คุณโลกสวยหรือโลกมืด

โลกสวย = คนที่ใช้ชีวิตประจำวันโดยที่มืดบอดและปิดกลั้นความคิดทางลบเอาไว้จนไม่ลืมหูลืมตา และมักมีความคิดที่เรียกว่าเพ้อเจ้อเข้าขั้น เช่น อยากช่วยเหลือคนยากจน คนไร้บ้าน โดยคิดแค่ว่ามันคือบุญกุศล แต่มันคือขบวนการ โดยที่ไม่หาข้อมูลมาก่อนว่าทางที่บริจาคได้ดีกว่าให้ขอทานข้างถนน สู้ไปบริจาคองค์กรไม่แสวงผลกำไรจริงๆ ยังจะมีโอกาสถึงมือคนยากไร้ได้สูงกว่า หรือ อยากสร้างนวัตกรรมใหม่แบบสตีฟ จ๊อบส์ แต่ตัวเองไม่เคยศึกษาถึงโอกาสความไปได้ ต้นทุนตัวเอง บลาๆๆ หรือได้แต่คิดไปวันๆ แล้วนอนยิ้มให้ฝันเป็นจริง ข้อเสียของคนโลกสวย คือเป็นคนที่ได้ดีแค่คิดครับ มักไม่ยอมหาข้อมูลศึกษาอย่างจริงจัง และลงมือทำให้รู้ว่าเป็นไปได้หรือไม่ เรียกว่าเป็นพวกนักเพ้อฝันที่มีนิสัยขี้เกียจและกลัวการผิดหวัง

โลกมืด = อยู่กับโลกในสภาวะที่ทุกอย่างเป็นลบ มักพบได้กับพวกชนชั้นแรงงาน "เป็นส่วนใหญ่" ชอบขัดขวางรูปแบบวิธีความคิดของคนอื่นอย่างหน้ามืดตามัวว่าอะไรๆก็เป็นไปไม่ได้ โดยที่ไม่หาข้อมูลจะมาเถียงกลับด้วยซ้ำว่า สิ่งที่เขาคิด มันเป็นไปได้จริงหรือไม่ ทำได้มากหรือน้อยแค่ไหน ข้อเสียของคนเหล่านี้มักจะยึดติดกับสิ่งเดิมๆ เพราะกลัวการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆที่ตนปรับตัวไม่ทัน มักเป็นพวกขวางโลกทางความคิด และมองตัวเองเป็นศูนย์กลางซะส่วนใหญ่ ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว เพราะเบื้องลึกของจิตใจนั้นรักความสบายและกลัวการออกจากComfort Zone

พอถึงจุดๆนี้แล้ว "ตัวเราเองควรมีความคิดต่อโลกนี้ในรูปแบบไหนกันล่ะ"
เพราะโลกนี้มันสีเทาๆไงครับ มันมีทั้งพวกที่อวยโลกเกินไปและดูถูกโลกนี้กันเกินไป แต่คุณรู้มั้ยอะไรคือสิ่งที่ทำให้เกิดคนสองประเภทนี้ขึ้นมา "ความขี้เกียจและความกลัวไงครับ" เพราะขี้เกียจที่จะลงมือทำ ขี้เกียจที่จะเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างที่เค้าคิดว่ามันเกินตัวเอง หรือขี้เกียจที่ต้องปวดหัวทุกวันกับสิ่งแปลกใหม่ที่ปรับตัวแทบไม่ทัน จึงเกิดคนแบบนี้ขึ้น เช่นเดียวกัน เพราะกลัวที่จะผิดหวังและกลัวที่จะต้องละทิ้งความสบายไป จึงสรรหาคำพูดล้านแปดมาเพื่อเข้าข้างฝ่ายตัวเองว่าถูกต้องอยู่เสมอ

คำตอบจริงๆที่ผมอยากจะบอกคุณทุกคน คือ
การลงมือทำทุกสิ่งทุกอย่างครับคือคำตอบของโลกที่คุณมองอยู่ มันไม่ผิดที่คุณมองโลกดีหรือร้าย แต่มันผิดที่คุณมองโลกไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งก่อนทั้งที่ยังไม่ได้รู้จริงๆเลยว่ามันเป็นยังไง คุณหาข้อมูลมาพอหรือยัง? คุณลองทำมันจนเห็นผลเป็นรูปเป็นร่างบ้างแล้วแล้วหรือยัง? ง่ายมากครับ ชีวิตนี้อยากรู้อะไรดีหรือไม่ดี เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวเลย กระทำมันเลย ผลลัพธ์คือเครื่องที่จะพิสูจณ์ความคิดของคุณเอง และสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตนี้ คือ การมองโลกของตัวเองและไม่ดูถูกความคิดของคนอื่นจนบั่นทอนเค้ามากเกินไป เพราะเวลาและการกระทำจะพิสูจณ์ทุกสิ่งเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวาจาของคุณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่