นี่เป็นโอกาสครั้งแรกที่ต้องมาพิมพ์เนื้อหาในห้องนี้น่ะครับ เพราะ ปกติแล้วผมจะไปโม้เรื่องอาหารและตอบคำถามคนอื่นๆซะมากกว่า มากกว่าที่จะมาพิมพ์อะไรบอกเล่าให้คนอื่นฟังแบบนี้ แต่ว่า เรื่องที่ผมจะเล่านี้ น่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆพ่อแม่คนอื่นที่มีลูกวัยอ่อนประมาณหนึ่งสองขวบได้ครับ หวังว่าเนื้อความนี้จะมีคุณค่าในตัวของมันเองครับ
โซฟาวัตถุอันตรายที่มองไม่ออกว่ามันอันตรายกับเด็กยังไง !?
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือ เจ้าลูกสาวคนน้องอายุปีกว่า(เดินได้คล่องแล้ว) เห็นพี่สาวคนพี่อายุสามขวบกว่ากระโดดจากโซฟาที่อยู่ในห้องนอน แล้วก็คิดว่า ฉันก็ทำเหมือนกับพี่สาวได้ทุกอย่างนี่หน่า ก็เลย ... กระโดดบ้าง !
ทันใดนั้นเอง สิ่งที่ผมมองเห็นคาตาก็คือ เมื่อเจ้าลูกสาวคนน้อง กระโดดด้วยสองขาเตี้ยๆนั้นแหละ ลงไปสองเท้าที่พื้นแม้ว่ามันจะมีเบาะรองก็ตาม ย้ำน่ะครับว่า มันมีเบาะรองด้วย ! ไม่น่าจะมีอะไรนี่หน่า แต่ว่าผลที่ได้ก็คือ
เมื่อแลนด์ดิ้งถึงพื้นที่แล้ว ฝ่าเท้ากระทบเบาะ และแรงกระแทกจากพื้นสะท้อนขึ้นมาตั้งแต่ฝ่าเท้านั่นแหละที่ทำให้เกิดปัญหา เจ้าน้องเล็กก็ร้องจ้ากแล้วก็คุกเข่าก้มหน้าลงไปกองกับพื้นแล้วพูดคำว่า "เจ็บ" ออกมาดังๆ แล้วตามด้วยเสียงร้องกลั้นลั่นบ้าน ...
ในฐานะที่เป็นคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็มองว่า เอ ... มันเป็นไปได้ยังไงเตี้ยนิดเดียว แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าถ้าหากว่ากระดูกน้องอ่อนแบบนี้ แล้วกระแทกประมาณนี้ก็น่าจะได้ความเสียหายทางร่างกายได้ในระดับหนึ่งแต่ผลลัพธ์ที่ออก ก็พบได้ในเช้าวันต่อมา
น้องลงจากเตียงเองเหมือนปกติทุกวันแต่วันนี้กลับเอาเท้าแตะพื้นแล้วร้องลั่นบ้านและก้มหน้าร้องไห้หนักมากอีกครั้ง แน่นอนแหละ ว่าตอนนี้ เรารู้แล้วว่า น้องเดินไม่ได้แน่นอน และ รู้ว่า อาการไม่ดีแล้ว ก็เดินทางไปรพ.เช้าวันเดียวกันไปที่ห้องฉุกเฉิน
เมื่อไปถึงก็ทำการ x-ray น้องส่วนล่างทั้งหมดยันเอว เพื่อดูว่าอะไรผิดปกติหรือเปล่า ปรากฏว่าทั้งหมอกระดูกและคนทำเรื่อง x-ray นั้นก็ไม่พบอะไรผิดปกติ
รอไปอีกสามวันเพื่อนัดพบใหม่อีกครั้งเพื่อดูอาการ และก็ยังพบว่าน้องก็ยังไม่เดินอยู่ดี หมอบอกว่าแปลกแล้วงั้นก็ต้องดำเนินการขั้นต่อไป เพื่อให้ได้ข้อมูลมากกว่านี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับร่างกายของเจ้าตัวเล็ก
คุณหมอบอกให้เอาไปตรวจเลือดและเก็บฉี่ซะหน่อย เพื่อหาข้อมูลเพิ่ม แต่ผลที่ได้ก็คือ พบว่า เลือดตรวจแล้วพบว่ามีอาการอักเสบเหมือนว่ามีค่าอะไรบางอย่างที่หมอบอกว่า มันไม่ปกติแล้วครับ ! และแนะนำให้ทำการแสกนกระดูก (ต้องทำให้น้องหลับด้วยซึ่งส่วนตัวแล้วไม่อยากจะทำอย่างงั้น)
ปกติแล้วเมื่อผมเจอกรณีที่ต้องตัดสินใจทำการตรวจอะไรบางอย่างหรือรักษาอะไรบางอย่างที่เริ่มเสี่ยงมากขึ้น ผมจะเริ่มมองหา second opinion หรือความเห็นที่สองจากหมอที่สายเดียวกันอีกสักท่านเพื่อวิเคราะห์ร่วมกัน ทำให้ผมพาน้องไปอีก รพ.หนึ่งเพื่อให้ได้ความแน่นอนกว่าเดิม
คุณหมอท่านใหม่นั้นได้รับการแนะนำจากคุณหมอท่านแรกด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้ผมเริ่มต้นเอาข้อมูลทั้งหมด จาก รพ.แรก นำไปให้รพ.สอง เพื่อประเมินอีกครั้ง และ คุณหมอท่านใหม่นี้ก็ให้ทำการ x-ray เหมือนเดิมอีกครั้ง แต่ ...ครั้งนี้พบว่า
เราเจอสาเหตุจากฟิล์ม x-ray แล้ว โดยคุณหมอมีการเทียบภาพเก่าและใหม่ (ครั้งแรกและครั้งหลัง) เข้าด้วยกันแล้วพบว่า กระดูกแถวโคนขามีความงอมากกว่าเดิม และ ครั้งแรกนั้นก็เห็นอยู่ในฟิล์มแล้วเล็กน้อย ต้องใช้ machine learning มาสังเกตอาจจะเห็นเพราะ มันไม่ได้ตรงสนิทจริงๆด้วย แต่ถ้าหากว่ามองด้วยตาคนแบบไม่มี clues ใดๆก็จะไม่สังเกตเห็นได้โดยง่าย แต่สำหรับฟิล์มงวดสองมันเห็นชัดว่ากระดูกบริเวณดังกล่าวงอ และ คุณหมอบอกว่า มันคืออาการกระดูกย่น (จากแรกกระแทกตามแนวดิ่งนั่นแหละ) โอ้ว ! กรณีนี้ไม่เคยเจอ โอกาสเกิดได้ยาก และ มันก็เกิดขึ้นแล้ว ทำให้เริ่มเห็นภาพชัดเจนว่าปัญหาของน้องทำไมถึงไม่เดินและก็เริ่มทำการ ultra sound บริเวณเดียวกันทั้งหมดเพื่อดูว่าข้อมีอาการอักเสบด้วยหรือไม่ และ ผลก็คือ มีน้ำบวมข้อ ก็แปลว่า มันอักเสบ ...
อย่างไรก็ดี น้องจะมีอาการที่ดีขึ้นเองได้ เพราะกระดูกเด็กนั้นคืนตัวได้ไวกว่าผู้ใหญ่มาก และ ไม่ต้องทำการรักษาใดๆ ประมาณว่าให้เวลาเยียวยารักษาใจอะไรประมาณนั้น แต่ต้องคอยดูว่ามีอาการงอกว่าเดิมหรือไม่ทำให้คุณหมอนัดหมายเพื่อเข้าทำการ x-ray ทุกสัปดาห์ต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและติดตามผลอื่นๆที่ไม่อยากให้เกิด
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "โซฟา" เห็นนิ่มๆแบบนี้ และไม่สูงอะไรเลย มันก็อันตรายใช่ย่อย และ ถ้าหากว่าเราเห็นว่าพี่สาวทำอะไรไม่เหมาะไม่ควรแก่การที่น้องจะเลียนแบบแล้วล่ะก็ให้ปรามเอาไว้ก่อน เพราะ น้องเค้าอยากเลียนแบบพี่เค้าทุกการกระทำอยู่แล้ว ปล่อยไว้ไม่ได้น่ะครับ
อันตรายจริงๆ
เจอกันตัวเอง ! ลูกสาวกระดูกย่น เพราะ กระโดดเล่นจากโซฟาตามพี่สาว ! มันอะไรจะขนาดนั้น
โซฟาวัตถุอันตรายที่มองไม่ออกว่ามันอันตรายกับเด็กยังไง !?
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือ เจ้าลูกสาวคนน้องอายุปีกว่า(เดินได้คล่องแล้ว) เห็นพี่สาวคนพี่อายุสามขวบกว่ากระโดดจากโซฟาที่อยู่ในห้องนอน แล้วก็คิดว่า ฉันก็ทำเหมือนกับพี่สาวได้ทุกอย่างนี่หน่า ก็เลย ... กระโดดบ้าง !
ทันใดนั้นเอง สิ่งที่ผมมองเห็นคาตาก็คือ เมื่อเจ้าลูกสาวคนน้อง กระโดดด้วยสองขาเตี้ยๆนั้นแหละ ลงไปสองเท้าที่พื้นแม้ว่ามันจะมีเบาะรองก็ตาม ย้ำน่ะครับว่า มันมีเบาะรองด้วย ! ไม่น่าจะมีอะไรนี่หน่า แต่ว่าผลที่ได้ก็คือ
เมื่อแลนด์ดิ้งถึงพื้นที่แล้ว ฝ่าเท้ากระทบเบาะ และแรงกระแทกจากพื้นสะท้อนขึ้นมาตั้งแต่ฝ่าเท้านั่นแหละที่ทำให้เกิดปัญหา เจ้าน้องเล็กก็ร้องจ้ากแล้วก็คุกเข่าก้มหน้าลงไปกองกับพื้นแล้วพูดคำว่า "เจ็บ" ออกมาดังๆ แล้วตามด้วยเสียงร้องกลั้นลั่นบ้าน ...
ในฐานะที่เป็นคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็มองว่า เอ ... มันเป็นไปได้ยังไงเตี้ยนิดเดียว แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าถ้าหากว่ากระดูกน้องอ่อนแบบนี้ แล้วกระแทกประมาณนี้ก็น่าจะได้ความเสียหายทางร่างกายได้ในระดับหนึ่งแต่ผลลัพธ์ที่ออก ก็พบได้ในเช้าวันต่อมา
น้องลงจากเตียงเองเหมือนปกติทุกวันแต่วันนี้กลับเอาเท้าแตะพื้นแล้วร้องลั่นบ้านและก้มหน้าร้องไห้หนักมากอีกครั้ง แน่นอนแหละ ว่าตอนนี้ เรารู้แล้วว่า น้องเดินไม่ได้แน่นอน และ รู้ว่า อาการไม่ดีแล้ว ก็เดินทางไปรพ.เช้าวันเดียวกันไปที่ห้องฉุกเฉิน
เมื่อไปถึงก็ทำการ x-ray น้องส่วนล่างทั้งหมดยันเอว เพื่อดูว่าอะไรผิดปกติหรือเปล่า ปรากฏว่าทั้งหมอกระดูกและคนทำเรื่อง x-ray นั้นก็ไม่พบอะไรผิดปกติ
รอไปอีกสามวันเพื่อนัดพบใหม่อีกครั้งเพื่อดูอาการ และก็ยังพบว่าน้องก็ยังไม่เดินอยู่ดี หมอบอกว่าแปลกแล้วงั้นก็ต้องดำเนินการขั้นต่อไป เพื่อให้ได้ข้อมูลมากกว่านี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับร่างกายของเจ้าตัวเล็ก
คุณหมอบอกให้เอาไปตรวจเลือดและเก็บฉี่ซะหน่อย เพื่อหาข้อมูลเพิ่ม แต่ผลที่ได้ก็คือ พบว่า เลือดตรวจแล้วพบว่ามีอาการอักเสบเหมือนว่ามีค่าอะไรบางอย่างที่หมอบอกว่า มันไม่ปกติแล้วครับ ! และแนะนำให้ทำการแสกนกระดูก (ต้องทำให้น้องหลับด้วยซึ่งส่วนตัวแล้วไม่อยากจะทำอย่างงั้น)
ปกติแล้วเมื่อผมเจอกรณีที่ต้องตัดสินใจทำการตรวจอะไรบางอย่างหรือรักษาอะไรบางอย่างที่เริ่มเสี่ยงมากขึ้น ผมจะเริ่มมองหา second opinion หรือความเห็นที่สองจากหมอที่สายเดียวกันอีกสักท่านเพื่อวิเคราะห์ร่วมกัน ทำให้ผมพาน้องไปอีก รพ.หนึ่งเพื่อให้ได้ความแน่นอนกว่าเดิม
คุณหมอท่านใหม่นั้นได้รับการแนะนำจากคุณหมอท่านแรกด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้ผมเริ่มต้นเอาข้อมูลทั้งหมด จาก รพ.แรก นำไปให้รพ.สอง เพื่อประเมินอีกครั้ง และ คุณหมอท่านใหม่นี้ก็ให้ทำการ x-ray เหมือนเดิมอีกครั้ง แต่ ...ครั้งนี้พบว่า
เราเจอสาเหตุจากฟิล์ม x-ray แล้ว โดยคุณหมอมีการเทียบภาพเก่าและใหม่ (ครั้งแรกและครั้งหลัง) เข้าด้วยกันแล้วพบว่า กระดูกแถวโคนขามีความงอมากกว่าเดิม และ ครั้งแรกนั้นก็เห็นอยู่ในฟิล์มแล้วเล็กน้อย ต้องใช้ machine learning มาสังเกตอาจจะเห็นเพราะ มันไม่ได้ตรงสนิทจริงๆด้วย แต่ถ้าหากว่ามองด้วยตาคนแบบไม่มี clues ใดๆก็จะไม่สังเกตเห็นได้โดยง่าย แต่สำหรับฟิล์มงวดสองมันเห็นชัดว่ากระดูกบริเวณดังกล่าวงอ และ คุณหมอบอกว่า มันคืออาการกระดูกย่น (จากแรกกระแทกตามแนวดิ่งนั่นแหละ) โอ้ว ! กรณีนี้ไม่เคยเจอ โอกาสเกิดได้ยาก และ มันก็เกิดขึ้นแล้ว ทำให้เริ่มเห็นภาพชัดเจนว่าปัญหาของน้องทำไมถึงไม่เดินและก็เริ่มทำการ ultra sound บริเวณเดียวกันทั้งหมดเพื่อดูว่าข้อมีอาการอักเสบด้วยหรือไม่ และ ผลก็คือ มีน้ำบวมข้อ ก็แปลว่า มันอักเสบ ...
อย่างไรก็ดี น้องจะมีอาการที่ดีขึ้นเองได้ เพราะกระดูกเด็กนั้นคืนตัวได้ไวกว่าผู้ใหญ่มาก และ ไม่ต้องทำการรักษาใดๆ ประมาณว่าให้เวลาเยียวยารักษาใจอะไรประมาณนั้น แต่ต้องคอยดูว่ามีอาการงอกว่าเดิมหรือไม่ทำให้คุณหมอนัดหมายเพื่อเข้าทำการ x-ray ทุกสัปดาห์ต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและติดตามผลอื่นๆที่ไม่อยากให้เกิด
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "โซฟา" เห็นนิ่มๆแบบนี้ และไม่สูงอะไรเลย มันก็อันตรายใช่ย่อย และ ถ้าหากว่าเราเห็นว่าพี่สาวทำอะไรไม่เหมาะไม่ควรแก่การที่น้องจะเลียนแบบแล้วล่ะก็ให้ปรามเอาไว้ก่อน เพราะ น้องเค้าอยากเลียนแบบพี่เค้าทุกการกระทำอยู่แล้ว ปล่อยไว้ไม่ได้น่ะครับ
อันตรายจริงๆ