“วิทยา” เผย เพื่อไทยไม่มีนโยบายดูดอดีต ส.ส.ไทยรักไทย กลับคืน หลังเข้าร่วมกลุ่มสามมิตร ลงสมัครพลังประชารัฐ หนุน “บิ๊กตู่” เป็นนายกอีกสมัย ยันอดีต ส.ส.เหนือไม่มีใครหนีย้ายพรรค ยังอยู่ครบทุกคน ชี้ทุกพรรคลงผู้สมัครทุกเขต หวังได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่ม เชื่อมีผู้สมัครเขตละ 10-20 คน มากกว่าเดิม 2-3 เท่าตัว ส่งผลเลือกตั้งใหญ่แข่งขันอย่างเข้มข้นมากขึ้น
วันนี้ (29 มิ.ย) นายวิทยา ทรงคำ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ เขต 4 พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีกลุ่มสามมิตร ดึงดูดอดีต ส.ส. 83 รายเข้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯอีกสมัย ว่า เป็นเรื่องปกติทางการเมือง ที่ต้องแข่งขันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ส่วนอดีต ส.ส.ภาคเหนือ ที่ไปร่วมพรรคดังกล่าว อาทิ นายสันติ ตันสุหัส นายโสภณ โกชุม นายปัญญา จีนาคำ และนายบัวสอน ประชามอญ เป็นอดีต ส.ส.ไทยรักไทย ไม่ใช่ ส.ส.เพื่อไทย จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคอีก และไม่ห่วงกังวลที่ต้องมาแข่งขันเลือกตั้งสมัยหน้า เพราะประชาชน และฐานเสียงภาคเหนือ ยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่
“อดีตส.ส.ไทยรักไทย ที่ไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันทางพรรคไม่มีนโยบายดูดอดีต ส.ส.คืน เพราะอดีต ส.ส.เพื่อไทย ภาคเหนือทุกเขต ยังยืนยันอยู่กับพรรคครบทุกคน ไม่หนีไปย้ายไปไหน จึงไม่จำเป็นต้องไปดูดหรือชักชวน อดีต ส.ส.พรรคอื่นเข้าร่วมเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งการเลือกตั้ง ส.ส. พรรคที่หวังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ต้องส่งผู้สมัครลงครบทุกเขต เพื่อหวังคะแนนจากส.ส.เขต และระบบบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตั้ลิสต์ เนื่องจากบัตรเลือกตั้ง 1 ใบกาทั้ง ส.ส.เขต และพรรค แม้ไม่ได้อันดับ 1 หากเป็นที่ 2 และ 3 ก็มีคะแนนปาร์ตี้ลิสต์เพิ่ม เพราะคะแนน ส.ส.เขต และพรรค ต้องนำมารวมกันทั้งหมด ทุกพรรคจึงมีโอกาสได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่ม”
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่กำหนดให้มี ส.ส. 500 คน เป็น ส.ส.เขต 350 คน และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อีก 150 คน เชื่อว่ามีผู้สมัคร ส.ส.เขตละ 10-20 คน จากทุกพรรค เพิ่มขึ้นจากเดิม 2-3 เท่าตัว ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างเข้มข้นมากขึ้น แต่ไม่ห่วงหรือกังวลอะไร สุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ขอให้สู้กันตามกฏกติกาที่เป็นธรรม ไม่เอนเอียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สิ่งที่เป็นห่วง คือ การกลั่นแกล้ง ใส่ร้ายป้ายสี สร้างเรื่องเท็จร้องเรียนฝ่ายตรงข้ามมากกว่า
JJNY : อดีตส.ส.เชียงใหม่ เผย พท.ไร้นโยบายดูดคืน ยัน! ไม่รับกลับพวกหนีซบพลังประชารัฐ
วันนี้ (29 มิ.ย) นายวิทยา ทรงคำ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ เขต 4 พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีกลุ่มสามมิตร ดึงดูดอดีต ส.ส. 83 รายเข้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯอีกสมัย ว่า เป็นเรื่องปกติทางการเมือง ที่ต้องแข่งขันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ส่วนอดีต ส.ส.ภาคเหนือ ที่ไปร่วมพรรคดังกล่าว อาทิ นายสันติ ตันสุหัส นายโสภณ โกชุม นายปัญญา จีนาคำ และนายบัวสอน ประชามอญ เป็นอดีต ส.ส.ไทยรักไทย ไม่ใช่ ส.ส.เพื่อไทย จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคอีก และไม่ห่วงกังวลที่ต้องมาแข่งขันเลือกตั้งสมัยหน้า เพราะประชาชน และฐานเสียงภาคเหนือ ยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่
“อดีตส.ส.ไทยรักไทย ที่ไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันทางพรรคไม่มีนโยบายดูดอดีต ส.ส.คืน เพราะอดีต ส.ส.เพื่อไทย ภาคเหนือทุกเขต ยังยืนยันอยู่กับพรรคครบทุกคน ไม่หนีไปย้ายไปไหน จึงไม่จำเป็นต้องไปดูดหรือชักชวน อดีต ส.ส.พรรคอื่นเข้าร่วมเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งการเลือกตั้ง ส.ส. พรรคที่หวังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ต้องส่งผู้สมัครลงครบทุกเขต เพื่อหวังคะแนนจากส.ส.เขต และระบบบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตั้ลิสต์ เนื่องจากบัตรเลือกตั้ง 1 ใบกาทั้ง ส.ส.เขต และพรรค แม้ไม่ได้อันดับ 1 หากเป็นที่ 2 และ 3 ก็มีคะแนนปาร์ตี้ลิสต์เพิ่ม เพราะคะแนน ส.ส.เขต และพรรค ต้องนำมารวมกันทั้งหมด ทุกพรรคจึงมีโอกาสได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่ม”
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่กำหนดให้มี ส.ส. 500 คน เป็น ส.ส.เขต 350 คน และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อีก 150 คน เชื่อว่ามีผู้สมัคร ส.ส.เขตละ 10-20 คน จากทุกพรรค เพิ่มขึ้นจากเดิม 2-3 เท่าตัว ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างเข้มข้นมากขึ้น แต่ไม่ห่วงหรือกังวลอะไร สุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ขอให้สู้กันตามกฏกติกาที่เป็นธรรม ไม่เอนเอียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สิ่งที่เป็นห่วง คือ การกลั่นแกล้ง ใส่ร้ายป้ายสี สร้างเรื่องเท็จร้องเรียนฝ่ายตรงข้ามมากกว่า