เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีการค้นพบ Giant Hogweed ในรัฐ Virginia เป็นครั้งแรก
Giant Hogweed เป็นพืชที่เป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงสำหรับมนุษย์
น้ำเลี้ยง (Sap) จาก Giant Hogweed
ถ้าถูกต้องผิวหนังจะสามารถทำให้ผิวมีความรู้สึกไวต่อแสงแดด/UV
ส่งผลให้เกิดแผลไหม้ในระดับที่ 3 ภายในระยะเวลาเพียงช่วงสั้น ๆ
และอาจจะทำให้ตาบอดได้หากโดนที่บริเวณตา

ดังนั้น ถ้าพบพืชชนิดนี้  
อย่าไปแตะต้องมัน
และถ้าสัมผัสกับน้ำเลี้ยง
ให้หลีกเลี่ยงจากแสงแดด
และไปพบแพทย์ทันที


บาดแผลระดับที่สาม (Third degree burn)

บาดแผลไหม้จะลึกลงไปจนทำลายหนังกำพร้าและหนังแท้ทั้งหมด
รวมทั้งต่อมเหงื่อขุมขนและเซลล์ประสาท
ผู้ป่วยมักไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดที่บาดแผล
อาจกินลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อหรือกระดูก
บาดแผลจะมีลักษณะขาว ซีด เหลือง น้ำตาลไหม้ หรือดำ
หนาแข็งเหมือนแผ่นหนัง แห้งและกร้าน
อาจเห็นรอยเส้นเลือดอยู่ใต้แผ่นหนานั้น
และเนื่องจากเส้นประสาทที่อยู่บริเวณผิวหนังแท้ถูกทำลายไปหมด
ทำให้แผลนี้จะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด
บาดแผลประเภทนี้จะไม่หายเอง
จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดปลูกผิวหนัง
นอกจากนี้จะมีการดึงรั้งของแผลทำให้ข้อยึดติด
เมื่อหายแล้วจะเป็นแผลเป็น
บางรายจะพบแผลเป็นที่มีลักษณะนูนมาก
(Hypertrophic scar or Keloid)  
มักเกิดจากไฟไหม้หรือถูกของร้อนนาน ๆ
หรือไฟฟ้าช็อต ถือเป็นบาดแผลที่ร้ายแรง

---

ต้นกำเนิด Giant Hogweed มีพื้นเพมาจากแถว Caucasus
ซึ่งตั้งอยู่ระหว่าง Black Sea กับ Caspian Sea
ที่คาบเกี่ยวระหว่างทวีปเอเซียกับทวีปยุโรป

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20
ได้มีการนำพืชชนิดนี้เข้ามาปลูกในสหรัฐอเมริกา
เป็นไม้ดอกไม้ประดับในสวน เพราะมีดอกสีขาวที่งดงาม
และมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 1/2 ฟุต(76.2 เซนติเมตร)

ในกรณีที่คนไปถูก กิ่ง ก้าน ใบ พุ่ม ขน Giant Hogweed
ซึ่งมักจะมีน้ำเลี้ยงปนเปื้อนออกมาด้วย
จะมีผลต่อผิวหนังที่ทำให้ไวต่อแสงแดด/UV
มีผลทำให้เกิดอาการระดับผิวหนังไหม้ระดับ 3 ในช่วงเวลาสั้น ๆ
รอยแผลเป็นจากแผลไหม้จะไว้ต่อแสงแดดได้นานนับปี
และถ้าถูกตาอาจจะทำให้ตาบอดได้

Massey Herbarium ที่ Virginia Tech
ได้ประกาศการค้นพบครั้งแรกว่า
มีอย่างน้อย  30 ต้นในพื้น Clarke County รัฐ Virginia

Giant Hogweed เคยพบมานานแล้วในรัฐอื่น ๆ
แถบ Mid-Atlantic กับ New England รวมทั้งรัฐ New York
Pacific Northwest ในรัฐ Oregon และรัฐ Washington
รัฐ Pennsylvania และรัฐ Massachusetts
US Department of Agriculture
ยังระบุว่ายังมีการพบพืชชนิดนี้ในรัฐ Michigan และรัฐ Illinois

---

New York Department of Environmental Conservation
ได้ระบุข้อมูลเบื้องต้นว่า พืชชนิดนี้สูงได้ถึง  7 ถึง 14 ฟุต(2.13-4.27 เมตร)
ขึ้นกับสภาพแวดล้อมของพืชที่เจริญเติบโต
ออกดอกได้  50 ถึง 150 ดอก
มีขนาดดอก 2 1/2 ฟุต(76 เซนติเมตร)
มีขนาดพุ่มใบ 5 ฟุต(1.5 เมตร)
ลำต้นมีสีเขียวประปรายไปด้วยสีม่วง
และมีขนสีขาวหยาบซึ่งมีน้ำเลี้ยงเป็นอันตรายต่อมนุษย์
Giant Hogweed ยังสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์แห้งรูปไข่
ที่มีขนาดยาว 3/8 นิ้ว(9.5 มิลลิเมตร) และมีลายเส้นสีน้ำตาล
ระหว่าง 20,000 - 100,000 เมล็ด
จัดว่าเป็นวัชชพืชอย่างหนึ่งได้

---

เพราะสาเหตุที่ Giant Hogweed
มักจะถูกปลูกให้เป็นพวกไม้ดอกไม้ประดับ
พวกมันจึงสามารถแพร่กระจายได้ง่ายมาก
หากมีการย้ายดินปลูกที่มีพืชหรือเมล็ดพืชไปด้วย
หรือเมล็ด Hogweed ถูกแพร่กระจายด้วยสายลมพัดพาไป
หรือนำไปโดยคนหรือพวกสัตว์นำพาเมล็ดย้ายไปยังตำแหน่งใหม่

ในกรณีที่พบ Giant Hogweed ในพื้นที่
ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับมันหรือพยายามทำลายมัน
เพราะมันอาจจะปล่อยน้ำเลี้ยงที่เป็นอันตรายออกมาได้
ขั้นตอนที่ดีที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่ามันถูกฆ่าตายได้
และทำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ให้ทำโดยผู้เชี่ยวชาญ/เจ้าหน้าที่รัฐ
ผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้ยาฆ่าแมลง/ปราบวัชชพืช

ถ้าหากถูกขนหรือน้ำเลี้ยงของพืชชนิดนี้
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ล้างทำความสะอาดด้วยสบู่และน้ำเย็นทันที
แล้วอย่าให้ถูกจากแสงแดดเป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
โดยปฏิกิริยาจะเริ่มภายใน 15 นาทีหลังจากการสัมผัส
ถ้าหากมีอาการผิวหนังไหม้หลังจากสัมผัสกับ Giant Hogweed ควรไปหาแพทย์ทันที
Topical steroids สามารถลดความรุนแรงอาการไหม้ได้

ถ้าหากน้ำเลี้ยงถูกดวงตาให้รีบล้างออกทันที แล้วสวมแว่นตากันแดด
หลังจากที่ผิวหนังเผาไหม้แล้วอาจจะมีความไวต่อแสงแดดเป็นเวลานานนับปี

Department of Environmental Conservation
แนะนำให้ติดต่อแผนกที่เกี่ยวข้องในรัฐ เพื่อกำจัดอย่างมืออาชีพ


แต่ทั้งนี้ วัว ควาย แพะ แกะ หมู สามารถกิน
Giant Hogweed ได้โดยไม่มีอันตรายแต่อย่างใด


เรียบเรียง/ที่มา

http://bit.ly/2yskegd
https://read.bi/2I6eRD2
https://for.tn/2K2ym1a

---