หลายคนเอาคำตำหนิมาเป็นแรงผลักดัน แต่เราเอาคำตำหนิทั้งหมดนั้น มาเป็นปมด้อย!
คำพูดง่ายๆ แค่ไม่กี่คำ เคยคิดไหมคะ ว่ามันทำอะไรกับชีวิตคนๆนึงได้บ้าง
สวัสดีค่ะ ชอปนะคะ วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์ชีวิต จากประสบการณ์จริง ที่เกิดขึ้นกับชอปเอง เพราะหวังว่าเรื่องราวในกระทู้นี้ จะฝากข้อคิด และเป็นกำลังใจ ให้ใครหลายๆคนได้ค่ะ
จุดหักเหของชีวิตเด็กผู้หญิงคนนึงเริ่มต้นจากคำพูดง่ายๆ ที่ทุกคนพูดจนชินปากจนเป็นเรื่องธรรมดา เนี่ยแหละค่ะ กับคำว่า
อีอ้วน อีดำ อีสิว หน้าแบบนี้ไม่มีผู้ชายคนไหนเอาหรอก คำพูดแค่ไม่กี่คำ ทำให้ชอปมีปมด้อยไปตลอดกับคำพูดง่ายๆพวกนั้น
ผู้หญิงที่มีโอกาสเข้ามาอ่านกระทู้นี้ เคยคิดไหมคะ ว่าตัวเองไม่สวย อ้วน ดำ หน้าสิว แล้วเคยคิดไม่ตกจนกระทั่ง
ไม่อยากเป็นผู้หญิงอีกต่อไปแล้ว ไหมคะ บางคนอาจจะมีแรงผลักดันจากคำดูถูกเหล่านั้น แล้วหันมาทำให้ตัวเองสวยขึ้น แต่ชอปไม่ค่ะ สิ่งที่ชอปรู้สึกมีเพียงอย่างเดียวคือ ไม่อยากเป็นผู้หญิง ก็ถ้าเป็นผู้หญิงแล้วมันไม่สวย จะเป็นผู้หญิงต่อไปทำไมให้ขายขี้หน้าคน !!
นี่เป็นภาพชอปช่วงเรียน ม.4 ตอนนั้นน้ำหนักประมาณแปดสิบ คืออ้วนๆมาก เท่านี้เลย
พ่วงมาด้วยความดำ และหน้าสิว
จริงๆก็รู้ตัวว่าสภาพแย่นะคะ แต่ก็รู้สึกว่า สิวก็ขึ้นบนหน้าฉัน น้ำหนักมันก็หนักบนตัวฉัน
แต่ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจ ทำไมต้องไปสนใจความคิดคนอื่นที่เกี่ยวกับเราเอง ซะขนาดนั้น?!
ก็พยายามทำความเข้าใจนะ ว่าหลายๆคนอาจจะพูดเพราะหวังดี เป็นห่วง อยากให้ลดน้ำหนักหรือว่าอะไร แต่ที่เจอหลายๆครั้ง คือเรียกแทนชื่อเล่นไปเลย คิดว่าทุกคนคงเข้าใจนะคะ ถ้ามีใครมาเรียกเราว่า อีอ้วน อีดำ แทนชื่อตลอดเวลา มันรู้สึกแย่มากๆ รู้สึกเป็นปมด้อย เหมือนถูกจิกหัวตลอดเวลา ไม่อยากให้ใครเรียก อายคนมากๆ
จนชอปรู้สึกว่า ไม่หลงเหลือความมั่นใจอะไรเลย ทำไมเกิดมาถึงไม่สวย คิดติดลบกับตัวเองเรื่อยๆ จนเกิดเป็นความคิดที่ว่า ถ้าเป็นผู้หญิงแล้วไม่สวย ก็ไม่อยากเป็นอีกต่อไป ยอมรับเลยว่าคิดง่ายๆตื้นๆ คือถ้าไม่สวย ก็แค่หนีมันออกมาเลย หันมาทำตัวเป็นผู้ชายแทน พอโตแล้วย้อนไปคิดเรื่องนี้ ก็คิดว่าคงเพราะตอนนั้นชอปยังเด็ก ยังอ่อนแอ มองโลกแคบเกินไป พอโดนโจมตีด้วยคำพูดแย่ๆ ความคิดแย่ๆ แบบนั้นตลอดมันเลยทำให้เราเริ่มสร้างเกราะขึ้นมาห่อหุ้มตัวตนที่อ่อนแอของเราเอาไว้
ทั้งๆที่ความจริงในใจ ชอปก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่เหมือนเดิม ยังอยากสวยเหมือนผู้หญิงคนอื่น เพียงแต่ชอป
ไม่กล้าที่จะสวย ไม่กล้าที่จะเป็นผู้หญิงแล้วเท่านั้นเอง ก็เลยค่อยๆเปลี่ยน จากผู้หญิงที่ไม่สวย ไปเป็น……
ชอปตัดสินใจเป็น “ทอม” เพราะชอปคิดแล้วว่า ชอปเป็นผู้หญิงแล้วไม่สวย ประกอบกับแรงกดดันจากคนรอบตัว ที่ทำให้ชอปรู้สึกมีปมด้อย บวกกับตอนนั้นมัธยม ชอปอยู่ในสังคมโรงเรียนญล้วน มีแต่ผู้หญิง แล้วเราเป็นผู้หญิงก็ไม่สวยอ่ะ เลยแบบอยากเอาปมด้อยมาทำให้มันเด่น
พอเป็นทอมก็ยังดำ ยังอ้วนเหมือนเดิมนะ แต่ที่แปลกก็คือ ไม่มีใครล้อว่าอีอ้วน อีดำอีกเลย ตอนนั้นก็เลยกลายเป็นมั่นใจในตัวเองมากขึ้น แอบคิดว่าพอเป็นผู้ชายแล้วเราก็หล่อ ดูดี ก็เพอร์เฟคท์ในระดับนึงนะ เพราะตั้งแต่เป็นทอม ทำตัวแมนฮะๆ ก็ไม่เคยมีใครมาล้อเราเรื่องอ้วน ดำ สิว ไม่สวยอีกเลย ชีวิตเหมือนจะดีขึ้นนิดหน่อย อาจจะเป็นเพราะว่าพอมาเป็นผู้ชาย มันก็ดูเป็นเพศที่ไม่ต้องสวยอ่ะ ต่อให้ไม่สวยเหมือนเดิมก็ไม่โดนล้อแล้ว ตอนนั้นก็ดีใจนะ เรียกว่าสบายใจก็ได้ คือสบายใจมากๆที่ไม่มีใครมาล้อ มาจิกหัวด่า มาดูถูกเราเหมือนเดิม
แต่สารภาพเลยว่าในใจชอปก็ยังอยากเป็นผู้หญิงสวยๆเหมือนคนอื่นอยู่ แต่ก็คงเป็นช่วงสับสนของวัยเด็กด้วย ตอนนั้นพอเป็นทอมแล้วก็มีจีบหญิงตามประสา เอาให้สุดอ่ะ แฟนคนแรกของชอปก็เลยเป็นผู้หญิง มันเลยยิ่งทำให้ชอปรู้สึกว่า เออ เราอาจจะเกิดมาเพื่อเป็นผู้ชายจริงๆก็ได้ รูปร่างหน้าตาแบบเราคงไม่เหมาะกับการเกิดมาเป็นผู้หญิงอะ
ตอนนั้นก็พยายามตัดผม แต่งตัว ให้ดูเป็นผู้ชายที่สุด
หนีจากคำว่าอีอ้วน อีดำ ทั้งๆที่ก็ยังอ้วน หน้าดำ แล้วก็เป็นสิวอยู่นั่นแหละ
จนตอนกำลังจะขึ้นมหาลัย ปี 1 อยู่ๆก็มีไฟอยากออกกำลังกาย ไปวิ่งไรงี้ อาจจะอยากสวยก่อนเข้าปี 1 แบบไม่รู้ตัว ประกอบกับอกหักจากแฟน(สาว)ด้วย วิ่งไปมากน้อยแค่ไหนไม่รู้แหละ คือว่างเมื่อไหร่ก็วิ่ง วิ่งจนเริ่มเป็นกิจวัตร วิ่งจนน้ำหนักลงไปประมาณ 10 โลได้ค่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ชอปได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ก็เลยได้ทบทวนตัวเองหลายๆ อย่าง ว่าที่ผ่านมาชอปปล่อยให้ชีวิตของชอป เปลี่ยนไปง่ายๆ เพราะคำพูดของคนอื่นแค่นั้นเองหรอ ชอปยอมให้คนอื่นมาตัดสินชอปทั้งชีวิต ทำให้ชอปไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง และเลือกที่จะเปลี่ยนตัวเอง ด้วยการสร้างกำแพงขึ้นมาปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ชอปเป็น ซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ด้วยการทำตัวเป็น ทอม โอเคมันสบายใจก็จริงที่ไม่ต้องมาเจอ ไม่ต้องมาทนกับคำพูดจาดูถูกทำร้ายจิตใจ แต่มันเป็นสิ่งที่ชอปมีความสุขหรือเปล่า มันใช่ตัวชอปจริงๆหรอ ชอปยังอยากสวย ยังอยากกลับไปเป็นผู้หญิงอยู่ไหม ตอนนั้นก็ถามใจตัวเองหนักมากค่ะ ว่าชอปเป็นอะไร อยากเป็นแบบไหน ชอปก็เลยมีความคิดว่า เนี่ย แค่วิ่งแปบเดียวน้ำหนักยังลงมาได้ตั้งเยอะ ความจริงเราก็ดีกว่านี้ได้นี่หว่า แต่ไม่ได้คิดขนาดว่าชั้นจะต้องสวยได้เหมือนคนอื่นไรงี้นะคะ แค่คิดว่า ให้เป็นตัวเองที่ดีขึ้นเรื่อยๆให้ได้ แค่นี้ก็พอแล้ว
ตอนนั้นเลยเริ่มมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกครั้งค่ะ แต่คราวนี้ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะตัวเองล้วนๆ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะคำพูดของคนอื่นอีกแล้ว พอเปิดเทอมเข้ามหาลัย ชอปก็เลยตัดสินใจกลับไปแต่งหญิงค่ะ ตอนนั้นน้ำหนัก 65 โล ก็ยังไม่ผอมนะ แต่ดูดีขึ้นกว่าเดิมนิดนึง ถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีของชอปแล้วค่ะ ใครอ้วนจะเข้าใจหัวอกชอปค่ะ ว่าเวลาตัวเลขน้ำหนักบนเครื่องชั่งมันลดลง ขีดสองขีดก็ฟินมากแล้ว
รูปสมัยปี 1 ค่ะ น้ำหนักลงแล้ว เริ่มจะสาวขึ้นนิดๆ
หลังจากที่น้ำหนักเริ่มลง ก็มองเห็นอะไรหลายๆอย่างค่ะ อย่างแรกเลยคือ ไม่มีคนมาดูถูก ว่าเราเป็นอีอ้วน อีช้างน้ำอีกต่อไป เวลาที่มีใครมาว่า มาล้อชอป ว่าแบบทำไมไม่ไปลดน้ำหนักไรงี้ หลายคนอาจจะบอกว่า ติเพื่อก่อ สร้างแรงกระตุ้น เตือนเพราะอยากให้ลดความอ้วนซักที แต่สิ่งที่ชอปรู้สึกคือ ตรงกันข้ามเลยค่ะ ชอปรู้สึกแย่มากๆ จิตตกมากๆ หดหู่กับตัวเอง แบบไม่มีหวัง ชอปอายคนไปหมด เสียความมั่นใจไปหมด แต่พอไม่มีคนมาด่ามาว่าชอป ชอปก็สบายใจที่จะค่อยๆลดน้ำหนักมากขึ้นอีก ค่อยๆหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น อยากทาครีม อยากแต่งตัวสวยๆ กล้าที่จะใส่เสื้อผ้าน่ารักๆ เหมือนผู้หญิงคนอื่น คือพอไม่มีอะไรหรือใครมากดดันเรา เราจะได้ดีขึ้นอะค่ะ
ปี 1 ปลายๆ ช่วงนั้น ก็เริ่มทาเพ้นเล็บ เริ่มแต่งหน้าแล้วนะคะ
หน้าแอบดีขึ้น แต่พวกรอยสิวยังอยู่ ก็พยายามทาครีมบำรุงอยู่นะช่วงนั้น
กำลังจะขึ้นปี 2 แล้วค่า
รูปช่วงปี 2 ค่ะ ทุกวันนี้ยังไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมชอปไปถ่ายรูปท่าพวกนี้555
ตอนปี 2 ก็เริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น เรียกว่าเป็นผู้หญิงเต็มตัวแล้ว ก็มีทาครีม บำรุงผิวมากขึ้น แล้วก็ผอมลงอีกเยอะเลย ยอมรับนะคะ ว่าผู้หญิงพอดูดีขึ้น ก็มีแฟนเป็นเรื่องธรรมดา ชอปเองก็มีแฟนค่ะ เป็นผู้ชายคนนึง เพื่อนๆคงจะคิดว่าความรักมันคงแฮปปี้เนอะ ดูดีขึ้นแล้วหนิ มีแฟน ชีวิตดี๊ดี แต่เปล่าเลยค่ะ ยังโดนแฟนเทอีกเหมือนกันค่ะ ถามว่าเทไปไหน
เทไปชอบผู้ชายด้วยกันค่าา หน้าแหกค่ะนังชอป เงิบเซ่ วินาทีนั้นอยากให้มีกล้องออกมาจากถังขยะแล้วบอกว่า … จ้อจี้~~!! เห้อม เรื่องจริงยิ่งกว่านิยายค่ะ ไหนว่าสวยขึ้นแล้วไหง ยังโดนเท ตอนนั้นคือชอปซึ้งเลยค่ะ ว่าหน้าตาก็ไม่ใช่ทั้งหมดจริงๆ สุดท้ายแล้ว เรื่องความรักมันก็ยังมีองค์ประกอบอื่นๆอีกเยอะแยะมากมายที่ทุกวันนี้ชอปเองก็ยังไม่เข้าใจ
ชอปเชื่อว่าหลายคนรวมทั้งตัวชอปโฟกัสกันที่หน้าตามากเกินไป คิดว่าแค่สวยแค่หล่อก็จะทำให้มีความรักดีๆ แน่นอนว่า First Impression มันอาจสำคัญค่ะ ถ้าเราสวย หล่อ ดูดี มันก็น่าทำความรู้จัก ใครๆก็อยากมาคุยมาคบกับเรา แต่ระยาว พอคบกันไปจริงๆ มันมีอะไรมากกว่านั้นแน่นอนค่ะคนล้านคน ก็ต่างกันไปล้านแบบค่ะ ชอปก็เป็นแค่คนคนนึง ที่อยากจะมีความรักดีๆ อยากเป็นที่รักของใครสักคน ทำมาเกือบทุกอย่างที่คิดว่าจะพาความรักดีๆมาให้ชอปได้ และมันก็ทำให้ชอปได้ทั้งรัก และก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างไปพร้อมๆกัน แต่อย่างที่พี่ตูนกล่าวเอาไว้จริงๆค่ะ ความรักเนี่ย ยิ่งรู้ก็ยิ่งไม่เข้าใจเนอะ ตอนนี้ชอปเลยเลือกที่จะกลับมารักตัวเองให้มากที่สุดค่ะ ก่อนหน้านี้ชอปอาจจะอยากได้ความรัก อยากได้การยอมรับจากคนอื่น แต่ตอนนี้ชอปรู้แล้วว่า แค่ชอปรักตัวเอง และยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น มันก็มากพอแล้ว
ปี 3 ก็เริ่มหัดแต่งหน้ามากขึ้น เพิ่มเติมคือทาลิปสติกสีหวานๆค่ะ
รูปตอนสมัย ปี 4 ค่ะ มีขัดผิว บำรุงผิวมากขึ้น
น้ำหนักยังลงอยู่เรื่อยๆเลยค่ะ ส่วนใหญ่ก็ออกกำลังกาย แล้วสุขภาพไม่แข็งแรง มีเข้าผ่าตัดซีสต์ น้ำหนักเลยลงไปอีกเหลือ 50 ต้นๆค่ะ ช่วงนั้น
ถ้ามีคนมาว่าเราอ้วน แล้วเราไม่อยากอ้วน เราก็ลดน้ำหนักค่ะ ง่ายๆเอง ไม่ต้องไปนั่งคิดมากกับคำพูดใคร เอาเวลามาดูแลตัวเอง ทำสิ่งที่ตัวเองมีความสุขดีกว่า
อันนี้รูปปัจจุบัน ถ่ายเมื่อคืนเลยค่ะ
หรือคนไม่สวย ไม่ควรเกิดเป็นผู้หญิง?! จากปมด้อยของเด็กคนหนึ่ง ที่ไม่อยากทนกับคำว่า “อิอ้วน อิดำ” จนยอมเปลี่ยนเพศตัวเอง
คำพูดง่ายๆ แค่ไม่กี่คำ เคยคิดไหมคะ ว่ามันทำอะไรกับชีวิตคนๆนึงได้บ้าง
สวัสดีค่ะ ชอปนะคะ วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์ชีวิต จากประสบการณ์จริง ที่เกิดขึ้นกับชอปเอง เพราะหวังว่าเรื่องราวในกระทู้นี้ จะฝากข้อคิด และเป็นกำลังใจ ให้ใครหลายๆคนได้ค่ะ
จุดหักเหของชีวิตเด็กผู้หญิงคนนึงเริ่มต้นจากคำพูดง่ายๆ ที่ทุกคนพูดจนชินปากจนเป็นเรื่องธรรมดา เนี่ยแหละค่ะ กับคำว่า อีอ้วน อีดำ อีสิว หน้าแบบนี้ไม่มีผู้ชายคนไหนเอาหรอก คำพูดแค่ไม่กี่คำ ทำให้ชอปมีปมด้อยไปตลอดกับคำพูดง่ายๆพวกนั้น
ผู้หญิงที่มีโอกาสเข้ามาอ่านกระทู้นี้ เคยคิดไหมคะ ว่าตัวเองไม่สวย อ้วน ดำ หน้าสิว แล้วเคยคิดไม่ตกจนกระทั่ง ไม่อยากเป็นผู้หญิงอีกต่อไปแล้ว ไหมคะ บางคนอาจจะมีแรงผลักดันจากคำดูถูกเหล่านั้น แล้วหันมาทำให้ตัวเองสวยขึ้น แต่ชอปไม่ค่ะ สิ่งที่ชอปรู้สึกมีเพียงอย่างเดียวคือ ไม่อยากเป็นผู้หญิง ก็ถ้าเป็นผู้หญิงแล้วมันไม่สวย จะเป็นผู้หญิงต่อไปทำไมให้ขายขี้หน้าคน !!
นี่เป็นภาพชอปช่วงเรียน ม.4 ตอนนั้นน้ำหนักประมาณแปดสิบ คืออ้วนๆมาก เท่านี้เลย
พ่วงมาด้วยความดำ และหน้าสิว
จริงๆก็รู้ตัวว่าสภาพแย่นะคะ แต่ก็รู้สึกว่า สิวก็ขึ้นบนหน้าฉัน น้ำหนักมันก็หนักบนตัวฉัน
ก็พยายามทำความเข้าใจนะ ว่าหลายๆคนอาจจะพูดเพราะหวังดี เป็นห่วง อยากให้ลดน้ำหนักหรือว่าอะไร แต่ที่เจอหลายๆครั้ง คือเรียกแทนชื่อเล่นไปเลย คิดว่าทุกคนคงเข้าใจนะคะ ถ้ามีใครมาเรียกเราว่า อีอ้วน อีดำ แทนชื่อตลอดเวลา มันรู้สึกแย่มากๆ รู้สึกเป็นปมด้อย เหมือนถูกจิกหัวตลอดเวลา ไม่อยากให้ใครเรียก อายคนมากๆ
จนชอปรู้สึกว่า ไม่หลงเหลือความมั่นใจอะไรเลย ทำไมเกิดมาถึงไม่สวย คิดติดลบกับตัวเองเรื่อยๆ จนเกิดเป็นความคิดที่ว่า ถ้าเป็นผู้หญิงแล้วไม่สวย ก็ไม่อยากเป็นอีกต่อไป ยอมรับเลยว่าคิดง่ายๆตื้นๆ คือถ้าไม่สวย ก็แค่หนีมันออกมาเลย หันมาทำตัวเป็นผู้ชายแทน พอโตแล้วย้อนไปคิดเรื่องนี้ ก็คิดว่าคงเพราะตอนนั้นชอปยังเด็ก ยังอ่อนแอ มองโลกแคบเกินไป พอโดนโจมตีด้วยคำพูดแย่ๆ ความคิดแย่ๆ แบบนั้นตลอดมันเลยทำให้เราเริ่มสร้างเกราะขึ้นมาห่อหุ้มตัวตนที่อ่อนแอของเราเอาไว้
ทั้งๆที่ความจริงในใจ ชอปก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่เหมือนเดิม ยังอยากสวยเหมือนผู้หญิงคนอื่น เพียงแต่ชอป ไม่กล้าที่จะสวย ไม่กล้าที่จะเป็นผู้หญิงแล้วเท่านั้นเอง ก็เลยค่อยๆเปลี่ยน จากผู้หญิงที่ไม่สวย ไปเป็น……
ชอปตัดสินใจเป็น “ทอม” เพราะชอปคิดแล้วว่า ชอปเป็นผู้หญิงแล้วไม่สวย ประกอบกับแรงกดดันจากคนรอบตัว ที่ทำให้ชอปรู้สึกมีปมด้อย บวกกับตอนนั้นมัธยม ชอปอยู่ในสังคมโรงเรียนญล้วน มีแต่ผู้หญิง แล้วเราเป็นผู้หญิงก็ไม่สวยอ่ะ เลยแบบอยากเอาปมด้อยมาทำให้มันเด่น
พอเป็นทอมก็ยังดำ ยังอ้วนเหมือนเดิมนะ แต่ที่แปลกก็คือ ไม่มีใครล้อว่าอีอ้วน อีดำอีกเลย ตอนนั้นก็เลยกลายเป็นมั่นใจในตัวเองมากขึ้น แอบคิดว่าพอเป็นผู้ชายแล้วเราก็หล่อ ดูดี ก็เพอร์เฟคท์ในระดับนึงนะ เพราะตั้งแต่เป็นทอม ทำตัวแมนฮะๆ ก็ไม่เคยมีใครมาล้อเราเรื่องอ้วน ดำ สิว ไม่สวยอีกเลย ชีวิตเหมือนจะดีขึ้นนิดหน่อย อาจจะเป็นเพราะว่าพอมาเป็นผู้ชาย มันก็ดูเป็นเพศที่ไม่ต้องสวยอ่ะ ต่อให้ไม่สวยเหมือนเดิมก็ไม่โดนล้อแล้ว ตอนนั้นก็ดีใจนะ เรียกว่าสบายใจก็ได้ คือสบายใจมากๆที่ไม่มีใครมาล้อ มาจิกหัวด่า มาดูถูกเราเหมือนเดิม
แต่สารภาพเลยว่าในใจชอปก็ยังอยากเป็นผู้หญิงสวยๆเหมือนคนอื่นอยู่ แต่ก็คงเป็นช่วงสับสนของวัยเด็กด้วย ตอนนั้นพอเป็นทอมแล้วก็มีจีบหญิงตามประสา เอาให้สุดอ่ะ แฟนคนแรกของชอปก็เลยเป็นผู้หญิง มันเลยยิ่งทำให้ชอปรู้สึกว่า เออ เราอาจจะเกิดมาเพื่อเป็นผู้ชายจริงๆก็ได้ รูปร่างหน้าตาแบบเราคงไม่เหมาะกับการเกิดมาเป็นผู้หญิงอะ
ตอนนั้นก็พยายามตัดผม แต่งตัว ให้ดูเป็นผู้ชายที่สุด
หนีจากคำว่าอีอ้วน อีดำ ทั้งๆที่ก็ยังอ้วน หน้าดำ แล้วก็เป็นสิวอยู่นั่นแหละ
จนตอนกำลังจะขึ้นมหาลัย ปี 1 อยู่ๆก็มีไฟอยากออกกำลังกาย ไปวิ่งไรงี้ อาจจะอยากสวยก่อนเข้าปี 1 แบบไม่รู้ตัว ประกอบกับอกหักจากแฟน(สาว)ด้วย วิ่งไปมากน้อยแค่ไหนไม่รู้แหละ คือว่างเมื่อไหร่ก็วิ่ง วิ่งจนเริ่มเป็นกิจวัตร วิ่งจนน้ำหนักลงไปประมาณ 10 โลได้ค่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ชอปได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ก็เลยได้ทบทวนตัวเองหลายๆ อย่าง ว่าที่ผ่านมาชอปปล่อยให้ชีวิตของชอป เปลี่ยนไปง่ายๆ เพราะคำพูดของคนอื่นแค่นั้นเองหรอ ชอปยอมให้คนอื่นมาตัดสินชอปทั้งชีวิต ทำให้ชอปไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง และเลือกที่จะเปลี่ยนตัวเอง ด้วยการสร้างกำแพงขึ้นมาปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ชอปเป็น ซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ด้วยการทำตัวเป็น ทอม โอเคมันสบายใจก็จริงที่ไม่ต้องมาเจอ ไม่ต้องมาทนกับคำพูดจาดูถูกทำร้ายจิตใจ แต่มันเป็นสิ่งที่ชอปมีความสุขหรือเปล่า มันใช่ตัวชอปจริงๆหรอ ชอปยังอยากสวย ยังอยากกลับไปเป็นผู้หญิงอยู่ไหม ตอนนั้นก็ถามใจตัวเองหนักมากค่ะ ว่าชอปเป็นอะไร อยากเป็นแบบไหน ชอปก็เลยมีความคิดว่า เนี่ย แค่วิ่งแปบเดียวน้ำหนักยังลงมาได้ตั้งเยอะ ความจริงเราก็ดีกว่านี้ได้นี่หว่า แต่ไม่ได้คิดขนาดว่าชั้นจะต้องสวยได้เหมือนคนอื่นไรงี้นะคะ แค่คิดว่า ให้เป็นตัวเองที่ดีขึ้นเรื่อยๆให้ได้ แค่นี้ก็พอแล้ว
ตอนนั้นเลยเริ่มมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกครั้งค่ะ แต่คราวนี้ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะตัวเองล้วนๆ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะคำพูดของคนอื่นอีกแล้ว พอเปิดเทอมเข้ามหาลัย ชอปก็เลยตัดสินใจกลับไปแต่งหญิงค่ะ ตอนนั้นน้ำหนัก 65 โล ก็ยังไม่ผอมนะ แต่ดูดีขึ้นกว่าเดิมนิดนึง ถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีของชอปแล้วค่ะ ใครอ้วนจะเข้าใจหัวอกชอปค่ะ ว่าเวลาตัวเลขน้ำหนักบนเครื่องชั่งมันลดลง ขีดสองขีดก็ฟินมากแล้ว
รูปสมัยปี 1 ค่ะ น้ำหนักลงแล้ว เริ่มจะสาวขึ้นนิดๆ
หลังจากที่น้ำหนักเริ่มลง ก็มองเห็นอะไรหลายๆอย่างค่ะ อย่างแรกเลยคือ ไม่มีคนมาดูถูก ว่าเราเป็นอีอ้วน อีช้างน้ำอีกต่อไป เวลาที่มีใครมาว่า มาล้อชอป ว่าแบบทำไมไม่ไปลดน้ำหนักไรงี้ หลายคนอาจจะบอกว่า ติเพื่อก่อ สร้างแรงกระตุ้น เตือนเพราะอยากให้ลดความอ้วนซักที แต่สิ่งที่ชอปรู้สึกคือ ตรงกันข้ามเลยค่ะ ชอปรู้สึกแย่มากๆ จิตตกมากๆ หดหู่กับตัวเอง แบบไม่มีหวัง ชอปอายคนไปหมด เสียความมั่นใจไปหมด แต่พอไม่มีคนมาด่ามาว่าชอป ชอปก็สบายใจที่จะค่อยๆลดน้ำหนักมากขึ้นอีก ค่อยๆหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น อยากทาครีม อยากแต่งตัวสวยๆ กล้าที่จะใส่เสื้อผ้าน่ารักๆ เหมือนผู้หญิงคนอื่น คือพอไม่มีอะไรหรือใครมากดดันเรา เราจะได้ดีขึ้นอะค่ะ
ปี 1 ปลายๆ ช่วงนั้น ก็เริ่มทาเพ้นเล็บ เริ่มแต่งหน้าแล้วนะคะ
หน้าแอบดีขึ้น แต่พวกรอยสิวยังอยู่ ก็พยายามทาครีมบำรุงอยู่นะช่วงนั้น
กำลังจะขึ้นปี 2 แล้วค่า
รูปช่วงปี 2 ค่ะ ทุกวันนี้ยังไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมชอปไปถ่ายรูปท่าพวกนี้555
ตอนปี 2 ก็เริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น เรียกว่าเป็นผู้หญิงเต็มตัวแล้ว ก็มีทาครีม บำรุงผิวมากขึ้น แล้วก็ผอมลงอีกเยอะเลย ยอมรับนะคะ ว่าผู้หญิงพอดูดีขึ้น ก็มีแฟนเป็นเรื่องธรรมดา ชอปเองก็มีแฟนค่ะ เป็นผู้ชายคนนึง เพื่อนๆคงจะคิดว่าความรักมันคงแฮปปี้เนอะ ดูดีขึ้นแล้วหนิ มีแฟน ชีวิตดี๊ดี แต่เปล่าเลยค่ะ ยังโดนแฟนเทอีกเหมือนกันค่ะ ถามว่าเทไปไหน เทไปชอบผู้ชายด้วยกันค่าา หน้าแหกค่ะนังชอป เงิบเซ่ วินาทีนั้นอยากให้มีกล้องออกมาจากถังขยะแล้วบอกว่า … จ้อจี้~~!! เห้อม เรื่องจริงยิ่งกว่านิยายค่ะ ไหนว่าสวยขึ้นแล้วไหง ยังโดนเท ตอนนั้นคือชอปซึ้งเลยค่ะ ว่าหน้าตาก็ไม่ใช่ทั้งหมดจริงๆ สุดท้ายแล้ว เรื่องความรักมันก็ยังมีองค์ประกอบอื่นๆอีกเยอะแยะมากมายที่ทุกวันนี้ชอปเองก็ยังไม่เข้าใจ
ชอปเชื่อว่าหลายคนรวมทั้งตัวชอปโฟกัสกันที่หน้าตามากเกินไป คิดว่าแค่สวยแค่หล่อก็จะทำให้มีความรักดีๆ แน่นอนว่า First Impression มันอาจสำคัญค่ะ ถ้าเราสวย หล่อ ดูดี มันก็น่าทำความรู้จัก ใครๆก็อยากมาคุยมาคบกับเรา แต่ระยาว พอคบกันไปจริงๆ มันมีอะไรมากกว่านั้นแน่นอนค่ะคนล้านคน ก็ต่างกันไปล้านแบบค่ะ ชอปก็เป็นแค่คนคนนึง ที่อยากจะมีความรักดีๆ อยากเป็นที่รักของใครสักคน ทำมาเกือบทุกอย่างที่คิดว่าจะพาความรักดีๆมาให้ชอปได้ และมันก็ทำให้ชอปได้ทั้งรัก และก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างไปพร้อมๆกัน แต่อย่างที่พี่ตูนกล่าวเอาไว้จริงๆค่ะ ความรักเนี่ย ยิ่งรู้ก็ยิ่งไม่เข้าใจเนอะ ตอนนี้ชอปเลยเลือกที่จะกลับมารักตัวเองให้มากที่สุดค่ะ ก่อนหน้านี้ชอปอาจจะอยากได้ความรัก อยากได้การยอมรับจากคนอื่น แต่ตอนนี้ชอปรู้แล้วว่า แค่ชอปรักตัวเอง และยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น มันก็มากพอแล้ว
ปี 3 ก็เริ่มหัดแต่งหน้ามากขึ้น เพิ่มเติมคือทาลิปสติกสีหวานๆค่ะ
รูปตอนสมัย ปี 4 ค่ะ มีขัดผิว บำรุงผิวมากขึ้น
น้ำหนักยังลงอยู่เรื่อยๆเลยค่ะ ส่วนใหญ่ก็ออกกำลังกาย แล้วสุขภาพไม่แข็งแรง มีเข้าผ่าตัดซีสต์ น้ำหนักเลยลงไปอีกเหลือ 50 ต้นๆค่ะ ช่วงนั้น
ถ้ามีคนมาว่าเราอ้วน แล้วเราไม่อยากอ้วน เราก็ลดน้ำหนักค่ะ ง่ายๆเอง ไม่ต้องไปนั่งคิดมากกับคำพูดใคร เอาเวลามาดูแลตัวเอง ทำสิ่งที่ตัวเองมีความสุขดีกว่า
อันนี้รูปปัจจุบัน ถ่ายเมื่อคืนเลยค่ะ