ใครตะแบง ดราม่าถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2018

และแล้ว ดราม่าฟุตบอลโลก 2018 ระลอกสองก็เกิดขึ้นจนได้ หนีไม่พ้นเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์ฟีฟ่า คราวนี้เป็นคิวของเอไอเอส ที่ไปออกอากาศการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ผ่านทางแอปพลิเคชั่น AIS PLAY โดยไม่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์จากฟีฟ่า

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดจากการที่เอไอเอสออกอากาศการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ผ่านแอปพลิเคชั่น AIS Play และ AIS Play Box ตั้งแต่นัดแรกที่เปิดฉากถ่ายทอดสด ซึ่งทางทรูวิชั่นส์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางให้มีคำสั่งให้เอไอเอสยุติการแพร่ภาพดังกล่าว


เอไอเอสออกอากาศแล้วผิดยังไง

อันนี้ขอแบ่งเป็น 2 เคส คือ

1. ออกอากาศผ่าน AIS Play Box ... ข้อนี้เหตุผลคือ AIS Play Box สามารถออกอากาศได้จริง ภายใต้กฎ Must Carry ของกสทช. เพราะถือเป็นฟรีทีวี ซึ่งก็เหมือน ๆ กับที่เราดูทีวีที่บ้านผ่านกล่อง PSI หรือกล่องอื่น ๆ เป็นต้น

ดังนั้น เอไอเอสจึงยังมีสิทธิ์ที่จะออกอากาศการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ทางช่องทางนี้ได้ต่อไป แต่ไม่ทราบว่าทำไมเอไอเอสจึงระงับการออกอากาศทางช่องทางนี้ด้วย ซึ่งไม่เกี่ยวกับการที่ทรูวิชั่นส์ฟ้องร้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ เลย (เพราะทรูวิชั่นส์ฟ้องแค่กรณีออกอากาศผ่านแอปพลิเคชั่นเท่านั้น ไม่ได้ฟ้องเรื่องออกอากาศผ่านทางกล่องทีวี)

2. ออกอากาศผ่านแอปพลิเคชั่น AIS PLAY ... ข้อนี้ตามกฎของฟีฟ่า คือ ทรูวิชั่นส์ซึ่งได้รับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดอย่างเป็นทางการ จึงต้องแจ้งให้ทางฟีฟ่ารับทราบว่าจะให้ใครออกอากาศได้บ้าง ซึ่งทางทรูวิชั่นส์ได้แจ้งไปแล้วว่า การออกอากาศผ่านทางช่องฟรีทีวีจะมีช่อง ททบ.5, อัมรินทร์ทีวี และ True4U ส่วนการออกอากาศผ่าน Mobile Application จะมีเพียง TrueID เท่านั้น

ดังนั้น กรณีที่เอไอเอสนำสัญญาณการออกอากาศจากฟรีทีวีไปออกในแอปพลิเคชั่น AIS Play จึงถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของฟีฟ่า ที่คุ้มครองเฉพาะช่องทางที่ผู้ได้รับลิขสิทธิ์คือทรูวิชั่นส์แจ้งให้ทราบเท่านั้น (อันนี้ในทางมารยาท ก็น่าแปลกใจนะครับ สำหรับบริษัทใหญ่และมีชื่อเสียงอย่างเอไอเอส ที่ได้รับรางวัลด้านธรรมาภิบาลจาก DJSI ที่จะมาพลาดอะไรง่าย ๆ แบบนี้)

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ทำไมทรูวิชั่นส์ต้องฟ้องร้องเอไอเอสต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ

จากข้อ 2. ข้างต้น เมื่อเอไอเอสออกอากาศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฟีฟ่า และไม่ได้ขอให้ทรูวิชั่นส์ซึ่งเป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการ ช่วยไปขอทางฟีฟ่าให้ ทรูวิชั่นส์ก็ต้องทำตามหน้าที่ เพราะถ้าไม่ทำ ทรูวิชั่นส์ก็จะมีความผิดและต้องรับผิดชอบเอง ซึ่งเป็นภาระหนักที่ไม่น่าจะแบกไหว และหากฟีฟ่าเกิดฟ้องร้องทรูวิชั่นส์ขึ้นมา เอไอเอสคงไม่มาช่วยทรูวิชั่นส์เป็นแน่ ที่สำคัญประเทศไทยก็จะโดนแบนจากการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในครั้งต่อ ๆ ไป (อันนี้สำคัญนะครับ)

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

คำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ

หลังจากทรูวิชั่นส์ยื่นคำร้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ แล้ว ต่อมา วันที่ 26 มิ.ย. 2561 ศาลได้มีคำสั่งให้เอไอเอสยุติการแพร่ภาพผ่านแอปพลิเคชั่น AIS PLAY ในทันที และให้แจ้งผู้ชมผู้ใช้บริการภายใน 48 ช.ม. ซึ่งเอไอเอสเพิ่งออกประกาศแจ้งเมื่อคืนนี้ 28 มิ.ย.

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

บทสรุปเรื่องนี้ คือ แม้เอไอเอสจะยุติการออกอากาศ แต่ยังไงทุกคนก็ยังสามารถดูการถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2018 ตามช่องทางที่ถูกลิขสิทธิ์ได้เหมือนเดิมครับ ทางช่อง True4U 24, ช่อง 5 และ Amarin TV 34
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่