ขออนุญาตเล่าเหตุการณ์โดยละเอียดยาวนิดนึงนะคะ
ประมาณ 3 เดือนก่อน ขับรถแล้วชนคนข้ามถนนค่ะ เหตุการณ์เป็นตอนกลางคืน ประมาณ 4 ทุ่มกว่า ฝนตก ถนน 3 เลน เราวิ่งเลนขวา ความเร็วประมาณ 40 กม/ชม แล้วมีคนวิ่งตัดหน้ารถ เบรคไม่ทันจริงๆ เค้ากระเด็นขึ้นมาบนฝากระโปรง กระแทกกระจกหน้ารถแตก หน้าเป็นแผล เลือดไหล แต่มีสติ เดินได้
ด้วยความตกใจ เรากับเพื่อนที่ไปด้วยก็รีบลงไปดูอาการ คนเจ็บเค้ามีสติดี เหมือนรู้ตัวนิดๆว่าวิ่งตัดหน้ารถ ก็ดูเกรงใจๆ แล้วก็ขึ้นรถ รีบพาไป รพ.ที่ใกล้ที่สุด ทาง รพ.ถามว่า ให้ทำแผลหรือตรวจสแกนเช็คละเอียด เราก็ให้เค้าสแกนตรวจเช็คให้ละเอียดว่ามีอะไรแตกหัก สมองกระทบกระเทือนอะไรมั้ย ก็ไม่มีอะไรรุนแรง ปกติดี มีแต่แผลที่หน้า สักพักทางญาติมา เค้าขอย้ายไปรักษา รพ.ประกันสังคม ใกล้บ้าน (เพชรบุรี) เราตามใจทุกอย่าง เอาที่เค้าสบายใจ ตอนหลังเค้าเลยเปลี่ยนใจจาก รพ.ประกันสังคม เป็นเข้ารักษาที่ รพ.กรุงเทพ
ระหว่างนั้น เราก็ติดต่อทางประกันเข้ามาช่วยดูแลจัดการให้ เราใช้ประกันชั้น 1 ของวิริยะ วงเงิน 1 ล้านบาท + พรบ. เลยไม่ค่อยกังวลอะไร ก็เลยให้ทางคนเจ็บเค้ารักษาเต็มที่ เอาที่เค้าสบายใจ ระหว่างนั้นเราก็ไป สน. ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพราะต้องใช้เป็นเอกสารในการเคลมประกันต่างๆ วันแรกเราก็เลยต้องลงบันทึกว่าเราเป็นฝ่ายผิด ทั้งๆที่เหตุการณ์จริงๆอย่างที่เล่า เค้าวิ่งตัดหน้ารถ เรามั่นใจว่าไม่ได้ขับเร็ว เพื่อนที่นั่งด้วยกันก็ไม่เห็นตอนเค้าวิ่งข้ามมา แล้วตรงนั้นก็ไม่ใช่ทางม้าลาย มีทางม้าลายอยู่ใกล้ๆ กับตำแหน่งที่เค้าข้าม ห่างไปประมาณ 50 เมตร แต่ ณ ตอนนั้น เราก็คิดแค่ว่า มีประกันชั้น1 ก็รับผิดไป ประกันจะได้ช่วยดูแลเค้าได้ เพราะเค้าก็บาดเจ็บ (คนเจ็บเป็นผู้ชาย อายุ 40 ปี)
คืนนั้น เราก็อยู่ดูแลเค้าตลอดที่ รพ. จนส่งเค้ากลับไปรักษา รพ.กรุงเทพ จากนั้น เราก็ไปเยี่ยมเค้าที่ รพ. 2-3 ครั้ง แล้วเค้าก็บอกมีอาการเจ็บเข่าเพิ่มเติม และได้ผ่าตัดเข่าด้วยวิธีส่องกล้อง รักษาตัวที่ รพ.กรุงเทพ รวม 10 วัน ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด 5แสนกว่าบาท ทางประกันก็เข้ามาดูแลจ่ายให้ทั้งหมดแล้ว
จากนั้น เค้าก็กลับไปพักฟื้นที่บ้าน หมอเขียนใบรับรองแพทย์ให้เค้าลางาน 6 เดือน!! (ปรึกษาเพื่อนหลายคนที่เป็นหมอ เค้าบอกผ่าเข่าวิธีส่องกล้องแบบนี้ หายเร็ว เดือนเดียวก็เดินได้ปกติแล้ว) แล้วทางญาติเค้า เมียเค้า ก็เริ่มมากดดัน จะขอค่าทำขวัญ ค่าชดเชยที่เค้าเสียรายได้ ก็ได้มีการนัดเจรจากันที่ สน. ประมาณ 2-3 ครั้ง ครั้งแรก เค้าจะเรียก 1ล้านบาท เค้าเอาเอกสารมาแสดงว่าเค้าเป็นเซลล์ มีรายได้เป็นเงินเดือนประจำ 20,000 + ค่าคอมมิสชั่น รวมเฉลี่ยเดือนละ 150,000 บาท (ค่าเฉลี่ยปี 2017 แต่แนวโน้มค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง ลดลงจาก 220,000 ปี 2015 เหลือ 180,000 ปี 2016) ต่อรองไปมา สุดท้ายล่าสุด ประกันยืนยันว่าจะจ่ายชดเชยให้เค้าได้แค่ 450,000 แต่ทางเค้ายังยืนยันจะเอา 600,000 บาท ทางตำรวจเจ้าของคดีก็ไม่ได้ช่วยคุยอะไร ให้ไกล่เกลี่ยกันเอง เค้าบอกกรณีนี้ ถ้าจะจบ เราต้องจ่ายเพิ่มเองอีก 150,000 ถ้าไกล่เกลี่ยไม่ได้ ต้องส่งสำนวนขึ้นฟ้องศาล
เรารู้สึกว่า ที่ผ่านมาเราดูแลเค้ามาตลอดแล้ว การรักษาและการเยียวยาที่ประกันรับผิดชอบก็เหมาะสมสมควรแล้ว ทำไมเราต้องมาจ่ายให้อีก เราแอบรู้สึกว่าเค้าคงคิดว่าทั้งหมดประกันจ่าย เรายังไม่ได้จ่ายสักบาท ควรต้องจ่ายให้เค้าด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การที่ประกันจ่ายให้เค้าขนาดนี้ ก็เพาะเบี้ยประกันที่เราจ่ายให้บริษัทประกันมั้ยอ่า ถ้าเค้าโชคไม่ดีไปเจอรถที่ไม่มีประกันชั้น1 จะมีใครดูแลให้เค้าขนาดนี้รึเปล่า เราพยายามเจรจาแล้ว แต่ทางโน้นเค้าก็แข็ง ยืนที่ตัวเลข 600,000 นี้ท่าเดียว โดยเฉพาะเมียและแม่เค้าก็ดูจะกดดันเรามากๆ
ย้อนกลับไปวันแรกที่เกิดเหตุการณ์ว่ามันควรจะเป็นการประมาทร่วมด้วยซ้ำ แต่มันไม่มีหลักฐาน กล้องวงจรปิดที่มี ก็ไม่มีภาพ ณ จุดเกิดเหตุ
เราอยากให้เรื่องมันจบไป ไม่อยากให้ต้องเป็นคดีอะไรให้มันวุ่นวาย เพราะเราเสียเปรียบที่ยอมรับผิดในวันแรกไป และเรื่องที่อาจต้องมีความผิดอาญาติดตัว อยากรบกวนถามความเห็นท่านๆทั้งหลายดังนี้ค่ะ
1. ถ้าตกลงกันไม่ได้ แล้วต้องส่งสำนวนฟ้อง ในคดีอาญา มีโอกาสที่ศาลจะตัดสินให้เป็นการประมาทร่วมมั้ยคะ? ถ้าเป็นประมาทร่วม การรับผิดนี่ต้องรับผิดร่วมกันทั้ง 2 ฝ่ายใช่มั้ยคะ? ถ้ามีโอกาสที่ศาลจะตัดสินเป็นประมาทร่วม ทางโน้นคงไม่กล้าฟ้อง เพราะประกันคงเรียกคืนค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยบางส่วนที่เค้าจ่ายให้ไปแล้ว
2. ถ้าศาลอาญาตัดสินให้เราผิด การมีความผิดอาญาติดตัว มันจะมีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของเรามั้ยคะ? การทำธุรกรรมที่สถานทูต ที่ธนาคาร ทำวีซ่า ทำกู้ธนาคารไรงี้ คือกังวล ห่วง ไม่อยากมีประวัติเสียน่ะค่ะ
3. ถ้าต้องไปฟ้องแพ่งต่อ การพิจารณาของศาลแพ่ง มีโอกาสที่เรายังจะต้องจ่ายชดเชยเพิ่มให้ตามที่เค้าเรียกร้องอีกมั้ยคะ?
4. กรณีแบบนี้ ถ้าอยากให้เรื่องจบ โดยที่เราไม่ต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่ม ควรต้องทำอย่างไรดีคะ
รบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ
ขับรถชนคนเจ็บ ดูแลอย่างดีตามสมควร ตกลงเรื่องค่าชดเชยไม่ได้
ประมาณ 3 เดือนก่อน ขับรถแล้วชนคนข้ามถนนค่ะ เหตุการณ์เป็นตอนกลางคืน ประมาณ 4 ทุ่มกว่า ฝนตก ถนน 3 เลน เราวิ่งเลนขวา ความเร็วประมาณ 40 กม/ชม แล้วมีคนวิ่งตัดหน้ารถ เบรคไม่ทันจริงๆ เค้ากระเด็นขึ้นมาบนฝากระโปรง กระแทกกระจกหน้ารถแตก หน้าเป็นแผล เลือดไหล แต่มีสติ เดินได้
ด้วยความตกใจ เรากับเพื่อนที่ไปด้วยก็รีบลงไปดูอาการ คนเจ็บเค้ามีสติดี เหมือนรู้ตัวนิดๆว่าวิ่งตัดหน้ารถ ก็ดูเกรงใจๆ แล้วก็ขึ้นรถ รีบพาไป รพ.ที่ใกล้ที่สุด ทาง รพ.ถามว่า ให้ทำแผลหรือตรวจสแกนเช็คละเอียด เราก็ให้เค้าสแกนตรวจเช็คให้ละเอียดว่ามีอะไรแตกหัก สมองกระทบกระเทือนอะไรมั้ย ก็ไม่มีอะไรรุนแรง ปกติดี มีแต่แผลที่หน้า สักพักทางญาติมา เค้าขอย้ายไปรักษา รพ.ประกันสังคม ใกล้บ้าน (เพชรบุรี) เราตามใจทุกอย่าง เอาที่เค้าสบายใจ ตอนหลังเค้าเลยเปลี่ยนใจจาก รพ.ประกันสังคม เป็นเข้ารักษาที่ รพ.กรุงเทพ
ระหว่างนั้น เราก็ติดต่อทางประกันเข้ามาช่วยดูแลจัดการให้ เราใช้ประกันชั้น 1 ของวิริยะ วงเงิน 1 ล้านบาท + พรบ. เลยไม่ค่อยกังวลอะไร ก็เลยให้ทางคนเจ็บเค้ารักษาเต็มที่ เอาที่เค้าสบายใจ ระหว่างนั้นเราก็ไป สน. ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพราะต้องใช้เป็นเอกสารในการเคลมประกันต่างๆ วันแรกเราก็เลยต้องลงบันทึกว่าเราเป็นฝ่ายผิด ทั้งๆที่เหตุการณ์จริงๆอย่างที่เล่า เค้าวิ่งตัดหน้ารถ เรามั่นใจว่าไม่ได้ขับเร็ว เพื่อนที่นั่งด้วยกันก็ไม่เห็นตอนเค้าวิ่งข้ามมา แล้วตรงนั้นก็ไม่ใช่ทางม้าลาย มีทางม้าลายอยู่ใกล้ๆ กับตำแหน่งที่เค้าข้าม ห่างไปประมาณ 50 เมตร แต่ ณ ตอนนั้น เราก็คิดแค่ว่า มีประกันชั้น1 ก็รับผิดไป ประกันจะได้ช่วยดูแลเค้าได้ เพราะเค้าก็บาดเจ็บ (คนเจ็บเป็นผู้ชาย อายุ 40 ปี)
คืนนั้น เราก็อยู่ดูแลเค้าตลอดที่ รพ. จนส่งเค้ากลับไปรักษา รพ.กรุงเทพ จากนั้น เราก็ไปเยี่ยมเค้าที่ รพ. 2-3 ครั้ง แล้วเค้าก็บอกมีอาการเจ็บเข่าเพิ่มเติม และได้ผ่าตัดเข่าด้วยวิธีส่องกล้อง รักษาตัวที่ รพ.กรุงเทพ รวม 10 วัน ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด 5แสนกว่าบาท ทางประกันก็เข้ามาดูแลจ่ายให้ทั้งหมดแล้ว
จากนั้น เค้าก็กลับไปพักฟื้นที่บ้าน หมอเขียนใบรับรองแพทย์ให้เค้าลางาน 6 เดือน!! (ปรึกษาเพื่อนหลายคนที่เป็นหมอ เค้าบอกผ่าเข่าวิธีส่องกล้องแบบนี้ หายเร็ว เดือนเดียวก็เดินได้ปกติแล้ว) แล้วทางญาติเค้า เมียเค้า ก็เริ่มมากดดัน จะขอค่าทำขวัญ ค่าชดเชยที่เค้าเสียรายได้ ก็ได้มีการนัดเจรจากันที่ สน. ประมาณ 2-3 ครั้ง ครั้งแรก เค้าจะเรียก 1ล้านบาท เค้าเอาเอกสารมาแสดงว่าเค้าเป็นเซลล์ มีรายได้เป็นเงินเดือนประจำ 20,000 + ค่าคอมมิสชั่น รวมเฉลี่ยเดือนละ 150,000 บาท (ค่าเฉลี่ยปี 2017 แต่แนวโน้มค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง ลดลงจาก 220,000 ปี 2015 เหลือ 180,000 ปี 2016) ต่อรองไปมา สุดท้ายล่าสุด ประกันยืนยันว่าจะจ่ายชดเชยให้เค้าได้แค่ 450,000 แต่ทางเค้ายังยืนยันจะเอา 600,000 บาท ทางตำรวจเจ้าของคดีก็ไม่ได้ช่วยคุยอะไร ให้ไกล่เกลี่ยกันเอง เค้าบอกกรณีนี้ ถ้าจะจบ เราต้องจ่ายเพิ่มเองอีก 150,000 ถ้าไกล่เกลี่ยไม่ได้ ต้องส่งสำนวนขึ้นฟ้องศาล
เรารู้สึกว่า ที่ผ่านมาเราดูแลเค้ามาตลอดแล้ว การรักษาและการเยียวยาที่ประกันรับผิดชอบก็เหมาะสมสมควรแล้ว ทำไมเราต้องมาจ่ายให้อีก เราแอบรู้สึกว่าเค้าคงคิดว่าทั้งหมดประกันจ่าย เรายังไม่ได้จ่ายสักบาท ควรต้องจ่ายให้เค้าด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การที่ประกันจ่ายให้เค้าขนาดนี้ ก็เพาะเบี้ยประกันที่เราจ่ายให้บริษัทประกันมั้ยอ่า ถ้าเค้าโชคไม่ดีไปเจอรถที่ไม่มีประกันชั้น1 จะมีใครดูแลให้เค้าขนาดนี้รึเปล่า เราพยายามเจรจาแล้ว แต่ทางโน้นเค้าก็แข็ง ยืนที่ตัวเลข 600,000 นี้ท่าเดียว โดยเฉพาะเมียและแม่เค้าก็ดูจะกดดันเรามากๆ
ย้อนกลับไปวันแรกที่เกิดเหตุการณ์ว่ามันควรจะเป็นการประมาทร่วมด้วยซ้ำ แต่มันไม่มีหลักฐาน กล้องวงจรปิดที่มี ก็ไม่มีภาพ ณ จุดเกิดเหตุ
เราอยากให้เรื่องมันจบไป ไม่อยากให้ต้องเป็นคดีอะไรให้มันวุ่นวาย เพราะเราเสียเปรียบที่ยอมรับผิดในวันแรกไป และเรื่องที่อาจต้องมีความผิดอาญาติดตัว อยากรบกวนถามความเห็นท่านๆทั้งหลายดังนี้ค่ะ
1. ถ้าตกลงกันไม่ได้ แล้วต้องส่งสำนวนฟ้อง ในคดีอาญา มีโอกาสที่ศาลจะตัดสินให้เป็นการประมาทร่วมมั้ยคะ? ถ้าเป็นประมาทร่วม การรับผิดนี่ต้องรับผิดร่วมกันทั้ง 2 ฝ่ายใช่มั้ยคะ? ถ้ามีโอกาสที่ศาลจะตัดสินเป็นประมาทร่วม ทางโน้นคงไม่กล้าฟ้อง เพราะประกันคงเรียกคืนค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยบางส่วนที่เค้าจ่ายให้ไปแล้ว
2. ถ้าศาลอาญาตัดสินให้เราผิด การมีความผิดอาญาติดตัว มันจะมีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของเรามั้ยคะ? การทำธุรกรรมที่สถานทูต ที่ธนาคาร ทำวีซ่า ทำกู้ธนาคารไรงี้ คือกังวล ห่วง ไม่อยากมีประวัติเสียน่ะค่ะ
3. ถ้าต้องไปฟ้องแพ่งต่อ การพิจารณาของศาลแพ่ง มีโอกาสที่เรายังจะต้องจ่ายชดเชยเพิ่มให้ตามที่เค้าเรียกร้องอีกมั้ยคะ?
4. กรณีแบบนี้ ถ้าอยากให้เรื่องจบ โดยที่เราไม่ต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่ม ควรต้องทำอย่างไรดีคะ
รบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ