ต้องบอกก่อนนะครับว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นแค่ครั้งที่สองที่สอบ ฮ่าๆ
ครั้งแรกผมสอบที่กรุงเทพเมื่อสองปีที่แล้วครับ
ครั้งนี้สอบเพราะว่าคะแนนเก่าจะหมดอายุ (สอบเพราะจำเป็นล้วนๆ แหะๆ)
เริ่มจากตื่นหกโมงเช้าไปถึงสนามสอบที่โรงแรม Shangri-La Hotels  เชียงใหม่ครับ ที่ห้องสุโขทัย
บรรยากาศก็เงียบเหงาน้อยๆ คนไม่เยอะเท่ากรุงเทพครับ
คนต่างชาติส่วนใหญ่ที่มาสอบถ้าให้เดา คนเชียงใหม่น่าจะตอบถูกกันหมดแน่ๆ 555 (คำตอบคือ คนจีนนั่นเองครับ ทั้งตี๋หมวยน่ารักไปหมด 555)
ประมาณ 08.00 น. เจ้าหน้าที่จะเรียกเข้าไปให้ฝากสัมภาระแล้วไปตรวจสอบชื่อแล้วลงชื่อยืนยันข้อมูล ถ่ายรูป แล้วก็เข้าห้องสอบไปนั่งที่
เออ *ลืมบอกไปอย่าลืมถ่ายสำเนา บัตรปชช/passport ที่ใช่สมัครด้วยนะครับ เอาไป 1 ฉบับ
ซึ่งแน่นอนครับผมลืม ฮ่าๆ เลยต้องขึ้นไปถ่ายเอกสารที่Lobby ชั้น 2 ของโรงแรม ค่าเสียหาย 6 บาทครับ
พอเข้าไปก็สำรวจห้องทีนี้ ห้องก็เป็นห้องเก็บเสียตามโรงแรมที่ใช้สอบ IELTS หรือสอบอื่นๆ สบายๆ โรงแรมระดับนี้
แต่...โต๊ะนั่งคนเดียวเว้ยเห้ย (คือตอนที่ผมสอบที่กรุงเทพโต๊ะนึงนั่งสองคน กดดัน ชห) แต่เดี๋ยวก่อนแต่โต๊ะติดกับเก้าอี้คนหน้าเลย ทำอะไรเราก็เลยเกรงใจแอบเซ็งนิดๆ แต่อย่างน้อยก็นั่งคนเดียวแหะหว่า
แล้วก็ยังสังเกตุอีกว่าเอ๊ะไม่มีหูฟังแหะ จำได้ว่าตอนสอบที่กรุงเทพมีหูฟังของใครของมันนะ
คหสต.ชอบหูฟังมากกว่ามันทำให้เราโฟกัสกับสำเนียงแรปแบบเจ้าของภาษาที่กำลังจะเผชิญ 555 และมันกันเสียงรบกวนภายนอกได้ดีกว่า
ลืมบอกอีกละ ผมได้นั่งติดประตูทางเข้าพอดี เสียงรบกวนเวลาเจ้าหน้าที่เดินเข้าหอหรือตอนที่มีคนไปเข้าห้องน้ำ ค่อนข้างเป็นอุปสรรคในการฟังสำหรับผมนะ
เอ๊ ดินสอที่ใช้เขียนใช่ ที่นี่ใช้ดินสอสอดไส้ครับ แต่จำได้ว่าครั้งก่อนที่สอบที่กรุงเทพเป็นดินสอไม้นะ (สำหรับผมดินสอไม้เขียนลื่นกว่าใน part writing ก็แล้วแต่คนครับอิอิ)
พอ 9 โมงเริ่มสอบ อากาศข้างในค่อนข้างหนาวไม่เอาเสื้อแขนยาวไปอีก ลืม
เป็นไปตามคาดครับ part listening เ_ี้ย ฟังไม่รู้เรื่องเลย เอาจริงๆรอบนี้ผมเตรียมตัวมาน้อยด้วยแหละ บวกกับปัจจัยแวดล้อม บราบรา ที่บอกไป
สรุป blank ทั้งกัวทั้งกระดาษคำตอบเลยครับ อห
ชั่งเหอะไปpart ต่อไป Reading เป็นช่วงที่ไปเข้าห้องน้ำได้ แต่ก้วยเวลาอันน้อยนิดเลยไม่ไปและคนที่ไปก็ออกประตูข้างๆนั่นเลยจ้า อยากที่บอกเกิดการโดนรบกวนนิดหน่อย เรื่องแรกน่าจะเรื่องนกๆนี่แหละ ในใจ_ูคะแนนแน่ๆรอบนี้ เรื่องแรงทำไปลอไปเกือบ 40 นาที ที่เหลือทำไง มั่วสิครับ โถ่ชีวิต
แล้วpart สุด้ทายของครึ่งเช้า writing เรื่องแรกเป็นตารางการผลิตน้ำมันได้ในแต่ละวันของบางประเทศในแอฟริกาใต้ครับ ก็ตามนั้น แต่ผมไม่รู้จะเขียนอะไร 555 ผมใช้วิธีนับบรรทัดเอาหนะครับ เขียนเท่าไหร่ก็ไม่ถึงที่ตั้งใจสักทีก็กินเวลาไปเกือบ 40 นาที เหลือ part 2 เขียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง life style ที่รวดเร็วมีผลต่อความสัมพันธ์ในสังคมอย่างไร 5555 จัดไปครับ มั่วไปครับ รอบนี้เขียนไม่ได้patternตามที่ตั้งใจไว้ และศัพท์ก็มั่วไปหมดเลย TT เศร้า เพราะเตรียมตัวมาน้อยเองแหละ
พอจบก็ดิ่งเข้าห้องน้ไทันทีครับไม่ไหวอย่างมาก
---------พักกินข้าวกลับมาสอบ speaking ต่อบ่าย ----------
(ส่วนนี้บางคนสอบไปแล้วเมื่อวานครับ การสอบ IELTS บางสอบ สามารถเลือกวันที่สอบ speaking ได้ตามที่กำหนดครับ ซึ่งอาจจะไม่ใช่วันเดียวกับที่สอบpart อื่นๆครับ)
ผมก็ไปนั่งกินข้าวทำใจสักแปป เดินไปกินก๋วยเตี๋ยวแถวนั้นแหละครับไม่อะไรมาก กินไม่ค่อยลง 555
หลังกินเสร็จกลับมานั่งทำใจ
รอเค้าเรียกไปตรวจสอบรายชื่อสแกนลายนิ้วมือ แล้วนั่งรอหน้าห้องสอบรอexaminerเรียกเข้าห้องครับ
พอเรียกเข้าไปก็ตื่นเต้นจากนิดหน่อยก็ค่อนข้างเยอะ 555
สั่นครับ ไม่รู้ทำไมเป็นเหมือนกันครั้งแล้ว
แต่examiner คนนี้สำหรับเราโอเคกว่าครั้งก่อนแหะ คือเป็นผู้ชายเหมือนกันครับวัยกลางคน แต่ครั้งก่อนของผมเป็นชายแก่ๆละ สำเนียงโอเคเลยฟังออก อาจะเพราะเราโตขึ้นด้วยแหละมั้งไม่รู้แต่สำเนียงไม่บริทิชจ๋าแบบลุงครั้งแล้วแกก้มหน้าพูดแล้วเราฟังไม่รู้เรื่องต้องให้เค้าทวนคำถามตั้งสามครั้งทุกคำถามเลยครับ(ครั้งแล้วคือกรุงเทพเมื่อ 2 ปีที่แล้วนะครับ) แล้วได้หัวข้อความสุขล่าสุดของคุณคืออะไร ที่ไหน กับใคร ก็แถไปครับ ผมศัพท์น้อยอะ คิดอะไรไม่ออก ก็ตะกุกตะกักกันไป 555 แล้วก็ออกมากลับบ้านทำหน้าเศร้า

สรุปคือเรื่องคะแนนชั่งมันเหอะ เอามาเล่าไว้เป็นประสบการณ์เพื่อเตือนตัวเองในครั้งต่อไป และเผื่อใครสนใจหรือกำลังจะไปสอบรอบต่อไปก็จะได้เตรียมตัวกันครับ ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยเก่งเรื่องนี้เลยครับ แต่ผมเชื่อว่าผมต้องทำได้ แม้ไม่ใช่รอบนี้ก็ต้องสักรอบที่ได้คะแนนที่หวังแหละครับ(แต่หลายรอบก็ไม่ดีครับค่าสอบ อือหื้อ ไม่ใช่ถูกๆตอนนี้ก็ 6900 บาทละ) เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับรวมถึงตัวผมด้วย keep fighting ครับ