Ⓒ
Ⓒ
ⒸAmada44/Wikimedia
Ⓒ
บ้านรูปเกือกม้าที่สร้างด้วยดินโคลนอยู่ใกล้กับหมู่บ้าน Mateka ใน
Lesotho
มีการดูแลและบำรุงรักษาเป็นอย่างดี
ทำให้ดูเหมือนสร้างขึ้นมาเมื่อไม่นานนี้
แม้ว่าบ้านเหล่านี้จะมีอายุเกือบ 200 ปีแล้วก็ตาม
และยังคงใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนรุ่นหลัง
ที่เป็นรุ่นหลานเหลนของเจ้าของคนเดิม
ที่สร้างไว้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19
Ha Kome Cave Village ตั้งอยู่ในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย
และสวยงามแห่งหนึ่ง ใน Lesotho
ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
ซึ่งรายล้อมไปด้วย
South Africa
ชาว Lesotho ในทุกวันนี้เดิม คือ สถานที่อยู่
อาศัยของชนเผ่า
Sotho–Tswana
ต่อมาไม่นานเมื่อชนเผ่า
Zulu เริ่มโจมตีหมู่บ้านต่าง ๆ
แล้วรุกคืบเข้าไปในดินแดนของพวกเขา
บีบบังคับให้ชนเผ่า
Sothos
ต้องหนีเข้าไปในเขตภูเขา เพราะถูกโจมตี
อย่างต่อเนื่องจากชนเผ่า Zulu
จึงบีบบังคับชนเผ่าท้องถิ่นต้องร่วมมือกัน
เพื่อตอบโต้และป้องกันตนเอง
ในปี 1824
Moeshoeshoe ได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นพระราชา
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างแรง
ทั้งสับสนวุ่นวาย ทั้งยังมีสงครามที่เป็นที่รู้จักกัน
ในชื่อ
Difaqane/Mfecane
และเป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์
ของ Lesotho ในช่วงสงคราม Difaqane
นี้มีการ
กินเนื้อคน กันอย่างขนานใหญ่
ภัยแล้งจึงเกิดการทำสงครามและการปล้นสะดม
เพราะเกิดความอดอยากอย่างรุนแรงมาก
จนทำให้ชนเผ่าในหลายส่วนของ Lesotho
เริ่มหันหน้ามากินเนื้อคนกัน
จากเดิมที่เริ่มต้นจากความหิวโหย
กลายเป็นว่ากลายเป็นนิสัยชอบกินเนื้อคน
หรือที่รู้จักกันว่า
Cannibals
นักล่าคนจะทำการล่าคนแทนการล่าสัตว์
และออกเดินทางหาเหยื่อทุกวันเพื่อการนี้
ในช่วงทศวรรษที่ 1860
D.F. Ellenberger นักเผยแผ่ศาสนา
ที่เข้ามาใน Losotho ได้ประมาณการว่า
มีพวกกินเนื้อคนราว 4,000 คน
ในช่วงปี ค.ศ.1822 ถึงปี ค.ศ. 1828 (72 เดือน)
จะมีการกินเนื้อคนเฉลี่ยเดือนละหนึ่งคน
ทำให้ระบุตัวเลขประมาณได้ว่า
มีคนถูกกินราว 288,000 คน
เพราะประมาณการว่ามีผู้คนราว 1 -2 ล้านคน
ที่เสียชีวิตเพราะสงครามภายในที่กินเวลา 10 ปี
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Amada44/Wikimedia
Ⓒ
เพื่อหลีกเลี่ยงและหลบหนีจากการถูกสังหาร
และการถูกกินที่น่าสยดสยอง
ชนเผ่าบางกลุ่มจึงหลบหนีไปยัง
หมู่บ้าน Ha Kome Cave Village
แล้วสร้างบ้านโคลนไว้ในภายถ้ำ
บ้านโคลนเหล่านี้อยู่ใต้ก้อนหินขนาดใหญ่
ที่ยื่นออกมาเป็นหลังคาบ้านพร้อมกับทำหน้าที่เป็นกำแพงหินแนวป้องกันด้านหลังบ้าน
แบบหลังชนฝาต้องสู้ตายแนวรบด้านหน้า
พระราชา Moeshoeshoe ก็ยังได้รับ
ผลกระทบจากการถูกคนกินเนื้อคน
ปู่ของพระองค์ก็ถูกลักพาตัวไป
และถูกจับกินเนื้อตอนเดินทางผ่านพื้นที่คนกินคน
เมื่อพระราชารับรู้เรื่องโศกนาฏกรรมดังกล่าวนี้
แทนที่จะคิดแก้แค้น แต่กลับคิดแก้ไข
ด้วยการตัดสินใจสร้างสันติภาพกับพวกคนกินคน
พระราชา Moshoeshoe ได้สั่งให้
นักรบจับเป็นพวกคนกินคน
โดยห้ามทำอันตรายกับพวกคนกินคน
แต่ให้จัดงานเลี้ยงที่ฟุ่มเฟือยแทน
ในตอนงานเลี้ยงเลิกแล้ว ได้ยื่นข้อเสนอ
ที่ปฏิเสธไม่ได้ ให้พวกคนกินเนื้อคน
โดยมอบวัวให้คนละหนึ่งตัว
บ้านพร้อมที่ดินคนละหนึ่งแปลง พร้อมกับตรัสว่า
" หลุมฝังศพปู่ข้าอยู่ในร่างกายของพวกแก
และพวกแกเป็นเพื่อนผองน้องพี่ของพวกเรา "
Ⓒ
Ⓒ
King Moeshoeshoe กับคณะเสนาบดี
Ⓒ
พระราชา Moshoeshoe เป็นผู้นำที่ฉลาด
มีเมตตา และมีไหวพริบด้วยวิธีการ
ที่มาก่อนเวลาในยุคนั้นด้วยข้อเสนอเชิงการทูต
อาจมีอิทธิพลต่อผู้นำแอฟริกาใต้ในยุคปัจจุบัน
และตัวอย่างของพระราชา Moshoeshoe
ที่ให้อภัยโทษกับคนกินคนที่กินปู่ของพระองค์
ได้มีการเปรียบเทียบกับการสมานฉันท์ของ
Nelson Mandela ที่ดื่มชาร่วมกับ
Betsy Verwoerd ภรรยาของ
Hendrik Verwoerd อดีตนายกรัฐมนตรีแอฟริกาใต้ ในยุคยังแบ่งแยกสีผิวภายในประเทศ
ชนชั้นผิวขาว คือ ราชา
ส่วนชนชั้นผิวดำ คือ ขี้ข้า
ในช่วงปลายยุค 1830 การกินเนื้อคนจึงยุติลง
แต่เรื่องราวเหล่านี้ยังเป็นตำนาน
ที่มีการบอกเล่าและขับขานเป็นบทเพลง
ในงานวรรณกรรมและตำราประวัติศาสตร์
เรื่องราวที่ได้รับการเติมเต็ม
ด้วยการมีอยู่ของบ้านในถ้ำ
เช่น Ha Kome Cave Village และสถานที่อื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการกินเนื้อคนในพื้นที่แห่งนี้
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/qRvKDP
https://goo.gl/4uFUtg
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Chr. Offenberg/Shutterstock
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Gil. K/Shutterstock
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Amada44/Wikimedia
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ
บ้านในถ้ำ Massitissi ที่ D. F. Ellenberger
กับครอบครัวพำนักอาศัยช่วง Boer War
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ
ตำนานคนกินคนของไทย
ซีอุย (จีน: 细伟; พินอิน: Xì wěi;
พ.ศ. 2470 — 16 กันยายน พ.ศ. 2502)
มีชื่อจริงว่า หลีอุย แซ่อึ้ง เป็นชาวจีน
แต่คนไทยเรียกเพี้ยนเป็น ซีอุย
ที่สันนิษฐานว่าเป็นฆาตกรที่ฆ่าเด็ก
และนำตับมาต้มกิน อย่างต่อเนื่อง
ในช่วงปี พ.ศ. 2497–2501
มีเด็กอย่างน้อย 6 คนที่ถูกซีอุยสังหาร
กลายเป็นตำนานเล่าขานอย่างกว้างขวาง
ในเรื่องของฆาตกรต่อเนื่องและคนกินคนในไทย
จนกลายเป็นคำที่ผู้ใหญ่มักใช้ขู่เด็กดื้อว่า
เดี๋ยว ซีอุยจะมากินตับ
และถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์
รวมถึงภาพยนตร์ในภายหลัง
ซีอุย เป็นลูก นายซุงฮ้อ-นางไป๋ตึ๋ง (จีนแคะ)
ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์รายวันระบุว่า
เกิดที่หมู่บ้านปึงไต๋ ตำบลหงอหงวน
จังหวัดหุ้ยล้ง มณฑลเอ้ห
เป็นลูกคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 4 คน
ในครอบครัวยากจนที่ทำการเกษตร
เมื่อยังเป็นเด็กและเป็นวัยรุ่น
ซีอุยมีส่วนสูงเพียง 150 เซนติเมตรเท่านั้น
จึงมักถูกคนรังแกอยู่เสมอ
จนกระทั่งมีนักบวชรูปหนึ่งได้ให้คำแนะนำว่า
ถ้าอยากจะมีร่างกายแข็งแรงต้องกินเนื้อคน
หรืออวัยวะคน คำสอนนี้ได้ฝังใจซีอุยตลอดมา
ในปี พ.ศ. 2488 ซีอุยอายุครบ 18 ปีเต็ม
ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารรบในสงครามโลกครั้งที่ 2
ประจำการในหน่วยรบทหารราบที่ 8
ในขณะที่จีนและญี่ปุ่นทำสงครามกันอยู่
ซีอุยถูกส่งไปรบในสมรภูมิพม่า
แนวรบตามรอยต่อตะเข็บชายแดนของจีน
เป็นเวลาถึง 1 ปีเต็มที่ต้องเผชิญกับ
ความลำบากและเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายตลอด
อาหารก็ขาดแคลน ขณะที่เพื่อนทหาร
ก็ทยอยตายไปเรื่อย ๆ จากการสู้รบ
ซีอุยจึงได้ลิ้มรสชาติเนื้อคนเป็นครั้งแรกจากที่นี่
เมื่อสงครามสงบ ซีอุยถูกปลดประจำการ
ด้วยความแร้นแค้น ซีอุยถูกเพื่อน ๆ ชักชวน
ให้เข้ามาหางานทำในเมืองไทย
โดยหลบหนีเข้าเมืองมาด้วยการเป็นกรรมกรรับจ้างในเรือขนส่งสินค้าชื่อ โคคิด
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2489
ด้วยการหลบซ่อนมาเป็นเวลา 3 สัปดาห์เต็ม
โดยขึ้นฝั่งที่ท่าเรือคลองเตย และหลบซ่อนตัว
ในโรงแรมห้องแถวเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
ต่อมาได้เดินทางไปยังอำเภอทับสะแก
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อไปหาญาติที่นั่น
ซีอุยทำงานด้วยการรับจ้างทำสวนผัก
และรับจ้างทั่วไปเป็นเวลานานถึง 8 ปีเต็ม
ก่อนที่ซีอุยจะก่ออาชญากรรม
โดยที่ซีอุยมีนิสัยชอบเกาหัวและหาวอยู่เสมอ ๆ
มีบุคลิกชอบเก็บตัว
ซีอุยได้จับเด็กมาผ่าเอาตับมากิน
โดยเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ
โดยได้ฆ่าเด็ก 3 รายแรก
ที่อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ก่อนที่จะหลบหนีไปโดยรถไฟ
และก่อเหตุอีกที่งานฉลองตรุษจีน ปี พศ.2500
ที่บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม
สุดท้ายถูกจับได้หลังจากคดีฆาตกรรม
ในจังหวัดระยองซึ่งถูกพบ เมื่อปี พ.ศ. 2501
ซึ่งมีเหยื่อรายแรกและเป็นเพียงรายเดียวเท่านั้น
ที่รอดชีวิตมาได้ เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ
ซีอุยถูกจับขังคุกและประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2502
โดยคำสั่งมาตรา 17 ของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีที่มาจากการรัฐประหาร
เพราะในระหว่างดำเนินคดี 9 วัน
ซีอุยยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือ 7 คดี
และจิตแพทย์ลงความเห็นว่า ซีอุยไม่ได้เป็นบ้า
แต่ก็มีความเชื่อของคนร่วมสมัยในพื้นที่เกิดเหตุ
รวมถึงคนทั่วไปบางส่วนที่เชื่อว่า
ซีอุยมิได้เป็นฆาตกรตัวจริง
แต่ฆาตกรตัวจริงเป็นลูกชาย
ของบุคคลที่มีอิทธิพลในท้องที่
ที่ซีอุยรับสารภาพไปอาจเป็นไปได้ว่า
ถูกเจ้าหน้าที่เกลี้ยกล่อมให้รับสารภาพไปก่อน
แล้วจะได้รับการลดหย่อนโทษในภายหลัง
เพราะซีอุยไม่มีญาติมิตรที่ให้การช่วยเหลือ
รวมถึงการไม่เจนจัดในการสื่อสารภาษาไทย
ศพที่ 1-6 ไม่มีหลักฐานเพียงพอ
ที่จะมัดรวมซีอุยว่าเป็นคนทำ
และในเหยื่อทั้งหมดมีผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว
ส่วนเหยื่อคนแรก ที่รอดตายได้
ก็ไม่ยอมให้ข้อมูลแต่อย่างใด คือ
เด็กหญิงบังอร ภมรสูตร ซึ่งได้ข้อมูลมาจาก
น้องชายของเหยื่อ ได้พูดว่า ซีอุยไม่ได้เป็นคนทำ
อย่างแน่นอนแต่เป็นคนที่ชื่อว่า เกี๊ยง
มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์(ศิริราช)
ได้ทำเรื่องขอซีอุยมาทำการศึกษา
เพื่อหาเหตุแห่งความวิปริตผิดมนุษย์
โดยเก็บไว้ที่ตึกกายวิภาค ร่างของซีอุย
เป็นอาจารย์ใหญ่ให้กับนักศึกษาแพทย์
สอนศีลธรรมให้กับสังคม แต่ไม่เคยเอ่ยถึง
ความยุติธรรมและการลงโทษ
ที่พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ สงกรานต์ นิยมเสน
ซึ่งมีชื่อไม่เป็นทางการว่า
พิพิธภัณฑ์ซีอุย
Ⓒ
Ⓒ
รายชื่อเหยื่อ
1. ดญ.บังอร ภมรสูตร 8 เมษายน 2497
อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ
ถูกเชือดคอ แต่รอดชีวิต
2. ดญ.นิด แซ่ภู่ 10 พฤษภาคม 2497
อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ถูกฆ่าตาย ศพถูกชำแหละ อวัยวะภายในหายไป
3. ดญ.ลิ้มเฮียง แซ่เล้า 20 มิถุนายน 2497
อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ถูกเชือดคอจนตายและถูกข่มขืน
4. ดญ.กำหงัน แซ่ลี้ 27 ตุลาคม 2497
อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ถูกเชือดคอจนตาย
5. ดญ.ลี่จู แซ่ตั้ง 28 พฤศจิกายน 2497
อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร(กรุงเทพฯ)
ถูกฆ่าตายและศพถูกชำแหละ
6. ดญ.ซิ่วจู แซ่ตั้ง 5 กุมภาพันธ์ 2500
อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
ถูกฆ่าตาย ศพถูกชำแหละ อวัยวะภายในหายไป
7. ดช.สมบุญ บุญยกาญจน์ 27 มกราคม 2501
อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
ถูกฆ่าตาย ศพถูกชำแหละ ตับและหัวใจหายไป และพยายามอำพรางศพด้วยการเผา
ซีอุยในวัฒนธรรมร่วมสมัย
ซีอุย ละครโทรทัศน์
ออกอากาศในปี 2527 ทางช่อง 5 โดย กันตนา
รับบทซีอุย โดย เทอดพร มโนไพบูลย์
นายซีอุย แซ่อึ้ง
ภาพยนตร์ไทยฉายในปี 2534
โดย นครหลวงภาพยนตร์
รับบทซีอุย โดย ชลประคัลภ์ จันทร์เรือง
ซีอุย ภาพยนตร์ไทยในปี 2547
ฉายวันแรกเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม
โดย แมทชิงโมชันพิกเจอส์
รับบทซีอุย โดย ต้วนหลง นักแสดงชาวจีน
ในวงการมวยไทย
มีนักมวยชื่อ ซีอุย ส.สุนันท์ชัย ในการขึ้นชก
ข้อมูล/ที่มา
ซีอุย
ซีอุย มนุษย์กินคน หรือเหยื่อสังคม
เผาแล้วซีอุย ปิดตํานาน 60 ปี คดีกินคน "ทับสะแก"
บ้านในถ้ำ Kome และการกินเนื้อคน
Ⓒ
ⒸAmada44/Wikimedia
Ⓒ
บ้านรูปเกือกม้าที่สร้างด้วยดินโคลนอยู่ใกล้กับหมู่บ้าน Mateka ใน Lesotho
มีการดูแลและบำรุงรักษาเป็นอย่างดี
ทำให้ดูเหมือนสร้างขึ้นมาเมื่อไม่นานนี้
แม้ว่าบ้านเหล่านี้จะมีอายุเกือบ 200 ปีแล้วก็ตาม
และยังคงใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนรุ่นหลัง
ที่เป็นรุ่นหลานเหลนของเจ้าของคนเดิม
ที่สร้างไว้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19
Ha Kome Cave Village ตั้งอยู่ในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย
และสวยงามแห่งหนึ่ง ใน Lesotho
ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
ซึ่งรายล้อมไปด้วย South Africa
ชาว Lesotho ในทุกวันนี้เดิม คือ สถานที่อยู่
อาศัยของชนเผ่า Sotho–Tswana
ต่อมาไม่นานเมื่อชนเผ่า Zulu เริ่มโจมตีหมู่บ้านต่าง ๆ
แล้วรุกคืบเข้าไปในดินแดนของพวกเขา
บีบบังคับให้ชนเผ่า Sothos
ต้องหนีเข้าไปในเขตภูเขา เพราะถูกโจมตี
อย่างต่อเนื่องจากชนเผ่า Zulu
จึงบีบบังคับชนเผ่าท้องถิ่นต้องร่วมมือกัน
เพื่อตอบโต้และป้องกันตนเอง
ในปี 1824 Moeshoeshoe ได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นพระราชา
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างแรง
ทั้งสับสนวุ่นวาย ทั้งยังมีสงครามที่เป็นที่รู้จักกัน
ในชื่อ Difaqane/Mfecane
และเป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์
ของ Lesotho ในช่วงสงคราม Difaqane
นี้มีการ กินเนื้อคน กันอย่างขนานใหญ่
ภัยแล้งจึงเกิดการทำสงครามและการปล้นสะดม
เพราะเกิดความอดอยากอย่างรุนแรงมาก
จนทำให้ชนเผ่าในหลายส่วนของ Lesotho
เริ่มหันหน้ามากินเนื้อคนกัน
จากเดิมที่เริ่มต้นจากความหิวโหย
กลายเป็นว่ากลายเป็นนิสัยชอบกินเนื้อคน
หรือที่รู้จักกันว่า Cannibals
นักล่าคนจะทำการล่าคนแทนการล่าสัตว์
และออกเดินทางหาเหยื่อทุกวันเพื่อการนี้
ในช่วงทศวรรษที่ 1860
D.F. Ellenberger นักเผยแผ่ศาสนา
ที่เข้ามาใน Losotho ได้ประมาณการว่า
มีพวกกินเนื้อคนราว 4,000 คน
ในช่วงปี ค.ศ.1822 ถึงปี ค.ศ. 1828 (72 เดือน)
จะมีการกินเนื้อคนเฉลี่ยเดือนละหนึ่งคน
ทำให้ระบุตัวเลขประมาณได้ว่า
มีคนถูกกินราว 288,000 คน
เพราะประมาณการว่ามีผู้คนราว 1 -2 ล้านคน
ที่เสียชีวิตเพราะสงครามภายในที่กินเวลา 10 ปี
Ⓒ
Ⓒ Amada44/Wikimedia
Ⓒ
เพื่อหลีกเลี่ยงและหลบหนีจากการถูกสังหาร
และการถูกกินที่น่าสยดสยอง
ชนเผ่าบางกลุ่มจึงหลบหนีไปยัง
หมู่บ้าน Ha Kome Cave Village
แล้วสร้างบ้านโคลนไว้ในภายถ้ำ
บ้านโคลนเหล่านี้อยู่ใต้ก้อนหินขนาดใหญ่
ที่ยื่นออกมาเป็นหลังคาบ้านพร้อมกับทำหน้าที่เป็นกำแพงหินแนวป้องกันด้านหลังบ้าน
แบบหลังชนฝาต้องสู้ตายแนวรบด้านหน้า
พระราชา Moeshoeshoe ก็ยังได้รับ
ผลกระทบจากการถูกคนกินเนื้อคน
ปู่ของพระองค์ก็ถูกลักพาตัวไป
และถูกจับกินเนื้อตอนเดินทางผ่านพื้นที่คนกินคน
เมื่อพระราชารับรู้เรื่องโศกนาฏกรรมดังกล่าวนี้
แทนที่จะคิดแก้แค้น แต่กลับคิดแก้ไข
ด้วยการตัดสินใจสร้างสันติภาพกับพวกคนกินคน
พระราชา Moshoeshoe ได้สั่งให้
นักรบจับเป็นพวกคนกินคน
โดยห้ามทำอันตรายกับพวกคนกินคน
แต่ให้จัดงานเลี้ยงที่ฟุ่มเฟือยแทน
ในตอนงานเลี้ยงเลิกแล้ว ได้ยื่นข้อเสนอ
ที่ปฏิเสธไม่ได้ ให้พวกคนกินเนื้อคน
โดยมอบวัวให้คนละหนึ่งตัว
บ้านพร้อมที่ดินคนละหนึ่งแปลง พร้อมกับตรัสว่า
" หลุมฝังศพปู่ข้าอยู่ในร่างกายของพวกแก
และพวกแกเป็นเพื่อนผองน้องพี่ของพวกเรา "
Ⓒ
King Moeshoeshoe กับคณะเสนาบดี
Ⓒ
พระราชา Moshoeshoe เป็นผู้นำที่ฉลาด
มีเมตตา และมีไหวพริบด้วยวิธีการ
ที่มาก่อนเวลาในยุคนั้นด้วยข้อเสนอเชิงการทูต
อาจมีอิทธิพลต่อผู้นำแอฟริกาใต้ในยุคปัจจุบัน
และตัวอย่างของพระราชา Moshoeshoe
ที่ให้อภัยโทษกับคนกินคนที่กินปู่ของพระองค์
ได้มีการเปรียบเทียบกับการสมานฉันท์ของ
Nelson Mandela ที่ดื่มชาร่วมกับ
Betsy Verwoerd ภรรยาของ
Hendrik Verwoerd อดีตนายกรัฐมนตรีแอฟริกาใต้ ในยุคยังแบ่งแยกสีผิวภายในประเทศ
ชนชั้นผิวขาว คือ ราชา
ส่วนชนชั้นผิวดำ คือ ขี้ข้า
ในช่วงปลายยุค 1830 การกินเนื้อคนจึงยุติลง
แต่เรื่องราวเหล่านี้ยังเป็นตำนาน
ที่มีการบอกเล่าและขับขานเป็นบทเพลง
ในงานวรรณกรรมและตำราประวัติศาสตร์
เรื่องราวที่ได้รับการเติมเต็ม
ด้วยการมีอยู่ของบ้านในถ้ำ
เช่น Ha Kome Cave Village และสถานที่อื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการกินเนื้อคนในพื้นที่แห่งนี้
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/qRvKDP
https://goo.gl/4uFUtg
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Chr. Offenberg/Shutterstock
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Gil. K/Shutterstock
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Amada44/Wikimedia
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ
บ้านในถ้ำ Massitissi ที่ D. F. Ellenberger
กับครอบครัวพำนักอาศัยช่วง Boer War
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ
ตำนานคนกินคนของไทย
ซีอุย (จีน: 细伟; พินอิน: Xì wěi;
พ.ศ. 2470 — 16 กันยายน พ.ศ. 2502)
มีชื่อจริงว่า หลีอุย แซ่อึ้ง เป็นชาวจีน
แต่คนไทยเรียกเพี้ยนเป็น ซีอุย
ที่สันนิษฐานว่าเป็นฆาตกรที่ฆ่าเด็ก
และนำตับมาต้มกิน อย่างต่อเนื่อง
ในช่วงปี พ.ศ. 2497–2501
มีเด็กอย่างน้อย 6 คนที่ถูกซีอุยสังหาร
กลายเป็นตำนานเล่าขานอย่างกว้างขวาง
ในเรื่องของฆาตกรต่อเนื่องและคนกินคนในไทย
จนกลายเป็นคำที่ผู้ใหญ่มักใช้ขู่เด็กดื้อว่า
เดี๋ยว ซีอุยจะมากินตับ
และถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์
รวมถึงภาพยนตร์ในภายหลัง
ซีอุย เป็นลูก นายซุงฮ้อ-นางไป๋ตึ๋ง (จีนแคะ)
ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์รายวันระบุว่า
เกิดที่หมู่บ้านปึงไต๋ ตำบลหงอหงวน
จังหวัดหุ้ยล้ง มณฑลเอ้ห
เป็นลูกคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 4 คน
ในครอบครัวยากจนที่ทำการเกษตร
เมื่อยังเป็นเด็กและเป็นวัยรุ่น
ซีอุยมีส่วนสูงเพียง 150 เซนติเมตรเท่านั้น
จึงมักถูกคนรังแกอยู่เสมอ
จนกระทั่งมีนักบวชรูปหนึ่งได้ให้คำแนะนำว่า
ถ้าอยากจะมีร่างกายแข็งแรงต้องกินเนื้อคน
หรืออวัยวะคน คำสอนนี้ได้ฝังใจซีอุยตลอดมา
ในปี พ.ศ. 2488 ซีอุยอายุครบ 18 ปีเต็ม
ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารรบในสงครามโลกครั้งที่ 2
ประจำการในหน่วยรบทหารราบที่ 8
ในขณะที่จีนและญี่ปุ่นทำสงครามกันอยู่
ซีอุยถูกส่งไปรบในสมรภูมิพม่า
แนวรบตามรอยต่อตะเข็บชายแดนของจีน
เป็นเวลาถึง 1 ปีเต็มที่ต้องเผชิญกับ
ความลำบากและเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายตลอด
อาหารก็ขาดแคลน ขณะที่เพื่อนทหาร
ก็ทยอยตายไปเรื่อย ๆ จากการสู้รบ
ซีอุยจึงได้ลิ้มรสชาติเนื้อคนเป็นครั้งแรกจากที่นี่
เมื่อสงครามสงบ ซีอุยถูกปลดประจำการ
ด้วยความแร้นแค้น ซีอุยถูกเพื่อน ๆ ชักชวน
ให้เข้ามาหางานทำในเมืองไทย
โดยหลบหนีเข้าเมืองมาด้วยการเป็นกรรมกรรับจ้างในเรือขนส่งสินค้าชื่อ โคคิด
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2489
ด้วยการหลบซ่อนมาเป็นเวลา 3 สัปดาห์เต็ม
โดยขึ้นฝั่งที่ท่าเรือคลองเตย และหลบซ่อนตัว
ในโรงแรมห้องแถวเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
ต่อมาได้เดินทางไปยังอำเภอทับสะแก
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อไปหาญาติที่นั่น
ซีอุยทำงานด้วยการรับจ้างทำสวนผัก
และรับจ้างทั่วไปเป็นเวลานานถึง 8 ปีเต็ม
ก่อนที่ซีอุยจะก่ออาชญากรรม
โดยที่ซีอุยมีนิสัยชอบเกาหัวและหาวอยู่เสมอ ๆ
มีบุคลิกชอบเก็บตัว
ซีอุยได้จับเด็กมาผ่าเอาตับมากิน
โดยเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ
โดยได้ฆ่าเด็ก 3 รายแรก
ที่อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ก่อนที่จะหลบหนีไปโดยรถไฟ
และก่อเหตุอีกที่งานฉลองตรุษจีน ปี พศ.2500
ที่บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม
สุดท้ายถูกจับได้หลังจากคดีฆาตกรรม
ในจังหวัดระยองซึ่งถูกพบ เมื่อปี พ.ศ. 2501
ซึ่งมีเหยื่อรายแรกและเป็นเพียงรายเดียวเท่านั้น
ที่รอดชีวิตมาได้ เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ
ซีอุยถูกจับขังคุกและประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2502
โดยคำสั่งมาตรา 17 ของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีที่มาจากการรัฐประหาร
เพราะในระหว่างดำเนินคดี 9 วัน
ซีอุยยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือ 7 คดี
และจิตแพทย์ลงความเห็นว่า ซีอุยไม่ได้เป็นบ้า
แต่ก็มีความเชื่อของคนร่วมสมัยในพื้นที่เกิดเหตุ
รวมถึงคนทั่วไปบางส่วนที่เชื่อว่า
ซีอุยมิได้เป็นฆาตกรตัวจริง
แต่ฆาตกรตัวจริงเป็นลูกชาย
ของบุคคลที่มีอิทธิพลในท้องที่
ที่ซีอุยรับสารภาพไปอาจเป็นไปได้ว่า
ถูกเจ้าหน้าที่เกลี้ยกล่อมให้รับสารภาพไปก่อน
แล้วจะได้รับการลดหย่อนโทษในภายหลัง
เพราะซีอุยไม่มีญาติมิตรที่ให้การช่วยเหลือ
รวมถึงการไม่เจนจัดในการสื่อสารภาษาไทย
ศพที่ 1-6 ไม่มีหลักฐานเพียงพอ
ที่จะมัดรวมซีอุยว่าเป็นคนทำ
และในเหยื่อทั้งหมดมีผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว
ส่วนเหยื่อคนแรก ที่รอดตายได้
ก็ไม่ยอมให้ข้อมูลแต่อย่างใด คือ
เด็กหญิงบังอร ภมรสูตร ซึ่งได้ข้อมูลมาจาก
น้องชายของเหยื่อ ได้พูดว่า ซีอุยไม่ได้เป็นคนทำ
อย่างแน่นอนแต่เป็นคนที่ชื่อว่า เกี๊ยง
มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์(ศิริราช)
ได้ทำเรื่องขอซีอุยมาทำการศึกษา
เพื่อหาเหตุแห่งความวิปริตผิดมนุษย์
โดยเก็บไว้ที่ตึกกายวิภาค ร่างของซีอุย
เป็นอาจารย์ใหญ่ให้กับนักศึกษาแพทย์
สอนศีลธรรมให้กับสังคม แต่ไม่เคยเอ่ยถึง
ความยุติธรรมและการลงโทษ
ที่พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ สงกรานต์ นิยมเสน
ซึ่งมีชื่อไม่เป็นทางการว่า พิพิธภัณฑ์ซีอุย
Ⓒ
รายชื่อเหยื่อ
1. ดญ.บังอร ภมรสูตร 8 เมษายน 2497
อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ
ถูกเชือดคอ แต่รอดชีวิต
2. ดญ.นิด แซ่ภู่ 10 พฤษภาคม 2497
อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ถูกฆ่าตาย ศพถูกชำแหละ อวัยวะภายในหายไป
3. ดญ.ลิ้มเฮียง แซ่เล้า 20 มิถุนายน 2497
อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ถูกเชือดคอจนตายและถูกข่มขืน
4. ดญ.กำหงัน แซ่ลี้ 27 ตุลาคม 2497
อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ถูกเชือดคอจนตาย
5. ดญ.ลี่จู แซ่ตั้ง 28 พฤศจิกายน 2497
อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร(กรุงเทพฯ)
ถูกฆ่าตายและศพถูกชำแหละ
6. ดญ.ซิ่วจู แซ่ตั้ง 5 กุมภาพันธ์ 2500
อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
ถูกฆ่าตาย ศพถูกชำแหละ อวัยวะภายในหายไป
7. ดช.สมบุญ บุญยกาญจน์ 27 มกราคม 2501
อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
ถูกฆ่าตาย ศพถูกชำแหละ ตับและหัวใจหายไป และพยายามอำพรางศพด้วยการเผา
ซีอุยในวัฒนธรรมร่วมสมัย
ซีอุย ละครโทรทัศน์
ออกอากาศในปี 2527 ทางช่อง 5 โดย กันตนา
รับบทซีอุย โดย เทอดพร มโนไพบูลย์
นายซีอุย แซ่อึ้ง
ภาพยนตร์ไทยฉายในปี 2534
โดย นครหลวงภาพยนตร์
รับบทซีอุย โดย ชลประคัลภ์ จันทร์เรือง
ซีอุย ภาพยนตร์ไทยในปี 2547
ฉายวันแรกเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม
โดย แมทชิงโมชันพิกเจอส์
รับบทซีอุย โดย ต้วนหลง นักแสดงชาวจีน
ในวงการมวยไทย
มีนักมวยชื่อ ซีอุย ส.สุนันท์ชัย ในการขึ้นชก
ข้อมูล/ที่มา
ซีอุย
ซีอุย มนุษย์กินคน หรือเหยื่อสังคม
เผาแล้วซีอุย ปิดตํานาน 60 ปี คดีกินคน "ทับสะแก"