หากลูกท่านชักจากไข้สูงติดเชื้ออาการรุนแรงมากแล้วสุดท้ายของการรักษา รพ. ไม่มีคำตอบสาเหตุและชนิดของเชื้อให้ คุณจะทำอย่างไร

สวัสดีครับ ก่อนอื่นผมต้องเรียนว่าผมเคารพ และเชิดชูวงการแพทย์ของไทยเป็นอย่างมากนะครับ การตั้งกระทู้นี้มิได้มีเจตนาจะทำให้วงการทางการแพทย์ หรือ รพ. ของรัฐเสียชื่อเสียแต่ประการใด เพราะแต่อยากได้มุมมอง เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการในการดูแลลูกชายในลำดับต่อไป ขอบพระคุณผู้ที่เข้ามาให้ความรู้ล่วงหน้าไว้ ณ โอกาสนี้ครับ

เหตุการณ์มีอยู่ว่า
1. บ่าย 3 โมงเย็นของวันที่ 1 ลูกชายผมเวียนหัว ตัวอุ่นๆ ครูเลยโทรให้มารับกลับบ้าน หลังจากถึงบ้านผมให้ทานยาลดไข้ แล้วนอนพัก

2. เช้าวันที่ 2 ลูกชายผมอาเจียน 3 ครั้ง ผมเลยพาไปคลินิกหมอเด็ก แล้วหมอบอกว่า ไข้สูง (แต่ไม่ทราบว่ากี่องศา) แล้วก็ให้ยาลดไข้ + แก้อักเสบ + แก้อาเจียนมา กลับจากคลินิกประมาณ 10 โมง ก็ให้กินข้าวอีกรอบ กินยาแล้วนอน ตั้งแต่ 10.00 น. - 20.00 น. ของวันนี้ไม่มีไข้ จนกระทั้งประมาณเกือบๆ 3 ทุ่ม เริ่มตัวร้อน ผมจึงออกไปซื้อปรอทวัดไข้จากเซเว่น แล้วมาวัดไข้ตอน 4 ทุ่ม ผลคือไข้สูง 40 องศา ซึ่งตอนแรกจะไป รพ. ณ ตอนนั้นเลย แต่เพื่อบอกรอดูอีกสัก 2 ชม. แล้ววัดไข้ เพราะตอนนั้นคือให้ยาลดไข้ เช็ดตัวตลอด จนไข้เริ่มลดๆลง จาก 40 องศา ตอน เที่ยงคืน 39 ตอนตี 2 ลงมา 38 จนเช้าไม่มีไข้ ทั้งคืนผมนั่งเช็ดตัวให้ตลอด

3. วันที่ 3 ตั้งแต่เช้าที่ไข้ลด จนถึง 14.00 น. ไม่มีไข้ พูดคุยร่างเริงปกติ จน 15.00 น. ลูกบ่นว่าปวดหัว แล้วอาเจียนอีก 3 รอบ ตัวร้อน 40 องศา อีกครั้ง เลยพาไป รพ. ไปถึงหมอวัดไข้ แล้วจ่ายยาลดไข้ แล้วจะให้กลับบ้าน ผมเลย concern ว่า อยากนอน รพ. เพราะไข้สูงมาก ซึ่งเมื่อคืนไข้ก็สูง แล้วผมก็กินยาลดไข้ทุกๆ 6 ชม. + เช็ดตัวอยู่ รพ.เลยเจาะเลือดตรวจไข้เลือดออก ผลคือ เกล็ดเลือดปกติ และ รพ. บอกว่า น้องดูร่างเริงดีไม่ซึม น่าจะไม่มีอะไร ให้กลับบ้านได้ ณ ตอนนี้จึงต้องกลับ  พอกลับมาไข้ก็ค่อยๆลด จนตอน 21.30 น. ไข้เริ่มกลับมาอีกครั้ง วัดได้ 39.7 องศา เช็ดตัวเสร็จกำลังจะไปหยิบยามาอีกปรากฎว่าลูกผมชัก โดยอาการชัดดังนี้
   - 1- 2 นาทีแรก ชักทั้งตัว ตาลอย แต่เห็นตาดำอยู่ ปากเบี้ยว คอกระตุก แขนขากระตุกอย่างแรง (เหมือนๆตอนเราทุบหัวปลาแล้วปลาดิ้น แบบนั้นแหละครับ)
   - 2-4 นาทีต่อมาอาการข้อแรกหายไป แต่อุจจาระเป็นน้ำราด ฉี่ราด ขาอ่อนแรง ตาล็อกแล็กๆ เหมือนจะมีสติ แต่ก็เรียกไม่ตอบ
   - 4 - 6 นาที ตาลอย ปากเบี้ยว เกร็งตัวอีกรอบ แล้วน้ำลายฟูมปาก
   ประมาณ นาทีที่ 10 ผมถึง รพ. ซึ่งเป็น รพ.ของรัฐ ประจำตัวจังหวัด ระดับ 3.1  ผ่านการรับรองคุณภาพโรงพยาบาลฯ ขนาดเตียง 516 เตียง  ตอนไปถึงตัวซีด ไม่ได้สติ มีแค่นิ้วกระกระดิกอยู่ แต่กระดิกรัวๆ เหมือนชักอยู่ที่นิ้ว  หลังจากนั้น รพ. ก็เจาะเลือด แล้วบอกว่าน่าจะติดเชื้อ ต้องส่งเข้า I.C.U

4. วันที่ 4 ออกจาก I.C.U. ตอน 10 โมงเช้า ตอนนี้ก็คุยได้ปกติ แต่ไข้ก็ยังมีอยู่ ซึ่ง รพ. ให้คำตอบผมว่าตอนนี้ส่งเลือดไปตรวจระดับเดบพากิ้น (ไม่รู้ผมเขียนถูกไหมนะครับ) คือระดับยาที่ลูกผมกิอยู่  เพราะเค้ามีภาวะชักเกร็งอยู่  แต่ภาวะที่เค้าเป็นคือไม่เคยรุนแรงแบบนี้ รวมทั้งก็ควรตรวจอยู่ตลอดที่ รพ. ดังที่กรุงเทพ ซึ่งผลปกติดี และ เลือดอีกชุดหนึ่งส่งไปเพาะเชื้อ ช่วงวันที่ 4 นี้ไข้ก็ยังมีอยู่ราวๆ 38 - 39 อยู่ครับ รวมทั้งมีอาเจียนเหมือนเดิม

5 วันที่ 5 นี้การรักษาก็คือให้ยาฆ่าเชื้อ แล้วก็ยากกันชัก ซึ่งไข้ก็ยังขึ้นลงๆ ราวๆ 38 อยู่ครับ รวมทั้งมีอาเจียนเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีน้ำมูก และ อุจจาระเหลว

6 วันที่ 6 ผมได้รับการอธิบายจากหมอเพิ่มเติมว่า ลูกผมติดเชื้ออันตรายมาก แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเชื้ออะไร เพราะเพาะเชื้ออยู่ แต่รักษาเหมือนติดเชื้อในสมอง แต่ขั้นต้นหมอเจ้าของไข้บอกว่า อาการของลูกผมไม่เหมือน เพราะพูดคุยได้ปกติ แต่แค่รักษากันไว้ก่อน กลัวเชื้อวิ่งเข้าสมอง และวันนี้อาการก้มีไข้ 38.8 ประมาณนี้เหมือนเดิม ขึ้นๆลงๆ อาเจียน มีน้ำมูกเหมือนเดิม

7. วันที่ 7 วันนี้อาการเหมือนดีขึ้นไม่อาเจียน แล้ว ไข้ต่ำๆ หมอบอกรอดูผลเลือดพรุ่งนี้

8. วันที่ 8 ผลเลือดออกมา หมอบอกไม่พบเชื้อ ไม่รู้ติดเชื้ออะไร แต่หมอสรุปการรักษาว่า ให้ยาฆ่าเชื้อไปแล้วไข้ไต่ระดับลงจนเมือวานจนวันนี้ไม่มีไข้แล้ว เลยจะให้กลับบ้าน ซึ่งผมถามว่าแล้วสาเหตุเกิดจากอะไร หมอบอกว่า ก็ได้รับเชื้อ ซึ่งเชื้อโรคมีอยู่ทั่วไป อากาศ อาหาร การปะปนกับคนหมู่มาก แล้วผมถามต่อว่า ผมต้องดูแลลูกยังไง หมอบอกก็ดูแลทั่วไป ฝึกให้เค้าเป็นคนมีสุขอนามัยที่ดี หมั่นล้างมือ แล้วผมเลยถามว่าผมขอผลแล็บได้ไหม จะเอาไปใส่แฟ้ม หมอบอกไม่มีผล ทางแล็บโทรมาบอก ไม่มีเอกสารยืนยันว่าการเพาะเชื้อแล้วเชื้อไม่ขึ้น และบอกผมว่า ไม่ต้องสนใจรายละเอียดแล้ว เพราะตอนนี้น้องหายแล้ว นั่นคือเท่ากับยาที่ให้ไป สอดคล้องกับเชื้อ  แต่จะเชื้ออะไร มายังไง ไม่มีคำตอบให้ผม  แต่วันแรกๆ รพ. บอกผมตลอดว่า เจาะเลือดดูแล้วพบว่ามีเชื้อในเลือด ต้องส่งไปเพาะ หมอเจ้าของไข้ก็บอกว่าเชื้ออันตรายมาก เพราะให้ยา ปรับขนาดไปพอสมควรกว่าไข้จะลด  แต่ตอนจะออกจาก รพ. สรุปง่ายๆ คือ เพาะเชื้อไม่ขึ้น  พ่อไม่ต้องสนใจรายละเอียดแล้วว่าเชื้อที่ติดคือเชื้ออะไร มาจากไหน รู้แค่ว่าการชักครั้งนี้เกิดจากการติดเชื้อ เลยทำให้ชักไม่เกี่ยวกับโรคเดิมที่เป็นอยู่

คือผมรู้สึกว่าคำตอบที่ผมได้วันสุดท้าย มันไม่สอดคล้องกับความรู้สึกผมเท่าไหร่เลยครับ เลยอยากรู้ว่าหากท่านอยู่ในสถานะการณ์นี้ท่านจะทำอย่างไรครับ

ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่าน และแสดงความคิดเห็นครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่