ToT เบอร์บ้าน ควรจะเปลี่ยนจากPSTN เป็น voip phone ทั้งหมดได้แล้ว หรือไม่ก็ปล่อยให้รายอื่นทำแทนครับ
TOT fix line ที่ให้สิทธิซื้อเพิ่มจากการติดตั้ง FTTX เน็ตไฟเบอร์ ในเรื่องค่าโทร+รายเดือน ก็สู้ของ3BBไม่ได้ ของ3BBถูกกว่าและใช้ได้เหมือนกัน
การที่เปลี่ยนเป็น PSTN เป็น voip phone ทั้งหมด ก็จะทำให้ลูกค้าประหยัดเงินลงทุนอุปกรณ์ PBX หรือTOTจะมีบริการ cloud PBX เพิ่มก็ยิ่งดีมากครับ
ผมก็ไม่ได้รู้อะไรมากนักหรอกครับ ปัจจุบันลูกค้าบุคคลธรรมดาตามบ้าน แถบไม่มีใครใช้กันแล้วครับ มีแต่ลูกค้าที่เป็นธุรกิจมีกิจการการค้า เค้าจึงใช้กันอยู่ ในยุค4.0 PSTNไม่ใช่ว่ามันดีอะไรนักหรอก เค้ายังจำเป็นต้องใช้เพราะเบอร์พื้นฐานยังมีคนโทรเข้าจากระบบเดิมๆ เหมือนเบอร์โทรที่ใช้กันมานานๆกลับเป็นเหมือนตัวประกันชั้น1ของTOT ถ้ากิจการที่ตั้งใหม่เค้าจะใช้เบอร์มือถือกันเป็นส่วนใหญ่ แล้วถ้าแอพ Line พัฒนาจนมีความสามารถที่ทำได้ดีกว่าระบบPBX คนก็จะหันไปใช้ Line ที่มีความสะดวกและค่าใช้จ่ายต่ำกว่าครับ ยิ่งนานวันเบอร์บ้านยิ่งมีคนใช้น้อยลงเรื่อยๆครับ
-ณ ปัจจุบัน ผู้ใช้งานโทรศัพท์บ้าน อยู่ในกลุ่มใดมากที่สุด? ผู้สื่อข่าวซักต่อ “อันดับ 1 คือ กลุ่มธุรกิจ ซึ่งกลุ่มธุรกิจยังคงใช้โทรศัพท์ประจำที่เป็นเบอร์ออฟฟิศอยู่ เพราะเลขหมายของเขาสร้างกันมายาวนานมากถึง 30-40 ปี ส่วนอันดับที่ 2 คือ กลุ่มบ้านพักอาศัย
-รายได้ 80% จะมาจากกลุ่มธุรกิจ ส่วน 20% ที่เหลือ จะมาจากกลุ่มบ้านพักอาศัย แต่ในขณะเดียวกัน จำนวนเลขหมายของกลุ่มบ้านพักอาศัย จะอยู่ที่ 80% ส่วนกลุ่มธุรกิจ
-จากข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์ประจำที่ หรือโทรศัพท์บ้านที่อยู่ในการดูแลของทีโอที ประจำเดือนพฤษภาคม 2560 พบว่า บริการโทรศัพท์ประจำที่ในเขตนครหลวง มีจำนวน 1.3 ล้านเลขหมาย, ภูมิภาคทั่วประเทศ มีจำนวน 1.7 ล้านเลขหมาย, ทีโอที เข้าไปให้บริการแทนทีทีแอนด์ที จำนวน 3.4 แสนเลขหมาย และเดือน พ.ย.2560 ทีโอที จะเข้าไปให้บริการต่อจากทรู จำนวน 9.8 แสนเลขหมาย
-“ในกลุ่มธุรกิจมีการเปิดใช้หมายเลขเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ในกลุ่มของบ้านพักอาศัย มีผู้ใช้บริการที่ขอยกเลิกเลขหมายเป็นจำนวนมาก ซึ่งในภาพรวมมีอัตราการยกเลิกเลขหมายอยู่ที่ 7% ต่อปี ขณะที่ ทีโอทีมีรายได้โดยนับเฉพาะในส่วนของโทรศัพท์บ้าน จะอยู่ที่ 6 พันล้านบาทต่อปี หากหมายเลขลดลงไป 7% ต่อปี รายได้ก็จะลดลงไป 560 ล้านบาท จากทั้งหมด 6 พันล้านบาท ซึ่งสถานการณ์ของโทรศัพท์บ้านนั้น มีแนวโน้มที่จะลดลงต่อเนื่องทุกปี เฉลี่ยปีละ 7%” นายอนุรุต กล่าวถึงสถานการณ์ล่าสุดของโทรศัพท์บ้าน
อ่านข่าวต่อได้ที่:
https://www.thairath.co.th/content/986956
ToT เบอร์บ้าน ควรจะเปลี่ยนจากPSTN เป็น ip phone ทั้งหมดได้แล้ว หรือไม่ก็ปล่อยให้รายอื่นทำแทนครับ
TOT fix line ที่ให้สิทธิซื้อเพิ่มจากการติดตั้ง FTTX เน็ตไฟเบอร์ ในเรื่องค่าโทร+รายเดือน ก็สู้ของ3BBไม่ได้ ของ3BBถูกกว่าและใช้ได้เหมือนกัน
การที่เปลี่ยนเป็น PSTN เป็น voip phone ทั้งหมด ก็จะทำให้ลูกค้าประหยัดเงินลงทุนอุปกรณ์ PBX หรือTOTจะมีบริการ cloud PBX เพิ่มก็ยิ่งดีมากครับ
ผมก็ไม่ได้รู้อะไรมากนักหรอกครับ ปัจจุบันลูกค้าบุคคลธรรมดาตามบ้าน แถบไม่มีใครใช้กันแล้วครับ มีแต่ลูกค้าที่เป็นธุรกิจมีกิจการการค้า เค้าจึงใช้กันอยู่ ในยุค4.0 PSTNไม่ใช่ว่ามันดีอะไรนักหรอก เค้ายังจำเป็นต้องใช้เพราะเบอร์พื้นฐานยังมีคนโทรเข้าจากระบบเดิมๆ เหมือนเบอร์โทรที่ใช้กันมานานๆกลับเป็นเหมือนตัวประกันชั้น1ของTOT ถ้ากิจการที่ตั้งใหม่เค้าจะใช้เบอร์มือถือกันเป็นส่วนใหญ่ แล้วถ้าแอพ Line พัฒนาจนมีความสามารถที่ทำได้ดีกว่าระบบPBX คนก็จะหันไปใช้ Line ที่มีความสะดวกและค่าใช้จ่ายต่ำกว่าครับ ยิ่งนานวันเบอร์บ้านยิ่งมีคนใช้น้อยลงเรื่อยๆครับ
-ณ ปัจจุบัน ผู้ใช้งานโทรศัพท์บ้าน อยู่ในกลุ่มใดมากที่สุด? ผู้สื่อข่าวซักต่อ “อันดับ 1 คือ กลุ่มธุรกิจ ซึ่งกลุ่มธุรกิจยังคงใช้โทรศัพท์ประจำที่เป็นเบอร์ออฟฟิศอยู่ เพราะเลขหมายของเขาสร้างกันมายาวนานมากถึง 30-40 ปี ส่วนอันดับที่ 2 คือ กลุ่มบ้านพักอาศัย
-รายได้ 80% จะมาจากกลุ่มธุรกิจ ส่วน 20% ที่เหลือ จะมาจากกลุ่มบ้านพักอาศัย แต่ในขณะเดียวกัน จำนวนเลขหมายของกลุ่มบ้านพักอาศัย จะอยู่ที่ 80% ส่วนกลุ่มธุรกิจ
-จากข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์ประจำที่ หรือโทรศัพท์บ้านที่อยู่ในการดูแลของทีโอที ประจำเดือนพฤษภาคม 2560 พบว่า บริการโทรศัพท์ประจำที่ในเขตนครหลวง มีจำนวน 1.3 ล้านเลขหมาย, ภูมิภาคทั่วประเทศ มีจำนวน 1.7 ล้านเลขหมาย, ทีโอที เข้าไปให้บริการแทนทีทีแอนด์ที จำนวน 3.4 แสนเลขหมาย และเดือน พ.ย.2560 ทีโอที จะเข้าไปให้บริการต่อจากทรู จำนวน 9.8 แสนเลขหมาย
-“ในกลุ่มธุรกิจมีการเปิดใช้หมายเลขเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ในกลุ่มของบ้านพักอาศัย มีผู้ใช้บริการที่ขอยกเลิกเลขหมายเป็นจำนวนมาก ซึ่งในภาพรวมมีอัตราการยกเลิกเลขหมายอยู่ที่ 7% ต่อปี ขณะที่ ทีโอทีมีรายได้โดยนับเฉพาะในส่วนของโทรศัพท์บ้าน จะอยู่ที่ 6 พันล้านบาทต่อปี หากหมายเลขลดลงไป 7% ต่อปี รายได้ก็จะลดลงไป 560 ล้านบาท จากทั้งหมด 6 พันล้านบาท ซึ่งสถานการณ์ของโทรศัพท์บ้านนั้น มีแนวโน้มที่จะลดลงต่อเนื่องทุกปี เฉลี่ยปีละ 7%” นายอนุรุต กล่าวถึงสถานการณ์ล่าสุดของโทรศัพท์บ้าน
อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/986956