ไม่ขอเกรินนาน เราอายุ 30 แล้ว (ต้องบอกอายุมีผลการกู้) คอนโดที่เราหาคือคอนโดที่เราอาศัยอยู่ปัจจุบันเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คอนโดที่อยู่ปัจจุบันคือ พี่เป็นเจ้าของห้องเราอาศัยอยู่ เรื่องทำเลหรือการปรับตัวหรือคุณภาพของคอนโดเลยหมดกังวล
คอนโดเราอยู่ติด BTS แต่ตึกเป็นตึกรุ่นเก่า (แบบเก่าไม่โมเดิร์น) สร้างมาก็ 10 ปีแล้ว เป็นคอนโด 8 ชั้น
ความจริงเราตั้งใจจะซื้อคอนโดมาแล้วหลายปี ลองเข้าหาธาคารแล้วหลายครั้งแต่ก็จบไม่ได้เลย (เหตุผลคือเราไม่กล้าที่จะมัดจำค่าห้องและธนาคารต้องการหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย เพื่อที่จะประเมิณราคาได้) จนกระทั้งปีนี้ เราเริ่มจริงจังมากขึ้น
ห้องที่เราไปดูอยู่ชั้น 2 ราคาขาย 1.53 ขนาดห้อง 30 ตรม ลักษณะเป็นห้องสตูดิโอ 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัวไม่มีระเบียง (ราคาห้องอื่นๆ แบบเดียวกันจะขายที่ล้านหกขึ้นไปถึงล้านแปด ห้องนนี้ถูกสุดที่เคยหามา)
พอเข้าไปดูห้องเราถูกใจห้องมาก เจ้าของเองทำห้องเดิมไวได้ดี ภายนห้องมี เตียง ตู้เสื้อผ้า โคมไฟ ชั้นวางทีวี
ตอนที่เราคุยกับทางเจ้าของห้องเค้าก็บอกว่าถ้าจะซื้อห้อง ของมัดจำ 30000 บาท และถ้ากู้ไม่ผ่านไม่คือมัดจำนะจ๊ะ ยึดหมด
เราเลยขอต่อรอง ว่าไม่มัดจำได้ไหม แต่ขอให้เค้าำสัญญาจะซื้อจะขายให้ (จากระสบการณ์ที่ผ่านมาทุกธนาคารจะขอหนังสือสัญญาฉบับนี้เพื่อที่เค้าจะได้ทำการประเมิณราคาห้องให้เราได้)
ซึ่งเราแนะนำว่า สำหรับคนที่กลัวว่าจะกู้ไม่ผ่าน เราแนะนำให้ไปถามธนาคารไว้เบื้องต้นได้ เน้นว่าแค่เบื้องต้น ให้ธนาคารประเมิณให้เราก่อนว่า ฐานเงินเดือนเรา จะกู้ได้มากสุดเท่าไหร่ หลักของการจะซื้อบ้านหรือคอนโดมือสองจะเหมือนกันหมดทุกธนาคาร คือธนาคารจะไม่ปลอยวงเงินให้เรากู้ได้ 100% ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 70-95% ของราคาประเมิณ ย้ำว่ายอดของราคาประเมิณ (สมมุติ ราคาซื้อขาย 1 ล้าน แต่ธนาคารประเมิณราคแล้วได้แค่ 5 แสน คือให้เอา ราคา70-95% ของแต่ละธนาคารมาคูณราคาประเมิณ ถึงจะได้ราคาที่ธนาคารปล่อยกู้ แล้วถึงค่อยมาดูฐานเงินเดือนว่ากู้ได้ไหม)
ปัญญาพวกนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยกับการซื้อบ้านหรือคอนโดมือหนึ่ง (ธนาคารช่วยคนขาย ไม่ได้ชวยคนซื้อ )
ทำให้การที่จะซื้อมือสองนั่นยากกว่าและยุ่งยากกว่าหลายเท่า ต้องเตรียมเงินสดสำรอง สำหรับจ่ายให้กับทางธนาคาร (ค่าจดจำนอง ค่าประกันอัคคคีภัย ค่าอากรสแตมป์ )คือจะมีรายจ่ายจุกจิ๊กงอกขึ้นมาเยอะมาก ซึ่งราคาที่เราต้องจ่ายพวกนี้จะมาจากการคำนวของราคาซื้อขายจริง อันนี้ห้ธนาคารคำนวนให้เราได้เลย (มันมีค่าใช้จ่าย 2 ฝั่งนะ ฝั่งที่เราต้องจ่ายให้กับธนาคาร และค่าใช้จ่ายวันโอนระหว่างเรากับเจ้าของห้องตกลงกันว่าใครออกอะไร จะรู้ราคาได้วันโอนค่ะ แต่ก็พอหาราคาคร่าวๆได้ )ซึ่งราคาที่สูงสุดคือภาษีเงินได้ ส่วนค่าอากรสแตมป์ ค่าจดจำนอง
คอนโดเราตกลงกันไว้ว่า ค่าภาษีเงินได้ คนขายออก และค่าใช้จ่ายอื่นๆ คนละครึ่ง
พอเรารู้เงื่อนไขแบบนี้เราเลยคิดว่า เผือราคาประเมิณต่ำกว่าราคาขาย เราจะหาเงินมาให้ได้มากที่สุดที่จะกู้
เรามีเงินเก็บไว้ ประมาณ 150000
พอเราได้สัญญาจะซื้อจะขายมาก็ไปยื่นธนาคาร
แต่ละธนาคารอาจขอเอกสารไม่เมือนกัน แต่หลักจะมีดังนี้
บัตรปชช ตัวจริงและสำเนา
ทะเบียนบ้าน
สลีปเงินเดือนล่าสุด
สเตจเม้นย้อนหลัง 6 เดือน
หนังสือรับรองเงินเดือน
สัญญาจะซื้อจะขาย (เรายื่นราคาซื้อขายเกินไป ค่ะยื่นไป 1.8 ล้าน มีผลต่อการประเมิณด้วย อย่าลืมว่าธนาคารปล่อยให้กู้ได้ 70-95%ของราคาประเมิณ)
สำเนาโฉนดที่ดินที่จะซื้อ
สำเนาบัตรคนขาย
เราเข้าไปถามทุกธนาคาร แต่จะมีบางธนาคารที่ฟรีค่าประเมิณ ส่วนธนาคารที่มีค่าใช้จ่ายเราก็ไม่ยื่น
ธนาคารที่ฟรีค่าประเมิณ (เค้าจะมาเก็บเราตอนที่เราตกลงจะกู้สินเชื่อกับเค้าแต่ถ้าไม่กู้ก้ไม่เสียฟรีเลย)
ธนาคารกรุงศรี กรุงไทย กสิกร ยูโอบี
ทั้งหมดนี้ฟรี เราเลยยื่นเอกสารทุกธนาคารที่ฟรี
พอยื่นเสร็จ รอเค้าเช็คเครดิตบูโร อะไรต่างๆ แล้ว ผ่านไปสักอาทิตย์ จะมีเจ้าหน้าที่แต่ละธนาคารโทรมาเพื่อที่จะขอเข้ามาดูห้อง เพื่อที่จะได้ประเมิณราคาถูก (จากที่หาในเน็ตบอกว่าเป็นการประเมิณหลอกๆไม่ได้มาดูห้องจริง อย่าไปเชื่อค่ะ) เค้ามาดูห้องจริงจังมาก เราแค่แจ้งเจ้าของห้องไปว่าจะมีคนมาดูวันไหนอย่างไร ให้เจ้าของห้องมาเปิดห้องใหกับคนประเมิณเองเราไม่ได้เข้าไปด้วย
ทุกธนาคารด้านบน มีธนาคารเดียวที่ช้าสุดคือธนาคารสีเขียวค่ะ ช้ามาก แถมถ้าเซ็นเอกสารไม่ครบก็ไม่มาประเมิณ ด้วย มีคนบอกว่าเราที่เค้าไม่มา เค้าจะยื่นเอกสารทุกสิ่งอย่างให้จบแล้วค่อยมาซึ่งมันสายเกินไป เจ้าของห้องเค้าก็ทำสัญญากับเราระบุไว้แล้วว่ากำหนดระยะเวลาที่เค้าให้เราดำเนินการถึงเมื่อไหร่
หลังจากที่ส่งคนมาประเมิณ ไม่เกิน อาทิตย์ แต่ละธนาคารก็จะโทรมาแจ้งเราว่าราคาประเมิณออกแล้ว ยอดที่กู้ได้เท่าไหร่
ระหว่างที่เรารอราคาประเมิณ เราก็เช็คดูเลยค่ะว่า แต่ละธนาคารดอกเบี้ยเท่าไหร่ (เอกสารเค้าจะให้เรามาตั้งแต่วันที่เราไปยื่นเอกสารค่ะ)
ราคาประเมิณของกรุงไทยออกเจ้าแรกเลยค่ะ แต่ราคาประเมิณตำกว่าราคาซื้อขาย เค้าบอกว่าราคาประเมิณมันตก ได้มาแค่ 1.3 เราเคลียดมาก คือเงิดสำรองที่คิดไว้มันไม่พอแน่ๆ
พอกรุศรีโทรมาแจ้งยิ้มได้เลยค่ะ ราคาประเมิณได้พอดี และราคากู้ได้ 1.53 พอดี คำนวนดอกไม้ตกประมาณ 3.6 เราก็โอเคนะ แค่ประเมิณแล้วกู้ผ่านก็จบ ตอนนี้เหลือรอยูโอบีอีกนิด
ยูโอบี เป็นธนาคารเดียวที่เราไม่ได้ยื่นเอกสารให้ ส่งแค่โฉนดที่ดินให้เค้าแค่นั่นแล้วเค้าก็ส่งคนมาประเมิณ ปรากฏว่า ดอกเบี้ยถูกมากค่ะ ตก 2.9 เอง
แล้วพี่เค้าก็บอกเราเลยว่า กู้ผ่านแน่ๆ ราคาประเมิณได้ด้วย เราก็เลยเลือกธนาคารนี้เลยค่ะ
พอเรารู้ว่าผลประเมิณออกแล้วให้แจ้งคนขายได้เลยค่ะ เค้าจะได้ไปแจ้งเรื่องกับทางธนาคารเค้าให้ทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์นัดวันกัน ใช้เวลาธรรมการ 15 วัน นานมาก (คนขายยังติดภาระหนี้กับแบงค์อยู่ค่ะ (แต่ถ้าคนขายไม่ติดผ่อนกับแบงค์ก็ทำเรื่องได้เลย)
แล้วเค้าต้องไปขอใบปลอดภาระหนี้จากทางนิติด้วย มีอายุ 7 วัน
วันโอนให้เราเตรียม ทะเบียนบ้านตัวจริง ถ้าไม่มีตัวจริงต้องไปที่สำนักงานเขตให้เค้าคัดำสำเนามา ใบละ 10บาท
สำเนาบัตรประชาชน และตัวจริง
เตรียมไว้สัก 5 ชุด
เงินสด หรือถ้าบัตรเดบิตหรือวีซ่ารูดได้นะฟรีค่าธรรมเนียม
แต่ถ้าบัตรเครดิต เสียค่าธรรมเนียม 3% ถ้าจำไม่ผิด
พอเราไปถึงกรมที่ดิน จะมีเจ้าหน้าทีของธนาคาร 2 ฝั่งคนซื้อและคนขาย
เค้าก็จะมาทำเอกสารกัน เรามีหน้าที่เซ็นและเซ็นอย่างเดียวค่ะ เซ็นเยอะมากๆ ไม่มีเวลาได้อ่าน
พอถึงคิว เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน จะขอเอกสารต่างๆ ซึ่งเราเตรียาพร้อมแล้ว ทางธนาคารเค้าจะเตรียมเอกสารไว้หดแล้วค่ะ
เจ้าหน้าที่กรมที่ดินจะถามราคาซื้อขายจริง ก็แจ้งไปเลยค่ะ มีผลเรื่องภาษี ค่าใช้จ่ายต่างๆ
พอเค้าทำเสร็จก็จะให้เราไปจ่ายเงิน พอจ่ายเงินเสร็จก็รอโฉนดตัวจริง พอได้มาธนาคารฝั่งคนซื้อจะมีเช็คสั่งจ่ายไว้แล้ว (จะสั่งจ่ายให้คนขายและจ่ายให้ธนาคารของคนขายด้วย ) เท่านี้ก็เสร็จสิ้นของการเป็นหนี้ค่ะ ใ้เวลที่ดินประมาณ เกือบๆ สอง ชม ค่ะ
สรุปค่าใช้จ่ายวันโอนค่ะ
เราเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้ 13300 บาท ยอดนี้คือระหว่างเรากับกรมที่ดินและผู้ขาย
และเสียให้ค่าจดจำนองระหว่างเรากับธนาคารอีก 16000 จำตัวเลขที่แน่นอนไม่ได้(จะมีค่าประกันอัคคีภัย ค่าประมิณ ต่างๆ)
และอีกเรื่อง มิเตอร์ไฟ ต้องไปจดชื่อใหม่ ที่การไฟฟ้า มีค่าใช้จ่า 2000 บาท เอกสารเราก็ยังไม่รู้ใช้อะไรบ้างนะ
ยังไม่ได้ทำเลยค่ะ
แชร์ประสบการณ์ ซื้อคอนโดมือสอง สำเร็จครั้งแรก !!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เรื่องทำเลหรือการปรับตัวหรือคุณภาพของคอนโดเลยหมดกังวล
คอนโดเราอยู่ติด BTS แต่ตึกเป็นตึกรุ่นเก่า (แบบเก่าไม่โมเดิร์น) สร้างมาก็ 10 ปีแล้ว เป็นคอนโด 8 ชั้น
ความจริงเราตั้งใจจะซื้อคอนโดมาแล้วหลายปี ลองเข้าหาธาคารแล้วหลายครั้งแต่ก็จบไม่ได้เลย (เหตุผลคือเราไม่กล้าที่จะมัดจำค่าห้องและธนาคารต้องการหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย เพื่อที่จะประเมิณราคาได้) จนกระทั้งปีนี้ เราเริ่มจริงจังมากขึ้น
ห้องที่เราไปดูอยู่ชั้น 2 ราคาขาย 1.53 ขนาดห้อง 30 ตรม ลักษณะเป็นห้องสตูดิโอ 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัวไม่มีระเบียง (ราคาห้องอื่นๆ แบบเดียวกันจะขายที่ล้านหกขึ้นไปถึงล้านแปด ห้องนนี้ถูกสุดที่เคยหามา)
พอเข้าไปดูห้องเราถูกใจห้องมาก เจ้าของเองทำห้องเดิมไวได้ดี ภายนห้องมี เตียง ตู้เสื้อผ้า โคมไฟ ชั้นวางทีวี
ตอนที่เราคุยกับทางเจ้าของห้องเค้าก็บอกว่าถ้าจะซื้อห้อง ของมัดจำ 30000 บาท และถ้ากู้ไม่ผ่านไม่คือมัดจำนะจ๊ะ ยึดหมด
เราเลยขอต่อรอง ว่าไม่มัดจำได้ไหม แต่ขอให้เค้าำสัญญาจะซื้อจะขายให้ (จากระสบการณ์ที่ผ่านมาทุกธนาคารจะขอหนังสือสัญญาฉบับนี้เพื่อที่เค้าจะได้ทำการประเมิณราคาห้องให้เราได้)
ซึ่งเราแนะนำว่า สำหรับคนที่กลัวว่าจะกู้ไม่ผ่าน เราแนะนำให้ไปถามธนาคารไว้เบื้องต้นได้ เน้นว่าแค่เบื้องต้น ให้ธนาคารประเมิณให้เราก่อนว่า ฐานเงินเดือนเรา จะกู้ได้มากสุดเท่าไหร่ หลักของการจะซื้อบ้านหรือคอนโดมือสองจะเหมือนกันหมดทุกธนาคาร คือธนาคารจะไม่ปลอยวงเงินให้เรากู้ได้ 100% ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 70-95% ของราคาประเมิณ ย้ำว่ายอดของราคาประเมิณ (สมมุติ ราคาซื้อขาย 1 ล้าน แต่ธนาคารประเมิณราคแล้วได้แค่ 5 แสน คือให้เอา ราคา70-95% ของแต่ละธนาคารมาคูณราคาประเมิณ ถึงจะได้ราคาที่ธนาคารปล่อยกู้ แล้วถึงค่อยมาดูฐานเงินเดือนว่ากู้ได้ไหม)
ปัญญาพวกนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยกับการซื้อบ้านหรือคอนโดมือหนึ่ง (ธนาคารช่วยคนขาย ไม่ได้ชวยคนซื้อ )
ทำให้การที่จะซื้อมือสองนั่นยากกว่าและยุ่งยากกว่าหลายเท่า ต้องเตรียมเงินสดสำรอง สำหรับจ่ายให้กับทางธนาคาร (ค่าจดจำนอง ค่าประกันอัคคคีภัย ค่าอากรสแตมป์ )คือจะมีรายจ่ายจุกจิ๊กงอกขึ้นมาเยอะมาก ซึ่งราคาที่เราต้องจ่ายพวกนี้จะมาจากการคำนวของราคาซื้อขายจริง อันนี้ห้ธนาคารคำนวนให้เราได้เลย (มันมีค่าใช้จ่าย 2 ฝั่งนะ ฝั่งที่เราต้องจ่ายให้กับธนาคาร และค่าใช้จ่ายวันโอนระหว่างเรากับเจ้าของห้องตกลงกันว่าใครออกอะไร จะรู้ราคาได้วันโอนค่ะ แต่ก็พอหาราคาคร่าวๆได้ )ซึ่งราคาที่สูงสุดคือภาษีเงินได้ ส่วนค่าอากรสแตมป์ ค่าจดจำนอง
คอนโดเราตกลงกันไว้ว่า ค่าภาษีเงินได้ คนขายออก และค่าใช้จ่ายอื่นๆ คนละครึ่ง
พอเรารู้เงื่อนไขแบบนี้เราเลยคิดว่า เผือราคาประเมิณต่ำกว่าราคาขาย เราจะหาเงินมาให้ได้มากที่สุดที่จะกู้
เรามีเงินเก็บไว้ ประมาณ 150000
พอเราได้สัญญาจะซื้อจะขายมาก็ไปยื่นธนาคาร
แต่ละธนาคารอาจขอเอกสารไม่เมือนกัน แต่หลักจะมีดังนี้
บัตรปชช ตัวจริงและสำเนา
ทะเบียนบ้าน
สลีปเงินเดือนล่าสุด
สเตจเม้นย้อนหลัง 6 เดือน
หนังสือรับรองเงินเดือน
สัญญาจะซื้อจะขาย (เรายื่นราคาซื้อขายเกินไป ค่ะยื่นไป 1.8 ล้าน มีผลต่อการประเมิณด้วย อย่าลืมว่าธนาคารปล่อยให้กู้ได้ 70-95%ของราคาประเมิณ)
สำเนาโฉนดที่ดินที่จะซื้อ
สำเนาบัตรคนขาย
เราเข้าไปถามทุกธนาคาร แต่จะมีบางธนาคารที่ฟรีค่าประเมิณ ส่วนธนาคารที่มีค่าใช้จ่ายเราก็ไม่ยื่น
ธนาคารที่ฟรีค่าประเมิณ (เค้าจะมาเก็บเราตอนที่เราตกลงจะกู้สินเชื่อกับเค้าแต่ถ้าไม่กู้ก้ไม่เสียฟรีเลย)
ธนาคารกรุงศรี กรุงไทย กสิกร ยูโอบี
ทั้งหมดนี้ฟรี เราเลยยื่นเอกสารทุกธนาคารที่ฟรี
พอยื่นเสร็จ รอเค้าเช็คเครดิตบูโร อะไรต่างๆ แล้ว ผ่านไปสักอาทิตย์ จะมีเจ้าหน้าที่แต่ละธนาคารโทรมาเพื่อที่จะขอเข้ามาดูห้อง เพื่อที่จะได้ประเมิณราคาถูก (จากที่หาในเน็ตบอกว่าเป็นการประเมิณหลอกๆไม่ได้มาดูห้องจริง อย่าไปเชื่อค่ะ) เค้ามาดูห้องจริงจังมาก เราแค่แจ้งเจ้าของห้องไปว่าจะมีคนมาดูวันไหนอย่างไร ให้เจ้าของห้องมาเปิดห้องใหกับคนประเมิณเองเราไม่ได้เข้าไปด้วย
ทุกธนาคารด้านบน มีธนาคารเดียวที่ช้าสุดคือธนาคารสีเขียวค่ะ ช้ามาก แถมถ้าเซ็นเอกสารไม่ครบก็ไม่มาประเมิณ ด้วย มีคนบอกว่าเราที่เค้าไม่มา เค้าจะยื่นเอกสารทุกสิ่งอย่างให้จบแล้วค่อยมาซึ่งมันสายเกินไป เจ้าของห้องเค้าก็ทำสัญญากับเราระบุไว้แล้วว่ากำหนดระยะเวลาที่เค้าให้เราดำเนินการถึงเมื่อไหร่
หลังจากที่ส่งคนมาประเมิณ ไม่เกิน อาทิตย์ แต่ละธนาคารก็จะโทรมาแจ้งเราว่าราคาประเมิณออกแล้ว ยอดที่กู้ได้เท่าไหร่
ระหว่างที่เรารอราคาประเมิณ เราก็เช็คดูเลยค่ะว่า แต่ละธนาคารดอกเบี้ยเท่าไหร่ (เอกสารเค้าจะให้เรามาตั้งแต่วันที่เราไปยื่นเอกสารค่ะ)
ราคาประเมิณของกรุงไทยออกเจ้าแรกเลยค่ะ แต่ราคาประเมิณตำกว่าราคาซื้อขาย เค้าบอกว่าราคาประเมิณมันตก ได้มาแค่ 1.3 เราเคลียดมาก คือเงิดสำรองที่คิดไว้มันไม่พอแน่ๆ
พอกรุศรีโทรมาแจ้งยิ้มได้เลยค่ะ ราคาประเมิณได้พอดี และราคากู้ได้ 1.53 พอดี คำนวนดอกไม้ตกประมาณ 3.6 เราก็โอเคนะ แค่ประเมิณแล้วกู้ผ่านก็จบ ตอนนี้เหลือรอยูโอบีอีกนิด
ยูโอบี เป็นธนาคารเดียวที่เราไม่ได้ยื่นเอกสารให้ ส่งแค่โฉนดที่ดินให้เค้าแค่นั่นแล้วเค้าก็ส่งคนมาประเมิณ ปรากฏว่า ดอกเบี้ยถูกมากค่ะ ตก 2.9 เอง
แล้วพี่เค้าก็บอกเราเลยว่า กู้ผ่านแน่ๆ ราคาประเมิณได้ด้วย เราก็เลยเลือกธนาคารนี้เลยค่ะ
พอเรารู้ว่าผลประเมิณออกแล้วให้แจ้งคนขายได้เลยค่ะ เค้าจะได้ไปแจ้งเรื่องกับทางธนาคารเค้าให้ทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์นัดวันกัน ใช้เวลาธรรมการ 15 วัน นานมาก (คนขายยังติดภาระหนี้กับแบงค์อยู่ค่ะ (แต่ถ้าคนขายไม่ติดผ่อนกับแบงค์ก็ทำเรื่องได้เลย)
แล้วเค้าต้องไปขอใบปลอดภาระหนี้จากทางนิติด้วย มีอายุ 7 วัน
วันโอนให้เราเตรียม ทะเบียนบ้านตัวจริง ถ้าไม่มีตัวจริงต้องไปที่สำนักงานเขตให้เค้าคัดำสำเนามา ใบละ 10บาท
สำเนาบัตรประชาชน และตัวจริง
เตรียมไว้สัก 5 ชุด
เงินสด หรือถ้าบัตรเดบิตหรือวีซ่ารูดได้นะฟรีค่าธรรมเนียม
แต่ถ้าบัตรเครดิต เสียค่าธรรมเนียม 3% ถ้าจำไม่ผิด
พอเราไปถึงกรมที่ดิน จะมีเจ้าหน้าทีของธนาคาร 2 ฝั่งคนซื้อและคนขาย
เค้าก็จะมาทำเอกสารกัน เรามีหน้าที่เซ็นและเซ็นอย่างเดียวค่ะ เซ็นเยอะมากๆ ไม่มีเวลาได้อ่าน
พอถึงคิว เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน จะขอเอกสารต่างๆ ซึ่งเราเตรียาพร้อมแล้ว ทางธนาคารเค้าจะเตรียมเอกสารไว้หดแล้วค่ะ
เจ้าหน้าที่กรมที่ดินจะถามราคาซื้อขายจริง ก็แจ้งไปเลยค่ะ มีผลเรื่องภาษี ค่าใช้จ่ายต่างๆ
พอเค้าทำเสร็จก็จะให้เราไปจ่ายเงิน พอจ่ายเงินเสร็จก็รอโฉนดตัวจริง พอได้มาธนาคารฝั่งคนซื้อจะมีเช็คสั่งจ่ายไว้แล้ว (จะสั่งจ่ายให้คนขายและจ่ายให้ธนาคารของคนขายด้วย ) เท่านี้ก็เสร็จสิ้นของการเป็นหนี้ค่ะ ใ้เวลที่ดินประมาณ เกือบๆ สอง ชม ค่ะ
สรุปค่าใช้จ่ายวันโอนค่ะ
เราเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้ 13300 บาท ยอดนี้คือระหว่างเรากับกรมที่ดินและผู้ขาย
และเสียให้ค่าจดจำนองระหว่างเรากับธนาคารอีก 16000 จำตัวเลขที่แน่นอนไม่ได้(จะมีค่าประกันอัคคีภัย ค่าประมิณ ต่างๆ)
และอีกเรื่อง มิเตอร์ไฟ ต้องไปจดชื่อใหม่ ที่การไฟฟ้า มีค่าใช้จ่า 2000 บาท เอกสารเราก็ยังไม่รู้ใช้อะไรบ้างนะ
ยังไม่ได้ทำเลยค่ะ