บทความ เรื่อง โอดอส โอกาสเดียวเปลี่ยนชีวิต
ตัวอย่างความสำเร็จของผู้ที่ได้รับทุน 1 อำเภอ 1 ทุน (ODOS) เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจไปให้น้องๆ นักเรียนในต่างจังหวัด ให้ขยันศึกษาเล่าเรียน และมีทัศนคติที่ดีในการต่อสู้ชีวิต เหมือนกับ คนต้นเรื่อง ในบทความนี้
https://prachatai.com/journal/2018/06/77274
โอดอส โอกาสเดียวเปลี่ยนชีวิต
หนึ่งในนโยบายพื้นฐานของทุกรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ ก็คือ การขยายและสร้างโอกาสเข้าถึงบริการทางการศึกษาที่ดี มีคุณภาพ และมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ รวมทั้งผลิตบุคลากรให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานในประเทศอีกด้วย หรือมองอีกมุมหนึ่ง การศึกษาเป็นหนทางหนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงและขยับสถานภาพทางสังคมให้สูงขึ้นในรูปแบบที่ง่ายและเร็วที่สุด เพราะเมื่อได้รับการศึกษาที่สูงขึ้นแล้วก็ย่อมมีช่องทางและโอกาสหารายได้ที่สูงขึ้นตามไปด้วย และหากได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลไปศึกษาต่อยังต่างประเทศแล้ว สามารถการันตีได้เลยว่า อนาคตอันเรืองรอง , ความก้าวหน้า และความสำเร็จในอาชีพการงานนั้นวางรออยู่เบื้องหน้า อีกทั้งยังสามารถผลักดันตนเองให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มชนชั้นนำของประเทศได้โดยง่าย ภายใต้คำเรียกขานว่า “นักเรียนนอก”
ทุนการศึกษาอันเป็นที่ใฝ่ฝันของนักเรียนที่มีการแข่งขันแย่งชิงกันมาก เช่น ทุนเล่าเรียนหลวง , ทุนธนาคารแห่งประเทศไทย , ทุนรัฐบาล (ก.พ.) ที่จัดสรรให้ตามความต้องการของกระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ เป็นต้น แต่ผู้ที่สอบชิงทุนได้ส่วนใหญ่มักจะมาจากครอบครัวชนชั้นกลางขึ้นไป และก็มาจากโรงเรียนขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงซึ่งกระจุกตัวอยู่ในเขตกรุงเทพฯ เท่านั้น อีกทั้งภาครัฐเองก็ได้ลงทุนและทุ่มเททรัพยากรทางการศึกษาในเขตกรุงเทพฯ มากกว่าส่วนภูมิภาคมาตั้งแต่ในอดีตเช่นกัน ทำให้โรงเรียนเหล่านั้นมีความพร้อมทั้งอาจารย์ที่เก่ง มีบรรยากาศความเข้มข้นทางวิชาการ มีสื่อการเรียนการสอนที่ครบครัน และสถานที่ที่เอื้ออำนวย พร้อมทั้งมีโรงเรียนกวดวิชาให้เลือกมากมาย แต่สำหรับนักเรียนในต่างจังหวัดหรือในชนบทแล้ว การสอบชิงทุนไปศึกษาต่อยังต่างประเทศเป็นเรื่องที่ไกลเกินฝัน และไกลเกินเอื้อมที่จะไปถึง หรือเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่จะคิด ความฝันที่ใกล้เคียงและเป็นไปได้มากที่สุดสำหรับเด็กเรียนดี ก็คือ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
ปี พ.ศ. 2547 รัฐบาลพรรคไทยรักไทยในขณะนั้น ได้ให้ความสำคัญต่อการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา จึงเกิดนโยบายขยายโอกาสด้วยการมอบทุนการศึกษาต่อต่างประเทศให้กระจายไปยังเขตชนบท ภายใต้ชื่อโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน (One District One Scholarship : ODOS หรือ โอดอส) โดยจะให้ทุนแก่เด็กนักเรียนมัธยมปลายจากทุกอำเภอและกิ่งอำเภอทั่วประเทศ เพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศในระดับปริญญาตรีในประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก และในช่วงแรกนั้นได้รับเงินทุนสนับสนุนจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จากการขายหวยออนไลน์ และเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัว
แนวคิดพื้นฐานของรัฐบาลในสมัยนั้น เชื่อมั่นว่า การศึกษาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ พร้อมทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรด้วย ดังนั้นหากมีการลงทุนจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งกระจายไปยังต่างจังหวัดแล้ว จะเป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศที่มีมาเนิ่นนานได้ เช่น แก้ปัญหาความยากจนและการกระจายรายได้ , ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม เป็นต้น และเมื่อปัญหาปากท้องได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธีแล้ว ก็จะเป็นรากฐานที่แข็งแรงและมั่นคงสำหรับการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้ยั่งยืนต่อไปในอนาคต
สังคมส่วนรวมจะเกิดการพัฒนาศักยภาพอย่างรวดเร็วก็ต่อเมื่อมีการแบ่งปันโอกาสอย่างเสมอภาค เช่น การมอบโอกาสที่หาได้ยากให้แก่เด็กนักเรียนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะเด็กที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ รวมทั้งเด็กด้อยโอกาสในชนบท เมื่อเด็กเก่งในชนบทได้รับโอกาสอันดีเช่นนี้แล้ว ก็สามารถแสดงศักยภาพที่ซ่อนเร้นที่คนในสังคมระดับบนในกรุงเทพฯ มองไม่เห็นและไม่เคยให้โอกาสได้แสดงออก และปัจจุบันนักเรียนทุนกลุ่มนี้ได้กลายมาเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนและสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ดังนั้นนโยบายสาธารณะเพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมกันจึงควรเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญภายใต้ยุทธศาสตร์การสร้างชาติ
จำนวนนักเรียนในโครงการทุนโอดอส มีดังนี้
รุ่น ปี พ.ศ. จำนวนนักเรียนที่ได้รับทุน (คน)
1 2547 921
2 2549 915
3 2555 689
4 2556 568
รวมทั้งหมด 3,093
ที่มา : www.odos.moe.go.th
และนี่คือ หนึ่งในเรื่องราวความสำเร็จของโครงการที่พลิกผันชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งจากดินสู่ดาว
“...คุณปุ๊ก (นามสมมติ) หญิงสาววัยเพียง 30 ปีต้นๆ ผู้เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เด็กสาวต่างจังหวัดในสายตาคนเมืองกรุง ศิษย์เก่าจากโรงเรียนประจำอำเภอพระยืน ในจังหวัดขอนแก่น เป็นหนึ่งในผู้ได้รับทุนโอดอสรุ่นที่ 2 ไปศึกษาต่อปริญญาตรี ณ ประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันทำงานเป็นล่ามและผู้ช่วยผู้บริหารชาวญี่ปุ่นในบริษัทนำเข้า-ส่งออกแห่งหนึ่งย่านบางนา...”
เธอเล่าให้ฟังว่า “...จากเด็กหญิงผู้กำพร้าคุณพ่อมาตั้งแต่เล็ก และต้องอยู่ในอุปการะของคุณลุงคุณป้า อีกทั้งต้องช่วยทางบ้านทำงานหารายได้พิเศษมาตลอด เมื่อใกล้เรียนจบมัธยมปลายแล้ว ทางบ้านตัดสินใจวางแผนอนาคตไว้ให้ โดยตั้งใจจะส่งเรียนพยาบาล เนื่องจากเป็นอาชีพที่มั่นคงและมีงานทำที่แน่นอน แต่เมื่อโอกาสมาถึงในจังหวะที่เหมาะสม ด้วยโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนของรัฐบาล และด้วยความเป็นเด็กกิจกรรมที่มีผลการเรียนดีอยู่ในเกณฑ์ตามเงื่อนไขที่ทุนกำหนด จึงเกิดความพยายาม วิริยะอุตสาหะ มุ่งมั่น ตั้งใจที่จะสอบชิงทุนโอดอสมาให้ได้...”
“...และเช่นเดียวกับนักเรียนทุนโอดอสอีกหลายคนที่ในระหว่างเรียนก็ต้องทำงานหารายได้พิเศษเพื่อส่งเงินกลับไปช่วยเหลือทางบ้าน รวมทั้งส่งน้องๆ เรียนหนังสืออีกด้วย จึงถือได้ว่าเธอเป็นเสาหลักคนหนึ่งของครอบครัวเลยทีเดียว...”
“...ด้วยความสามารถทางภาษา ทำให้คุณเอได้ทำงานใกล้ชิดเป็นทั้งล่ามแปลภาษา และได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบการแปลเอกสารและหนังสือสัญญาต่างๆ ซึ่งมีความสำคัญต่อการตัดสินใจของผู้บริหาร ดังนั้นจึงได้รับผลตอบแทนทางรายได้ที่มากกว่าคนทั่วไปในวัยเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่เรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยในประเทศ ส่งผลให้สามารถดูแลคนรอบข้างและผู้มีพระคุณได้มากขึ้น รวมทั้งเริ่มสร้างฐานะให้มีความมั่นคงในระดับหนึ่ง หรืออาจกล่าวได้ว่า เธอได้ลงมือปั้นดินให้เป็นดาวด้วยมือของตัวเอง , เจียระไนเพชรด้วยแรงกายแรงใจและความมุมานะบากบั่น เพราะเธอเชื่อว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จจะอยู่ที่นั่น คนเราต้องมีทัศนคติเชิงบวกที่ดีต่อชีวิต ต้องมีกำลังใจ มีความหวังและศรัทธาต่อตัวเองเสมอ...”
“...ความยากลำบากในอดีตจะเป็นแรงผลักดันให้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและอดทน ทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงสถานะทางสังคมได้ด้วยมือของตัวเอง อย่ายอมแพ้หรือท้อถอย หรือหมดกำลังใจไปเสียก่อนที่จะประสบความสำเร็จ ทุกคนต้องหาความถนัดของตัวเองให้พบและทำให้ดีที่สุด อย่าคาดหวังหรือพึ่งพาโชคชะตาที่ฟ้าลิขิตมากเกินไป และอย่าน้อยใจต่อชาติกำเนิดที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เพราะทุกความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นได้ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง เธอจึงขอส่งต่อแรงบันดาลใจและเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเดินตามหาความฝัน และไขว้คว้ามันด้วยมือของตัวเอง...”
ทุนโอดอสนี้ เปรียบเสมือนเป็นสะพานเชื่อมโลกอันกว้างใหญ่ให้กับเด็กนักเรียนในต่างจังหวัด , ในถิ่นทุรกันดารที่อยู่ในป่าหรือหลังเขา ให้มุ่งหน้าไปสู่โลกาภิวัตน์และก้าวออกไปหาประสบการณ์ชีวิต ด้วยการเรียนรู้โลกใบใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม เรียนรู้วิถีชีวิตผู้คน วัฒนธรรม และประเพณีที่แตกต่าง พร้อมทั้งศึกษาองค์ความรู้สมัยใหม่เพื่อนำกลับมาพัฒนาประเทศชาติ ซึ่งในมุมมองเศรษฐศาสตร์แล้ว นี่ถือได้ว่า เป็นผลกระทบภายนอกเชิงบวกจากนโยบายใจกว้างทางการศึกษา โดยประเมินค่าในรูปผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล ทั้งในแง่การกระจายรายได้ , การลดความเหลื่อมล้ำ , กระจายความกินดีอยู่ดีไปยังครอบครัวและเครือญาติในต่างจังหวัดของนักเรียนทุนโอดอสทุกคน
แต่ในทางกลับกัน ถ้านักเรียนกลุ่มนี้ไม่มีโอกาสได้รับทุนโอดอส ปัจจุบันพวกเขาจะเติบโตขึ้นมามีชีวิตอย่างไร เรียนจบคณะอะไร ทำอาชีพแบบไหน ก็คาดคะเนได้ยากอย่างยิ่ง พวกเขาอาจจะรับช่วงอาชีพเกษตรกรต่อจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ หรือรับมรดกสืบทอดความยากจนต่อจากบรรพบุรุษ , รับจ้างทำงานในท้องถิ่นของตนเอง , เข้ารับราชการตามหน่วยงานรัฐ หรือบากหน้าเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ เป็นต้น แต่อนาคตที่หักเหและเบี่ยงเบนออกจากจุดเริ่มต้น และมุ่งหน้าไปสู่หนทางที่สดใสและดีกว่าเดิมเช่นนี้ นั่นก็เพราะ การได้รับทุนการศึกษาต่อต่างประเทศที่เปลี่ยนชีวิตไปทั้งชีวิต ซึ่งในขณะนั้น แม้แต่พวกเขาเองก็ไม่อาจคาดเดาหรือจินตนาการได้เลยว่า หากไม่ได้รับทุนดังกล่าวแล้ว ชีวิต ณ วันนี้จะเป็นอย่างไร
แต่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่การหยิบยื่นโอกาสทางการศึกษาอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันเช่นนี้ ไม่สามารถยั่งยืนกลายเป็นนโยบายประจำปีงบประมาณได้ ต้องหยุดลงและขาดการต่อเนื่องในการดำเนินงาน เนื่องจากเกิดการปฏิวัติรัฐประหารมาถึง 2 ครั้ง ทั้งในปี พ.ศ. 2549 และ 2557 จึงทำให้การจัดสรรทุนโอดอสต้องหยุดชะงักลงโดยไม่ทราบสาเหตุ มีการเปลี่ยนแปลงแม้กระทั่งชื่อของทุน , เงื่อนไขการรับทุน , ระเบียบหลักเกณฑ์การสมัคร และแหล่งที่มาของเงินทุนไปจากเดิมด้วย ในขณะที่ทุนอื่นๆ สำหรับนักเรียนในเขตกรุงเทพฯ ยังคงมีอย่างต่อเนื่องตามปกติ ข้ออ้างสำคัญประการหนึ่งก็คือ งบประมาณมีไม่เพียงพอที่จะอุดหนุนทุนการศึกษาต่อต่างประเทศจำนวนมากในลักษณะนี้ให้กับลูกหลานชาวบ้านนอกเขตเมืองกรุง
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลเปิดโอกาสให้มีทุนการศึกษาต่อต่างประเทศเช่นนี้อีกครั้ง คนที่เตรียมความพร้อมไว้รอโอกาสจะสามารถไขว้คว้าหาโอกาสนั้นได้ทันที เพราะเป็นโอกาสเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตของเด็กคนหนึ่งในต่างจังหวัดไปตลอดกาล ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สามารถพลิกผันชีวิตจากดินไปสู่ดาวเพียงชั่วรุ่นอายุคนหนึ่งเท่านั้น พร้อมทั้งสามารถนำพาตัวเองและคนรอบข้างให้หลุดพ้นจากกับดักความยากจนข้นแค้นได้ด้วยการศึกษา และลิขิตชะตาชีวิตได้ด้วยมือของตัวเอง
ทุนโอดอส ทุน 1 อำเภอ 1 ทุน - โอกาสเดียว เปลี่ยนชีวิต
ตัวอย่างความสำเร็จของผู้ที่ได้รับทุน 1 อำเภอ 1 ทุน (ODOS) เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจไปให้น้องๆ นักเรียนในต่างจังหวัด ให้ขยันศึกษาเล่าเรียน และมีทัศนคติที่ดีในการต่อสู้ชีวิต เหมือนกับ คนต้นเรื่อง ในบทความนี้
https://prachatai.com/journal/2018/06/77274
โอดอส โอกาสเดียวเปลี่ยนชีวิต
หนึ่งในนโยบายพื้นฐานของทุกรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ ก็คือ การขยายและสร้างโอกาสเข้าถึงบริการทางการศึกษาที่ดี มีคุณภาพ และมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ รวมทั้งผลิตบุคลากรให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานในประเทศอีกด้วย หรือมองอีกมุมหนึ่ง การศึกษาเป็นหนทางหนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงและขยับสถานภาพทางสังคมให้สูงขึ้นในรูปแบบที่ง่ายและเร็วที่สุด เพราะเมื่อได้รับการศึกษาที่สูงขึ้นแล้วก็ย่อมมีช่องทางและโอกาสหารายได้ที่สูงขึ้นตามไปด้วย และหากได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลไปศึกษาต่อยังต่างประเทศแล้ว สามารถการันตีได้เลยว่า อนาคตอันเรืองรอง , ความก้าวหน้า และความสำเร็จในอาชีพการงานนั้นวางรออยู่เบื้องหน้า อีกทั้งยังสามารถผลักดันตนเองให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มชนชั้นนำของประเทศได้โดยง่าย ภายใต้คำเรียกขานว่า “นักเรียนนอก”
ทุนการศึกษาอันเป็นที่ใฝ่ฝันของนักเรียนที่มีการแข่งขันแย่งชิงกันมาก เช่น ทุนเล่าเรียนหลวง , ทุนธนาคารแห่งประเทศไทย , ทุนรัฐบาล (ก.พ.) ที่จัดสรรให้ตามความต้องการของกระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ เป็นต้น แต่ผู้ที่สอบชิงทุนได้ส่วนใหญ่มักจะมาจากครอบครัวชนชั้นกลางขึ้นไป และก็มาจากโรงเรียนขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงซึ่งกระจุกตัวอยู่ในเขตกรุงเทพฯ เท่านั้น อีกทั้งภาครัฐเองก็ได้ลงทุนและทุ่มเททรัพยากรทางการศึกษาในเขตกรุงเทพฯ มากกว่าส่วนภูมิภาคมาตั้งแต่ในอดีตเช่นกัน ทำให้โรงเรียนเหล่านั้นมีความพร้อมทั้งอาจารย์ที่เก่ง มีบรรยากาศความเข้มข้นทางวิชาการ มีสื่อการเรียนการสอนที่ครบครัน และสถานที่ที่เอื้ออำนวย พร้อมทั้งมีโรงเรียนกวดวิชาให้เลือกมากมาย แต่สำหรับนักเรียนในต่างจังหวัดหรือในชนบทแล้ว การสอบชิงทุนไปศึกษาต่อยังต่างประเทศเป็นเรื่องที่ไกลเกินฝัน และไกลเกินเอื้อมที่จะไปถึง หรือเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่จะคิด ความฝันที่ใกล้เคียงและเป็นไปได้มากที่สุดสำหรับเด็กเรียนดี ก็คือ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
ปี พ.ศ. 2547 รัฐบาลพรรคไทยรักไทยในขณะนั้น ได้ให้ความสำคัญต่อการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา จึงเกิดนโยบายขยายโอกาสด้วยการมอบทุนการศึกษาต่อต่างประเทศให้กระจายไปยังเขตชนบท ภายใต้ชื่อโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน (One District One Scholarship : ODOS หรือ โอดอส) โดยจะให้ทุนแก่เด็กนักเรียนมัธยมปลายจากทุกอำเภอและกิ่งอำเภอทั่วประเทศ เพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศในระดับปริญญาตรีในประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก และในช่วงแรกนั้นได้รับเงินทุนสนับสนุนจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จากการขายหวยออนไลน์ และเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัว
แนวคิดพื้นฐานของรัฐบาลในสมัยนั้น เชื่อมั่นว่า การศึกษาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ พร้อมทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรด้วย ดังนั้นหากมีการลงทุนจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งกระจายไปยังต่างจังหวัดแล้ว จะเป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศที่มีมาเนิ่นนานได้ เช่น แก้ปัญหาความยากจนและการกระจายรายได้ , ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม เป็นต้น และเมื่อปัญหาปากท้องได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธีแล้ว ก็จะเป็นรากฐานที่แข็งแรงและมั่นคงสำหรับการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้ยั่งยืนต่อไปในอนาคต
สังคมส่วนรวมจะเกิดการพัฒนาศักยภาพอย่างรวดเร็วก็ต่อเมื่อมีการแบ่งปันโอกาสอย่างเสมอภาค เช่น การมอบโอกาสที่หาได้ยากให้แก่เด็กนักเรียนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะเด็กที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ รวมทั้งเด็กด้อยโอกาสในชนบท เมื่อเด็กเก่งในชนบทได้รับโอกาสอันดีเช่นนี้แล้ว ก็สามารถแสดงศักยภาพที่ซ่อนเร้นที่คนในสังคมระดับบนในกรุงเทพฯ มองไม่เห็นและไม่เคยให้โอกาสได้แสดงออก และปัจจุบันนักเรียนทุนกลุ่มนี้ได้กลายมาเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนและสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ดังนั้นนโยบายสาธารณะเพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมกันจึงควรเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญภายใต้ยุทธศาสตร์การสร้างชาติ
จำนวนนักเรียนในโครงการทุนโอดอส มีดังนี้
รุ่น ปี พ.ศ. จำนวนนักเรียนที่ได้รับทุน (คน)
1 2547 921
2 2549 915
3 2555 689
4 2556 568
รวมทั้งหมด 3,093
ที่มา : www.odos.moe.go.th
และนี่คือ หนึ่งในเรื่องราวความสำเร็จของโครงการที่พลิกผันชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งจากดินสู่ดาว
“...คุณปุ๊ก (นามสมมติ) หญิงสาววัยเพียง 30 ปีต้นๆ ผู้เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เด็กสาวต่างจังหวัดในสายตาคนเมืองกรุง ศิษย์เก่าจากโรงเรียนประจำอำเภอพระยืน ในจังหวัดขอนแก่น เป็นหนึ่งในผู้ได้รับทุนโอดอสรุ่นที่ 2 ไปศึกษาต่อปริญญาตรี ณ ประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันทำงานเป็นล่ามและผู้ช่วยผู้บริหารชาวญี่ปุ่นในบริษัทนำเข้า-ส่งออกแห่งหนึ่งย่านบางนา...”
เธอเล่าให้ฟังว่า “...จากเด็กหญิงผู้กำพร้าคุณพ่อมาตั้งแต่เล็ก และต้องอยู่ในอุปการะของคุณลุงคุณป้า อีกทั้งต้องช่วยทางบ้านทำงานหารายได้พิเศษมาตลอด เมื่อใกล้เรียนจบมัธยมปลายแล้ว ทางบ้านตัดสินใจวางแผนอนาคตไว้ให้ โดยตั้งใจจะส่งเรียนพยาบาล เนื่องจากเป็นอาชีพที่มั่นคงและมีงานทำที่แน่นอน แต่เมื่อโอกาสมาถึงในจังหวะที่เหมาะสม ด้วยโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนของรัฐบาล และด้วยความเป็นเด็กกิจกรรมที่มีผลการเรียนดีอยู่ในเกณฑ์ตามเงื่อนไขที่ทุนกำหนด จึงเกิดความพยายาม วิริยะอุตสาหะ มุ่งมั่น ตั้งใจที่จะสอบชิงทุนโอดอสมาให้ได้...”
“...และเช่นเดียวกับนักเรียนทุนโอดอสอีกหลายคนที่ในระหว่างเรียนก็ต้องทำงานหารายได้พิเศษเพื่อส่งเงินกลับไปช่วยเหลือทางบ้าน รวมทั้งส่งน้องๆ เรียนหนังสืออีกด้วย จึงถือได้ว่าเธอเป็นเสาหลักคนหนึ่งของครอบครัวเลยทีเดียว...”
“...ด้วยความสามารถทางภาษา ทำให้คุณเอได้ทำงานใกล้ชิดเป็นทั้งล่ามแปลภาษา และได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบการแปลเอกสารและหนังสือสัญญาต่างๆ ซึ่งมีความสำคัญต่อการตัดสินใจของผู้บริหาร ดังนั้นจึงได้รับผลตอบแทนทางรายได้ที่มากกว่าคนทั่วไปในวัยเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่เรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยในประเทศ ส่งผลให้สามารถดูแลคนรอบข้างและผู้มีพระคุณได้มากขึ้น รวมทั้งเริ่มสร้างฐานะให้มีความมั่นคงในระดับหนึ่ง หรืออาจกล่าวได้ว่า เธอได้ลงมือปั้นดินให้เป็นดาวด้วยมือของตัวเอง , เจียระไนเพชรด้วยแรงกายแรงใจและความมุมานะบากบั่น เพราะเธอเชื่อว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จจะอยู่ที่นั่น คนเราต้องมีทัศนคติเชิงบวกที่ดีต่อชีวิต ต้องมีกำลังใจ มีความหวังและศรัทธาต่อตัวเองเสมอ...”
“...ความยากลำบากในอดีตจะเป็นแรงผลักดันให้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและอดทน ทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงสถานะทางสังคมได้ด้วยมือของตัวเอง อย่ายอมแพ้หรือท้อถอย หรือหมดกำลังใจไปเสียก่อนที่จะประสบความสำเร็จ ทุกคนต้องหาความถนัดของตัวเองให้พบและทำให้ดีที่สุด อย่าคาดหวังหรือพึ่งพาโชคชะตาที่ฟ้าลิขิตมากเกินไป และอย่าน้อยใจต่อชาติกำเนิดที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เพราะทุกความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นได้ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง เธอจึงขอส่งต่อแรงบันดาลใจและเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเดินตามหาความฝัน และไขว้คว้ามันด้วยมือของตัวเอง...”
ทุนโอดอสนี้ เปรียบเสมือนเป็นสะพานเชื่อมโลกอันกว้างใหญ่ให้กับเด็กนักเรียนในต่างจังหวัด , ในถิ่นทุรกันดารที่อยู่ในป่าหรือหลังเขา ให้มุ่งหน้าไปสู่โลกาภิวัตน์และก้าวออกไปหาประสบการณ์ชีวิต ด้วยการเรียนรู้โลกใบใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม เรียนรู้วิถีชีวิตผู้คน วัฒนธรรม และประเพณีที่แตกต่าง พร้อมทั้งศึกษาองค์ความรู้สมัยใหม่เพื่อนำกลับมาพัฒนาประเทศชาติ ซึ่งในมุมมองเศรษฐศาสตร์แล้ว นี่ถือได้ว่า เป็นผลกระทบภายนอกเชิงบวกจากนโยบายใจกว้างทางการศึกษา โดยประเมินค่าในรูปผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล ทั้งในแง่การกระจายรายได้ , การลดความเหลื่อมล้ำ , กระจายความกินดีอยู่ดีไปยังครอบครัวและเครือญาติในต่างจังหวัดของนักเรียนทุนโอดอสทุกคน
แต่ในทางกลับกัน ถ้านักเรียนกลุ่มนี้ไม่มีโอกาสได้รับทุนโอดอส ปัจจุบันพวกเขาจะเติบโตขึ้นมามีชีวิตอย่างไร เรียนจบคณะอะไร ทำอาชีพแบบไหน ก็คาดคะเนได้ยากอย่างยิ่ง พวกเขาอาจจะรับช่วงอาชีพเกษตรกรต่อจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ หรือรับมรดกสืบทอดความยากจนต่อจากบรรพบุรุษ , รับจ้างทำงานในท้องถิ่นของตนเอง , เข้ารับราชการตามหน่วยงานรัฐ หรือบากหน้าเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ เป็นต้น แต่อนาคตที่หักเหและเบี่ยงเบนออกจากจุดเริ่มต้น และมุ่งหน้าไปสู่หนทางที่สดใสและดีกว่าเดิมเช่นนี้ นั่นก็เพราะ การได้รับทุนการศึกษาต่อต่างประเทศที่เปลี่ยนชีวิตไปทั้งชีวิต ซึ่งในขณะนั้น แม้แต่พวกเขาเองก็ไม่อาจคาดเดาหรือจินตนาการได้เลยว่า หากไม่ได้รับทุนดังกล่าวแล้ว ชีวิต ณ วันนี้จะเป็นอย่างไร
แต่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่การหยิบยื่นโอกาสทางการศึกษาอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันเช่นนี้ ไม่สามารถยั่งยืนกลายเป็นนโยบายประจำปีงบประมาณได้ ต้องหยุดลงและขาดการต่อเนื่องในการดำเนินงาน เนื่องจากเกิดการปฏิวัติรัฐประหารมาถึง 2 ครั้ง ทั้งในปี พ.ศ. 2549 และ 2557 จึงทำให้การจัดสรรทุนโอดอสต้องหยุดชะงักลงโดยไม่ทราบสาเหตุ มีการเปลี่ยนแปลงแม้กระทั่งชื่อของทุน , เงื่อนไขการรับทุน , ระเบียบหลักเกณฑ์การสมัคร และแหล่งที่มาของเงินทุนไปจากเดิมด้วย ในขณะที่ทุนอื่นๆ สำหรับนักเรียนในเขตกรุงเทพฯ ยังคงมีอย่างต่อเนื่องตามปกติ ข้ออ้างสำคัญประการหนึ่งก็คือ งบประมาณมีไม่เพียงพอที่จะอุดหนุนทุนการศึกษาต่อต่างประเทศจำนวนมากในลักษณะนี้ให้กับลูกหลานชาวบ้านนอกเขตเมืองกรุง
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลเปิดโอกาสให้มีทุนการศึกษาต่อต่างประเทศเช่นนี้อีกครั้ง คนที่เตรียมความพร้อมไว้รอโอกาสจะสามารถไขว้คว้าหาโอกาสนั้นได้ทันที เพราะเป็นโอกาสเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตของเด็กคนหนึ่งในต่างจังหวัดไปตลอดกาล ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สามารถพลิกผันชีวิตจากดินไปสู่ดาวเพียงชั่วรุ่นอายุคนหนึ่งเท่านั้น พร้อมทั้งสามารถนำพาตัวเองและคนรอบข้างให้หลุดพ้นจากกับดักความยากจนข้นแค้นได้ด้วยการศึกษา และลิขิตชะตาชีวิตได้ด้วยมือของตัวเอง