ศาสนาอิสลาม นั้นง่ายและมีเหตุผล แต่มุสลิมทำให้ยุ่งยากและสับสน

กระทู้สนทนา
ฏฏ็อบรอรีย์ ได้รายงานว่า

حدثنا أحمد بن زياد الحذاء الرقي ثنا حجاج بن محمد عن ابن جريج قال : حدثتني حكيمة بنت أميمة بنت رقيقة [ عن أمها أنها ] قالت : كان النبي صلى الله عليه و سلم يبول في قدح عيدان ثم يرفع تحت سريره فبال فيه ثم جاء فأراده فإذا القدح ليس فيه شيء فقال لامرأة يقال لها بركة كانت تخدم أم حبيبة جاءت بها من أرض الحبشة : أين البول الذي كان في القدح ؟ قالت : شربته فقال : لقد احتظرت من النار بحظار

จากอิบนิญุเรจ เล่าว่า นางฮะกีมะฮ บินติ อุมัยมะฮ์ บินติ ร่อฟีเกาะฮ์ จากแม่ของนาง แท้จริงนางได้เล่าว่า
ท่านนบี(ศ)ได้เคยปัสสาวะลงในภาชนะหนึ่ง แล้วยกมันไปตั้งไว้ที่ใต้เตียงของท่าน แล้วท่านได้ปัสสาวะลงในนั้น ต่อมาท่านได้มา(ที่ภาชนะ)เพื่อต้องการจะเอามัน(ไปเททิ้ง) ปรากฏว่าในภาชนะนั้นไม่มีสิ่งใดเลย
ดังนั้นท่านนบี(ศ)จึงกล่าวกับนางบะร่อกะฮ์ ซึ่งเป็นคนรับใช้ของนางอุมมุฮะบีบะฮ์(ที่นางถูกพามาจากแผ่นดินฮับบะชะฮ์)ว่า ปัสสาวะที่อยู่ในภาชนะใบนั้นหายไปไหนหมด
นางตอบว่า ฉันดื่มมันไปแล้วค่ะ ท่านนบี(ศ)จึงกล่าวว่า แน่นอน เธอจะได้รับการปกป้องให้พ้นจากไฟนรก

      นักวิชาการฝ่ายหนึ่งได้อาศัยหะดีษเรื่องการดื่มน้ำปัสสาวะนี้ว่า สิ่งที่ถูกขับออกจากร่างกายของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) เช่น ปัสสาวะและเลือดทั้งหมดเป็นสิ่งที่สะอาด แต่ทัศนะที่ถูกต้องในหมู่ปวงปราชญ์มัซฮับอัช-ชาฟิอียฺถือว่า เลือดและสิ่งที่ถูกขับออกมาจากท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) เป็นนะญิส และ

นักวิชาการสังกัดมัซฮับอัช-ชาฟิอียฺชาวอีรักก็ชี้ขาดเอาไว้ แต่อัล-กอฎียฺ หุสัยน์กล่าวว่า : ที่ถูกต้องที่สุด คือถือว่าทั้งหมดนั้นสะอาด (กิตาบ อัล-มัจญ์มูอฺ ชัรหุลมุฮัซซับ 1/288-289)

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่