กระทู้ที่แล้วพาเที่ยวหมู่บ้านน่ารักไปแล้ว 2 หมู่บ้าน
ตามหา 5 หมู่บ้านสีลูกกวาด Cinque Terre.....R i o m a g g i o r e น่ารักจนยากจะอธิบาย  <https://ppantip.com/topic/37633375>
บอกลาพระอาทิตย์ที่ Manarola.......1 ใน5 หมู่บ้านสีลูกกวาดของ Cinque Terre <https://ppantip.com/topic/37711607>

คราวนี้เรามาออกกำลังขา ด้วยการเดินจากหมู่บ้าน Corniglia ไปที่ Vernazza กันด้วยนะคะ
สำหรับคนชอบเดิน การเดินเท้าทั้ง 5 หมู่บ้านอาจเป็นเรื่องน่าสนุก ส่วนเรานั้นขอแค่ 1 เส้นทางไปแค่หมู่บ้านเดียวก็พอ ได้รับคำแนะนำว่าการเดินจาก Corniglia ไปที่ Vernazza นั้นไม่ลำบากเลยสำหรับมือใม่ แล้วเส้นทางก็สวยทีเดียว เลยตกลงใจจามรอยนี้ คนใกล้ตัวที่ร่วมเดินถามว่า ถ้าสมมติเดินไปถึง Vernazza แล้วยังไม่เหนื่อย จะเดินต่อไหม?

เอิ่ม ตอนนี้ตอบไม่ได้ ขอไปทีละขั้นดีกว่าเนอะ

ออกจากโรงแรมแล้วนั่งรถไฟจาก Lavento ไปที่ Corniglia ซึ่งเป็นหมู่บ้านตรงกลางระหว่างหมู่บ้านทั้ง 5 ของ Cinque Terre
Corniglia ตั้งอยู่บนเขา อยู่ในอ้อมกอดของไร่องุ่น ถ้าเรามาโดยรถไฟ จะต้องเดินขึ้นบันไดต่อไปอีก 300 กว่าขั้น แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะเค้ามีรถ Shuttle Bus คอยรับส่ง คนที่มี Cinque Terre Pass สามารถขึ้นได้ฟรี หรือถ้าไม่มีก็ซื้อตั๋วบนรถได้เลย
ค่าโดยสารเที่ยวเดียวราคา1.50 ยูโร ส่วนround trip ราคา 2.50 ยูโร  เราโชคดีที่ถึงแม้จะไม่ได้เช็คตารางรถบัสมา แต่พอลงรถไฟปุ๊บก็ทันรอบรถบัสถัดไปทันที เลยไม่เสียเวลาเดินขึ้นหมู่บ้าน เก็บแรงเอาไว้เดินข้ามหมู่บ้านดีกว่า


รถบัสวนขึ้นมาส่งที่ตัวหมู่บ้าน แนะนำให้เดินเล่นที่ Corniglia ซักแป๊บนึงก่อนนะ ถึงแม้หมู่บ้านนี้จะเล็กมากแต่ก็น่ารักไม่แพ้ที่อื่นๆเลย ตามตรอกซอกซอย หลืบมุมต่างๆ เราจะเห็นร้ายรวงน่ารักซ่อนตัวอยู่ เรียกว่าถ่ายรูปได้สวยๆทุกมุม ส่วนใครอยากจะเริ่มทริปด้วยเจลาโต้ ก็หาได้มากมาย แวะร้านไหนรสชาติก็อร่อย ไม่แพ้กัน


















เดินวนชมรอบหมู่บ้าน ก่อนจะมาปิดท้ายกับหมู่บ้านนี้ที่โบสถ์หลักชื่อ Chiesa Di San Pietro(Church of S.Pietro) ซึ่งซ่อนตัวหลบมุมในซอกตึก แต่ก็หาได้ไม่ยากค่ะ แค่ตามเสียงระฆังไปเราก็จะเจอ ด้านในโบสถ์สวยและสงบมาก ที่ชอบที่สุดเห็นจะเป็นภาพเขียนบนเพดานโบสถ์  เรียกว่าแหงนหน้าชื่นชมอยู่นานจนคอเคล็ด







ออกจากโบสถ์แล้ว ทีนี้ก็เป็นจุดเริ่มเดินเท้าอย่างจริงจังของเราค่ะ
จากหน้าโบสถ์ หมุนตัวหาป้ายบอกทางไป Vernazza เดินตามป้ายออกไปไม่นานเราจะเห็นภาพของหมู่บ้าน Corniglia อวดสีสันสดใส พร้อมด้วยต้นส้มลูกสีจัด เส้นทางเดินเท้านี้อาจจะทะลุสวนผักของคนในหมู่บ้าน อาจจะได้ยินเสียงทักทายของฝูงไก่ที่กำลังสงสัยว่าเรามาทำอะไรกัน
ลึกเข้าไปในป่า ทางเดินจะเป็นหินเรียงกันเป็นขั้นบันได รอบข้างจะเปลี่ยนเป็นต้นไม้ใหญ่สลับกันต้นมะกอก นานๆทีจะมีคนเดนสวนทางมาให้ทักทาย











เดินอยู่ในป่าพักนึงเราก็จะโผล่ออกมากเจอหน้าผาและทะเลบ้าง สีน้ำเงินเข้มไล่เรียงมากระทบฝั่งเป็นสีเทอควอยซ์ คือสเน่ห์ของท้องทะเล

ระหว่างเดิน ให้ลองมองดูข้างหลังบ้าง เพราะบางช่วงเราจะเห็นภาพเต็มๆของ Corniglia บนไหล่เขา สะท้อนสีกับแสงอาทิตย์ ถ้าอากาศดี จะเห็น Manarola อยู่ถัดไปด้านหลังด้วย

เดินเส้นทางนี้ บอกเลยว่าไม่ค่อยเหนื่อย(แต่ทำไมภาพมันดูขัดแย้ง) ป้ายบอกทางแจ้งว่าระยะทางเดินแค่ 1.5 ชั่วโมงเท่านั้น เราก็จะถึงหมู่บ้านถัดไปแล้ว
ว่าแต่ ตอนนี้เดินมาได้ไกลแค่ไหนแล้วนะ?










ทางเริ่มลาดลง เหมือนให้กำลังใจว่า ใกล้จะถึงแล้วหล่ะ
แต่เราดันหิวขึ้นมาตะหงิดๆ เลยชวนกันนั่งพักกินของว่าง ขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มที่เตรียมมาถูกงัดออกจากกระเป๋า กินทั้งขนมกินทั้งวิวสวยๆตรงหน้า นี่คือความสุขที่หาซื้อไม่ได้ นอกจากต้องออกแรงและดั้นด้นมา








ขาร์จพลังไปหน่อย เริ่มมีแรงออกเดินต่อ อ๊าววววว แป๊บเดียวเท่านั้นเราก็เห็น Vernazza อยู่ในสายตา
แหลมที่ยื่นออกไปในทะเล (ดูไปก็คล้ายแหลมพรหมเทพ) โผล่มาประทะตอนที่เดินพ้นโค้งเขามานิดเดียว
ดีใจมากกกกก ทำไมต้องดีใจขนาดนี้? ก็เพราะว่าเราสองคนมีเป้าหมายจะกินกลางวันที่เมืองนี้ มาถึงแล้วก็แปลว่า "จะได้กินข้าวแล้วน่ะสิ"





ระหว่างเส้นทางก่อนลงไปมี่หมู่บ้าน จะมีร้านอาหารอยู่ 1 ร้านซึ่งสนนราคาไม่น่าเกลียด แต่วิวพีคมาก นั่นคือได้นั่งกินข้าวไปชมวิวแหลมพรหมเทพไป จำไม่ได้ว่าสั่งอาหารไปกี่อย่าง รู้แต่ว่ามีรูปโผล่มารูปเดียว อีกจานอาจจะถูกกินโดยไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ ต้องโทษความหิวโดยแท้






ออกจากร้านอาหาร เราก็มุ่งหน้าเดินเข้าหาหมู่บ้านค่ะ ระหว่างทางก็เดินผ่านตึกรามบ้านช่องสีพาสเทล สีโอล์ดโรสตามมาด้วยสีส้มจัด จนทะลุออกมาที่ถนนหลักของหมู่บ้าน และเวลานั้นเองที่เราจะเห็นร้านรวงล่อตาล่อใจ

ไม่ค่ะ เราจะไม่ซื้ออะไรทั้งสิ้น เพราะเป้าหมายเราคือมาเดินเล่น ถ่ายรูป กินบรรยากาศเท่านั้น ว่าแล้วก็สะบัดหน้า ทำตัวหยิ่งให้กับร้านขายของเหล่านั้นไปซะ แล้วมุ่งหน้าไปที่ชายทะเลแทน