ย้ำชัดๆ ทีมงานทุกคนเป็นฮีโร่ของเรื่องนี้ นักข่าวไม่หลงประเด็น เด็กๆ เป็นผู้ประสบภัย คนไทยคิดเป็นและโตขึ้นมากแล้ว

ตอนนี้เบื่อประเด็นที่คนออกมาเตือนว่าอย่าทำเหมือนเด็กๆ เป็นฮีโร่ ต่อไปนักข่าวต้องเอาน้องๆ มาสัมภาษณ์ออกทีวีจนคิวแน่น สโมสรต่างพากันแย่งตัว เสียเงินเสียทองไปมากเท่าไหร่กับเหตุการณ์นี้

จากที่เราติดตามมาตลอด ขอออกความเห็นส่วนตัวบ้างโดยแบ่งเป็นประเด็นดังนี้

1. เรื่องค่าใช้จ่ายในการค้นหาและกู้ภัย จะเท่าไหร่ก็ต้องยอมเสีย และเยียวยา เพราะว่าภาษีของประชาชน มันก็หมายความรวมถึงสวัสดิภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคน ไม่เฉพาะแค่ผู้ที่เสียภาษี แต่ทุกคนในประเทศไทยได้ใช้ ถ้ามานั่งพูดกันแต่ว่าชั้นเสียภาษี เอาเงิน 100 ล้านพันล้านไปกู้ภัยให้กับคนไม่เสียภาษีชั้นไม่ยอม นั่นคุณกำลังมองระบบภาษีผิด

การที่ประชาชนได้รับสวัสดิภาพที่ดี คุณภาพชีวิตที่ดี ทำให้คนยิ่งอยากเสียภาษี เพื่อสิ่งที่ดีขึ้น ในเมื่อประสบภัยก็ต้องได้รับการช่วยเหลือและเยียวยามันถูกต้องแล้ว เพราะเค้าคือผู้ประสบภัย ไม่ใช่เด็กที่เข้าไปเพราะอยากดัง

2. อย่าทำเหมือนเด็กๆ เป็นฮีโร่ จากการที่มีคนออกมาตั้งกระทู้ทำนองนี้บ่อยๆ เรายังไม่เห็นสื่อใดบอกว่าเด็กๆ เป็นฮีโร่ในเรื่องนี้ มีแต่ทีมงานทั้งหมด ที่เป็นฮีโร่ตัวจริงในเรื่องนี้ แม้แต่ร่างทรงก็ถูกสังคมดีดจนเป็นร่างทรุดไปหมดแล้ว การที่นักข่าวจะตามน้องมาสัมภาษณ์หลังออกมาไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคนอยากจะรู้ว่า น้องเข้าไปทำอะไร น้องอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นได้อย่างไรตั้งสิบวัน น้องเอาตัวรอดยังไง ให้กำลังใจกันยังไง นั่นคือการนำเสนอเรื่องราวของผู้ประสบภัยจากสื่อ และเราก็เชื่อว่าอีกกลุ่มที่จะโดนรุมจากสื่อก็คือทีมงานที่ช่วยเหลือน้องๆ นี่แหละ ถ้าสื่อไหนฉลาดๆ หน่อย ก็จะต้องนำเสนอมุมของการเข้าช่วยเหลือที่เราอยากรู้กันด้วย เพราะมันก็คงมีเรื่องราวที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

ส่วนการขุดประวัติน้องๆ ก็ไม่ใช่เป็นการอวยว่าเป็นฮีโร่ แค่นักข่าวนำเสนอประเด็นให้ครบทุกด้าน ความเก่งกาจสามารถทางการเรียนและกีฬาของน้องก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาเพราะว่าติดถ้ำ แต่เค้าเก่งแบบนั้นมาอยู่แล้ว นักข่าวก็นำมาเสนอต่อ อย่าพยายามตีความว่าทุกคนจะชูให้น้องเป็นฮีโร่ เพราะคนไทยกว่าค่อนประเทศที่ติดตามเรื่องนี้ ชื่นชมทีมงาน ผู้ว่า หน่วยซีลและผู้ช่วยเหลือทุกทีมกันอยู่ตลอดเวลา นั่นหมายความว่าเค้าแยกแยะข่าวสารได้ดีกว่ายุคสมัยก่อนมาก

3. ใครเจอก่อนหลัง สำคัญอย่างไร ในเมื่อทุกคนก็รู้ดีอยู่แล้วว่า ไม่มีสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่เกิด ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันไปจนถึงจุดที่ประสบความสำเร็จ คนที่คิดว่าคนอังกฤษเข้าไปเจอก่อนหน่วยซีล แล้ววิจารณ์ไปต่างๆ นานา มันสะท้อนให้เห็นว่า คุณยังติดนิสัยชอบทำงานเอาหน้า ไม่มองภาพรวม ชอบประจบประแจงถึงได้มีอคติกับการที่ใครไปพบก่อนหลัง เพราะถ้าคุณโตพอ และไม่อคติก็จะรู้ว่าทุกอย่างต้องทำงานเป็นทีม ทีมทุกอย่างสำคัญหมด แม้กระทั่งรถสูบน้ำ หรือรถห้องน้ำ คนปีนเขา แม้ไม่ใช่หนทางที่ทำให้เจอเด็ก แต่ทุกอย่างก็ทำงานกันเป็นทีมอย่างเป็นระบบ เด็กนั่งรออยู่จุดเดียว คนทำงานรอบด้าน ย่อมมีด้านนึงที่เป็นคนเจอเด็ก แต่ไม่ได้หมายความว่าด้านที่เหลือจะไม่สำคัญ

4. คนที่ออกมาพูดว่าเจ้าหน้าที่เจอเด็กๆ นานแล้ว แต่ไม่ยอมบอก เป็นพื้นที่สีแดงบ้างบลาๆ อย่าไปสนใจค่ะ ยิ่งคุณสนใจเค้าก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่เค้าคิดมันถูก ปล่อยให้เค้าเป็นบ้าไปอย่างนั้นไปเหอะ เพราะคนเราเปลี่ยนความคิดไม่ได้ง่ายๆ สักวันนึงที่เรื่องนี้มันผ่านไปแล้วเค้าย้อนกลับมาดูข้อความเก่าๆ ที่เค้าเขียนหรือตั้งกระทู้ เค้าจะรู้เองว่าตัวเค้านั้นโง่เขลานัก

ประเด็นที่อยากเล่าสู่กันฟังก็มีแค่นี้ค่ะ พวกที่ตั้งกระทู้แง่ลบแง่ร้ายที่ชอบบอกให้เปิดใจมองอีกด้านมองอีกมุม ก็เปิดใจดูมุมของคนส่วนใหญ่ (เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่) ที่คิดแบบเราบ้างนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่