สวัสดีค่าา~~~ วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์การขอวีซ่าอเมริกา June 2018 ที่ผ่านมา
เราตั้งใจเขียนกระทู้เพราะอยากแชร์ประสบการณ์และให้กำลังคนอื่นที่อยากไปขอวีซ่าอเมริกาเหมือนกัน และอีกอย่างเราอยากทำกระทู้นี้ขึ้นเพื่อเป็นการยืนยันว่าการหาข้อมูลจากพันทิปนั้นเชื่อถือได้100%
**ส่วนตัวเราเป็นคนนึงที่ชอบเข้ามาอ่านกระทู้ในพันทิปอยู่แล้ว เราเลยเลือกพันทิปเป็นแหล่งการหาข้อมูลหลัก**
ก่อนอื่นเลยเราขอบอกเลยว่า เราเป็นคนนึงที่ใฝ่ฝันที่จะไปเที่ยวอเมริกาสักครั้งในชีวิต
แต่ด้วยความที่ได้ยินความน่ากลัวและโหดของการขอวีซ่าจากพันทิปนั้นเลยทำให้เรายิ่งกลัวที่จะไปขอ
ด้วยความที่ปัจจุบันตอนนี้เราเป็นนักศึกษาปี3 ขึ้นปี4 บวกกับที่บ้านทำค้าขายก็เลยกลัวว่า statement ของพ่อแม่อาจจะทำให้เราไม่ผ่าน
เราเลยเริ่มขอข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตแบบจริงจัง เริ่มตั้งแต่
- การกรอกข้อมูลใน DS-160 (ควรจะกรอกยังไง, ควรจะเขียนยังไง, ควรจะใส่ข้อมูลให้ครบถ้วนขนาดไหน)
- วิธีการชำระเงินค่าธรรมเนียมวีซ่า
- การนัดสัมภาษณ์วีซ่า
- เอกสารที่ใช้ประกอบการขอวีซ่า
- ควรจะเตรียมคำตอบในการสัมภาษณ์ยังไงให้ดูน่าเชื่อถือ
หลังจากกรอกข้อมูลใน DS-160 ชำระเงินค่าธรรมเนียมและนัดสัมภาษณ์ เราได้คิวในวันที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมานี้เอง
เราไปสัมภาษณ์พร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน แต่เรียนคนละมหาวิทยาลัยกันเพราะอยากจะไปเที่ยวด้วยกันสักครั้งหนึ่ง
เอกสารที่เราเตรียมไปสำหรับสัมภาษณ์ที่ผ่าน มีดังนี้ค่ะ
- DS-160
- สลิปยืนยันการโอนเงินค่าธรรมเนียมวีซ่า
- ใบยืนยันนัดสัมภาษณ์วีซ่า (เขาจะส่งมาให้ทางอีเมล์ที่เรายืนยัน หลังจากทำการนัดสัมภาษณ์แล้วนะคะ)
- Transcript *สำหรับเราที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่นะคะ
- ใบยืนยันความเป็นนักศึกษา (ทั้ง transcript และ ใบยืนยันออกเป็นภาษาอังกฤษมานะคะ)
- สำเนาทะเบียนการค้าของคุณพ่อ (คุณพ่อเราทำธุรกิจซื้อ-ขายของแบรนด์เนม แต่เป็นมือ 2นะคะ แกเลยจดทะเบียนการค้าสำหรับร้านไว้)
- ทะเบียนการค้าที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ (เราหาข้อมูลจากพันทิปว่า การแปลทะเบียนการค้าต้องเขียนเป็นทางการยังไง) แล้วเอาไปให้คุณพ่อเซ็นยืนยัน
- Sponsorship Letter + ให้คุณพ่อเซ็นรับรอง
- Statement ย้อนหลัง 6 เดือนจากธนาคาร (ในบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อคุณพ่อมีเงินเก็บไม่เยอะนะคะ คุณพ่อเรามีเงินในบัญชีในวันที่เราไปยื่นวีซ่าอยู่ 9 หมื่นกว่าบาทเอง แต่ด้วยความที่เป็นบัญชีที่มีเงินเข้า - ออกจากการรูดบัตรเครดิตของลูกค้าที่ร้านคุณพ่อ)
เราได้คิวสัมภาษณ์ ตอน 8.45 เรากับเพื่อนเจอกันแถวสถานทูตตั้งแต่ 7 โมง (เพราะกลัวว่าไปสายแล้วไม่ได้เข้า 5555) พอใกล้ถึงเวลานัดเรากับเพื่อนไปเข้าแถวหน้าสถานทูตเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจชื่อ เวลานัดและเอกสาร เจ้าหน้าที่แค่ DS-160 และพาสปอร์ตเล่มปัจจุบันพร้อมเขียนเวลาไว้ในใบDS-160 หลังจากนั้นเข้าแถวผ่านเครื่องสแกน ฝากมือถือไว้กับเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัย (เราฝากกระเป๋าไว้กับพ่อแม่ของเพื่อนเรานะคะ พกติดตัวไปแค่เอกสาร, มือถือ, เงินสดเล็กน้อย แล้วก็ปากกาค่ะ)
หลังจากผ่านเครื่องสแกน เราเดินเข้าไปเจอคนนั่งรอเจ้าหน้าเรียกไปตอนเวลาที่เรานัดไว้ เรานั่งรอประมาน10 นาที เจ้าหน้าที่เรียกเวลาที่เรานัดสัมภาษณ์เพื่อเข้าแถวไปยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าบอกว่าเอาแค่ใบยืนยัน DS-160 กับพาสปอร์ตยื่นให้เขาสแกนพร้อมแปะรหัส EMS เผื่อใช้ในการติดตามสถานะวีซ่าของเรานะคะ (อย่าจดเลขไว้นะคะ สำคัญมาก!) เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปในห้องเพื่อต่อแถวรอสแกนนิ้วมือ ตอนเราเข้าไปแถวคนรอค่อนข้างยาวตอนแรกก็คิดว่าน่าจะใช้เวลานานแน่ๆเลย แต่ไปๆมาๆแถวเขยิบค่อนข้างเร็วเหมือนกัน ต่อแถวประมาน 5 นาทีถึงคิวเรา เข้าไปถึงช่องสแกนนิ้วด้วยความที่เราไม่แน่ใจว่าถ้าเรามาสัมภาษณ์พร้อมเพื่อนต้องเข้าไปสแกนด้วยกันไหม แต่จริงๆแล้วเจ้าหน้าที่ (เจ้าหน้าที่ตรงนี้เป็นคนไทยนะคะ) บอกว่าต้องเข้าไปลิสชื่อในระบบซึ่งเราไม่รู้เรื่องนั้น
ระหว่างสแกนนิ้วเจ้าหน้าที่จะขอใบยืนยัน DS-160 พร้อมพาสปอร์ตแล้วเจ้าหน้าที่ก็ถามว่าเคยเปลี่ยนชื่อและนามสกุลมาก่อนไหม? ขอเราเจ้าหน้าขอรูปถ่ายไปสแกนใหม่เพราะรูปเรามืดไปเลยทำให้เห็นหูไม่ชัด เจ้าหน้าที่ก็ถามอีกว่าจะไปทำอะไรที่อเมริกาหรอ เสร็จแล้วให้ไปต่อแถวอีกรอบเผื่อสแกนนิ้วอีกที (รอบนี้เป็นฝรั่งนะคะ) หลังจากเสร็จแล้วเราก็ไปต่อแถวเพื่อรอสัมภษณ์จริงๆแล้ว บอกเลยว่าตอนที่ยืนต่อแถวเรากับเพื่อนอีก 2 คนตื่นเต้นมากเพราะเราไม่รู้เลยว่าเจ้าหน้าที่จะถามอะไร แล้วเราจะผ่านไหม
รอประมาน10 นาที ก็ถึงเวลาที่รอคอยยย 55555 ~~~~ (หลังจากนี้คือบทสนทนาระหว่างเรา เจ้าหน้าที่ และเพื่อนอีก 2 คนนะคะ)
เรา - Hello, Good Morning
จนท. - Hello, Good Morning
เรา - Does my friends need to interview together because we are going together
จนท. - Yes, of course but if we all interview together. The decision will based individually anyway.
- May I ask what are the purpose of visiting United State ?
เรา - Travelling
จนท. - How did you guys knew each other ?
เรา - We knew each other when we started our first year together (เรารู้จักกับเพื่อนอีกสองคนเพราะเคยเรียนด้วยกันตอนปี 1 แต่เราย้ายมหาวิทยาลัย แต่ยังติดต่อกันตั้งแต่นั้นมา)
จนท. - Have you ever been to other country before?
เรา - Yes, I had been to other country before.
เพื่อน 1 - Yes, I had been to China
เพื่อน 2 - No, I never been to any country before
จนท. - May I see your old passport please? (พอดีเราพึ่งไปทำพาสปอร์ตเล่มใหม่มา กระดาษเลยโล่งนิดนึง 55555)
จนท. เปิดดูพาสปอร์ตเล่มเราของเราทั้งหมดที่มีว่าเคยไปไหนมาบ้าง
หลังจากน้น จนท.ก็เอาแต่พิมพ์และมองหน้าจอคอมอย่างเดียวเลย เรากับเพื่อนก็ยืนงงกันอยู่สักพักนึง เพราะจนท. ไม่รู้อะไรเลยหลังจากนั้นเอาแต่มองหน้าจอคอมอย่างเดียว ตอนนั้นใจไม่ดีเลย แทบอยากร้องไห้เพราะเราตื่นเต้นมากจริงๆ
อยู่จนท.ก็หันมาถามเพื่อนเราอีก2 คนว่าใครเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้หรอ (ขอบอกไว้ก่อนนะคะตลอดเวลาที่สัมภาษณ์เราและเพื่อนเราบอกว่าไม่ค่อยได้ยินที่จนท.พูดเลย เพราะกระจกกั้นและเสียงของจนท.ค่อนข้างเบาด้วย) ถามเสร็จจนท.ก็หันกลับไปสนใจแต่จอคอมอีกรอบ ปล่อยให้เรายืนงงกัน 3 คน หลังจากลุ้นกันอยู่พักนึง จนท.ก็หันมาพูดกับเราว่า
"I can approve your visa today, congratulation" แต่!!! ความดีใจเราก็ต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อจนท. หันไปพูดกับเพื่อนเราว่า "But for 2 of you, I'm so sorry I can not approve for your visa today because you don't have enough qualifications for approval of visa today" พร้อมกับยื่นพาสปอร์ตของเพื่อนเราอีกสองคนคืนมา
ขอบอกเลยว่า ณ วินาทีนั้นเราพร้อมกับเพื่อนหูดับไปเลยเพราะจนท. ไม่ได้บอกเหตุผลของการปฎิเสธวีซ่าเลย พอเราถามว่าทำไมถึงไม่สามารถอนุมัติได้ จนท.ได้แต่ตอบกลับมาว่า เขาไม่สามารถบอกได้ว่าทำไม.....
** สรุปแล้วถึงแม้ว่าเพื่อนเราอีกสองคนจะไม่ผ่านวีซ่า แต่ที่เราอยากมีแชร์เรื่องราวเพราะอยากให้ทุกคนเชื่อว่า พันทิปเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ และทำให้เราเตรียมตัวดีจนผ่านสัมภาษณ์ในวันที่ 19 ที่ผ่านมานี้เอง และอยากเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คนอื่นๆ ที่อาจคิดว่าต้องมีเงินในบัญชี 6-7 หลักถึงจะผ่านเท่านั้น เราเองพิสูจน์แล้วว่าไม่จำเป็นเพราะได้กระทู้จากในพันทิปหลายๆกระทู้เป็นตัวช่วยทำให้เรารวบรวมความกล้าไปขอวีซ่าอเมริกา ***
สุดท้ายนี้อยากจะบอกทุกคนๆว่า สู้นะคะ ถ้าเรามั่นใจว่าข้อมูลที่กรอกไปครบถ้วน ทำการบ้านเรื่องเอกสารและศึกษาหาข้อมูลเพิ่มมาดี ยังไงเราก็มีสิทธิ์ที่จะได้วีซ่ามาครอบครองค่าาา
** ต้องขออภัยด้วยนะคะถ้าเขียนหากผิดๆถูกๆ ตัวสะกดอาจจะไม่ถูกต้อง แต่เราตั้งใจอยากจะมีแชร์เรื่องราวให้คนอื่นฟังจริงๆนะคะ **
แชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าอเมริกาเอง โดยหาข้อมูลจากพันทิป 100%
เราตั้งใจเขียนกระทู้เพราะอยากแชร์ประสบการณ์และให้กำลังคนอื่นที่อยากไปขอวีซ่าอเมริกาเหมือนกัน และอีกอย่างเราอยากทำกระทู้นี้ขึ้นเพื่อเป็นการยืนยันว่าการหาข้อมูลจากพันทิปนั้นเชื่อถือได้100%
**ส่วนตัวเราเป็นคนนึงที่ชอบเข้ามาอ่านกระทู้ในพันทิปอยู่แล้ว เราเลยเลือกพันทิปเป็นแหล่งการหาข้อมูลหลัก**
ก่อนอื่นเลยเราขอบอกเลยว่า เราเป็นคนนึงที่ใฝ่ฝันที่จะไปเที่ยวอเมริกาสักครั้งในชีวิต
แต่ด้วยความที่ได้ยินความน่ากลัวและโหดของการขอวีซ่าจากพันทิปนั้นเลยทำให้เรายิ่งกลัวที่จะไปขอ
ด้วยความที่ปัจจุบันตอนนี้เราเป็นนักศึกษาปี3 ขึ้นปี4 บวกกับที่บ้านทำค้าขายก็เลยกลัวว่า statement ของพ่อแม่อาจจะทำให้เราไม่ผ่าน
เราเลยเริ่มขอข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตแบบจริงจัง เริ่มตั้งแต่
- การกรอกข้อมูลใน DS-160 (ควรจะกรอกยังไง, ควรจะเขียนยังไง, ควรจะใส่ข้อมูลให้ครบถ้วนขนาดไหน)
- วิธีการชำระเงินค่าธรรมเนียมวีซ่า
- การนัดสัมภาษณ์วีซ่า
- เอกสารที่ใช้ประกอบการขอวีซ่า
- ควรจะเตรียมคำตอบในการสัมภาษณ์ยังไงให้ดูน่าเชื่อถือ
หลังจากกรอกข้อมูลใน DS-160 ชำระเงินค่าธรรมเนียมและนัดสัมภาษณ์ เราได้คิวในวันที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมานี้เอง
เราไปสัมภาษณ์พร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน แต่เรียนคนละมหาวิทยาลัยกันเพราะอยากจะไปเที่ยวด้วยกันสักครั้งหนึ่ง
เอกสารที่เราเตรียมไปสำหรับสัมภาษณ์ที่ผ่าน มีดังนี้ค่ะ
- DS-160
- สลิปยืนยันการโอนเงินค่าธรรมเนียมวีซ่า
- ใบยืนยันนัดสัมภาษณ์วีซ่า (เขาจะส่งมาให้ทางอีเมล์ที่เรายืนยัน หลังจากทำการนัดสัมภาษณ์แล้วนะคะ)
- Transcript *สำหรับเราที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่นะคะ
- ใบยืนยันความเป็นนักศึกษา (ทั้ง transcript และ ใบยืนยันออกเป็นภาษาอังกฤษมานะคะ)
- สำเนาทะเบียนการค้าของคุณพ่อ (คุณพ่อเราทำธุรกิจซื้อ-ขายของแบรนด์เนม แต่เป็นมือ 2นะคะ แกเลยจดทะเบียนการค้าสำหรับร้านไว้)
- ทะเบียนการค้าที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ (เราหาข้อมูลจากพันทิปว่า การแปลทะเบียนการค้าต้องเขียนเป็นทางการยังไง) แล้วเอาไปให้คุณพ่อเซ็นยืนยัน
- Sponsorship Letter + ให้คุณพ่อเซ็นรับรอง
- Statement ย้อนหลัง 6 เดือนจากธนาคาร (ในบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อคุณพ่อมีเงินเก็บไม่เยอะนะคะ คุณพ่อเรามีเงินในบัญชีในวันที่เราไปยื่นวีซ่าอยู่ 9 หมื่นกว่าบาทเอง แต่ด้วยความที่เป็นบัญชีที่มีเงินเข้า - ออกจากการรูดบัตรเครดิตของลูกค้าที่ร้านคุณพ่อ)
เราได้คิวสัมภาษณ์ ตอน 8.45 เรากับเพื่อนเจอกันแถวสถานทูตตั้งแต่ 7 โมง (เพราะกลัวว่าไปสายแล้วไม่ได้เข้า 5555) พอใกล้ถึงเวลานัดเรากับเพื่อนไปเข้าแถวหน้าสถานทูตเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจชื่อ เวลานัดและเอกสาร เจ้าหน้าที่แค่ DS-160 และพาสปอร์ตเล่มปัจจุบันพร้อมเขียนเวลาไว้ในใบDS-160 หลังจากนั้นเข้าแถวผ่านเครื่องสแกน ฝากมือถือไว้กับเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัย (เราฝากกระเป๋าไว้กับพ่อแม่ของเพื่อนเรานะคะ พกติดตัวไปแค่เอกสาร, มือถือ, เงินสดเล็กน้อย แล้วก็ปากกาค่ะ)
หลังจากผ่านเครื่องสแกน เราเดินเข้าไปเจอคนนั่งรอเจ้าหน้าเรียกไปตอนเวลาที่เรานัดไว้ เรานั่งรอประมาน10 นาที เจ้าหน้าที่เรียกเวลาที่เรานัดสัมภาษณ์เพื่อเข้าแถวไปยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าบอกว่าเอาแค่ใบยืนยัน DS-160 กับพาสปอร์ตยื่นให้เขาสแกนพร้อมแปะรหัส EMS เผื่อใช้ในการติดตามสถานะวีซ่าของเรานะคะ (อย่าจดเลขไว้นะคะ สำคัญมาก!) เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปในห้องเพื่อต่อแถวรอสแกนนิ้วมือ ตอนเราเข้าไปแถวคนรอค่อนข้างยาวตอนแรกก็คิดว่าน่าจะใช้เวลานานแน่ๆเลย แต่ไปๆมาๆแถวเขยิบค่อนข้างเร็วเหมือนกัน ต่อแถวประมาน 5 นาทีถึงคิวเรา เข้าไปถึงช่องสแกนนิ้วด้วยความที่เราไม่แน่ใจว่าถ้าเรามาสัมภาษณ์พร้อมเพื่อนต้องเข้าไปสแกนด้วยกันไหม แต่จริงๆแล้วเจ้าหน้าที่ (เจ้าหน้าที่ตรงนี้เป็นคนไทยนะคะ) บอกว่าต้องเข้าไปลิสชื่อในระบบซึ่งเราไม่รู้เรื่องนั้น ระหว่างสแกนนิ้วเจ้าหน้าที่จะขอใบยืนยัน DS-160 พร้อมพาสปอร์ตแล้วเจ้าหน้าที่ก็ถามว่าเคยเปลี่ยนชื่อและนามสกุลมาก่อนไหม? ขอเราเจ้าหน้าขอรูปถ่ายไปสแกนใหม่เพราะรูปเรามืดไปเลยทำให้เห็นหูไม่ชัด เจ้าหน้าที่ก็ถามอีกว่าจะไปทำอะไรที่อเมริกาหรอ เสร็จแล้วให้ไปต่อแถวอีกรอบเผื่อสแกนนิ้วอีกที (รอบนี้เป็นฝรั่งนะคะ) หลังจากเสร็จแล้วเราก็ไปต่อแถวเพื่อรอสัมภษณ์จริงๆแล้ว บอกเลยว่าตอนที่ยืนต่อแถวเรากับเพื่อนอีก 2 คนตื่นเต้นมากเพราะเราไม่รู้เลยว่าเจ้าหน้าที่จะถามอะไร แล้วเราจะผ่านไหม
รอประมาน10 นาที ก็ถึงเวลาที่รอคอยยย 55555 ~~~~ (หลังจากนี้คือบทสนทนาระหว่างเรา เจ้าหน้าที่ และเพื่อนอีก 2 คนนะคะ)
เรา - Hello, Good Morning
จนท. - Hello, Good Morning
เรา - Does my friends need to interview together because we are going together
จนท. - Yes, of course but if we all interview together. The decision will based individually anyway.
- May I ask what are the purpose of visiting United State ?
เรา - Travelling
จนท. - How did you guys knew each other ?
เรา - We knew each other when we started our first year together (เรารู้จักกับเพื่อนอีกสองคนเพราะเคยเรียนด้วยกันตอนปี 1 แต่เราย้ายมหาวิทยาลัย แต่ยังติดต่อกันตั้งแต่นั้นมา)
จนท. - Have you ever been to other country before?
เรา - Yes, I had been to other country before.
เพื่อน 1 - Yes, I had been to China
เพื่อน 2 - No, I never been to any country before
จนท. - May I see your old passport please? (พอดีเราพึ่งไปทำพาสปอร์ตเล่มใหม่มา กระดาษเลยโล่งนิดนึง 55555)
จนท. เปิดดูพาสปอร์ตเล่มเราของเราทั้งหมดที่มีว่าเคยไปไหนมาบ้าง
หลังจากน้น จนท.ก็เอาแต่พิมพ์และมองหน้าจอคอมอย่างเดียวเลย เรากับเพื่อนก็ยืนงงกันอยู่สักพักนึง เพราะจนท. ไม่รู้อะไรเลยหลังจากนั้นเอาแต่มองหน้าจอคอมอย่างเดียว ตอนนั้นใจไม่ดีเลย แทบอยากร้องไห้เพราะเราตื่นเต้นมากจริงๆ อยู่จนท.ก็หันมาถามเพื่อนเราอีก2 คนว่าใครเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้หรอ (ขอบอกไว้ก่อนนะคะตลอดเวลาที่สัมภาษณ์เราและเพื่อนเราบอกว่าไม่ค่อยได้ยินที่จนท.พูดเลย เพราะกระจกกั้นและเสียงของจนท.ค่อนข้างเบาด้วย) ถามเสร็จจนท.ก็หันกลับไปสนใจแต่จอคอมอีกรอบ ปล่อยให้เรายืนงงกัน 3 คน หลังจากลุ้นกันอยู่พักนึง จนท.ก็หันมาพูดกับเราว่า
"I can approve your visa today, congratulation" แต่!!! ความดีใจเราก็ต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อจนท. หันไปพูดกับเพื่อนเราว่า "But for 2 of you, I'm so sorry I can not approve for your visa today because you don't have enough qualifications for approval of visa today" พร้อมกับยื่นพาสปอร์ตของเพื่อนเราอีกสองคนคืนมา
ขอบอกเลยว่า ณ วินาทีนั้นเราพร้อมกับเพื่อนหูดับไปเลยเพราะจนท. ไม่ได้บอกเหตุผลของการปฎิเสธวีซ่าเลย พอเราถามว่าทำไมถึงไม่สามารถอนุมัติได้ จนท.ได้แต่ตอบกลับมาว่า เขาไม่สามารถบอกได้ว่าทำไม.....
** สรุปแล้วถึงแม้ว่าเพื่อนเราอีกสองคนจะไม่ผ่านวีซ่า แต่ที่เราอยากมีแชร์เรื่องราวเพราะอยากให้ทุกคนเชื่อว่า พันทิปเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ และทำให้เราเตรียมตัวดีจนผ่านสัมภาษณ์ในวันที่ 19 ที่ผ่านมานี้เอง และอยากเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คนอื่นๆ ที่อาจคิดว่าต้องมีเงินในบัญชี 6-7 หลักถึงจะผ่านเท่านั้น เราเองพิสูจน์แล้วว่าไม่จำเป็นเพราะได้กระทู้จากในพันทิปหลายๆกระทู้เป็นตัวช่วยทำให้เรารวบรวมความกล้าไปขอวีซ่าอเมริกา ***
สุดท้ายนี้อยากจะบอกทุกคนๆว่า สู้นะคะ ถ้าเรามั่นใจว่าข้อมูลที่กรอกไปครบถ้วน ทำการบ้านเรื่องเอกสารและศึกษาหาข้อมูลเพิ่มมาดี ยังไงเราก็มีสิทธิ์ที่จะได้วีซ่ามาครอบครองค่าาา
** ต้องขออภัยด้วยนะคะถ้าเขียนหากผิดๆถูกๆ ตัวสะกดอาจจะไม่ถูกต้อง แต่เราตั้งใจอยากจะมีแชร์เรื่องราวให้คนอื่นฟังจริงๆนะคะ **