"Mount Rinjani" เป็นอีก Dream Destination ของเราที่ต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งหนึ่ง ภูเขาไฟรินจานี เป็นภูเขาไฟที่ยัง Active อยู่
ตั้งอยู่บนเกาะ Lombok ประเทศอินโดนีเซีย และเป็นภูเขาไปที่สูงเป็นอันดับที่สองของประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย
สูงถึง 3,726 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลแหนะ
และนี่เป็นครั้งที่สองที่เรามาประเทศอินโดนีเซีย
เราหลงรักประเทศนี้มาก คือคิดว่ามาเที่ยวได้เรื่อยๆ เพราะประเทศเค้ามีภูมิประเทศที่หลากหลาย
มีภูเขาและภูเขาไฟสูงๆให้พิชิตเยอะแยะ มีเกาะ มีทะเลใสๆ มีจุดดำน้ำที่อุดมสมบูรณ์มากมาย
มีวัฒนธรรมประเพณีพื้นเมืองที่น่าสนใจ แถมผู้คนที่เจอก็เป็นมิตรด้วย
เรื่องความโหดของการขึ้นยอดรินจานีก็ได้ยินมาอยู่บ้าง เลยเริ่มออกกำลังกายเกือบทุกวันก่อนไป3เดือน
แบบเปิดยูทูปแล้วwork out ที่บ้านเอา เน้นสควอทและเล่นขา คาร์ดิโอบ้าง
ผลพลอยได้คือรู้สึกว่าตูดฟิตขึ้นนิดนึงมั้ง ก็คิดว่าพร้อมในระดับนึงแหละ คงเดินขึ้นได้แบบสบายๆ หึหึ
แพลนการเดินทางของเราคือ 20 - 26 ตุลาคม แบ่งเป็น
20 เดินทางจากกรุงเทพ สู่เกาะลอมบอก อินโดนีเซีย
21 - 23 เดินขึ้นรินจานี แพคเกจแบบ 3 วัน 2 คืน
24 - 25 Gili Island
26 เดินทางกลับ
โดยพาร์ทนี้เราจะเล่าแค่ในส่วนของรินจานีอย่างเดียวก่อนนะ เดี๋ยวGili Island เราจะเล่ากระทู้ถัดไป
เพื่อนเราจองทัวร์กับ Yannick Trekker
http://www.yannicktrekker.com แบบ3 วัน 2 คืน เริ่มต้นเดินที่หมู่บ้าน Sembalun
กรุ๊ปเรา 18 คน!!! (เป็นการไปเที่ยวเป็นกลุ่มที่จำนวนเยอะที่สุดละที่เคยไปมา) เค้าคิดคนละ 120$ หรือประมาณ 4,000บาทเท่านั้น
ราคานี้รวมค่าที่พักคืนแรกที่ไปถึง ค่าอาหาร 8 มื้อ น้ำดื่ม ค่าเต้นท์ ถุงนอน ไกด์ ค่ารถรับส่ง และค่าเข้าRinjani National Park
ส่วนถ้าอยากจ้างลูกหาบ หาบของส่วนตัวเพิ่ม ราคาค่าลูกหาบต่อคน 20$/วัน แบกน้ำหนักได้20กิโล
VDO ทริปสั้นๆ
Day1 BKK - Kuala Lumpur - Lombok
เราบินโดยสายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งไม่มีบินตรงไปเกาะ Lombok ต้องบินไปลงที่กัวลาลัมเปอร์แล้วต่อเครื่องไปลอมบอก ซึ่ง
เป็นอะไรที่หายนะมากๆ เพราะแถวตรวจคนเข้าเมืองยาวสาดดด คือถ้าเผื่อเวลาtransit ไว้น้อยนี่คือจบข่าวเลยนะ เพราะเรารอเกือบสองชั่วโมง ช่องก็เปิดน้อยแต่คนเป็นล้าน
แล้วอยู่ๆพนักงานเมิงจะลุกออกไปก็ออกไปเลย ไม่มีการบอกกล่าว จากแถวสองช่อง เหลือช่องเดียวงี้ อีบ้า
เราไปถึงลอมบอกก็ประมาณทุ่มกว่าๆ โดยคืนนี้ที่พักเราจะอยู่ในหมู่บ้าน Seneru ซึ่งระยะทางประมาณ 3 ชั่วโมงจากสนามบิน
อยากจะกราบขอบพระคุณคนขับรถที่แวะให้กินข้าวก่อน หิวมากกก
หลังจากนั้นเค้าก็แวะร้านขายซิมข้างทางให้ได้ซื้อกัน เราซื้อของ XLAxiata (ซองสีฟ้าๆ) แบบ 4 GB 30,000 Rp (70บาท)
สัญญาณถือว่าโอเคอยู่ บนเขาก็มีบางจุด และด้วยความที่กรุ๊ปเราคนเยอะมาก มันเลยแบบเคลื่อนตัวได้ช้า สุดท้ายไปถึงที่พักเวลาตีหนึ่งค่ะ
ห้องพักเรา มีฟักบัว แต่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น แต่เค้ามีก๊อกน้ำ กะละมัง และขัน ซึ่งจริงๆคงเอาไว้รองน้ำราดส้วม อากาศตอนนั้นเย็นๆแล้ว แต่ต้องกลั้นใจอาบเพราะเดี๋ยวจะไม่ได้อาบอีก3 วัน อาบแบบใช้ขันตักราดจะเร็วกว่า เพราะน้ำฝักบัวไหลเหมือนเยี่ยวมด ตรูคงหนาวตายก่อนจะอาบเสร็จ
Day2 ออกเดินทางสู่ Campsite
ไกด์นัดรวมตัว 7 โมงเช้า เพื่อบรีฟเส้นทาง 3 วัน 2 คืน ที่เราจะต้องเดินทางกัน และออกจากที่พักเวลาแปดโมงกว่าๆเพื่อ ไปหมู่บ้าน Sembalun ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการเดินของเราในวันนี้ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง
รถคันเราจอดตรงทางเริ่มเลย ส่วนอีกคัน ไปลงทะเบียนกันก่อน ได้เริ่มเดินจริงๆก็ปาไป 10.30 แล้ว
วันนี้เราจะเดินกันทั้งหมด ประมาณ 9 กิโล เพื่อไป campsite ที่ crater rim1
ทางเดินช่วงแรกๆจะเป็นทุ่งหญ้า ที่ไม่มีต้นไม้!! เดินข้ามเนินเขาหลายๆลูก
ช่วงกลางวันแดดจัดมาก ร้อนมาก เดินแล้วเหนื่อยง่ายมากๆ
กว่าจะเดินไปถึงจุดพักทานข้าวกลางวัน ก็ปาไปบ่ายโมงกว่าๆ อาหารอร่อยเป็นพิเศษเพราะหิวสัดๆ
หลังจากทานข้าวเสร็จก็เดินต่อกันยาวๆ ทางหลังจากนี้ก็จะขึ้นและขึ้นอย่างเดียว เหนื่อยมาก แต่โชคดีที่ออกกำลังกายขามา
ขามันเลยไม่ได้รู้สึกล้า ก้าวขาไม่ออก แต่มันเหนื่อยไวเพราะไม่ได้ cadio และเริ่มรู้สึกเจ็บข้อเท้าและข้อพับขา
มันเจ็บแปล๊บๆ เหมือนเอ็นหรือกล้ามเนื้ออักเสบอะไรแบบนั้น ลองถกกางเกงดู อ๊ะอิดก ตรูเป็นเส้นเลือดขอดซะงั้น
แบบตรงข้อพับเส้นเลือดดำปูดขึ้นมาเลยคร่าาา โชคดีพก perskindol มา อัดฉีดมันเข้าไปค่ะ ทุกส่วนที่ปวด จบทริปนี้ลงเขามาก็หมดกระป๋องพอดี
และแล้วฉันก็พาร่างขึ้นมาถึง campsite ได้ ในเวลา 18.30 ทันเห็นพระอาทิย์ตกพอดี นึกใจในตอนนั้นว่าเฮ้ จะได้นอนพักละเว้ยยย
แต่ที่ไหนได้ ต้องเดินต่อไปอีก เพราะพื้นที่บริเวณนี้ กรุ๊ปอื่นๆเค้าจองเต็มไปหมดแล้วโว้ยยย เดินขึ้นเขาต่อไปอีกครึ่งชั่วโมงอ่ะ
เดินแบบหน้าเป็นตูด เหนื่อยมาก เริ่มหนาวแล้ว แต่เรียกได้ว่า แคมป์เราอยู่ใกล้กับตีนเขาที่จะขึ้นไปรินจานีมาก ก็ดี พรุ่งนี้ไม่ต้องเดินไกล
"ภาพแรกที่เดินขึ้นมาถึงจุดกางเต้นท์ ที่ไม่ใช่ที่ของเรา 555"
"จุดกางเต้นท์ก็จะไล่ไปตามสันเขาแบบนี้"
"เต้นท์ของเราอยู่ตรงตีนทางเดินขึ้นเขาเลย"
ไปถึงจุดตั้งแคมป์ เต้นท์ยังตั้งไม่เสร็จ ต้องนั่งหนาวๆรออยู่ด้านนอก พอได้เข้าเต้นท์นะ หึ ไม่อยากจะออกมา แต่ต้องออกมาแปรงฟันและฉี่ไง
ส่วนเต้นท์ของเรานั้น อยู่ๆก็ซิปแตก รูดปิดบ่ได้ เลยต้องDIY เอาเทปปิดแผลมาแปะยึดไว้ แล้วเอาถุงพลาสติกมาแปะทับอีกทีเพื่อไม่ให้ลมเข้า -_-“
แผนพรุ่งนี้เช้าไกด์ให้เราตื่นตีหนึ่ง แล้วเดินตีหนึ่งครึ่ง ซึ่งเพื่อนเราได้ย้ำกับไกด์แล้วว่า เราคนเอเชียนะ น่าจะเดินช้ากว่าคนยุโรป
ควรเดินซักเที่ยงคืนครึ่งหรือตีหนึ่งมั้ย เดี๋ยวมันจะไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นบนยอด แต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายไกด์ให้เริ่มเดินตีหนึ่งครึ่งอยู่ดี
สรุปแล้ววันนี้เดินทั้งหมด 9 กิโล ใช้เวลาเดิน 8 ชั่วโมง
[CR] สองเท้า หนึ่งใจ พิชิตยอดรินจานี (Rinjani Summit)
"Mount Rinjani" เป็นอีก Dream Destination ของเราที่ต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งหนึ่ง ภูเขาไฟรินจานี เป็นภูเขาไฟที่ยัง Active อยู่
ตั้งอยู่บนเกาะ Lombok ประเทศอินโดนีเซีย และเป็นภูเขาไปที่สูงเป็นอันดับที่สองของประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย
สูงถึง 3,726 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลแหนะ
และนี่เป็นครั้งที่สองที่เรามาประเทศอินโดนีเซีย
เราหลงรักประเทศนี้มาก คือคิดว่ามาเที่ยวได้เรื่อยๆ เพราะประเทศเค้ามีภูมิประเทศที่หลากหลาย
มีภูเขาและภูเขาไฟสูงๆให้พิชิตเยอะแยะ มีเกาะ มีทะเลใสๆ มีจุดดำน้ำที่อุดมสมบูรณ์มากมาย
มีวัฒนธรรมประเพณีพื้นเมืองที่น่าสนใจ แถมผู้คนที่เจอก็เป็นมิตรด้วย
เรื่องความโหดของการขึ้นยอดรินจานีก็ได้ยินมาอยู่บ้าง เลยเริ่มออกกำลังกายเกือบทุกวันก่อนไป3เดือน
แบบเปิดยูทูปแล้วwork out ที่บ้านเอา เน้นสควอทและเล่นขา คาร์ดิโอบ้าง
ผลพลอยได้คือรู้สึกว่าตูดฟิตขึ้นนิดนึงมั้ง ก็คิดว่าพร้อมในระดับนึงแหละ คงเดินขึ้นได้แบบสบายๆ หึหึ
แพลนการเดินทางของเราคือ 20 - 26 ตุลาคม แบ่งเป็น
20 เดินทางจากกรุงเทพ สู่เกาะลอมบอก อินโดนีเซีย
21 - 23 เดินขึ้นรินจานี แพคเกจแบบ 3 วัน 2 คืน
24 - 25 Gili Island
26 เดินทางกลับ
โดยพาร์ทนี้เราจะเล่าแค่ในส่วนของรินจานีอย่างเดียวก่อนนะ เดี๋ยวGili Island เราจะเล่ากระทู้ถัดไป
เพื่อนเราจองทัวร์กับ Yannick Trekker http://www.yannicktrekker.com แบบ3 วัน 2 คืน เริ่มต้นเดินที่หมู่บ้าน Sembalun
กรุ๊ปเรา 18 คน!!! (เป็นการไปเที่ยวเป็นกลุ่มที่จำนวนเยอะที่สุดละที่เคยไปมา) เค้าคิดคนละ 120$ หรือประมาณ 4,000บาทเท่านั้น
ราคานี้รวมค่าที่พักคืนแรกที่ไปถึง ค่าอาหาร 8 มื้อ น้ำดื่ม ค่าเต้นท์ ถุงนอน ไกด์ ค่ารถรับส่ง และค่าเข้าRinjani National Park
ส่วนถ้าอยากจ้างลูกหาบ หาบของส่วนตัวเพิ่ม ราคาค่าลูกหาบต่อคน 20$/วัน แบกน้ำหนักได้20กิโล
VDO ทริปสั้นๆ
Day1 BKK - Kuala Lumpur - Lombok
เราบินโดยสายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งไม่มีบินตรงไปเกาะ Lombok ต้องบินไปลงที่กัวลาลัมเปอร์แล้วต่อเครื่องไปลอมบอก ซึ่งเป็นอะไรที่หายนะมากๆ เพราะแถวตรวจคนเข้าเมืองยาวสาดดด คือถ้าเผื่อเวลาtransit ไว้น้อยนี่คือจบข่าวเลยนะ เพราะเรารอเกือบสองชั่วโมง ช่องก็เปิดน้อยแต่คนเป็นล้าน
แล้วอยู่ๆพนักงานเมิงจะลุกออกไปก็ออกไปเลย ไม่มีการบอกกล่าว จากแถวสองช่อง เหลือช่องเดียวงี้ อีบ้า
เราไปถึงลอมบอกก็ประมาณทุ่มกว่าๆ โดยคืนนี้ที่พักเราจะอยู่ในหมู่บ้าน Seneru ซึ่งระยะทางประมาณ 3 ชั่วโมงจากสนามบิน
อยากจะกราบขอบพระคุณคนขับรถที่แวะให้กินข้าวก่อน หิวมากกก
หลังจากนั้นเค้าก็แวะร้านขายซิมข้างทางให้ได้ซื้อกัน เราซื้อของ XLAxiata (ซองสีฟ้าๆ) แบบ 4 GB 30,000 Rp (70บาท)
สัญญาณถือว่าโอเคอยู่ บนเขาก็มีบางจุด และด้วยความที่กรุ๊ปเราคนเยอะมาก มันเลยแบบเคลื่อนตัวได้ช้า สุดท้ายไปถึงที่พักเวลาตีหนึ่งค่ะ
ห้องพักเรา มีฟักบัว แต่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น แต่เค้ามีก๊อกน้ำ กะละมัง และขัน ซึ่งจริงๆคงเอาไว้รองน้ำราดส้วม อากาศตอนนั้นเย็นๆแล้ว แต่ต้องกลั้นใจอาบเพราะเดี๋ยวจะไม่ได้อาบอีก3 วัน อาบแบบใช้ขันตักราดจะเร็วกว่า เพราะน้ำฝักบัวไหลเหมือนเยี่ยวมด ตรูคงหนาวตายก่อนจะอาบเสร็จ
Day2 ออกเดินทางสู่ Campsite
ไกด์นัดรวมตัว 7 โมงเช้า เพื่อบรีฟเส้นทาง 3 วัน 2 คืน ที่เราจะต้องเดินทางกัน และออกจากที่พักเวลาแปดโมงกว่าๆเพื่อ ไปหมู่บ้าน Sembalun ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการเดินของเราในวันนี้ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง
รถคันเราจอดตรงทางเริ่มเลย ส่วนอีกคัน ไปลงทะเบียนกันก่อน ได้เริ่มเดินจริงๆก็ปาไป 10.30 แล้ว
วันนี้เราจะเดินกันทั้งหมด ประมาณ 9 กิโล เพื่อไป campsite ที่ crater rim1
ทางเดินช่วงแรกๆจะเป็นทุ่งหญ้า ที่ไม่มีต้นไม้!! เดินข้ามเนินเขาหลายๆลูก
ช่วงกลางวันแดดจัดมาก ร้อนมาก เดินแล้วเหนื่อยง่ายมากๆ
กว่าจะเดินไปถึงจุดพักทานข้าวกลางวัน ก็ปาไปบ่ายโมงกว่าๆ อาหารอร่อยเป็นพิเศษเพราะหิวสัดๆ
หลังจากทานข้าวเสร็จก็เดินต่อกันยาวๆ ทางหลังจากนี้ก็จะขึ้นและขึ้นอย่างเดียว เหนื่อยมาก แต่โชคดีที่ออกกำลังกายขามา
ขามันเลยไม่ได้รู้สึกล้า ก้าวขาไม่ออก แต่มันเหนื่อยไวเพราะไม่ได้ cadio และเริ่มรู้สึกเจ็บข้อเท้าและข้อพับขา
มันเจ็บแปล๊บๆ เหมือนเอ็นหรือกล้ามเนื้ออักเสบอะไรแบบนั้น ลองถกกางเกงดู อ๊ะอิดก ตรูเป็นเส้นเลือดขอดซะงั้น
แบบตรงข้อพับเส้นเลือดดำปูดขึ้นมาเลยคร่าาา โชคดีพก perskindol มา อัดฉีดมันเข้าไปค่ะ ทุกส่วนที่ปวด จบทริปนี้ลงเขามาก็หมดกระป๋องพอดี
"นับถือลูกหาบเลย แบก20กิโล แถมเดินด้วยอีแตะหนีบ เดินแบบชิวๆด้วยนะ"
"จุดพักที่3 อีก 2.2 กิโลเท่านั้นก็จะถึงจุดกางเต้นท์แล้ว"
"แต่หารู้ไม่ว่าระยะทางแค่สองโลนั้น มีแต่ขึ้นกับขึ้นอย่างเดียว"
"มองเห็นยอดรินจานีแล้ว"
"เราเดินมาได้ไกลมากจริงๆ อยู่สูงเหนือระดับเมฆฆแล้ว"
และแล้วฉันก็พาร่างขึ้นมาถึง campsite ได้ ในเวลา 18.30 ทันเห็นพระอาทิย์ตกพอดี นึกใจในตอนนั้นว่าเฮ้ จะได้นอนพักละเว้ยยย
แต่ที่ไหนได้ ต้องเดินต่อไปอีก เพราะพื้นที่บริเวณนี้ กรุ๊ปอื่นๆเค้าจองเต็มไปหมดแล้วโว้ยยย เดินขึ้นเขาต่อไปอีกครึ่งชั่วโมงอ่ะ
เดินแบบหน้าเป็นตูด เหนื่อยมาก เริ่มหนาวแล้ว แต่เรียกได้ว่า แคมป์เราอยู่ใกล้กับตีนเขาที่จะขึ้นไปรินจานีมาก ก็ดี พรุ่งนี้ไม่ต้องเดินไกล
"จุดกางเต้นท์ก็จะไล่ไปตามสันเขาแบบนี้"
"เต้นท์ของเราอยู่ตรงตีนทางเดินขึ้นเขาเลย"
ไปถึงจุดตั้งแคมป์ เต้นท์ยังตั้งไม่เสร็จ ต้องนั่งหนาวๆรออยู่ด้านนอก พอได้เข้าเต้นท์นะ หึ ไม่อยากจะออกมา แต่ต้องออกมาแปรงฟันและฉี่ไง
ส่วนเต้นท์ของเรานั้น อยู่ๆก็ซิปแตก รูดปิดบ่ได้ เลยต้องDIY เอาเทปปิดแผลมาแปะยึดไว้ แล้วเอาถุงพลาสติกมาแปะทับอีกทีเพื่อไม่ให้ลมเข้า -_-“
แผนพรุ่งนี้เช้าไกด์ให้เราตื่นตีหนึ่ง แล้วเดินตีหนึ่งครึ่ง ซึ่งเพื่อนเราได้ย้ำกับไกด์แล้วว่า เราคนเอเชียนะ น่าจะเดินช้ากว่าคนยุโรป
ควรเดินซักเที่ยงคืนครึ่งหรือตีหนึ่งมั้ย เดี๋ยวมันจะไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นบนยอด แต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายไกด์ให้เริ่มเดินตีหนึ่งครึ่งอยู่ดี
สรุปแล้ววันนี้เดินทั้งหมด 9 กิโล ใช้เวลาเดิน 8 ชั่วโมง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น