแพคเกจ อินเตอร์เน็ตและโทร ของค่าย เทเลนอ ใช้ได้ดีในเขตเมือง
แพคเกจของค่าย ออรีดู ใช้ได้ดีในเขตเมือง
ค่ายมายเทล เป็นของรัฐบาลพม่า สัญญาณใช้ได้ครอบคลุมถึงพื้นที่ห่างไกล ปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
บูธแลกเงินของธนาคารต่างๆ
ผมเช็คอินเรียบร้อยแล้ว ยอมจ่ายค่าน้ำหนักสัมภาระเกินไป 5 ก.ก คิดเป็นเงินไทย 233 บาท นำ้หนักที่เขาให้คือ 20 ก.ก น้ำหนักผมเกิน 8 ก.ก เขายกเว้นให้ 3 ก.ก คิดค่าน้ำหนักเกินเพียง 5 ก.ก ก็ตก ก.ก ละ ราว 46 บาท ซึ่งถือว่าไม่แพง เทียบกับค่าน้ำหนักเกินของหลายๆสายการบินในเมืองไทย ไปครั้งนี้ผมนำของฝากญาติๆและเพื่อนฝูงไปเยอะ ของใช้ส่วนตัวมีไม่มาก จำพวกเสื้อผ้านั้นผมฝากไว้บ้านเพื่อนที่โน่นไว้เยอะมาก
หน้าตาของเครื่องบินสายการบิน แอร์ KBZ ที่ผมใช้บริการ จากย่างกุ้ง ไปลงที่สนามบินแฮโฮ ที่เมืองตองจี เป็นเครื่องใบพัดรุ่น ATR 72 ใช้เวลาบินตรง 1 ช.ม กับ 15 นาที ราคาตั๋วจองผ่านเว็บไซต์ของสายการบินโดยตรง 114 เหรียญยูเอสดอลล่าร์ สำหรับขาเดียว ซึ่งเป็นที่ทราบว่า ราคาค่าตั๋วบินภายในประเทศของพม่า มีราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับไทยครับ
โลโก้ของสายการบิน AIR KBZ ที่หางเครื่องบิน
ถึงสนามบินแฮโฮ เมืองตองจีแล้วครับ
ป้ายทางเข้า-ออก สนามบินแฮโฮ ครับ
เมื่อผมเดินทางถึงสนามบินแฮโฮ หลังจากรับสัมภาระแล้ว จึงเดินไปที่สำหนักงานย่อยของบริษัทรถเช่าที่ผมได้จองออนไลน์ไว้ เจ้าหน้าที่ได้จัดรถเช่ารอผมไว้อยู่แล้ว ผมต้องใช้เวลาหัดขับวนในลานจอดรถของสนามบินราว 20 นาทีจึงกล้าที่จะขับออกจากสนามบินได้ เพราะเป็นรถพวงมาลัยซ้าย และต้องหัดขับชิดขวา เมื่อขับพ้นออกจากเขตสนามบินเหงื่อออกที่ฝ่ามือผมพอสมควรเพราะขับแบบเกร็งๆ ระหว่างทาง มอเตอร์ไซค์เยอะมากครับ ขับขี่กับแบบน่ากลัวมาก ต้องบอกว่า มอเตอร์ไซค์เป็นใหญ่ในพม่า
รูปร่างหน้าตารถที่ผมเช่าขับในพม่าครับ นั่งแบบสบายๆ ได้ ได้ 6 คนรวมคนขับ เช่าระยะยาวได้ราคาที่สบายกระเป๋าเอามากๆ และน้ำมันที่พม่าก็มีราคาสบายกระเป๋าด้วยครับ ปกติคนที่นั่นใช้เวลาขับรถจากสนามบินแฮโฮถึงตัวเมืองตองจี เพียง 40 นาที แต่ครั้งนี้ตัวผมใช้เวลาถึง 1 ช.ม ครึ่ง เพราะเป็นครั้งแรกที่ไปขับรถในพม่า ไม่ชินถนนหนทาง ประกอบกับขับรถชัดขวาด้วยรถพวกมาลัยซ้าย กว่าจะหาโรงแรมที่จองไว้ในตัวเมืองตองจีเจอ ก็ปาเข้าไปบ่าย 4 โมงกว่าๆแล้ว
วิวตัวเมืองตองจี ถ่ายจากห้องพักของโรงแรมครับ
โรงแรมแห่งนี้ ชื่อ Mountain Star Hotel ผมจองจากเว็บจองโรงแรมเว็บหนึ่ง ได้ราคา 1570 บาทพร้อมอาหารเช้าครับ เป็นโรงแรมค่อนข้างใหม่ สะอาดสะอ้าน พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใสและให้การช่วยเหลือดีมาก ทีแรกผมแจ้งทางโรงแรมว่า จะขอจอดรถไว้ข้างถนนหน้าโรงแรม เจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่แนะนำให้ทำแบบนั้น ในพม่ามีการลักขโมยรถเยอะมาก เขาแนะนำให้นำลงไปจอดที่ลานจอดรถของโรงแรมซึ่งอยู่ชั้นใต้ดินของโรงแรม มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง เย็นวันนั้นน้องที และน้องอ้อย คู่สามีภรรยาที่ผมรู้จักตั้งแต่ทั้งสองทำงานอยู่กรุงเทพฯ ได้ไปพบผม เราพากันไปทานอาหารไทใหญ่ในตัวเมืองตองกี คืนนั้นผมหลับอย่างสนิทครับ ตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ ลองเปิดหน้าต่างห้องดู พบว่าอากาศข้างนอกเย็นจัดมาก เช็คอุณหภูมิบนมือถือดู แค่ 10 องศาเอง ตอนเวลา 7 โมงเช้ากว่าๆ
ห้องอาหารของโรงแรมอยู่ชั้นดาดฟ้าเลยครับ ทานอาหารเช้าไปด้วย ชมวิวเมืองตองจีไปด้วยครับ
ทิวทัศน์เมืองตองจียามเช้า มองจากห้องอาหารของโรงแรมครับ
เด็กๆลุมล้อมแม่ค้าที่นำขนมมาขายในงานบุญ