Life is the ultimate mountain
Will you climb it or just sit at the bottom and look at it?
As always it’s your choice
—
Stewart Hughe
...
มันเป็นเรื่องจริง ที่บางครั้งเราต้องยอมรับว่า ไม่ใช่ทุกยอดเขาที่เราจะพิชิตได้
"Top Puncak Mt. Rinjani 3,725 MDPL" คือ ตัวอักษรบนแผ่นป้าย ที่วันนั้นเราไม่ได้ไปถ่ายรูปด้วย
แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมา'รินจานี'วันนั้น คือ ภาพระหว่างทาง
ภาพของท้องฟ้า ภาพของพระอาทิตย์ ภาพของต้นไม้ ภาพของราชินีที่กำลังพ่นควัน และภาพการไม่เคยยอมแพ้ของมนุษย์
...สิ่งที่ทำให้ที่แห่งนี้ เราจำไม่เคยลืม ...
ภูเขาที่ตั้งตระหง่านสูงเป็นอันดับที่ 2 ของอินโดนีเซีย
ภูเขาที่ได้รับสมญานามว่า Queen of Lombok หรือ 'ราชินีแห่งเกาะลอมบอก'
ราชินีผู้นี้สวย แต่ร้าย
"เดิน 1 ก้าว ไหลลงครึ่งก้าว"
-- นั่นคือสเน่ห์ของนาง --
ระยะการเดินทางของเรา อยู่ที่ 3 วัน 2 คืน
------------
[Day 1]
เราเริ่มต้นออกเดินทางในเช้าวันที่ฟ้าสีสด จากหมู่บ้าน Sembalun 1,100 เมตร เพื่อที่จะไต่ระดับขึ้นไปนอนเต๊นท์ ที่ Sembalun Crater Rim 2,700 เมตร
กำลังใจวันนี้ เริ่มต้นด้วยท้องฟ้ารูปหัวใจ
ทุ่งหญ้าเตี้ยๆ สลับสีเขียว ทอง มีทางไหลของลาวา
บางช่วงเวลาฟ้าก็จะใส บางชั่วขณะฟ้าก็เริ่มจะหม่นมัวจากหมอกที่ค่อยๆไหลมาปกคลุม
ความร้อนถูกแทนที่ด้วยความชื่น พื้นแห้งๆก็เช่นกัน รู้ตัวอีกทีก็ต้องจิกขาให้มั่นๆ
กว่าจะถึงที่นอนในคืนนี้ ก็ปาไปจนพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า
------------
[Day 2]
ตี 2 เสียงนาฬิกา เสียงเคาะโลหะ เสียงพูดคุย เสียงฝีเท้า ค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ
อาหารที่ถูกตักรวมใส่อยู่ในชามโลหะเดียวกัน ถูกตักเข้าปาก
เสื้อนหนาว รองเท้าบูท ไม้trekking ถูกเตรียมให้พร้อม
ห้องน้ำหลุม ถูกผลัดเข้าออกกันใช้
... การเดินขึ้นยอด Summit ที่ 3,726 เมตร กำลังเริ่มต้นขึ้น
เรื่องราวระหว่างทางของเรา ก็เช่นกัน
ตลอดช่วงเวลาที่เดินขึ้น summit ฟ้าค่อยๆเปลี่ยนสี ไล่เฉดไปเรื่อยๆ จนสว่าง
ไม่ใช่แค่ภาพธรรมชาติ ที่ทำให้ที่นี้น่าจดจำ แต่ภาพของคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันที่มาพูดคุยกัน มาช่วยเหลือกัน มาให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ทำให้ภาพตรงนี้ยิ่งสมบูรณ์
แม้ว่าเราจะต่างคนต่างเดิน แต่อาจเพราะเราอยู่ในจุดที่ความลำบากมาเยี่ยมเยียนเหมือนกัน
ความรู้สึกเหนื่อย ท้อ แต่ยังต้องการไปต่อ มันจุกอยู่ สิ่งเหล่านั้น ดึงดูดให้คนแปลกหน้าทั้งหลาย ยืนมือออกมาให้กันในยามที่ใครส่งสัญญาณต้องการ
ร่องรอย tattoo ที่ติดมาให้กำลังใจตัวเอง
แต่ซักพัก นิ้วเท้าของเราก็เริมชาขึ้นเรื่อยๆ รู้ตัวอีกที ก้นก็หย่อนลงบนพื้นหินกรวดที่ระดับท้องฟ้าที่เกือบจะ 3,000 เมตรไปแล้ว แม้รู้ว่าใจตัวเองอยากจะไปต่อให้ถึงยอดแค่ไหน แต่ตอนนั้นก็ทำได้แค่นั่งถอดรองเท้าบูท ตามด้วยถุงเท้า ยืนเท้าชี้ขึ้นฟ้า หวังว่าพระอาทิตย์ในเวลานี้จะช่วยให้นิ้วเท้าหายแข็งได้
เวลาที่เดินไปเรื่อยๆ ไม่ได้รอให้เราขึ้นยอดไปต่อได้แล้ว
7.00 น. คือเวลานัดที่เราควรต้องเริ่มกลับเดินลงไปที่เต๊นท์ เพื่อเดินทางต่อ
เข่าด้านซ้ายที่บาดเจ็ดเพราะเส้นเอ็นขาดตั้งแต่สมัยวัยรุ่น กำลังเรียกร้องให้เราหยุด
คำถามในหัวคือความกังวลว่าเข่าของตัวเองจะรับได้อีกไหม แล้วพรุ่งนี้ ระยะทางจะยังไง นั่งคิดวนไปวนมา จนในที่สุด เราตัดสินใจยอมแพ้ให้กับระยะทางอีกกว่า 500 เมตร สุดท้าย 'เนินวัดใจ'
ช่วงเวลาที่นั่งแหมะอยู่นั้น เรานั่งมองผู้คนที่กำลังขึ้นและลง สีหน้าดีใจของคนที่ไปถึงยอด เรียกรอยยิ้มให้กับเรา
แม้ว่าเราจะอยู่ตรงนี้ แต่เราก็กำลังดีใจไปกับพวกเขา เพราะเรารู้ว่าพวกเขาต้องอดทน และต่อสู้กับความท้อของตัวเองแค่ไหน
ความผิดหวังที่ตัวเองยังอยู่ตรงนี้ๆ ค่อยๆทำให้ดีขึ้น
พร้อมๆกับ ภาพสวรรค์ตรงหน้า ที่ทำให้โคตรรู้สึกดี ที่ได้มา
But when I’m cold, cold
When I’m cold, cold
There’s a light that you give me
When I’m in shadow
There’s a feeling you give me, an everglow
แต่เมื่อฉันหนาว
เมื่อฉันรู้สึกหนาวเหน็บ
เธอก็ได้มอบแสงสว่างให้กับฉัน
เมื่อฉันอยู่ในเงามืด
ความรู้สึกที่เธอมอบให้ฉันนั้นมันเหมือนดั่งแสงสว่างที่จะคงอยู่ไปตลอดกาล
- Everglow , Coldplay
-----------------------------------------------------------------------------------------
[CR] [afootofwanderlust] :: Mt. Rinjani รินจานี .. ที่ฉันไปไม่ถึงยอด
Life is the ultimate mountain
Will you climb it or just sit at the bottom and look at it?
As always it’s your choice
—
Stewart Hughe
...
มันเป็นเรื่องจริง ที่บางครั้งเราต้องยอมรับว่า ไม่ใช่ทุกยอดเขาที่เราจะพิชิตได้
"Top Puncak Mt. Rinjani 3,725 MDPL" คือ ตัวอักษรบนแผ่นป้าย ที่วันนั้นเราไม่ได้ไปถ่ายรูปด้วย
แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมา'รินจานี'วันนั้น คือ ภาพระหว่างทาง
ภาพของท้องฟ้า ภาพของพระอาทิตย์ ภาพของต้นไม้ ภาพของราชินีที่กำลังพ่นควัน และภาพการไม่เคยยอมแพ้ของมนุษย์
...สิ่งที่ทำให้ที่แห่งนี้ เราจำไม่เคยลืม ...
ภูเขาที่ตั้งตระหง่านสูงเป็นอันดับที่ 2 ของอินโดนีเซีย
ภูเขาที่ได้รับสมญานามว่า Queen of Lombok หรือ 'ราชินีแห่งเกาะลอมบอก'
ราชินีผู้นี้สวย แต่ร้าย
"เดิน 1 ก้าว ไหลลงครึ่งก้าว"
-- นั่นคือสเน่ห์ของนาง --
ระยะการเดินทางของเรา อยู่ที่ 3 วัน 2 คืน
------------
[Day 1]
เราเริ่มต้นออกเดินทางในเช้าวันที่ฟ้าสีสด จากหมู่บ้าน Sembalun 1,100 เมตร เพื่อที่จะไต่ระดับขึ้นไปนอนเต๊นท์ ที่ Sembalun Crater Rim 2,700 เมตร
กำลังใจวันนี้ เริ่มต้นด้วยท้องฟ้ารูปหัวใจ
ทุ่งหญ้าเตี้ยๆ สลับสีเขียว ทอง มีทางไหลของลาวา
บางช่วงเวลาฟ้าก็จะใส บางชั่วขณะฟ้าก็เริ่มจะหม่นมัวจากหมอกที่ค่อยๆไหลมาปกคลุม
ความร้อนถูกแทนที่ด้วยความชื่น พื้นแห้งๆก็เช่นกัน รู้ตัวอีกทีก็ต้องจิกขาให้มั่นๆ
กว่าจะถึงที่นอนในคืนนี้ ก็ปาไปจนพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า
------------
[Day 2]
ตี 2 เสียงนาฬิกา เสียงเคาะโลหะ เสียงพูดคุย เสียงฝีเท้า ค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ
อาหารที่ถูกตักรวมใส่อยู่ในชามโลหะเดียวกัน ถูกตักเข้าปาก
เสื้อนหนาว รองเท้าบูท ไม้trekking ถูกเตรียมให้พร้อม
ห้องน้ำหลุม ถูกผลัดเข้าออกกันใช้
... การเดินขึ้นยอด Summit ที่ 3,726 เมตร กำลังเริ่มต้นขึ้น
เรื่องราวระหว่างทางของเรา ก็เช่นกัน
ตลอดช่วงเวลาที่เดินขึ้น summit ฟ้าค่อยๆเปลี่ยนสี ไล่เฉดไปเรื่อยๆ จนสว่าง
ไม่ใช่แค่ภาพธรรมชาติ ที่ทำให้ที่นี้น่าจดจำ แต่ภาพของคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันที่มาพูดคุยกัน มาช่วยเหลือกัน มาให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ทำให้ภาพตรงนี้ยิ่งสมบูรณ์
แม้ว่าเราจะต่างคนต่างเดิน แต่อาจเพราะเราอยู่ในจุดที่ความลำบากมาเยี่ยมเยียนเหมือนกัน
ความรู้สึกเหนื่อย ท้อ แต่ยังต้องการไปต่อ มันจุกอยู่ สิ่งเหล่านั้น ดึงดูดให้คนแปลกหน้าทั้งหลาย ยืนมือออกมาให้กันในยามที่ใครส่งสัญญาณต้องการ
ร่องรอย tattoo ที่ติดมาให้กำลังใจตัวเอง
แต่ซักพัก นิ้วเท้าของเราก็เริมชาขึ้นเรื่อยๆ รู้ตัวอีกที ก้นก็หย่อนลงบนพื้นหินกรวดที่ระดับท้องฟ้าที่เกือบจะ 3,000 เมตรไปแล้ว แม้รู้ว่าใจตัวเองอยากจะไปต่อให้ถึงยอดแค่ไหน แต่ตอนนั้นก็ทำได้แค่นั่งถอดรองเท้าบูท ตามด้วยถุงเท้า ยืนเท้าชี้ขึ้นฟ้า หวังว่าพระอาทิตย์ในเวลานี้จะช่วยให้นิ้วเท้าหายแข็งได้
เวลาที่เดินไปเรื่อยๆ ไม่ได้รอให้เราขึ้นยอดไปต่อได้แล้ว
7.00 น. คือเวลานัดที่เราควรต้องเริ่มกลับเดินลงไปที่เต๊นท์ เพื่อเดินทางต่อ
เข่าด้านซ้ายที่บาดเจ็ดเพราะเส้นเอ็นขาดตั้งแต่สมัยวัยรุ่น กำลังเรียกร้องให้เราหยุด
คำถามในหัวคือความกังวลว่าเข่าของตัวเองจะรับได้อีกไหม แล้วพรุ่งนี้ ระยะทางจะยังไง นั่งคิดวนไปวนมา จนในที่สุด เราตัดสินใจยอมแพ้ให้กับระยะทางอีกกว่า 500 เมตร สุดท้าย 'เนินวัดใจ'
ช่วงเวลาที่นั่งแหมะอยู่นั้น เรานั่งมองผู้คนที่กำลังขึ้นและลง สีหน้าดีใจของคนที่ไปถึงยอด เรียกรอยยิ้มให้กับเรา
แม้ว่าเราจะอยู่ตรงนี้ แต่เราก็กำลังดีใจไปกับพวกเขา เพราะเรารู้ว่าพวกเขาต้องอดทน และต่อสู้กับความท้อของตัวเองแค่ไหน
ความผิดหวังที่ตัวเองยังอยู่ตรงนี้ๆ ค่อยๆทำให้ดีขึ้น
พร้อมๆกับ ภาพสวรรค์ตรงหน้า ที่ทำให้โคตรรู้สึกดี ที่ได้มา
But when I’m cold, cold
When I’m cold, cold
There’s a light that you give me
When I’m in shadow
There’s a feeling you give me, an everglow
แต่เมื่อฉันหนาว
เมื่อฉันรู้สึกหนาวเหน็บ
เธอก็ได้มอบแสงสว่างให้กับฉัน
เมื่อฉันอยู่ในเงามืด
ความรู้สึกที่เธอมอบให้ฉันนั้นมันเหมือนดั่งแสงสว่างที่จะคงอยู่ไปตลอดกาล
- Everglow , Coldplay
-----------------------------------------------------------------------------------------
afootofwanderlust
Facebook : https://www.facebook.com/afootofwanderlust/
Instagram : https://www.instagram.com/afootofwanderlust/
Page: http://afootofwanderlust.blogspot.com/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้