หนึ่งด้าวฟ้าเดียว นกกระจอก ฤาล่วงรู้ปณิธาน พญาหงส์

พระเจ้าตากสิน ตั้งตนเป็นใหญ่เลื่อนยศจาก โหว(侯) ขึ้นเป็น กง(公)
จาก พระยาตาก ขุนนางฝ่าย พระเจ้าเอกทัศน์ ขึ้นเป็น เจ้าพระยาตาก ศักดินา 10,000 ไร่
เทียบเท่ากับ อัครมหาเสนาบดี สมุหนายก สมุหพระกลาโหม

ตำแหน่ง เจ้าเมือง หัวเมืองชั้นเอก ขณะนี้เป็น เจ้าไม่มีศาล ชาวบ้านเรียกพระองค์ว่า เจ้าตาก

ทรงขึ้นเป็นพระญาติ หรือ พระบรมวงศานุวงศ์ กับ บ้านพลูหลวง เพราะใช้แซ่ เจา ที่ต้าชิงบันทึกไว้ มาเป็นชื่อพระองค์
ต่อท้ายแซ่แต้ หรือ เจิ้ง จึงใช้คำราชาศัพท์ระดับหม่อมเจ้าขึ้นไป ส่วนจะเป็น บรมวงศ์ หรือ อนุวงศ์ ไม่ปรากฏ
คาดว่าเป็น อนุวงศ์ เป็นพระญาติห่างๆ แบบ พระเจ้าอาเล่าปี่ ยุคสามก๊ก ต้าฮั่น

การสถาปนา สามัญชนขึ้นเป็นเจ้า ปรากฏมาแต่โบราณ เช่น

เมื่อพระเพทราชา เสด็จขึ้นราชาภิเษกแล้ว ทรงพระกรุณาสถาปนา
นายช้างทรงบาศ ที่ “ร่วมคิดเอาราชสมบัติ” เป็น “กรมพระราชวังหลัง”

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เพลง คนหนุ่มหมั่นฝึกตนให้กล้าแกร่ง(男儿当自强 หนานเอ้อตังจื้อเฉียง) สำเนียงกวางตุ้ง
ประกอบภาพยนตร์ หวงเฟยหง 1991
ทำนอง เพลงจีนโบราณ ประกาศิตขุนพล ต้าถัง



ทัพพระเจ้าตากสิน ตั้งมั่นที่เมืองระยองนานนับเดือน สะสมเสบียง รวบรวมผู้คนไว้มาก แต่ยังไม่มากพอกลับไปกู้กรุง
แลหมั่นฝึนฝนทหารหาญ จนเก่งกาจช่ำชองยุทธ มีราวสองพันคน ค่าย ประตู หอรบ เป็นไม้ไผ่ ไม่อาจต้านปืนใหญ่ได้

จึงส่งทูตไปจันทบูร แดนหอมหวลอุดมด้วยไม้จันทร์ เพื่อเชื้อเชิญให้มาเป็นพันธมิตรกัน
แต่เจ้าเมืองจันทบูรระแวงว่า พระเจ้าตากหวังเข้ายึดเมืองมากกว่า ด้วยคำยุแยงของอดีตออกญาพลเทพ

ออกญามีชื่อจึงหลอกใช้ ภิกษุสี่รูปเดินทางไประยอง เชิญพระเจ้าตากสินมาตายที่จันทบูร


ไม่กี่วันก่อนหน้า พระเอกกับนางเอก รอนแรมออกจากอยุธยามุ่งสู่ระยอง ระหว่างทางเจอคนไทยกลุ่มหนึง
ชวนเชิญให้พระนางทานข้าว ช่วงที่พระเอกกำลังใช้ช้อนตักข้าวต้มนั้น มีจิ้งจกตกจากหลังคาหล่นใส่ชามข้าว
พระเอกไม่ถือสา ทานได้แค่หยิบจิ้งจกออก ทันใดนั้นเองจิ้งจกกลับนอนหงาย ลอยแน่นิ่ง ไม่ไหวติง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


พระเอกแจ้งว่า วางยาพิษเป็นแน่ พ่อปันหยีคงหิวข้าวเลยไม่ได้กลิ่นยาพิษ ดีที่ตาไว
แล้วห้ามนางเอกได้ทัน จากนั้นไทยรุมก็เริ่มขึ้น พ่อปันหยี บรรเลงเพลงพิทักษ์มิสาอุณากรรณ
เพียงไม่กี่อึดใจ ใช้กริชตัดเส้นเอ็น เส้นเลือดใหญ่ ถึงฆาตทุกคน

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ภาพยนตร์อินโดนีเซีย Raid Redemptoin

ด้วยวิชาปันจักสีลัต จากแดนชวา ถิ่นอิเหนา อาณาจักรศรีวิชัย

เผอิญโจรที่เหลือรอด ฉุดนางเอก หนีเข้ามาในพงไพร แล้วหลบหลังนางเอกใช้มีดจ่อคอหอยอยู่

พ่อปันหยีพูดว่า ยังจำที่ซ้อมกันวันนั้นได้ไหม

นางเอกนึกได้ จึงใช้ส้นเท้า กระทืบเข้านิ้วก้อยที่เท้าของโจร แล้วย่อตัวหลบมีด
จากนั้นพ่อปันหยี ปรี่หาโจร คว้าแขนโจรแล้ว ตามด้วยกริชเชือดคอหอย เลือดกระเซ็นไปทั่ว
มิสาอุณากรรณ เข้ามาเช็ดเลือดที่เปรอะตามหน้า เนื้อตัวพ่อปันหยีให้ แล้วพาไปล้างหน้าล้างตัว

ด้วยข้อจำกัดทางโทรทัศน์ เราจึงเห็นการพลอยรัก ในดงมิคสัญญี ถือเป็นเรื่องธรรมดาจนชาชินในช่วงนั้น

จากนั้นพระนางขี่ม้า มาถึงปากน้ำโจ้โล้ เข้าเมืองพระรถ ผ่านเขาเขียว สู่เมืองพญาเร่ เป็นเส้นทางโบราณ
อยู่ลึกจากชายฝั่งทะเลโข พวกพม่ารามัญไม่ทราบมาก่อน ได้แค่กระจายกำลังตามแนวชายฝั่งทะเล
พระนางจึงหลีกรอดทัพอังวะได้ ด้วยความช่วยเหลือจากชุมชนรายทาง ที่ทัพพระจ้าตากสินอภิบาลมาตลอดทาง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ฉากพระนางขี่ม้า ใช้กล้องติดโดรน บินถ่ายจากมุมสูงเคลื่อนไหวไปมา แสดงเส้นทางภูมิประเทศในป่าเขา
ถ้าใช้ถ่ายฉากรบพุ่ง ให้กล้องบินวนไปวนมา น่าจะได้ภาพเสริมบรรยากาศให้อลังการงานสร้างยิ่งขึ้น

เมื่อพระนางขี่ม้าถึง ชายขอบเมืองระยอง พบกลุ่มคนต่อสู้กัน พระเอกจึงลอบเข้าไปสอดแนม
เห็นออกญาพลเทพสู้กับทหารอังวะ จึงถือโอกาสผสมโรง หมายเด็ดหัวออกญามีชื่อ มาเซ่นไหว้พ่อแม่
ประจวบเหมาะกับ ม่วงนำทัพแทรกเข้ามา เมื่อเห็นออกญามีชื่อ ก็หมายหัวไว้เช่นเดียวกัน
ลิ้วล้อคนสนิทเข้ามาขวาง แต่แพ้พระเอกกับม่วงรุม จึงทิ้งนายแล้วหนีเอาตัวรอดตามระเบียบ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


เมื่อกุมตัวออกญาพลเทพไปเฝ้าพระเจ้าตากสิน สวนความแก่มันแล้ว พระเอกจาระไนที่มาที่ไปจนสิ้นความ
แต่ออกญามีชื่อยังไม่ยอมจำนน หาว่า พระเอกขาดพยาน ปั้นน้ำเป็นตัว ใส่ร้ายคนดี จารบุรุษจะเชื่อกระไรได้

พระเจ้าตากสิน ตรัสว่า

เราเป็นคน ว่าจ้างวานใช้ พ่อขันทองให้ไปสืบความเอง ด้วยเสือขุนทองฝากฝังบุตรไว้
ส่วนเรื่องปลอมเป็นขันทีนั้นสุดจักคาดเดา แลให้ผลดีเป็นที่ยิ่ง


พระเอกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่พระเจ้าตากสินทำตามคำสั่งเสียของเสือขุนทอง
และให้พระเอกสืบสาวเรื่องราวที่ค้างคาทั้งหมด แต่ก่อนศึกพระเจ้าอลองพญา จนกระจ่างใจสิ้นแล้ว

ด้วยออกญามีชื่อผู้นี้เป็นกบฏ เป็นเหตุให้กรุงแตก สิ้นชาติเสียแผ่นดิน พระเจ้าตากสินทรงลงพระอาญา
ให้ตระเวนบก ตระเวนน้ำสามวัน แล้วเอาไปตัดหัวเสียบประจาน มิให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไปภายหน้า

ถ้าเป็นศาลไคฟง ป่านนี้เจอเครื่องประหารหัวสุนัข เรียบร้อยโรงเรียนเปาปุ้นจิ้นแล้ว

บรรดาชาวบ้านเมืองระยอง คนต่างถิ่นที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น ได้เห็นขบวนออกญามีชื่อผ่านมา ให้เป็นที่โกรธแค้น
ต่างขว้างปาสิ่งของใส่เป็นอันมาก ถ้าปาไข่ใส่อย่างเดียวคงท่วมหัวท่วมตัวแล้ว
และแล้วช่วงเปลี่ยนกะ พานักโทษไปตระเวนต่อ สมุนมือขวามาช่วยออกญามีชื่อหนีไปเมืองจันทบูรได้สำเร็จ
พระเจ้าตากสิน ทรงเห็นว่า เป็นเหตุสุดวิสัย จึงเพียงคาดโทษพันหาญกับพระยาพิชัยไว้


ไม่กี่วันต่อมาพระเจ้าตากสิน หารือเรื่อง สงฆ์สี่รูปมาเชิญไปจันทบูรนั้น พระเอกแนะว่า น่าจะมีอุบายเคลือบแฝง
เมื่อพระเจ้าตากสินทรงสอบถามรายละเอียดจากพระคุณเจ้า แล้วพบพิรุธ
จึงรับสั่งให้ พระเอกเป็นแม่กอง คัดเลือกทหารฝีมือดีพันคน เดินทัพไปตีจันทบูร พร้อมด้วยสงฆ์สี่รูป

ฉากพระเจ้าตากสินเสด็จขึ้นช้างทรง พังคีรีบัญชร คำรามน่าเกรงขามนัก สมเป็นช้างจอมทัพ

เมื่อถึงชายขอบเมืองจันทบูร พระเจ้าตากสินส่งทูตไปเจรจา ว่าใกล้ถึงจันทบูรแล้ว เจ้าเมืองจันทบูรแจ้งว่า
ให้ทัพพระเจ้าตากสิน เคลื่อนไปทางเหนือข้ามแม่น้ำ เพื่อเข้าเมือง เป็นเล่ห์เพทุบายของออกญาพลเทพ

พระเจ้าตากจึงให้รั้งทัพไว้ แล้วส่งกองตระเวนไปสำรวจเส้นทาง เนื่องจากเป็นฤดูฝน ลมมรสุมเข้าฝนตกชุก
พื้นที่เฉอะแฉะเป็นโคลนตมตลอดทาง หากน้ำป่าไหลหลากปิดเส้นทาง อาจถูกข้าศึกโอบล้อมตีแตกได้
เมื่อทราบภูมิประเทศแล้ว สั่งให้เคลื่อนทัพไปอีกด้าน ตั้งค่ายยังวัดพลับ บางกะจะ แล้วส่งทูตไปลวงเจ้าเมืองจันทบูรว่า

พึ่งเดินทัพมาถึง ตกบ่ายใกล้เย็น จึงตั้งค่ายพักทัพ หุงหาอาหารก่อน วันพรุ่งค่อยข้ามน้ำเข้าเมือง

ความจริงทัพพระเจ้าตากสิน มาถึงก่อนหน้าแล้วหนึ่งวัน แต่ส่งทูตประวิงเวลาไว้เพื่อดูลาดเลา
และคอยเก็บหน่วยสอดแนม เพื่อลวงให้เจ้าเมืองจันทบูรติดกับ ด้วยปราการจันทบูรเป็นหัวเมืองชั้นตรี
แม้กำแพง ประตู หอรบ ไม่แข็งแรงเท่ากรุงศรี แต่จำนวนคน อาวุธ เสบียงได้เปรียบ ทำศึกยืดเยื้อได้ไม่

ลำพังอาศัยวัดพลับเป็นปราการตั้งรับ คงทนปืนใหญ่ได้ไม่นาน ชาวบ้าน พระเถรเณรชีพลอยได้ยาก
บ่ายนั้นเอง เมื่อกองตระเวนสืบแน่ชัดว่า อีกฟากของแม่น้ำทางทิศเหนือ มีทัพจันทบูรซุ่มอยู่
หากข้ามน้ำไป จะบุกก็ยาก จะถอยก็ลำบาก หากเลิกทัพกลับระยอง ต้องถูกตามตีเป็นแน่

มีแต่อาศัยจังหวะที่จันทบูรเผลอไผล ป้องกันแต่ทางทิศเหนือ บุกโจมตีจากทิศอื่น คงสามารถตีเมืองแตกได้
แต่ไพร่พลต่างกันมาก แม้ได้พักผ่อนท้องอิ่ม ขวัญทหารดี แต่ศึกนี้ไม่ต่างจาก

ฌ้อปาอ๋องนำทัพข้ามแม่น้ำเหลือง บุกกรุงเซียงหยาง กำลังน้อยกว่าทัพฉินถึง สิบต่อหนึ่ง

ดำริแล้วพระเจ้าตากสิน ทรงมีพระบรมราชโองการว่า

เย็นนี้เมื่อหุงหาอาหาร ทานจนอิ่มหนำแล้ว ให้เทข้าวปลาอาหารทิ้ง แลทุบหม้อข้าว หม้อแกงเสีย
ไปกินข้าวเช้าเอาในเมือง หากตีเอาจันทบูรไม่ได้ ก็มาตายเสียด้วยกัน


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


เมื่อทุบหม้อเทข้าวสิ้นแล้ว รับสั่งให้ทัพทหารนอนหลับเอาแรงไว้ แบ่งเวรยามกะละครึ่งชั่วยาม
คืนนั้นเอง ราวตีสาม ทัพพระเจ้าตากสิน เคลื่อนมาใกล้ประตูเมือง ห่างราว ๔ เส้น 160-200 ม.
อาศัยความมืดกำบังทัพ ลมเย็นระเรื่อยเฉื่อยฉ่ำด้วยน้ำค้าง ทหารจันทบูรหลับยามเป็นบางคน

บรรยากาศน่านิทรารมณ์นี้ ดั่งอาณัติสวรรค์แด่เจิ้งเจากง ผู้จะได้เป็นใหญ่ ทรงยิงพระแสงปืนเป็นสัญญาณบุก
ทัพพระเจ้าตากสิน โจนทะยานดั่งฝูงกระทิง โขลงช้างป่า หมายทำลายทุกสิ่งที่ขวางกั้น


กล่าวถึงทางอยุธยา ออกญาวังรอดจากคมหอกคมดาบอังวะ แต่ต้องเสียตาไปข้าง
ได้ขันทีและแม่เป้าช่วยเหลือ อาศัยวัดซ่อนตัว ไฟไหม้กรุงยังไม่ราไป พวกอังวะจึงไม่ย่างกรายมาบ่อยนัก
อยู่ไปไม่นาน สามคนได้พบหญิงเสียสติมาขโมยปลา เอามากินดิบ พอดูใกล้ๆถึงได้รู้ว่า เจ้าเพ็ญนี้เอง
สมัยนี้คงว่าปอบลง เพราะของเข้าตัว แถมเจอขุนท้าวสาลิกา ร้องเพลงว่า

แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ   แต่เธอไม่รู้บ้างเลย
แอบคอยเธออยู่นิดๆ   แต่ดูเธอช่างเฉยเมย
เอาล่ะเตรียมใจไว้หน่อย   มันจะหัวก้อยก็เสี่ยงกัน เย่อีเย่ๆ


รอมานาน แต่ไม่นานเกินรอ คุณท้าวพิฆาตเจ้าจอมเพ็ญสมใจเสียที


ฝ่ายอังวะ วันหนึ่ง เนเมียวสีหบดีขี่ม้าชมเมืองอยู่ อีเยื้อนแอบซ่อนตัวตามพุ่มไม้รวมกับคนไทย
ได้ยินชาวบ้านลือกันว่า คนขี่ม้านำหน้ามานี้ เป็นแม่ทัพใหญ่อังวะ ก็หูผึ่ง ว่าแล้ว

อีเยื้อนก็พรวดพราด ออกที่ซ่อนไปตัดหน้าม้าศึก ดีที่ม้าไม่ตกใจดีดกระเด็นเสียก่อน
จากนั้นใช้มารยาสาไถ ฉ้อเลาะภาษาอังวะ ที่ครูพักลักจำจากม่วง หัวไวตามประสาลูกพระยาเก่า

เนเมียวแรกๆก็ ยึดหน้าที่ พอลูกน้องยุว่า

เสร็จศึกชนะเรียบร้อย ถือว่าไม่ละเมิดกฎทัพ
มีสาวมาอ่อยถึงเพียงนี้ หากละไว้จะเสียเชิงชาย


เมื่อนายว่า ขี้พลอยดังนี้ เขาเสนอจึงต้องสนอง ด้วยเหตุฉะนี้

นางเยื้อนวาสนาดี ได้เป็นเมียแม่ทัพใหญ่ วันหนึ่งเดินผ่านคอกขังคนไทย
พอทราบความ จึงคิดแก้แค้น แต่งานนี้ แค้นผัว ลงที่เมีย
เนื่องจากเจ้าคุณพ่อ รับใช้เจ้าสามกรม เมื่อเจ้าสามกรมสิ้นบุญ เจ้าคุณพ่อโดนร่างแหไปด้วย
ตัวเองตกเป็นนางบำเรอ เจ็บแค้นมาหลายขวบปี มาวันนี้จึงสิบแค้นชำระในคราเดียว
(ขอบพระคุณ คุณแมงเม่าน้อยที่ชี้แนะครับ)

กรมขุนท่านรู้ตัว จึงเตรียมใจไว้ก่อน พอสบโอกาสจึงเมตตาเตือนอีเยื้อน
ทำอะไรเอาแค่คืบแค่ศอก ไม่เอาเส้นเอาโยชน์ การณ์ไกลย่อมเสีย เพราะไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบ


ฝ่ายแม่สุ่น น้ำใจอาจหาญนัก สละชีพเพื่อกำจัดไอ้กล้า กรุงศรีในขณะนั้น ใครๆก็ตั้งตัวเป็นเจ้าได้
ยอมกล้ำกลืนอดทนเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน ทำงานใหญ่ใจต้องนิ่ง แต่ไม่แคล้วโดนไอ้กล้าแทง



ปณิธานเฉียบแหลมเด็ดเดี่ยวของ พระเจ้าตากสิน
มองการณ์ไกลรู้จักปรับตัวอย่าง กรมขุน
ลุ่มลึกอดกลั้นซ่อนอุบายอย่าง แม่สุ่น

โบราณว่าไว้

นกกระจอก ฤาล่วงรู้ปณิธาน พญาหงส์ (燕雀安知鸿鹄之志 แหยนฉิ่วอันจือหงหูจือจื้อ)

จิตใจกล้าหาญ ปณิธานแน่วแน่ จึงบรรลุการใหญ่ได้สำเร็จ หากตื้นเขินแล้วไซร้ มักตายน้ำตื้น

โจโฉลอบสังหารตั๋งโต๊ะไม่สำเร็จ ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน ตันก๋งนายอำเภอจับตัวได้
คืนนั้นตันก๋ง สนทนากับโจโฉว่า ตั๋งโต๊ะมีบุญคุณกับท่าน ไยคิดร้ายเช่นนี้

ตั๋งโต๊ะเป็นทรราช ไม่กำจัดเสียแผ่นดินย่อมลุกเป็นไฟ ท่านมองแต่การณ์ใกล้ไม่มองการณ์ไกล
หากปล่อยไว้จักมีแต่สงคราม ชิงอำนาจไม่จบสิ้น ทวยราษฎร์จะเป็นสุขได้อย่างไร


แม้โจโฉทำการไม่สำเร็จ สุดท้ายตั๋งโต๊ะตายด้วยเงื้อมมือของ ลิโป้ ลูกสามพ่อ ชายสามแซ่ ขุนพลคู่ใจนั่นเอง


ท้ายนี้ผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่