ไม่ได้อวด แต่จะบอกว่าเห่อมากกกกกกกับหน้าใหม่ของเราที่เรารู้สึกพอใจและถูกใจมาก(กว่าเดิมมากๆ) วันนี้เลยจะมาเล่าประสบการณ์การทำหน้าเหลี่ยมให้มนรี “ครั้งแรก” ของเรา แบบไม่ต้องพึ่งมีดหมอ(เพราะเก๊ากลัวเลือดดด)
มาดูรูปอดีตเหลี่ยมเลี่ยมทองของเรากันก่อนดีกว่า
ส่วนเหตุผลหลักๆของเรา ก็เพราะว่ามีคนทักว่ารูปสวยกว่าตัวจริง (ก็มีappบีบหน้ามันก็ต้องใช้สิ ชิ!) คำพูดนี้มันช่างเจ็บปวดเจ็บแปลบลึกไปถึงทรวงในเลยจริงๆ!! ฮ่าๆๆๆๆ
ช่วงนั้นรู้สึกเสียความมั่นใจอยู่เหมือนกัน เลยลองพยายามหาข้อมูล ปรึกษาเพื่อน บลา บลา… จนสุดท้ายตัดสินใจเลือกไปคลีนิค Livity คลินิคนี้เป็นที่ที่เพื่อนเราทำอยู่ประจำ หรือเรียกว่าเป็นลูกค้าประจำเลยก็ยังได้ อยู่แถวๆสุขุมวิท ใกล้ๆเอกมัยไรงี้ แต่สำหรับเราคือไกลมากกกกกก เพราะบ้านเราอยู่นนทบุรี แต่เพื่อความสวย เราจะทน!
ครั้งแรกที่ไป เพื่อนเราเป็นคนพาไป จะบอกว่ามันเป็นผู้ชายที่ดูแลผิวหน้าและเข้าคลีนิคเสริมความงามมากกว่าผู้หญิงอย่างเราๆซะอีก เดือนนึงต้องไปอย่างน้อย 1-2 ครั้ง หน้าดีเวอร์เว่อร์จนเรายังอาย เบื่อมัน!
โม้ซะยาว มาๆ ฟังประสบการณ์การของเรากันเลยดีกว่า...
ตอนเราเจอหมอครั้งแรกก็จะเกร็งๆ เขินๆหน่อยๆ แต่ด้านได้(สวย)... อายก็อดไป เลยตัดสินใจปรึกษาหมอไปตามตรงว่าเรากังวลเรื่องหน้าเหลี่ยม แต่ไม่มีความรู้เลย จะแก้ปัญหายังไงได้บ้างคะ หมอก็แนะนำมาหลายวิธีเลย ซึ่งหมอบอกว่าก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ และรูปหน้าแต่ละคนด้วย
สำหรับเรา หมอให้ลองกัดฟัน แล้วจับๆกรามเราดู หมอบอกแบบนี้ต้องโบท็อกเลยจ้า เพราะกรามเราใหญ่และแข็งมาก เรียกได้ว่าเป็น กราม “Virgin” เพราะไม่เคยผ่านมือใครมาก่อนว่างั้น ฮ่าๆๆๆๆ
ยอมรับเลยว่าแอบกลัว เลยถามหมอไปเยอะมากกกกกกก หมอก็มาตอบแบบจัดเต็มความรู้แน่นเอี๊ยด หมอบอกว่าการฉีดโบท็อกควรฉีดโดยผู้เชี่ยญชาญเท่านั้น อย่าเน้นถูกแล้วฉีดหมอกระเป๋า เดี๋ยวหน้าจะเบี้ยวไปซะป่าวๆ ซึ่งการฉีดแต่ละครั้ง ก็จะแสดงผลอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือนขึ้นอยู่กับวิธีการดูแลและยี่ห้อโบท็อกด้วย แต่ถ้าอยากให้อยู่เป็นปี ต้องกลับมาย้ำหลังฉีดครั้งแรก ซึ่งคลีนิคเกือบทุกที่ก็ใช้อยู่แค่ 2 ยี่ห้อดังๆที่ได้ อย. เหมือนกันนั่นแหละ แต่ที่แตกต่างก็คือฝีมือของหมอ การออกแบบรูปหน้า ความพอดีของปริมาณยา และรายละเอียดอีกหลายอย่างมากๆ จำมาไม่หมด
สรุปได้ว่า คลีนิคต้องน่าเชื่อถือ + ของต้องดี + หมอต้องเก่ง = เราสวย
วันนั้นคุยไปเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้อยู่ดี รู้สึกลังเล เลยให้เพื่อนทำไปคนเดียวก่อนเลยจ้าา แอบเกรงใจอยู่เหมือนกัน ถามซะเยอะแต่ก็ไม่ทำ ดีที่ไม่มีคนมารบเร้ากดดัน ค่อยรู้สึกสบายใจหน่อย
หลังจากนั้นเราก็นอนกลิ้งคิดไปคิดมา 3 วัน 3 คืน แล้วทำตัวเป็นConan หาข้อมูลเกี่ยวกับคลีนิคนี้เพิ่ม ทั้ง instagram, facebook, และพวกรีวิวในพันทิพ รวมๆคือดูดีและน่าเชื่อถือ เลยตัดสินใจว่าเอาว่ะ อยากสวยก็ต้องลอง! แล้วกลับตายรังทำที่เดิมที่ Livity Clinic นี่ละ วันนั้นเราเลือกโบท็อกของเมกา เพราะเพื่อนบอกดีสุด เพื่อนว่าไงเราก็ว่าตามนั้น
ก่อนทำคลีนิคจะถ่ายรูปไว้ให้คนไข้ทุกคนเก็บไว้ เอามาให้ดูแบบพลีชีพมาก ตอนหน้าธรรมดาก็ว่าเหลี่ยมละนะ พอยิ้มและกัดกราม เหลี่ยมไปอีก!!!!
หมอสวยและใจดี
ตอนทำก็จะกลัวๆหน่อยๆ แบบนี้ เห็นแล้วขำตัวเอง ฮ่าๆๆๆๆ
หลังจากผ่านไป 1 อาทิตย์เริ่มมีคนทักว่าทำไมหน้าเล็กลง ลองจับดูก็เริ่มเนื้อหด ไป ปลื้มเว่อร์
ผ่านไปประมาณ 1 เดือน เราก็กลับมา follow up ผลที่คลีนิคอีกรอบ และตัดสินใจฉีดย้ำอีกรอบด้วย(หน้าชั้นต้องเล็กได้กว่านี้!!) แต่รอบนี้ไม่ต้องไปเอกมัยละจ้า เพราะใกล้ๆบ้านแถว westgate ก็มี พึ่งรู้ นี่เราถ่อไปไกลทำไม = =
มาดูผลของการฉีดแบบผ่านไป 1 เดือนกัน
ตอนแรกคือก็รู้ว่าเล็กลงแหละ แต่ไม่รู้ว่าเล็กลงขนาดไหน แต่พอมาเทียบแล้ว โอ้วแม่เจ้า เห็นชัดเว่อร์
ตอนนี้เรารู้สึกพอใจกับผลลัพธ์มากกกก ถึงตอนนี้หน้าจะยังไม่สวยเท่าในรูปซะทีเดียว(ก็มันมีการปรับแสง ลบลอยนู่นนี่ด้วยนี่เนอะ) แต่เราว่าก็ใกล้เคียงขึ้นละนะ พอใจสุดๆ
เอาภาพหลังจากการฉีดย้ำครั้งที่ 2 มาฝากกัน รูปจากทริปล่าสุด จะบอกว่าเราไม่ต้องง้อ app บีบหน้าอีกแล้วนะคะ ฮ่าๆๆๆ
[CR] เปลี่ยนหน้าเหลี่ยมให้เป็นหน้ารี แบบไม่พึ่งมีดหมอ!!
มาดูรูปอดีตเหลี่ยมเลี่ยมทองของเรากันก่อนดีกว่า
ส่วนเหตุผลหลักๆของเรา ก็เพราะว่ามีคนทักว่ารูปสวยกว่าตัวจริง (ก็มีappบีบหน้ามันก็ต้องใช้สิ ชิ!) คำพูดนี้มันช่างเจ็บปวดเจ็บแปลบลึกไปถึงทรวงในเลยจริงๆ!! ฮ่าๆๆๆๆ
ช่วงนั้นรู้สึกเสียความมั่นใจอยู่เหมือนกัน เลยลองพยายามหาข้อมูล ปรึกษาเพื่อน บลา บลา… จนสุดท้ายตัดสินใจเลือกไปคลีนิค Livity คลินิคนี้เป็นที่ที่เพื่อนเราทำอยู่ประจำ หรือเรียกว่าเป็นลูกค้าประจำเลยก็ยังได้ อยู่แถวๆสุขุมวิท ใกล้ๆเอกมัยไรงี้ แต่สำหรับเราคือไกลมากกกกกก เพราะบ้านเราอยู่นนทบุรี แต่เพื่อความสวย เราจะทน!
ครั้งแรกที่ไป เพื่อนเราเป็นคนพาไป จะบอกว่ามันเป็นผู้ชายที่ดูแลผิวหน้าและเข้าคลีนิคเสริมความงามมากกว่าผู้หญิงอย่างเราๆซะอีก เดือนนึงต้องไปอย่างน้อย 1-2 ครั้ง หน้าดีเวอร์เว่อร์จนเรายังอาย เบื่อมัน!
โม้ซะยาว มาๆ ฟังประสบการณ์การของเรากันเลยดีกว่า...
ตอนเราเจอหมอครั้งแรกก็จะเกร็งๆ เขินๆหน่อยๆ แต่ด้านได้(สวย)... อายก็อดไป เลยตัดสินใจปรึกษาหมอไปตามตรงว่าเรากังวลเรื่องหน้าเหลี่ยม แต่ไม่มีความรู้เลย จะแก้ปัญหายังไงได้บ้างคะ หมอก็แนะนำมาหลายวิธีเลย ซึ่งหมอบอกว่าก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ และรูปหน้าแต่ละคนด้วย
สำหรับเรา หมอให้ลองกัดฟัน แล้วจับๆกรามเราดู หมอบอกแบบนี้ต้องโบท็อกเลยจ้า เพราะกรามเราใหญ่และแข็งมาก เรียกได้ว่าเป็น กราม “Virgin” เพราะไม่เคยผ่านมือใครมาก่อนว่างั้น ฮ่าๆๆๆๆ
ยอมรับเลยว่าแอบกลัว เลยถามหมอไปเยอะมากกกกกกก หมอก็มาตอบแบบจัดเต็มความรู้แน่นเอี๊ยด หมอบอกว่าการฉีดโบท็อกควรฉีดโดยผู้เชี่ยญชาญเท่านั้น อย่าเน้นถูกแล้วฉีดหมอกระเป๋า เดี๋ยวหน้าจะเบี้ยวไปซะป่าวๆ ซึ่งการฉีดแต่ละครั้ง ก็จะแสดงผลอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือนขึ้นอยู่กับวิธีการดูแลและยี่ห้อโบท็อกด้วย แต่ถ้าอยากให้อยู่เป็นปี ต้องกลับมาย้ำหลังฉีดครั้งแรก ซึ่งคลีนิคเกือบทุกที่ก็ใช้อยู่แค่ 2 ยี่ห้อดังๆที่ได้ อย. เหมือนกันนั่นแหละ แต่ที่แตกต่างก็คือฝีมือของหมอ การออกแบบรูปหน้า ความพอดีของปริมาณยา และรายละเอียดอีกหลายอย่างมากๆ จำมาไม่หมด
สรุปได้ว่า คลีนิคต้องน่าเชื่อถือ + ของต้องดี + หมอต้องเก่ง = เราสวย
วันนั้นคุยไปเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้อยู่ดี รู้สึกลังเล เลยให้เพื่อนทำไปคนเดียวก่อนเลยจ้าา แอบเกรงใจอยู่เหมือนกัน ถามซะเยอะแต่ก็ไม่ทำ ดีที่ไม่มีคนมารบเร้ากดดัน ค่อยรู้สึกสบายใจหน่อย
หลังจากนั้นเราก็นอนกลิ้งคิดไปคิดมา 3 วัน 3 คืน แล้วทำตัวเป็นConan หาข้อมูลเกี่ยวกับคลีนิคนี้เพิ่ม ทั้ง instagram, facebook, และพวกรีวิวในพันทิพ รวมๆคือดูดีและน่าเชื่อถือ เลยตัดสินใจว่าเอาว่ะ อยากสวยก็ต้องลอง! แล้วกลับตายรังทำที่เดิมที่ Livity Clinic นี่ละ วันนั้นเราเลือกโบท็อกของเมกา เพราะเพื่อนบอกดีสุด เพื่อนว่าไงเราก็ว่าตามนั้น
ก่อนทำคลีนิคจะถ่ายรูปไว้ให้คนไข้ทุกคนเก็บไว้ เอามาให้ดูแบบพลีชีพมาก ตอนหน้าธรรมดาก็ว่าเหลี่ยมละนะ พอยิ้มและกัดกราม เหลี่ยมไปอีก!!!!
หมอสวยและใจดี
ตอนทำก็จะกลัวๆหน่อยๆ แบบนี้ เห็นแล้วขำตัวเอง ฮ่าๆๆๆๆ
หลังจากผ่านไป 1 อาทิตย์เริ่มมีคนทักว่าทำไมหน้าเล็กลง ลองจับดูก็เริ่มเนื้อหด ไป ปลื้มเว่อร์
ผ่านไปประมาณ 1 เดือน เราก็กลับมา follow up ผลที่คลีนิคอีกรอบ และตัดสินใจฉีดย้ำอีกรอบด้วย(หน้าชั้นต้องเล็กได้กว่านี้!!) แต่รอบนี้ไม่ต้องไปเอกมัยละจ้า เพราะใกล้ๆบ้านแถว westgate ก็มี พึ่งรู้ นี่เราถ่อไปไกลทำไม = =
มาดูผลของการฉีดแบบผ่านไป 1 เดือนกัน
ตอนแรกคือก็รู้ว่าเล็กลงแหละ แต่ไม่รู้ว่าเล็กลงขนาดไหน แต่พอมาเทียบแล้ว โอ้วแม่เจ้า เห็นชัดเว่อร์
ตอนนี้เรารู้สึกพอใจกับผลลัพธ์มากกกก ถึงตอนนี้หน้าจะยังไม่สวยเท่าในรูปซะทีเดียว(ก็มันมีการปรับแสง ลบลอยนู่นนี่ด้วยนี่เนอะ) แต่เราว่าก็ใกล้เคียงขึ้นละนะ พอใจสุดๆ
เอาภาพหลังจากการฉีดย้ำครั้งที่ 2 มาฝากกัน รูปจากทริปล่าสุด จะบอกว่าเราไม่ต้องง้อ app บีบหน้าอีกแล้วนะคะ ฮ่าๆๆๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้