หัวกระทู้ตั้งไปงั้น555 ทริปด่วนไม่ทันตั้งตัวด้วยความที่อยากไปนอนใกล้ๆลำธารชิลๆแต่กรรมบัง555 ที่พักที่อยากไปดันเต็ม โชคยังช่วยมีโฮมสเตย์ว่างหลงเหลืออยู่ก็เลยได้ไป ทริปนี้ไม่มีไรมากเป็นการรวมตัวของพี่ๆเพื่อนๆแฟน ไปเที่ยวด้วยกันรวม 12 ชีวิตเท่านั้น เมื่อใดที่เรารวมตัวกันที่นั่นจะลุกเป็นไฟ เห้ออออดูละครมากไปก็จะเพียนๆประมาณนี้แหละ อิอิ อ่ะออกทริปปกันเถอะ เดินทางง่ายใช้เวลาขับรถประมาณ 4 ชั่วโมง แต่ถ้าใครขับเร็วก็ถึงเร็ว ขับช้าก็ถึงช้าเท่านั้นเอง555
อันนี้เป็นคลิปสั้นๆ ของทริปคลิกดูเลยดิอย่าลืมปักตะไคร้ให้เราด้วยน๊า
จุดหมายแรกที่เราจะไปกันในทริปนี้เป็นจุดชมวิวบ้านหัวเเหลมหมู่บ้านชาวประมงที่มีความเก่าเเก่ ซึ่งชาวบ้านที่นี่ก็ยังคงทำอาชีพชาวประมงสืบทอดกันมาอย่างยาวนานเลยค่ะ
ตรงนี้เป็นที่จอดรถ มองเห็นวิวก็สวยเเล้ว จอดปั๊บลงไปได้ถ่ายรูปกับวิวทะเลเลย
เสน่ห์ของที่นี่เลยสะพานไม้ทอดยาวกลางทะเลเดินเล่นรับลมทะเลกันชิลๆ เเละไฮไลท์คือ “เจดีย์กลางน้ำ” เจดีย์บ้านหัวเเหลมที่มีอายุถึง 200 ปี เเละมีสะพานไม้ทอดยาวเกิดจากเเรงศรัทธาของชาวบ้านที่ช่วยกันสร้างขึ้นช่างเป็นวิวดีมากเลยย
เจดีย์กลางน้ำสันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวประมงเพื่อให้การออกเรือแต่ละครั้งปลอดภัย
สะพานมีความยาวโดยประมาณ 500 เมตรเเต่ยาวไม่ถึงเจดีย์นะคะ สิ้นสุดเเค่ในรูปเท่านั้นค่ะ
ตรงนี้จะมีวิวโขดหินกลางทะเลวิวตรงนี้สวยมาก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวย ถ้าได้มาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่คงดีเลยทีเดียว
ที่นี่มีบริการรถซาเล้งรับ-ส่งจากที่จุดรถด้วยไปกลับ 10 บาท เราไม่นั่งเพราะเดินใกล้นิดเดียว งก สั้นๆคำเดียว555
ไปต่อกันดีกว่ามีเวลาไม่มากก่อนเข้าที่พักเราแวะให้อาหารฉลาม ใช่แล้วฟังไม่ผิดค้าให้อาหารฉลามด้วยมือเปล่าด้วยน๊า ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน แต่เรามาไม่ได้ให้อาหารเพราะฝนใกล้ตกมาไม่ถึง 20 นาทีแอบเสียดายไม่ได้ให้อาหารปลาฉลาดเบยย
นี่ไงพี่ฉลาม พี่ฉลามอยู่ในกระชังน่ารักเสียจริงนอกจากปลาฉลามแล้วที่นี่ยังมีบรรดาสัตว์น้ำเล็กๆ กุ้ง หอย ปู ปลา และน้องเต่าอีกด้วย
ถ้าใครจะที่นี่ตรงนี้เดินทางไม่ไกลจากเจดีย์กลางน้ำเลยขับรถแค่ 10 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ ได้เวลาแล้วเราขับรถเข้าที่พักกันเถอะคืนนี้เรานอนกันที่ ปัยเลโฮมสเตย์
ที่นี่เป็นโฮมสเตย์บ้านพักเป็นหลังๆ ขับรถเข้ามาไกลพอสมควรคือถ้าใครจะเข้าที่พักแนะนำซื้อทุกอย่างที่จะใช้เข้ามาให้พร้อมถ้าออกไป กลางดึกเราว่าไม่โอเคเพราะไฟตามทางไม่มีเลยจ้า
โฮมสเตย์สีสันสดใสเหมือนขนมหวานเรานอนกันที่นี่ 1 คืนค่าเสียหายคนละ 1,600 บาท รวมอาหาร 3 มื้อ อาหารการกินไม่ต้องห่วงทุกอย่างคือไม่อั้นนนน มาถึงที่พักเช็คอินจ่ายเงินส่วนต่างเอาของไปเก็บพร้อมนั่งกินข้าวเที่ยงกัน
บ้านพักที่นี่นอนได้ 4-5 คนต่อหลัง มีแอร์ ทีวี แต่ห้องที่เรานอนไม่มีห้องน้ำในตัวนะ ห้องน้ำเป็นแบบรวมแยก ชาย/หญิง มีหลายจุดเลย
มื้อเเรก อาหารเที่ยงตอนที่เรามาถึงเป็นกับข้าวจัดให้เราเป็นกรุ๊ปๆ ไม่อิ่มเติมได้ตลอดเลย หลังจากเรากินข้าวเสร็จแล้วที่นี่จะมีกิจกรรมล่องแพเปียก ใครจะล่องก็ได้หรือใครจะไม่ล่องก็ได้ตามความสนใจเลย พวกเราอยากลองของเลยไปล่องแพเปียกที่ป่าชายเลนกัน ปล. ไม่มีเเพต้องไปดูในคลิปเราว่าไม่ค่อยโอเคตรงที่เค้าพยายามยัดคนเข้าไปนั่งเบียดกันมากจนเกินไปจนแพที่พักอื่นๆลากผ่านยังขำอ่ะ เพราะน้ำเข้าถึงเเพรตาตุ่มเลย5555 และนั่งรอนานมากกว่าแพจะลาก สนุกตอนไปปล่อยให้เล่นน้ำแค่นั้น คือเป็นกิจกรรมที่เพลียสุดใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และลากกลับฝั่งนั่งรถเข้าที่พักกินอาหารเย็นกันนนนนี่คือสิ่งที่ดีงามที่สุดของที่นี่เลยจ้า
มื้อสอง อาหารซีฟู๊ด ปู กุ้ง เด็ดโคตรสด กินอิ่มจนต้องร้องขอชีวิต เติมได้ถึง 4 ทุ่ม พวกเรากินจนเจ้าของอาจจะร้องขอว่าพอเถอะ กินแต่ปุกับกุ้ง ข้าวแทบไม่ได้กินเลย5555 ตบท้ายด้วยสละลอยแก้วเเช่เเข็งอร่อยม๊วกก 30 บาท อิ่มท้องนอนหลับสบายแหละ
วันที่สองตื่นเช้าด้วยอาหารเช้า มื้อสามข้าวต้มทะเลอย่างที่บอกอาหารที่นี่ดีงามเต็มเปลี่ยมกินอิ่มกับอาหารทุกมื้อ กินจนน้ำหนักขึ้นเลย 55555
อาหารอร่อยทุ๊กอย่างจริงๆ พี่ๆที่นี่เค้าดูเเลเหมือนคนในครอบครัว ขอเท่าไหร่ก็ไม่ว่าเลย ก่อนเช็คเอ้าเราเดินดูรอบๆที่พักกันเถอะ มีวิวดีๆจะอวด
เป็นไงมาที่นี่ได้รูปเเบบนี้กลับไป ท้องฟ้าคือดีทะเลชัดๆ มุมหวานกลางป่าชายเลน555
ชอบมากเป็นสะพานไม้ไผ่ทอดยาวไปถึงทะเลเลย เป็นมุมที่หาไม่ได้จากที่ไหนแน่นอนเราว่านะ
ถ่ายรูปได้บรรยากาศโคตรชิล
แต่รอบๆป่าชายเลนมีขยะกองเยอะไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำซัดเขามาจากที่ทิ้งขยะลงน้ำหรือเปล่า อยากให้ช่วยกันรักษาธรรมชาติไว้จะได้อยู่กับเราไปนานๆเนอะ ปล.ที่นี่ไม่มีสัญญาณดีแทคนะคะ ตายตั้งแต่เข้าซอยที่พักเลยลาก่อยยยยย
ก่อนกลับ กทม เราต้องแวะเที่ยวในเมืองจันทร์กันเสียก่อนมาทั้งที่ต้องไปให้ครบบบบ เรามุ่งหน้าไปกันที่สถานที่ประวัติศาสตร์ของจังหวัดจันทบุรีกัน
ป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ของจังหวัดจันทบุรีนั่นก็คือ ตึกแดง เป็นอาคารชั้นเดียวก่ออิฐมีระเบียงสองด้านตามแนวยาว ในช่วงที่ฝรั่งเศสยึดครองเมืองจันทบุรี ตึกแดงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักของทหารฝรั่งเศส หลังปี พ.ศ. 2447 ฝรั่งเศสได้ถอนกองกำลัง และออกไปจากเมืองจันทบุรี ตึกแดงได้ถูกทิ้งร้างไว้ และได้รับการบูรณะในปี พ.ศ. 2527 เพื่อใช้เป็นห้องสมุดศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจนปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมกันค่ะ
เราก็ข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อไปยัง คุกขี้ไก่
สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 หรือ ร.ศ. 112 เมื่อฝรั่งเศสได้เข้ายึดจันทบุรี ฝรั่งเศส จะกักขังคนไทยที่ต่อต้านฝรั่งเศสภายในคุกแห่งนี้ ซึ่งเล็กมากๆเลยค่ะ โดยขังคนไว้ด้านล่าง ด้านบกเลี้ยงไก่เพื่อให้ถ่ายใส่นักโทษ และนี้เลิกใช้งานเมื่อทหารฝรั่งเศสถอนกำลังออกจากเมืองจันท์เมื่อปี พ.ศ. 2447
เที่ยวทางประวัติศาสตร์กันแล้วเราไปหาของกินเดินเล่นกันที่ชุมชนริมน้ำจันทบรูกันดีกว่า เราขับรถมาจอดกันที่โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมลว่ากันว่าเป็นโบสถ์คริสต์ที่สวยที่สุดในประเทศ แต่เราไม่ได้เข้าไปน๊าถ่ายรูปแค่ด้านนอกอย่างเดียว
ถ้าเราจอดรถไว้ฝั่งโบสถ์เดินมาเรื่อยๆจะมีสะพานข้ามแม่น้ำเราก็เดินมาเรื่อยๆเลยจะเจอตอกซอกซอยเดินทะลุ ชุมชนริมน้ำจันทบรู เป็นชุมชนเก่าแก่ของชาวจีนที่มีอายุยาวนานเกือบร้อยปี
บ้านและตึกเก่าริมน้ำยิ่งเดินดูยิ่งหลงเสน่ห์ของที่นี่ เพราะยังคงความเก่าของบ้านเรือนและตึกต่างๆสีสันดูเหงาๆหม่นๆแต่เราชอบอ่า แถมมีร้านขายของของชาวบ้านขายตามหน้าบ้านและขนมไข่ที่ขึ้นชื่อให้เราได้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากได้ด้วย ถ้าเราเดินดูอะไรเพลินๆหิวก็ซื้อของกินตามทางเดินไปกินไปฟินนน 5555 พิมไปเห็นรูปเเล้วก็หิวเหมือนกันนะเนี่ย
ที่นี่ขายทุเรียนเเปรรูปหลายอย่างเลย เดินผ่านมามีหลายร้านมาไม่ว่าจะเป็นขนมไข่ทุกรียน หรือบัวลอยทุเรียนก็ยังมี บัวลอยอร่อยลองเเล้วเดินชิลๆเราก็จะถึง บ้าน 69 ศูนย์การเรียนรู้ริมน้ำจันทบูร เป็นสถานที่จัดกิจรรมต่าง ๆ และเผยแพร่ความรู้ไปยังชุมชน เราได้ซื้อกระเป๋าสานจากที่นี่คุณป้าน่ารักมากๆลดราคาให้เราด้วยกระเป๋าสานใบใหญ่ 300 บาทเอง
ตรงข้ามบ้าน 69 จะมีร้านร้านขนมจีนของคุณลุงและคุณป้าอร่อยมากราคาถูกด้วยดูจากรูปได้พี่ๆถึงกับนั่งกินหน้าร้านกันเลยทีเดียว ขนมจีนอย่างเดียวไม่พอไปจัดหนักกันที่ร้านดีกว่า
เดินไปตามทางขอชุมชนก็มีร้านคาเฟ่เเละร้านของชิคๆมากมายร่วมถึงมีโรงเจด้วยที่ตั้งมานานกว่าร้อยปีเลยค่ะ
ถึงมื้อใหญ่ของเรากันเเล้วเเนะนำร้านอาหารถ้าใครมา ชุมชนริมน้ำจันทบรู ต้องมากินแนะนำว่ามันดีงามมากตั้งแต่บรรยากาศจนถึงรสชาติอาหาร ร้านท่ามาจัน ร้านนี้แนนผู้ร่วมทริปพามากินคือดีงามให้ 10 คะแนเลย กับข้าวจะมาในปิ่นโตเเละทุกอย่างอร่อย สั่งหลายอย่างนะเเต่ความหิวดังเดิมมีรูปเท่านี้เเหละจ้าาาา ร้านอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมท่ามาจันของร้านอาหารนี่แหละค่ะ
อิ่มท้องทุกอย่างพร้อม ฝนก็พร้อมตกลงมาเช่นกันกลับกรุงเทพกันนนนน
แต่ก่อนกลับขอถ่ายรูปมุมยอดฮิตปิดท้ายกำแพงโบราณที่มีการเพ้นท์ภาพซึ่งเป็นจุดที่ใครๆมาเที่ยวจันทบุรีห้ามพลาดที่จะถ่ายเลยและต้องมาเดินชุมชนริมน้ำจันทบรู ดีงามมากควรมาจริงๆนะ ยัง ยังไม่หมดมีต่อรออ่านเด้อ...
2 วัน 1 คืน “จันทบุรี” กินปูฟินๆ เที่ยวเพลินๆ กลางสายฝนกลิ่นตัวอย่างอับ !!!!
จุดหมายแรกที่เราจะไปกันในทริปนี้เป็นจุดชมวิวบ้านหัวเเหลมหมู่บ้านชาวประมงที่มีความเก่าเเก่ ซึ่งชาวบ้านที่นี่ก็ยังคงทำอาชีพชาวประมงสืบทอดกันมาอย่างยาวนานเลยค่ะ
เสน่ห์ของที่นี่เลยสะพานไม้ทอดยาวกลางทะเลเดินเล่นรับลมทะเลกันชิลๆ เเละไฮไลท์คือ “เจดีย์กลางน้ำ” เจดีย์บ้านหัวเเหลมที่มีอายุถึง 200 ปี เเละมีสะพานไม้ทอดยาวเกิดจากเเรงศรัทธาของชาวบ้านที่ช่วยกันสร้างขึ้นช่างเป็นวิวดีมากเลยย
ไปต่อกันดีกว่ามีเวลาไม่มากก่อนเข้าที่พักเราแวะให้อาหารฉลาม ใช่แล้วฟังไม่ผิดค้าให้อาหารฉลามด้วยมือเปล่าด้วยน๊า ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน แต่เรามาไม่ได้ให้อาหารเพราะฝนใกล้ตกมาไม่ถึง 20 นาทีแอบเสียดายไม่ได้ให้อาหารปลาฉลาดเบยย
นี่ไงพี่ฉลาม พี่ฉลามอยู่ในกระชังน่ารักเสียจริงนอกจากปลาฉลามแล้วที่นี่ยังมีบรรดาสัตว์น้ำเล็กๆ กุ้ง หอย ปู ปลา และน้องเต่าอีกด้วย
ถ้าใครจะที่นี่ตรงนี้เดินทางไม่ไกลจากเจดีย์กลางน้ำเลยขับรถแค่ 10 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ ได้เวลาแล้วเราขับรถเข้าที่พักกันเถอะคืนนี้เรานอนกันที่ ปัยเลโฮมสเตย์ที่นี่เป็นโฮมสเตย์บ้านพักเป็นหลังๆ ขับรถเข้ามาไกลพอสมควรคือถ้าใครจะเข้าที่พักแนะนำซื้อทุกอย่างที่จะใช้เข้ามาให้พร้อมถ้าออกไป กลางดึกเราว่าไม่โอเคเพราะไฟตามทางไม่มีเลยจ้า
โฮมสเตย์สีสันสดใสเหมือนขนมหวานเรานอนกันที่นี่ 1 คืนค่าเสียหายคนละ 1,600 บาท รวมอาหาร 3 มื้อ อาหารการกินไม่ต้องห่วงทุกอย่างคือไม่อั้นนนน มาถึงที่พักเช็คอินจ่ายเงินส่วนต่างเอาของไปเก็บพร้อมนั่งกินข้าวเที่ยงกัน บ้านพักที่นี่นอนได้ 4-5 คนต่อหลัง มีแอร์ ทีวี แต่ห้องที่เรานอนไม่มีห้องน้ำในตัวนะ ห้องน้ำเป็นแบบรวมแยก ชาย/หญิง มีหลายจุดเลย
มื้อเเรก อาหารเที่ยงตอนที่เรามาถึงเป็นกับข้าวจัดให้เราเป็นกรุ๊ปๆ ไม่อิ่มเติมได้ตลอดเลย หลังจากเรากินข้าวเสร็จแล้วที่นี่จะมีกิจกรรมล่องแพเปียก ใครจะล่องก็ได้หรือใครจะไม่ล่องก็ได้ตามความสนใจเลย พวกเราอยากลองของเลยไปล่องแพเปียกที่ป่าชายเลนกัน ปล. ไม่มีเเพต้องไปดูในคลิปเราว่าไม่ค่อยโอเคตรงที่เค้าพยายามยัดคนเข้าไปนั่งเบียดกันมากจนเกินไปจนแพที่พักอื่นๆลากผ่านยังขำอ่ะ เพราะน้ำเข้าถึงเเพรตาตุ่มเลย5555 และนั่งรอนานมากกว่าแพจะลาก สนุกตอนไปปล่อยให้เล่นน้ำแค่นั้น คือเป็นกิจกรรมที่เพลียสุดใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และลากกลับฝั่งนั่งรถเข้าที่พักกินอาหารเย็นกันนนนนี่คือสิ่งที่ดีงามที่สุดของที่นี่เลยจ้า
มื้อสอง อาหารซีฟู๊ด ปู กุ้ง เด็ดโคตรสด กินอิ่มจนต้องร้องขอชีวิต เติมได้ถึง 4 ทุ่ม พวกเรากินจนเจ้าของอาจจะร้องขอว่าพอเถอะ กินแต่ปุกับกุ้ง ข้าวแทบไม่ได้กินเลย5555 ตบท้ายด้วยสละลอยแก้วเเช่เเข็งอร่อยม๊วกก 30 บาท อิ่มท้องนอนหลับสบายแหละ
วันที่สองตื่นเช้าด้วยอาหารเช้า มื้อสามข้าวต้มทะเลอย่างที่บอกอาหารที่นี่ดีงามเต็มเปลี่ยมกินอิ่มกับอาหารทุกมื้อ กินจนน้ำหนักขึ้นเลย 55555
อาหารอร่อยทุ๊กอย่างจริงๆ พี่ๆที่นี่เค้าดูเเลเหมือนคนในครอบครัว ขอเท่าไหร่ก็ไม่ว่าเลย ก่อนเช็คเอ้าเราเดินดูรอบๆที่พักกันเถอะ มีวิวดีๆจะอวด
ก่อนกลับ กทม เราต้องแวะเที่ยวในเมืองจันทร์กันเสียก่อนมาทั้งที่ต้องไปให้ครบบบบ เรามุ่งหน้าไปกันที่สถานที่ประวัติศาสตร์ของจังหวัดจันทบุรีกัน
ป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ของจังหวัดจันทบุรีนั่นก็คือ ตึกแดง เป็นอาคารชั้นเดียวก่ออิฐมีระเบียงสองด้านตามแนวยาว ในช่วงที่ฝรั่งเศสยึดครองเมืองจันทบุรี ตึกแดงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักของทหารฝรั่งเศส หลังปี พ.ศ. 2447 ฝรั่งเศสได้ถอนกองกำลัง และออกไปจากเมืองจันทบุรี ตึกแดงได้ถูกทิ้งร้างไว้ และได้รับการบูรณะในปี พ.ศ. 2527 เพื่อใช้เป็นห้องสมุดศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจนปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมกันค่ะ
เที่ยวทางประวัติศาสตร์กันแล้วเราไปหาของกินเดินเล่นกันที่ชุมชนริมน้ำจันทบรูกันดีกว่า เราขับรถมาจอดกันที่โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมลว่ากันว่าเป็นโบสถ์คริสต์ที่สวยที่สุดในประเทศ แต่เราไม่ได้เข้าไปน๊าถ่ายรูปแค่ด้านนอกอย่างเดียว
ถ้าเราจอดรถไว้ฝั่งโบสถ์เดินมาเรื่อยๆจะมีสะพานข้ามแม่น้ำเราก็เดินมาเรื่อยๆเลยจะเจอตอกซอกซอยเดินทะลุ ชุมชนริมน้ำจันทบรู เป็นชุมชนเก่าแก่ของชาวจีนที่มีอายุยาวนานเกือบร้อยปีบ้านและตึกเก่าริมน้ำยิ่งเดินดูยิ่งหลงเสน่ห์ของที่นี่ เพราะยังคงความเก่าของบ้านเรือนและตึกต่างๆสีสันดูเหงาๆหม่นๆแต่เราชอบอ่า แถมมีร้านขายของของชาวบ้านขายตามหน้าบ้านและขนมไข่ที่ขึ้นชื่อให้เราได้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากได้ด้วย ถ้าเราเดินดูอะไรเพลินๆหิวก็ซื้อของกินตามทางเดินไปกินไปฟินนน 5555 พิมไปเห็นรูปเเล้วก็หิวเหมือนกันนะเนี่ย ที่นี่ขายทุเรียนเเปรรูปหลายอย่างเลย เดินผ่านมามีหลายร้านมาไม่ว่าจะเป็นขนมไข่ทุกรียน หรือบัวลอยทุเรียนก็ยังมี บัวลอยอร่อยลองเเล้วเดินชิลๆเราก็จะถึง บ้าน 69 ศูนย์การเรียนรู้ริมน้ำจันทบูร เป็นสถานที่จัดกิจรรมต่าง ๆ และเผยแพร่ความรู้ไปยังชุมชน เราได้ซื้อกระเป๋าสานจากที่นี่คุณป้าน่ารักมากๆลดราคาให้เราด้วยกระเป๋าสานใบใหญ่ 300 บาทเอง
ตรงข้ามบ้าน 69 จะมีร้านร้านขนมจีนของคุณลุงและคุณป้าอร่อยมากราคาถูกด้วยดูจากรูปได้พี่ๆถึงกับนั่งกินหน้าร้านกันเลยทีเดียว ขนมจีนอย่างเดียวไม่พอไปจัดหนักกันที่ร้านดีกว่า
เดินไปตามทางขอชุมชนก็มีร้านคาเฟ่เเละร้านของชิคๆมากมายร่วมถึงมีโรงเจด้วยที่ตั้งมานานกว่าร้อยปีเลยค่ะ
ถึงมื้อใหญ่ของเรากันเเล้วเเนะนำร้านอาหารถ้าใครมา ชุมชนริมน้ำจันทบรู ต้องมากินแนะนำว่ามันดีงามมากตั้งแต่บรรยากาศจนถึงรสชาติอาหาร ร้านท่ามาจัน ร้านนี้แนนผู้ร่วมทริปพามากินคือดีงามให้ 10 คะแนเลย กับข้าวจะมาในปิ่นโตเเละทุกอย่างอร่อย สั่งหลายอย่างนะเเต่ความหิวดังเดิมมีรูปเท่านี้เเหละจ้าาาา ร้านอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมท่ามาจันของร้านอาหารนี่แหละค่ะ
อิ่มท้องทุกอย่างพร้อม ฝนก็พร้อมตกลงมาเช่นกันกลับกรุงเทพกันนนนน
แต่ก่อนกลับขอถ่ายรูปมุมยอดฮิตปิดท้ายกำแพงโบราณที่มีการเพ้นท์ภาพซึ่งเป็นจุดที่ใครๆมาเที่ยวจันทบุรีห้ามพลาดที่จะถ่ายเลยและต้องมาเดินชุมชนริมน้ำจันทบรู ดีงามมากควรมาจริงๆนะ ยัง ยังไม่หมดมีต่อรออ่านเด้อ...