ผมเชื่อว่าพวกเราน่าจะได้ซื้อพวก ประกันอุบัติเหตุ และ ประกันสุขภาพ เอาไว้อยู่แล้ว คำถามก็คือถ้าดันเกิดเหตุเหล่านี้ขึ้นมา เราจะเคลมความคุ้มครองจากประกันเหล่านี้อย่างไรล่ะถึงจะคุ้มค่าที่สุด วันนี้ K-Expert จะมีแนวทางมานำเสนอให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันนะครับ
เคลมประกันอุบัติเหตุ ค่าชดเชยจ่ายให้อย่างไรล่ะ???
สำหรับการจ่ายค่าชดเชยให้ เพื่อนๆ สามารถเช็กได้ในกรมธรรม์ซึ่งจะอธิบายอย่างละเอียดมาก ในตัวเงื่อนไขความคุ้มครองของการจ่ายค่ารักษาพยาบาลนั้นว่า วงเงินค่ารักษาพยาบาลต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้งอยู่ที่เท่าไหร่ ส่วนวิธีการจ่ายค่าชดเชย หลักๆ แล้ว บริษัทประกันจะจ่ายให้แบบนี้ครับ
1) จ่ายเป็นเงินชดเชยเมื่อเป็นผู้ป่วยใน (นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 6 ชั่วโมงขึ้น )
2) จ่ายตามค่ารักษาที่เกิดขึ้นจริง ตรงๆ เลยครับไม่ว่าจะนอนโรงพยาบาล (ผู้ป่วยใน: IPD) หรือที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ( ผู้ป่วยนอก: OPD ) จนกว่าจะหายเป็นปกติจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น โดยไม่เกินวงเงินที่กำหนดไว้
ถ้าเกิดอุบัติเหตุ เราจะเคลมจากประกันสุขภาพ ได้หรือไม่ ???: บางท่านอาจสงสัยว่าลักษณะการคุ้มครองจะเป็นอย่างไร เพราะอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน ดังนั้นเพื่อความง่ายเรามาเช็กจากเงื่อนไขการเข้ารักษากันครับ
1) นอนโรงพยาบาล : ประกันสุขภาพจะคุ้มครองครับถ้าหากเกิดอุบัติเหตุแล้วถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาลอย่างน้อย 6 ชั่วโมง (ผู้ป่วยใน) จึงจะเคลมค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ เช่น ค่าห้อง ค่าหมอ ค่ารักษาพยาบาล ได้ตามวงเงินที่กำหนดไว้
2) ไม่ถึงขั้นนอนโรงพยาบาล : ประกันสุขภาพแบบมีกรมธรรม์เพิ่มเติมถึงจะมีการคุ้มครองส่วนนี้ครับ โดยเพื่อนๆ ต้องเช็กก่อนว่าประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยในที่ทำไว้นั้นมีความคุ้มครองในกรณีรักษาพยาบาลฉุกเฉินหรือไม่ (ต้องเป็นการรักษาหลังเกิดอุบัติเหตุภายใน 24 ชั่วโมง) ถ้ามีความคุ้มครองดังกล่าว ก็สามารถเคลมค่ารักษาที่เกิดขึ้นได้ โดยอันนี้จะไม่รวมไปถึงค่าการรักษาต่อเนื่องในประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยในนะครับ
กรณีพร้อมสุดๆ มีทั้งประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยใน และประกันอุบัติเหตุ อันนี้เราขอแนะนำให้แยกการเคลมตามระดับความรุนแรงดังต่อไปนี้ครับเพื่อให้เห็นภาพที่ง่ายยิ่งขึ้น
1) กรณีเจ็บหนัก : ถ้าประสบอุบัติเหตุจนถึงขั้นต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล หรืออาจต้องมีการ follow up การรักษาอย่างต่อเนื่องแล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้เคลมประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยในก่อน แล้วค่อยเคลมประกันอุบัติเหตุ เพราะลำดับการเคลมแบบนี้จะช่วยครอบคลุมในกรณีที่มีการรักษาต่อเนื่องจากตัวประกันอุบัติเหตุ จึงครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้ดีมากกว่า
2) กรณีอุบัติเหตุไม่มากนัก : ในกรณีนี้ให้เช็กก่อนครับว่า วงเงินคุ้มครองจากประกันอุบัติเหตุครอบคลุมค่ารักษาทั้งหมดที่เกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าครอบคลุม ก็สามารถเคลมค่ารักษาจากประกันอุบัติเหตุเพียงตัวเดียวก็พอ แต่ถ้าหากเกิดไม่พอขึ้นมาแล้ว อยากให้ลองเข้าไปดูในกรมธรรม์ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยในว่ามีความคุ้มครองการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน หรือไหม ถ้ามีก็สามารถเคลมต่อได้เลยครับ ดังนั้นกรณีนี้ K-Expert จึงแนะนำให้เคลมค่ารักษาจากประกันอุบัติเหตุก่อน แล้วค่อยเคลมประกันสุขภาพหากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
สุดท้ายนี้ K-Expert เชื่อว่าการที่เราวางแผนการทำประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ หรือทั้งสองอย่าง จะช่วยให้เราอุ่นใจมากยิ่งขึ้นทุกครั้งที่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับเรา ซึ่งหากเรามีวิธีการเคลมที่ดีจะสามารถทำให้เราได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ ดังนั้นอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ลองทบทวน และ อ่านรายละเอียดกรมธรรม์ที่ถืออยู่นะครับ เพื่อจะได้ทราบความคุ้มครองทั้งหมดที่เราจะได้รับนะครับ
อุบัติเหตุเกิดขึ้นแล้ว!!! เคลมประกันอย่างไรให้ครอบคลุม
ผมเชื่อว่าพวกเราน่าจะได้ซื้อพวก ประกันอุบัติเหตุ และ ประกันสุขภาพ เอาไว้อยู่แล้ว คำถามก็คือถ้าดันเกิดเหตุเหล่านี้ขึ้นมา เราจะเคลมความคุ้มครองจากประกันเหล่านี้อย่างไรล่ะถึงจะคุ้มค่าที่สุด วันนี้ K-Expert จะมีแนวทางมานำเสนอให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันนะครับ
เคลมประกันอุบัติเหตุ ค่าชดเชยจ่ายให้อย่างไรล่ะ???
สำหรับการจ่ายค่าชดเชยให้ เพื่อนๆ สามารถเช็กได้ในกรมธรรม์ซึ่งจะอธิบายอย่างละเอียดมาก ในตัวเงื่อนไขความคุ้มครองของการจ่ายค่ารักษาพยาบาลนั้นว่า วงเงินค่ารักษาพยาบาลต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้งอยู่ที่เท่าไหร่ ส่วนวิธีการจ่ายค่าชดเชย หลักๆ แล้ว บริษัทประกันจะจ่ายให้แบบนี้ครับ
1) จ่ายเป็นเงินชดเชยเมื่อเป็นผู้ป่วยใน (นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 6 ชั่วโมงขึ้น )
2) จ่ายตามค่ารักษาที่เกิดขึ้นจริง ตรงๆ เลยครับไม่ว่าจะนอนโรงพยาบาล (ผู้ป่วยใน: IPD) หรือที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ( ผู้ป่วยนอก: OPD ) จนกว่าจะหายเป็นปกติจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น โดยไม่เกินวงเงินที่กำหนดไว้
ถ้าเกิดอุบัติเหตุ เราจะเคลมจากประกันสุขภาพ ได้หรือไม่ ???: บางท่านอาจสงสัยว่าลักษณะการคุ้มครองจะเป็นอย่างไร เพราะอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน ดังนั้นเพื่อความง่ายเรามาเช็กจากเงื่อนไขการเข้ารักษากันครับ
1) นอนโรงพยาบาล : ประกันสุขภาพจะคุ้มครองครับถ้าหากเกิดอุบัติเหตุแล้วถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาลอย่างน้อย 6 ชั่วโมง (ผู้ป่วยใน) จึงจะเคลมค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ เช่น ค่าห้อง ค่าหมอ ค่ารักษาพยาบาล ได้ตามวงเงินที่กำหนดไว้
2) ไม่ถึงขั้นนอนโรงพยาบาล : ประกันสุขภาพแบบมีกรมธรรม์เพิ่มเติมถึงจะมีการคุ้มครองส่วนนี้ครับ โดยเพื่อนๆ ต้องเช็กก่อนว่าประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยในที่ทำไว้นั้นมีความคุ้มครองในกรณีรักษาพยาบาลฉุกเฉินหรือไม่ (ต้องเป็นการรักษาหลังเกิดอุบัติเหตุภายใน 24 ชั่วโมง) ถ้ามีความคุ้มครองดังกล่าว ก็สามารถเคลมค่ารักษาที่เกิดขึ้นได้ โดยอันนี้จะไม่รวมไปถึงค่าการรักษาต่อเนื่องในประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยในนะครับ
กรณีพร้อมสุดๆ มีทั้งประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยใน และประกันอุบัติเหตุ อันนี้เราขอแนะนำให้แยกการเคลมตามระดับความรุนแรงดังต่อไปนี้ครับเพื่อให้เห็นภาพที่ง่ายยิ่งขึ้น
1) กรณีเจ็บหนัก : ถ้าประสบอุบัติเหตุจนถึงขั้นต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล หรืออาจต้องมีการ follow up การรักษาอย่างต่อเนื่องแล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้เคลมประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยในก่อน แล้วค่อยเคลมประกันอุบัติเหตุ เพราะลำดับการเคลมแบบนี้จะช่วยครอบคลุมในกรณีที่มีการรักษาต่อเนื่องจากตัวประกันอุบัติเหตุ จึงครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้ดีมากกว่า
2) กรณีอุบัติเหตุไม่มากนัก : ในกรณีนี้ให้เช็กก่อนครับว่า วงเงินคุ้มครองจากประกันอุบัติเหตุครอบคลุมค่ารักษาทั้งหมดที่เกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าครอบคลุม ก็สามารถเคลมค่ารักษาจากประกันอุบัติเหตุเพียงตัวเดียวก็พอ แต่ถ้าหากเกิดไม่พอขึ้นมาแล้ว อยากให้ลองเข้าไปดูในกรมธรรม์ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยในว่ามีความคุ้มครองการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน หรือไหม ถ้ามีก็สามารถเคลมต่อได้เลยครับ ดังนั้นกรณีนี้ K-Expert จึงแนะนำให้เคลมค่ารักษาจากประกันอุบัติเหตุก่อน แล้วค่อยเคลมประกันสุขภาพหากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
สุดท้ายนี้ K-Expert เชื่อว่าการที่เราวางแผนการทำประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ หรือทั้งสองอย่าง จะช่วยให้เราอุ่นใจมากยิ่งขึ้นทุกครั้งที่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับเรา ซึ่งหากเรามีวิธีการเคลมที่ดีจะสามารถทำให้เราได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ ดังนั้นอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ลองทบทวน และ อ่านรายละเอียดกรมธรรม์ที่ถืออยู่นะครับ เพื่อจะได้ทราบความคุ้มครองทั้งหมดที่เราจะได้รับนะครับ