สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราอยากมาแชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวเชียงใหม่ 4 วัน 3 คืน แบบฉบับเด็กม.ปลาย ที่ไม่มีรถส่วนตัว และขับรถไม่เป็นเลยแม้กระทั่งมอเตอร์ไซด์ คิดว่าหลายๆคนน่าจะไปเที่ยวตามกันได้ เพราะเที่ยวง่ายมากๆ ครบทั้งเที่ยวแบบบรรยากาศในเมืองและในป่าเลย
การเขียนกระทู้นี้จะเน้นไปในแนวเล่าเรื่องให้เพื่อนฟังมากกว่านะคะว่าแต่ละวันได้ไปเจออะไรมาบ้าง แล้วอีกอย่างก็อยากจะเก็บไว้อ่านเป็นความทรงจำด้วยค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เขียน ถ้ามีข้อผิดพลาด อ่านยาก หรือภาษายังไม่สวยงามยังไงก็ขออภัยด้วยค่ะ
ต้องบอกก่อนเลยว่าจขกท.เป็นนักเรียนชั้นม.6 ที่อยากลองไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนแบบไปกันเองซักครั้งนึง ก็เลยตกลงกับเพื่อนว่างั้นเราไปช่วงปิดเทอม 6 เดือนระหว่างรอเข้ามหาลัยแล้วกัน เราเริ่มคุยกันแบบจริงจังเมื่อปลายๆเดือนกุมภาค่ะ แล้วก็มาหาวันที่จะออกทริป ซึ่งได้ออกมาเป็นวันที่ 6-9 เมษายน 61 คิดว่าถ้าเลือกช่วงนี้น่าจะกำลังดีเพราะคะแนนแอดยังประกาศผลไม่หมด จะได้เที่ยวได้แบบเต็มที่ ไม่เครียดกัน
ตอนเราเลือกวันที่ออกทริป
พยายามเลือกวันที่ตรงกับเสาร์-อาทิตย์นะ เพราะสถานที่เที่ยวบางที่ก็เปิดแค่เสาร์-อาทิตย์ค่ะ
พอเราตกลงวันที่กันได้แล้วก็เริ่มวางแผนการออกทริปแบบจริงจังค่ะ แต่ละคนก็จะมีหน้าที่แตกต่างกันไป มีคนจองตั๋วรถไฟ ตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก จองรถ และคิดแพลน ซึ่งจขกท.อยู่ในส่วนของการคิดแพลนค่ะ บอกเลยว่ายากมาก เพราะเราไม่ใช่คนพื้นที่ ไม่รู้ว่าที่เที่ยวแต่ละที่ห่างกันแค่ไหน ต้องทำการบ้านหนักอยู่พอสมควร เลยไปอ่านกระทู้ของหลายๆท่านมา แล้วปรับจนได้แพลนที่คิดว่าโอเคที่สุดแล้ว ก็ได้มาเป็นทริปในครั้งนี้ค่ะ
แต่บอกเลยว่าความสนุกของการไปเที่ยวแบบวัยรุ่นคือความไม่สมบูรณ์ของทริปค่ะ มีทั้งที่ๆไม่ได้ไป และที่ๆได้ไปโดยไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่แรก ไม่ได้ไปแบบแพลนที่ตั้งไว้เป๊ะๆ ก็ถือว่าเป็นสีสันมากๆ
การเดินทางของเรา เราเดินทางด้วยรถไฟชั้น 3 ค่ะ ขากลับกลับโดยเครื่องบิน ส่วนเรื่องการเดินทางในเชียงใหม่เราแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ ถ้าเดินทางในเมืองเราจะเรียก Grab แต่ถ้าเป็นวันที่ออกนอกเมืองเราจะเหมารถแดงไปค่ะ มาเชียงใหม่ก็ต้องขึ้นรถแดงแหละเนอะ ไม่งั้นเดี๋ยวเค้าหาว่ามาไม่ถึง ส่วนเรื่องที่พัก เราพักที่ Arch 39 สาขาช้างเผือก พักที่นี่ทั้ง 3 คืนเลย
เรื่องค่าใช่จ่ายก่อนออกเดินทางแบ่งออกเป็น
1.ค่ารถไฟ หัวลำโพง-เชียงใหม่ ประมาณ 300 บาท
2.ค่าเครื่องบิน เชียงใหม่-ดอนเมือง ประมาณ 800 บาท
3.ค่าน้ำหนักกระเป๋า 160 บาท
4.ค่าที่พัก 3 คืน 1115 บาท
5.ค่ารถแดงแบบเหมา 2 วัน 900 บาท
รวมเป็นเงิน 3275 บาท
โดยค่าใช้จ่ายที่เราได้บอกไป เราได้จ่ายและทำการจองก่อนออกเดินทางแล้วนะคะ
หลายๆคนอาจจะงงเกี่ยวกับค่าน้ำหนักกระเป๋า คือเราจองตั๋วเครื่องบินแบบ low cost เลยไม่มีให้โหลดกระเป๋าใต้เครื่อง ต้องซื้อน้ำหนักเอง เราเลยซื้อน้ำหนัก 15 กิโล 2 คน รวมเป็น 30 กิโล แล้วก็มาแบ่งกัน 5 คนค่ะ ตกคนละ 160 บาท ถ้าซื้อแบบคนเดียว 30 กิโลจะราคาแพงกว่านี้นะ
แล้วก็เรื่องการเช่ารถแดง ราคาเช่ารถพร้อมคนขับตกอยู่ที่วันละ 1500 บาท ไม่รวมน้ำมัน จะเริ่มทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้ายัน 6 โมงเย็นเลย เราอยากไปไหนพี่เค้าพาไปได้หมด เราทำการจองไป 2 วันค่ะ แล้วก็ส่งสถานที่ๆอยากไปในแต่ละวันให้พี่เค้าคำนวณราคาน้ำมัน รวมสองวันอยู่ที่ 1500 บาท รวมค่ารถแดงทั้งหมดเลยเป็น 4500 บาท / 5 คน ตกคนละ 900 บาทถือว่าถูกนะ
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายรวมตลอดทริป รวมค่ากินค่าช็อปเรียบร้อยแล้ว
อยู่ที่ประมาณ 6000 บาทค่ะ
ตอนนี้ก็เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว งั้นเรามาเริ่มทริปกันเล้ยยยยย...
วันที่ 0 (5/4/61)
วันนี้เป็นวันเดินทาง จะไม่ขอนับเป็นวันที่ 1 นะคะ
เราไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟหัวลำโพง นัดกับเพื่อนไว้ประมาณ 2 ทุ่ม เพราะเผื่อเวลาไปทำนู้นทำนี่ รถไฟที่เรานั่งเป็นขบวน 51 นะคะ ออกจากหัวลำโพง 22.00 (ตามตาราง) แล้วจะไปถึงเชียงใหม่ 12.10 (ตามตาราง)
รถไฟขบวนนี้ถือเป็นขบวนลูกเมียน้อย เพราะออกจากที่นี่ก็ดึก กว่าจะไปถึงก็เที่ยงแล้ว จะเหมาะสมหรับคนที่ไม่ได้รีบนะคะ มาเป็นสายแบบชิลๆไป แต่ความพิเศษของขบวนนี้อยู่ที่วิวยามเช้าค่ะ เป็นวิวที่สวยแบบมากๆ อยากให้ทุกคนลองมาสัมผัสไปด้วยกัน เวลาที่จอง แนะนำให้จองที่นั่งฝั่งขวามือนะคะ จะเห็นวิวที่มีความสวยกว่าด้านซ้าย แถมด้วยวิวพระอาทิตย์ขึ้น พูดเลยว่าฟินมากๆ
22.00 ขึ้นไปนั่งบนรถไฟ
22.40 รถไฟออกจากหัวลำโพง ดูความดีเลย์ของรถไฟไทยสิคะคุณขา
อยากแนะนำทุกคนเลยนะ ว่าถ้ามาขึ้นรถไฟที่หัวลำโพงได้ก็อยากให้มา เพราะไม่งั้นอาจเกิดบัญหาแบบนี้ได้ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า มีคุณลุงท่านนึงขึ้นรถไฟมาแบบไม่มีตั๋ว คนตรวจตั๋วก็มาตรวจค่ะ ไถ่ถามกันไปมาได้ความว่าลุงจะไปลงพิษณุโลก คนตรวจตั๋วก็บอกว่าถ้าไม่มีตั๋วก็ขึ้นไม่ได้นะ เนี่ยเดี๋ยวจะให้ไปลงป้ายหน้า ลุงแกก็บอกว่า เนี่ยก็เคยขึ้นมาแล้ว ซักพักค่ะ มีคุณลุงอีกท่านนึงอาสาซื้อตั๋วให้ เพราะสงสาร แกมาคนเดียว ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เพื่อนเราได้ยินอย่างนั้นก็เลยเอาข้าวเหนียวหมูทอดที่เตรียมมากิน เอาไปให้ลุงค่ะ คือแบบสวยสุดในขบวน เอามงองค์หญิงข้าวเหนียวหมูทอดไปครอง555555555 ซักพักก็มีคนใจดีอีกหลายคนให้ข้าวกล่องเพิ่มบ้าง ให้น้ำบ้าง ให้ทิชชู่บ้าง เราเห็นแล้วเราก็รู้สึกอิ่มเอมในใจนะ เห็นความมีน้ำใจของคนไทย เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกจริงๆค่ะ
23.05 รถจอดที่สถานีบางซื่อ
คุณลุงที่ใจดีคนนั้นก็ลงไปซื้อตั๋วมาค่ะ แต่ปรากฎว่าตั๋วนั่งเต็ม ก็ด้วยความเป็นรถไฟชั้น 3 อะเนอะ จะเต็มก็ไม่แปลกใจ ก็เลยได้ตั๋วยืนมาค่ะ แต่ลุงแกก็ไม่ได้ยืนนะ นั่งไปเรื่อยๆอะ เวลาผ่านไปซักพักก็เรื่องมีชาวเขาขึ้นรถไฟมาค่ะ ตอนที่เราเห็นแบบตื่นเต้นมาก
23.10 ออกจากบางซื่อ
ฝนตก คืออะไรมันจะซวยเบอร์นี้ ก็เลยต้องปิดหน้าต่าง ไม่งั้นเปียกแน่ แล้วเราก็มีชีวิตอยู่ต่อไปโดยที่ทั้งตู้มีพัดลม 5 ตัว ขอบคุณค่ะ
23.50 ถึงสถานีรังสิต
ปัญหาที่ว่ามันอยู่ตรงนี้แหละค่ะ คือมีคนที่เค้าซื้อตั๋วที่นั่งมาแบบถูกต้อง แต่ไม่ได้นั่ง เพราะคุณลุงที่ได้ตั๋วยืนคนนั้นแกไม่ยอมลุกค่ะ คนที่ซื้อตั๋วมาก่อนเลยต้องไปนั่งอยู่แถวๆหน้าห้องน้ำ ตอนที่เห็นเรารู้สึกแย่มากนะ บางทีความใจดีของคนบางคนมันอาจทำให้คนที่เค้าไม่รู้เรื่องอะไรเลยเดือดร้อนได้อ่ะ ดังนั้นเลยอยากแนะนำนะว่าถ้าไปขึ้นที่หัวลำโพงได้ก็ไปขึ้นเถอะค่ะ
24.20 ถึงอยุธยา
1.20 ถึงลพบุรี
บอกเลยว่าอากาศตอนกลางคืนหนาวมาก แบบหนาวเข้ากระดูก หนาวสั่นเลย แล้วด้วยความที่เราคิดว่าเป็นเดือนเมษา คือมันหน้าร้อนอะจะเอาอะไรมาให้หนาว เสื้อกันหนาวก็ไม่ได้เตรียม ก็นั่งหนาวกันยาวๆไป ถือเป็นค่ำคืนที่ทรมานมากๆอีกคืน อีกอย่างคือ ปวดหลังมากค่ะ
4.40 ถึงพิจิตร
5.15 ถึงพิษณุโลก
6.10 ถึงท่าสัก
มาถึงตอนนี้คือทีเด็ดเลยแหละ เพราะเราจะเห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้น สวยมากกกกกๆๆ ท้องฟ้าเรื่มเปลี่ยนสี หมอกเยอะมาก บรรยากาศดีสุดๆ สองข้างทางเขียวขจี ส่วนใหญ่ที่เห็นคือเค้าจะปลูกข้าวกันนะ
ของจริงสวยกว่าในรูปนี้มากๆเลย
6.30 ถึงอุตรดิต
7.40 ถึงแพร่
8.55 ถึงปางป๋วย
9.20 ถึงแม่เมาะ
10.00 ถึงลำปาง
คนขึ้นมาเต็มรถเลย บอกก่อนว่ารถไฟไปเชียงใหม่ก็จริง แต่ก็มีคนขึ้น-ลงตลอดทางนะ พอมีคนลง ก็มีคนขึ้นมาแทนที่งี้
11.20 เข้าอุโมงขุนตาล
อุโมงนี้เป็นอุโมงที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ระหว่างทางก่อนเข้าอุโมงเริ่มเป็นทางไต่เขา สองข้างทางเป็นเหวชัน ตอนที่เข้าไปในอุโมงคือแบบนานมากๆกว่าจะได้ออกมา บรรยากาศตอนนั้นนี่นึกถึง Train to Busan เป็นอย่างแรกเลย มีซอมบี้มางี้555555 ตอนอยู่ในอุโมงอยู่ๆรถไฟก็หยุดวิ่ง ตอนนั้นแบบคิดว่ารถไฟมีปัญหารึป่าว แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ คือเค้าหยุดเพื่อฟังคนอธิบายเรื่องราวของอุโมงอะ เหมือนจะมีคนพูดอธิบายอยู่ น่าจะเป็นแบบนั้นนะเพราะฟังได้ไม่ค่อยถนัดซักเท่าไหร่ พอออกจากอุโมงก็จะเจอสถานีขุนตาล เหมือนตอนนั้นเค้าจะมีงานอะไรซักอย่างแหละ คนเยอะเลย
12.10 ถึงลำพูน
จริงๆแล้วตามกำหนดต้องถึงเชียงใหม่ไม่ใช่หรออออ
12.30 ถึงเชียงใหม่
ถือว่าเลทไปไม่เยอะเท่าไหร่นะ พอรับได้ ตอนแรกคิดว่าจะถึงบ่ายโมงซะอีก เราเดาว่าพอเค้าออกดีเลย์แล้วเค้ามาเร่งทำเวลาตอนกลางคืน เพราะรู้สึกได้เลยว่าขับเร็วอยู่พอสมควรเลย
ก็จบไปแล้วสำหรับประสบการณ์การนั่งรถไฟจากกรุงเทพ-ไปเชียงใหม่ 14 ชั่วโมง โอ้มายก๊อตตตต สำหรับใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศแห่งความวุ่นวายนี้ก็ลองนั่งรถไฟชั้น 3 ดูนะ คุ้มจริงๆ ถึงจะมีความวุ่นวายอยู่มาก แต่แลกมากับบรรยากาศที่สวยงามในตอนเช้าก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะลอง
รูปน้อยไปหน่อยขออภัยด้วยค่า
[CR] เที่ยว"เชียงใหม่" 4 วัน 3 คืน แบบฉบับเด็กม.ปลาย
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราอยากมาแชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวเชียงใหม่ 4 วัน 3 คืน แบบฉบับเด็กม.ปลาย ที่ไม่มีรถส่วนตัว และขับรถไม่เป็นเลยแม้กระทั่งมอเตอร์ไซด์ คิดว่าหลายๆคนน่าจะไปเที่ยวตามกันได้ เพราะเที่ยวง่ายมากๆ ครบทั้งเที่ยวแบบบรรยากาศในเมืองและในป่าเลย
การเขียนกระทู้นี้จะเน้นไปในแนวเล่าเรื่องให้เพื่อนฟังมากกว่านะคะว่าแต่ละวันได้ไปเจออะไรมาบ้าง แล้วอีกอย่างก็อยากจะเก็บไว้อ่านเป็นความทรงจำด้วยค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เขียน ถ้ามีข้อผิดพลาด อ่านยาก หรือภาษายังไม่สวยงามยังไงก็ขออภัยด้วยค่ะ
ต้องบอกก่อนเลยว่าจขกท.เป็นนักเรียนชั้นม.6 ที่อยากลองไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนแบบไปกันเองซักครั้งนึง ก็เลยตกลงกับเพื่อนว่างั้นเราไปช่วงปิดเทอม 6 เดือนระหว่างรอเข้ามหาลัยแล้วกัน เราเริ่มคุยกันแบบจริงจังเมื่อปลายๆเดือนกุมภาค่ะ แล้วก็มาหาวันที่จะออกทริป ซึ่งได้ออกมาเป็นวันที่ 6-9 เมษายน 61 คิดว่าถ้าเลือกช่วงนี้น่าจะกำลังดีเพราะคะแนนแอดยังประกาศผลไม่หมด จะได้เที่ยวได้แบบเต็มที่ ไม่เครียดกัน
ตอนเราเลือกวันที่ออกทริป พยายามเลือกวันที่ตรงกับเสาร์-อาทิตย์นะ เพราะสถานที่เที่ยวบางที่ก็เปิดแค่เสาร์-อาทิตย์ค่ะ
พอเราตกลงวันที่กันได้แล้วก็เริ่มวางแผนการออกทริปแบบจริงจังค่ะ แต่ละคนก็จะมีหน้าที่แตกต่างกันไป มีคนจองตั๋วรถไฟ ตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก จองรถ และคิดแพลน ซึ่งจขกท.อยู่ในส่วนของการคิดแพลนค่ะ บอกเลยว่ายากมาก เพราะเราไม่ใช่คนพื้นที่ ไม่รู้ว่าที่เที่ยวแต่ละที่ห่างกันแค่ไหน ต้องทำการบ้านหนักอยู่พอสมควร เลยไปอ่านกระทู้ของหลายๆท่านมา แล้วปรับจนได้แพลนที่คิดว่าโอเคที่สุดแล้ว ก็ได้มาเป็นทริปในครั้งนี้ค่ะ
แต่บอกเลยว่าความสนุกของการไปเที่ยวแบบวัยรุ่นคือความไม่สมบูรณ์ของทริปค่ะ มีทั้งที่ๆไม่ได้ไป และที่ๆได้ไปโดยไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่แรก ไม่ได้ไปแบบแพลนที่ตั้งไว้เป๊ะๆ ก็ถือว่าเป็นสีสันมากๆ
การเดินทางของเรา เราเดินทางด้วยรถไฟชั้น 3 ค่ะ ขากลับกลับโดยเครื่องบิน ส่วนเรื่องการเดินทางในเชียงใหม่เราแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ ถ้าเดินทางในเมืองเราจะเรียก Grab แต่ถ้าเป็นวันที่ออกนอกเมืองเราจะเหมารถแดงไปค่ะ มาเชียงใหม่ก็ต้องขึ้นรถแดงแหละเนอะ ไม่งั้นเดี๋ยวเค้าหาว่ามาไม่ถึง ส่วนเรื่องที่พัก เราพักที่ Arch 39 สาขาช้างเผือก พักที่นี่ทั้ง 3 คืนเลย
เรื่องค่าใช่จ่ายก่อนออกเดินทางแบ่งออกเป็น
1.ค่ารถไฟ หัวลำโพง-เชียงใหม่ ประมาณ 300 บาท
2.ค่าเครื่องบิน เชียงใหม่-ดอนเมือง ประมาณ 800 บาท
3.ค่าน้ำหนักกระเป๋า 160 บาท
4.ค่าที่พัก 3 คืน 1115 บาท
5.ค่ารถแดงแบบเหมา 2 วัน 900 บาท
รวมเป็นเงิน 3275 บาท
โดยค่าใช้จ่ายที่เราได้บอกไป เราได้จ่ายและทำการจองก่อนออกเดินทางแล้วนะคะ
หลายๆคนอาจจะงงเกี่ยวกับค่าน้ำหนักกระเป๋า คือเราจองตั๋วเครื่องบินแบบ low cost เลยไม่มีให้โหลดกระเป๋าใต้เครื่อง ต้องซื้อน้ำหนักเอง เราเลยซื้อน้ำหนัก 15 กิโล 2 คน รวมเป็น 30 กิโล แล้วก็มาแบ่งกัน 5 คนค่ะ ตกคนละ 160 บาท ถ้าซื้อแบบคนเดียว 30 กิโลจะราคาแพงกว่านี้นะ
แล้วก็เรื่องการเช่ารถแดง ราคาเช่ารถพร้อมคนขับตกอยู่ที่วันละ 1500 บาท ไม่รวมน้ำมัน จะเริ่มทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้ายัน 6 โมงเย็นเลย เราอยากไปไหนพี่เค้าพาไปได้หมด เราทำการจองไป 2 วันค่ะ แล้วก็ส่งสถานที่ๆอยากไปในแต่ละวันให้พี่เค้าคำนวณราคาน้ำมัน รวมสองวันอยู่ที่ 1500 บาท รวมค่ารถแดงทั้งหมดเลยเป็น 4500 บาท / 5 คน ตกคนละ 900 บาทถือว่าถูกนะ
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายรวมตลอดทริป รวมค่ากินค่าช็อปเรียบร้อยแล้ว อยู่ที่ประมาณ 6000 บาทค่ะ
ตอนนี้ก็เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว งั้นเรามาเริ่มทริปกันเล้ยยยยย...
วันที่ 0 (5/4/61)
วันนี้เป็นวันเดินทาง จะไม่ขอนับเป็นวันที่ 1 นะคะ
เราไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟหัวลำโพง นัดกับเพื่อนไว้ประมาณ 2 ทุ่ม เพราะเผื่อเวลาไปทำนู้นทำนี่ รถไฟที่เรานั่งเป็นขบวน 51 นะคะ ออกจากหัวลำโพง 22.00 (ตามตาราง) แล้วจะไปถึงเชียงใหม่ 12.10 (ตามตาราง)
รถไฟขบวนนี้ถือเป็นขบวนลูกเมียน้อย เพราะออกจากที่นี่ก็ดึก กว่าจะไปถึงก็เที่ยงแล้ว จะเหมาะสมหรับคนที่ไม่ได้รีบนะคะ มาเป็นสายแบบชิลๆไป แต่ความพิเศษของขบวนนี้อยู่ที่วิวยามเช้าค่ะ เป็นวิวที่สวยแบบมากๆ อยากให้ทุกคนลองมาสัมผัสไปด้วยกัน เวลาที่จอง แนะนำให้จองที่นั่งฝั่งขวามือนะคะ จะเห็นวิวที่มีความสวยกว่าด้านซ้าย แถมด้วยวิวพระอาทิตย์ขึ้น พูดเลยว่าฟินมากๆ
22.00 ขึ้นไปนั่งบนรถไฟ
22.40 รถไฟออกจากหัวลำโพง ดูความดีเลย์ของรถไฟไทยสิคะคุณขา
อยากแนะนำทุกคนเลยนะ ว่าถ้ามาขึ้นรถไฟที่หัวลำโพงได้ก็อยากให้มา เพราะไม่งั้นอาจเกิดบัญหาแบบนี้ได้ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า มีคุณลุงท่านนึงขึ้นรถไฟมาแบบไม่มีตั๋ว คนตรวจตั๋วก็มาตรวจค่ะ ไถ่ถามกันไปมาได้ความว่าลุงจะไปลงพิษณุโลก คนตรวจตั๋วก็บอกว่าถ้าไม่มีตั๋วก็ขึ้นไม่ได้นะ เนี่ยเดี๋ยวจะให้ไปลงป้ายหน้า ลุงแกก็บอกว่า เนี่ยก็เคยขึ้นมาแล้ว ซักพักค่ะ มีคุณลุงอีกท่านนึงอาสาซื้อตั๋วให้ เพราะสงสาร แกมาคนเดียว ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เพื่อนเราได้ยินอย่างนั้นก็เลยเอาข้าวเหนียวหมูทอดที่เตรียมมากิน เอาไปให้ลุงค่ะ คือแบบสวยสุดในขบวน เอามงองค์หญิงข้าวเหนียวหมูทอดไปครอง555555555 ซักพักก็มีคนใจดีอีกหลายคนให้ข้าวกล่องเพิ่มบ้าง ให้น้ำบ้าง ให้ทิชชู่บ้าง เราเห็นแล้วเราก็รู้สึกอิ่มเอมในใจนะ เห็นความมีน้ำใจของคนไทย เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกจริงๆค่ะ
23.05 รถจอดที่สถานีบางซื่อ
คุณลุงที่ใจดีคนนั้นก็ลงไปซื้อตั๋วมาค่ะ แต่ปรากฎว่าตั๋วนั่งเต็ม ก็ด้วยความเป็นรถไฟชั้น 3 อะเนอะ จะเต็มก็ไม่แปลกใจ ก็เลยได้ตั๋วยืนมาค่ะ แต่ลุงแกก็ไม่ได้ยืนนะ นั่งไปเรื่อยๆอะ เวลาผ่านไปซักพักก็เรื่องมีชาวเขาขึ้นรถไฟมาค่ะ ตอนที่เราเห็นแบบตื่นเต้นมาก
23.10 ออกจากบางซื่อ
ฝนตก คืออะไรมันจะซวยเบอร์นี้ ก็เลยต้องปิดหน้าต่าง ไม่งั้นเปียกแน่ แล้วเราก็มีชีวิตอยู่ต่อไปโดยที่ทั้งตู้มีพัดลม 5 ตัว ขอบคุณค่ะ
23.50 ถึงสถานีรังสิต
ปัญหาที่ว่ามันอยู่ตรงนี้แหละค่ะ คือมีคนที่เค้าซื้อตั๋วที่นั่งมาแบบถูกต้อง แต่ไม่ได้นั่ง เพราะคุณลุงที่ได้ตั๋วยืนคนนั้นแกไม่ยอมลุกค่ะ คนที่ซื้อตั๋วมาก่อนเลยต้องไปนั่งอยู่แถวๆหน้าห้องน้ำ ตอนที่เห็นเรารู้สึกแย่มากนะ บางทีความใจดีของคนบางคนมันอาจทำให้คนที่เค้าไม่รู้เรื่องอะไรเลยเดือดร้อนได้อ่ะ ดังนั้นเลยอยากแนะนำนะว่าถ้าไปขึ้นที่หัวลำโพงได้ก็ไปขึ้นเถอะค่ะ
24.20 ถึงอยุธยา
1.20 ถึงลพบุรี
บอกเลยว่าอากาศตอนกลางคืนหนาวมาก แบบหนาวเข้ากระดูก หนาวสั่นเลย แล้วด้วยความที่เราคิดว่าเป็นเดือนเมษา คือมันหน้าร้อนอะจะเอาอะไรมาให้หนาว เสื้อกันหนาวก็ไม่ได้เตรียม ก็นั่งหนาวกันยาวๆไป ถือเป็นค่ำคืนที่ทรมานมากๆอีกคืน อีกอย่างคือ ปวดหลังมากค่ะ
4.40 ถึงพิจิตร
5.15 ถึงพิษณุโลก
6.10 ถึงท่าสัก
มาถึงตอนนี้คือทีเด็ดเลยแหละ เพราะเราจะเห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้น สวยมากกกกกๆๆ ท้องฟ้าเรื่มเปลี่ยนสี หมอกเยอะมาก บรรยากาศดีสุดๆ สองข้างทางเขียวขจี ส่วนใหญ่ที่เห็นคือเค้าจะปลูกข้าวกันนะ
ของจริงสวยกว่าในรูปนี้มากๆเลย
6.30 ถึงอุตรดิต
7.40 ถึงแพร่
8.55 ถึงปางป๋วย
9.20 ถึงแม่เมาะ
10.00 ถึงลำปาง
คนขึ้นมาเต็มรถเลย บอกก่อนว่ารถไฟไปเชียงใหม่ก็จริง แต่ก็มีคนขึ้น-ลงตลอดทางนะ พอมีคนลง ก็มีคนขึ้นมาแทนที่งี้
11.20 เข้าอุโมงขุนตาล
อุโมงนี้เป็นอุโมงที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ระหว่างทางก่อนเข้าอุโมงเริ่มเป็นทางไต่เขา สองข้างทางเป็นเหวชัน ตอนที่เข้าไปในอุโมงคือแบบนานมากๆกว่าจะได้ออกมา บรรยากาศตอนนั้นนี่นึกถึง Train to Busan เป็นอย่างแรกเลย มีซอมบี้มางี้555555 ตอนอยู่ในอุโมงอยู่ๆรถไฟก็หยุดวิ่ง ตอนนั้นแบบคิดว่ารถไฟมีปัญหารึป่าว แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ คือเค้าหยุดเพื่อฟังคนอธิบายเรื่องราวของอุโมงอะ เหมือนจะมีคนพูดอธิบายอยู่ น่าจะเป็นแบบนั้นนะเพราะฟังได้ไม่ค่อยถนัดซักเท่าไหร่ พอออกจากอุโมงก็จะเจอสถานีขุนตาล เหมือนตอนนั้นเค้าจะมีงานอะไรซักอย่างแหละ คนเยอะเลย
12.10 ถึงลำพูน
จริงๆแล้วตามกำหนดต้องถึงเชียงใหม่ไม่ใช่หรออออ
12.30 ถึงเชียงใหม่
ถือว่าเลทไปไม่เยอะเท่าไหร่นะ พอรับได้ ตอนแรกคิดว่าจะถึงบ่ายโมงซะอีก เราเดาว่าพอเค้าออกดีเลย์แล้วเค้ามาเร่งทำเวลาตอนกลางคืน เพราะรู้สึกได้เลยว่าขับเร็วอยู่พอสมควรเลย
ก็จบไปแล้วสำหรับประสบการณ์การนั่งรถไฟจากกรุงเทพ-ไปเชียงใหม่ 14 ชั่วโมง โอ้มายก๊อตตตต สำหรับใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศแห่งความวุ่นวายนี้ก็ลองนั่งรถไฟชั้น 3 ดูนะ คุ้มจริงๆ ถึงจะมีความวุ่นวายอยู่มาก แต่แลกมากับบรรยากาศที่สวยงามในตอนเช้าก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะลอง
รูปน้อยไปหน่อยขออภัยด้วยค่า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้