หลังจากเหตุการณ์ติดถ้ำ เราเชื่อว่าในสังคมมีการพูดคุย และแสดงความเห็นแตกต่างกันหลายฝ่าย เรื่องผลต่อเนื่องจากเหตุการณที่จะเกิดขึ้นกับน้องๆ
บ้างก็อยากสนับสนุนให้เงินปลอบขวัญให้น้องๆทั้ง 13 บ้างก็ไม่อยากจะให้ความสำคัญ เพราะไม่อยากให้อวยว่าเป็นฮีโร่

ส่วนตัวเราคิดว่าผู้ที่ควรจะได้คำสรรเสริญและยกย่องมากที่สุดคือ ทีมงานที่ช่วยเหลือทุกท่าน และคนไทยทุกคน
ตลอดจนชาวต่างชาติที่ส่งกำลังใจอย่างล้นหลามให้ภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี

น้องๆทั้ง13คน ก็ควรจะได้รับการปลอบขวัญเช่นกัน แต่เราเห็นว่าควรจะอยู่แค่จำนวณที่เหมาะสม ตามมาตรฐานการเยียวยาของรัฐ (เงินรัฐก็เงินภาษีพวกเรานี่แหละ) เพราะน้องๆ ได้ชื่อว่าเป็น "ผู้ประสบภัย" ไม่ใช่ "ฮีโร่" และน้องๆได้รับการปลอบขวัญในเรื่องการช่วยเหลือ และกำลังใจจากสังคมมากเพียงพอแล้ว เอาจริงๆเลย เราว่าแค่นี้ น้องก็ได้จากสังคมเกินพอไปมาก แต่ถ้าจะบอกให้น้องไม่ต้องได้เยียวยาปลอบขวัญอะไรเลย ก็ต้องเตรียมใจโดนกลุ่มที่อยากให้รุมถล่มเละตุ้มเป๊ะ ล่าสุดกท.ศึกษาธิการออกมาเตรียมให้เยียวยาน้องอย่างน้อย 600,000 แต่ชาวบ้านที่โดนน้ำท่วมได้ไร่ละ 1,000 บาท สมเหตุสมผลหรือไม่

ซึ่งหลังจากนี้ เราเชื่อว่ายังมีอีกหลายฝ่ายที่ยังต้องการแสดงน้ำใจสนับสนุนกำลังทรัพย์ตรงนี้แก่น้องๆ ไม่ว่ากระทรวง ทบวง กรม สมาคม ตลอดจนสื่อต่างๆ เราจึงขอสนับสนุน ให้เอากำลังทรัพย์ที่ต้องการให้ปลอบขวัญน้องๆตรงนี้มาตั้งเป็นกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติแทนดีกว่า เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการกู้ภัยต่างๆ เพื่อลดขั้นตอนการขอบริจาคอุปกรณ์ดังที่เราเห็นจากเหตุการณ์ครั้งนี้ อันจะช่วยให้การกู้ภัยทำได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ ก็จะเป็นวิธีหนึ่ง ที่น้องๆสามารถตอบแทนคืนแก่สังคมได้