คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
นักการทูตเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
ซึ่งข้าราชการพลเรือนสามัญ กำหนดเพียงมีสัญชาติไทย เท่านั้น
(ประกาศรับสมัคร https://www.ประกาศผลสอบ.com/pdf/082557/1472714601.pdf)
ผู้ที่มีหมายเลขประจำตัวประชาชน ขึ้นต้นด้วยเลข 8 หมายถึง
1. คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมาย
2. คนที่ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย
เพราะฉะนั้น ไม่สำคัญว่า บัตรประชาชนของคุณจะขึ้นต้นด้วยเลขอะไร
เพราะการจะสมัครสอบเป็นข้าราชการประเทศไทย สำคัญที่ สัญชาติ
ถ้าบัตรประชาชนของคุณจะขึ้นต้นด้วยเลข 8 แต่คุณเป็นคนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมาย (ไม่มีสัญชาติไทย) คุณก็สอบไม่ได้
แต่ถ้า ถ้าบัตรประชาชนของคุณจะขึ้นต้นด้วยเลข 8 แต่คุณเป็นคนที่ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย คุณก็สอบได้
กรณีนี้ข้าราชการที่คุณสามารถจะเป็นได้ คือข้าราชการที่กำหนดคุณสมบัติสัญชาติ ไว้เพียง มีสัญชาติไทย เท่านั้น
เงื่อนไขคุณสมบัติของ สัญชาติ ของผู้ที่จะสมัครสอบเป็นข้าราชการ แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
1. มีสัญชาติไทย
2. มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
3. มีสัญชาติไทยโดยการเกิด และบิดามารดาผู้ให้กำเนิดมีสัญชาติไทยโดยการเกิด แต่ถ้าบิดาเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรหรือชั้นประทวน หรือเป็นข้าราชการตำรวจซึ่งมีสัญชาติไทยโดยการเกิดแล้ว มารดาจะมิใช่เป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดก็ได้
คุณสมบัติ 1. มีสัญชาติไทย (เฉย ๆ) จะเป็นคุณสมบัติของข้าราชการพลเรือนทั่ว ๆ ไป (ข้าราชการที่สังกัดกระทรวง กรม ฝ่ายพลเรือน)
คือไม่ต้องมีสัญชาติไทยโดยการเกิดก็ได้ (ได้สัญชาติไทยหลังการเกิดก็ได้ เช่น ได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ)
คุณสมบัติ 2. มีสัญชาติไทยโดยการเกิด จะเป็นคุณสมบัติของ ข้าราชการตุลาการ, ข้าราชการอัยการ, ข้าราชการทหารและข้าราชการตำรวจกรณีสมัครสอบบรรจุในฐานะบุคคลภายนอก, นักเรียนนายสิบตำรวจ
คุณสมบัติ 3. มีสัญชาติไทยโดยการเกิด และบิดามารดาผู้ให้กำเนิดมีสัญชาติไทยโดยการเกิด แต่ถ้าบิดาเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรหรือชั้นประทวน หรือเป็นข้าราชการตำรวจซึ่งมีสัญชาติไทยโดยการเกิดแล้ว มารดาจะมิใช่เป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดก็ได้
เป็นคุณสมบัติของ ผู้ที่จะสมัครเป็น นักเรียนเตรียมทหาร นักเรียนนายร้อย นักเรียนนายร้อยตำรวจ นักเรียนนายสิบทหารบก นักเรียนจ่าทหารเรือ นักเรียนจ่าอากาศ
การจะมีสัญชาติไทยด้วยการเกิด จะต้องเข้ามาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ. สัญชาติ พ.ศ. 2508
คือ 1. เป็นผู้เกิดโดยบิดาหรือมารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย ไม่ว่าจะเกิดในหรือนอกราชอาณาจักรไทย
2. เป็นผู้เกิดในราชอาณาจักรไทย ยกเว้นบุคคลตามมาตรา 7 ทวิ วรรคหนึ่ง
- มาตรา 7 ทวิ วรรคหนึ่ง ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทย โดยบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ย่อมไม่ได้รับสัญชาติไทย ถ้าในขณะที่เกิดบิดาตามกฎหมายหรือบิดาซึ่งมิได้มีการสมรสกับมารดาหรือมารดาของผู้นั้นเป็น
(1) ผู้ที่ได้รับการผ่อนผันให้พักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย หรือ
(2) ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าอยู่ในราชอาณาจักรไทยเพียงชั่วคราว หรือ
(3) ผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
------------------------
นักการทูต
โดยทั่ว ๆ ไป มักจะไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วนักการทูตต้องเรียนจบอะไรมาถึงจะเป็นได้
คนส่วนมากจะคิดว่าต้องจบเฉพาะแต่ รัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เท่านั้น
แน่นอนว่าว่า รัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จะตรงสายที่สุด
แต่จริงๆแล้ว การเป็น นักการทูต สามารถรับบัณฑิตได้จากหลายสาขาวิชาครับ
ทูต คือ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทวิชาการ ตำแหน่งหนึ่ง
เรียกว่า นักการทูต (ปฏิบัติการ, ชำนาญการ, ชำนาญการพิเศษ)
การจะเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญได้
ก็ต้องสอบแข่งขันเข้ามาตามขั้นตอน คือ
1. ภาค ก. ความรู้ความสามารทั่วไป
2. ภาค ข. ความรู้เฉพาะตำแหน่ง
3. ภาค ค. ความเหมาะสมกับตำแหน่ง (สัมภาษณ์)
คนธรรมดาๆ ทุกคนมีสิทธิเป็นข้าราชการได้เท่าเทียมกัน
หากคุณสมบัติพื้นฐานครบถ้วน เช่น วุฒิการศึกษา อายุ สัญชาติ เป็นต้น
ตามประกาศรับสมัครสอบแข่งขันปี 2558
นักการทูตปฏิบัติการ ต้องมีคุณวุฒิอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่
ปริญญาตรีหรือคุณวุฒิอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกัน หรือ
ปริญญาโทหรือคุณอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกัน
ในสาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง หรือ หลายสาขาวิชา ดังต่อไปนี้
สาขาวิชารัฐศาสตร์
สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์
สาขาวิชาบริหารรัฐกิจ
สาขาวิชาบริหารธุรกิจ
สาขาวิชาการจัดการ
สาขาวิชานิติศาสตร์
สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์
สาขาวิชาการบัญชี
สาขาวิชาภาษา วรรณคดี
สาขาวิชาศึกษาศาสตร์
สาขาวิชาศิลปะ วัฒนธรรม
สาขาวิชาประวัติศาสตร์ โบราณคดี
สาขาวิชาปรัชญา ศาสนา เทววิทยา
สาขาวิชาสังคมศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์
สาขาวิชานิเทศศาสตร์
http://job.mfa.go.th/201502/mfa201502.pdf
อันนี้เป็นประกาศรับสมัครสอบปี 2558 ลองไปอ่านทำความเข้าใจดูครับ
แต่ล่าสุด ปี 2559 (ประกาศลงวันที่ 29/8/59)
กระทรวงการต่างประเทศ
ประกาศรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ
ในตำแหน่ง นักการทูตปฏิบัติการ
รับวุฒิ ป.ตรี ทุกสาขา ครับ
http://job.mfa.go.th/
https://www.thai.com/thaiupload/mfa201609/mfa201609_1.pdf
http://www.thaijobsgov.com/wp-content/uploads/2016/09/40%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2_%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8_12%E0%B8%81%E0%B8%A2-5%E0%B8%95%E0%B8%84.pdf (สำรอง)
ในส่วนการเตรียมตัวสอบข้อเขียน ประกาศรับสมัครฯ จะระบุขอบเขตเนื้อหาวิชาที่ใช้สอบมาให้แล้ว
ประกาศรับสมัครสอบแข่งขันนักการทูตปฏิบัติการ ปี 2558 ระบุหลักสูตรการสอบแข่งขันไว้ดังนี้
1. การสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (200 คะแนน สอบข้อเขียนปรนัย)
1.1 วิชาความรู้ความสามารถทั่วไป 100 คะแนน เป็นข้อสอบภาษาไทย
เพื่อทดสอบความรู้ความสามารถทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในมิติต่างๆ
ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม กฎหมาย ฯลฯ ทั้งของประเทศไทย และของโลก
1.2 วิชาการใช้ภาษาอังกฤษ 100 คะแนน เป็นข้อสอบภาษาอังกฤษ
เพื่อทดสอบทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ เช่น ไวยากรณ์ และการอ่านจับใจความ เป็นต้น
2. การสอบแข่งขันเพื่อวัดความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง (200 คะแนน สอบข้อเขียนอัตนัย)
2.1 วิชาความรู้ภาษาต่างประเทศ 100 คะแนน
2.1.1 เรียงความเป็นภาษาต่างประเทศ (สามารถเลือกตอบเป็น ภาษา รัสเซีย จีน อังกฤษ
ฝรั่งเศส สเปน อารบิก โปรตุเกส ญี่ปุ่น เยอรมัน บาฮาชา พม่า เขมร หรือ เวียดนาม)
2.1.2 ย่อความภาษาอังกฤษเป็นภาษาอังกฤษ
2.1.3 แปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ
2.1.4 แปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย
2.2 วิชาความรู้สำหรับนักการทูต 100 คะแนน มีข้อสอบ 4 ข้อ บังคับทำ 1 ข้อ และให้เลือกทำ 2 ใน 3 ข้อ
สามารถเลือกตอบเป็น ภาษาไทย รัสเซีย จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน อารบิก โปรตุเกส ญี่ปุ่น เยอรมัน บาฮาชา พม่า เขมร หรือ เวียดนาม)
2.2.1 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (บังคับทำ)
2.2.2 องค์การระหว่างประเทศ (เลือกทำ)
2.2.3 เศรษฐกิจระหว่างประเทศ (เลือกทำ)
2.2.4 กฎหมายระหว่างประเทศ (เลือกทำ)
จะสังเกตได้ว่า การสอบนักการทูตปฏิบัติการ
สิ่งที่ควรเน้นหนักมี 2 ประการ คือ
1. ทักษะภาษาอังกฤษ เพราะเป็นพื้นฐานในการทำข้อสอบ และ
2. ความรู้ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะเป็นเนื้อหาที่ออกข้อสอบ ครับ
หากจะเตรียมตัว ก็เตรียมทักษะในข้อ 1. และ ความรู้ในข้อ 2. ให้มากๆนะครับ
ข้อแนะนำ
ไม่ต้องกังวล ว่า นามสกุลไม่ได้ดัง เส้นไม่ใหญ่ ไม่มีทุนทรัพย์ในการไปเรียนต่อนอก
ทูต คือ ข้าราชการ ประเภทหนึ่ง ต้องมีการสอบแข่งขันเข้าตามกระบวนการ
สามารถเป็นได้แน่นอนถ้าสอบผ่าน ไอ้เรื่องเส้นน่ะ อย่าไปฟังคนอื่นมาก
ตำแหน่งประเภทนี้ ระดับนี้ ไอ้พวกเส้นล้วนๆ ไม่มีความสามารถ ฝากเข้ามาเลยแบบไม่ต้องสอบน่ะ ไม่มีหรอกครับ
อีกอย่างนึง คนเก่งกว่าเราก็อยากเป็นทูตเยอะแยะ
ถ้าเราอ่อนหัด ไม่พัฒนาตัวเอง ก็ไม่มีวันได้เป็นหรอกครับ
รู้ว่าอ่อนอะไร ก็ไปฝึกหัดมา
รู้ว่าเกรดไม่ดี ก็ขยันให้มากๆ
อยากเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ดังๆ ก็ต้องขยัน ต้องเก่ง ต้องพยายาม ครับ
ส่วนที่เขาว่าต้องมีช้งมีเชื้อ ต้องตระกูลดี อะไรนั่น มั่วทั้งเพ
ประกาศรับสมัครสอบเขาระบุไว้ไม๊ว่าต้องมีเชื้อใคร ต้องตระกูลอะไร
ไอ้ที่ดูเหมือนมีแต่ลูกคนใหญ่คนโตได้เป็น เพราะพวกนี้มีพื้นฐานมีโอกาสดีกว่าคนธรรมดา
เช่น เรียน ม. Topๆ, บางคนจบนอก, พื้นฐานภาษาดีมากๆ, พ่อแม่ตระเตรียมลูกมาดี ฯลฯ ครับ
ไม่ได้เกี่ยวกับเส้น หรือ ตระกูลอะไรเลย
คนธรรมดาเป็นนักการทูตได้แน่นอน ถ้าสอบผ่าน
ทั้งนี้เรื่องสถาบัน ก็ไม่ได้กำหนดว่าต้องจบจากที่ใด เพราะฉะนั้น เรียนที่ไหนก็ได้ให้จบครับ
ซึ่งข้าราชการพลเรือนสามัญ กำหนดเพียงมีสัญชาติไทย เท่านั้น
(ประกาศรับสมัคร https://www.ประกาศผลสอบ.com/pdf/082557/1472714601.pdf)
ผู้ที่มีหมายเลขประจำตัวประชาชน ขึ้นต้นด้วยเลข 8 หมายถึง
1. คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมาย
2. คนที่ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย
เพราะฉะนั้น ไม่สำคัญว่า บัตรประชาชนของคุณจะขึ้นต้นด้วยเลขอะไร
เพราะการจะสมัครสอบเป็นข้าราชการประเทศไทย สำคัญที่ สัญชาติ
ถ้าบัตรประชาชนของคุณจะขึ้นต้นด้วยเลข 8 แต่คุณเป็นคนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมาย (ไม่มีสัญชาติไทย) คุณก็สอบไม่ได้
แต่ถ้า ถ้าบัตรประชาชนของคุณจะขึ้นต้นด้วยเลข 8 แต่คุณเป็นคนที่ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย คุณก็สอบได้
กรณีนี้ข้าราชการที่คุณสามารถจะเป็นได้ คือข้าราชการที่กำหนดคุณสมบัติสัญชาติ ไว้เพียง มีสัญชาติไทย เท่านั้น
เงื่อนไขคุณสมบัติของ สัญชาติ ของผู้ที่จะสมัครสอบเป็นข้าราชการ แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
1. มีสัญชาติไทย
2. มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
3. มีสัญชาติไทยโดยการเกิด และบิดามารดาผู้ให้กำเนิดมีสัญชาติไทยโดยการเกิด แต่ถ้าบิดาเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรหรือชั้นประทวน หรือเป็นข้าราชการตำรวจซึ่งมีสัญชาติไทยโดยการเกิดแล้ว มารดาจะมิใช่เป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดก็ได้
คุณสมบัติ 1. มีสัญชาติไทย (เฉย ๆ) จะเป็นคุณสมบัติของข้าราชการพลเรือนทั่ว ๆ ไป (ข้าราชการที่สังกัดกระทรวง กรม ฝ่ายพลเรือน)
คือไม่ต้องมีสัญชาติไทยโดยการเกิดก็ได้ (ได้สัญชาติไทยหลังการเกิดก็ได้ เช่น ได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ)
คุณสมบัติ 2. มีสัญชาติไทยโดยการเกิด จะเป็นคุณสมบัติของ ข้าราชการตุลาการ, ข้าราชการอัยการ, ข้าราชการทหารและข้าราชการตำรวจกรณีสมัครสอบบรรจุในฐานะบุคคลภายนอก, นักเรียนนายสิบตำรวจ
คุณสมบัติ 3. มีสัญชาติไทยโดยการเกิด และบิดามารดาผู้ให้กำเนิดมีสัญชาติไทยโดยการเกิด แต่ถ้าบิดาเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรหรือชั้นประทวน หรือเป็นข้าราชการตำรวจซึ่งมีสัญชาติไทยโดยการเกิดแล้ว มารดาจะมิใช่เป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดก็ได้
เป็นคุณสมบัติของ ผู้ที่จะสมัครเป็น นักเรียนเตรียมทหาร นักเรียนนายร้อย นักเรียนนายร้อยตำรวจ นักเรียนนายสิบทหารบก นักเรียนจ่าทหารเรือ นักเรียนจ่าอากาศ
การจะมีสัญชาติไทยด้วยการเกิด จะต้องเข้ามาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ. สัญชาติ พ.ศ. 2508
คือ 1. เป็นผู้เกิดโดยบิดาหรือมารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย ไม่ว่าจะเกิดในหรือนอกราชอาณาจักรไทย
2. เป็นผู้เกิดในราชอาณาจักรไทย ยกเว้นบุคคลตามมาตรา 7 ทวิ วรรคหนึ่ง
- มาตรา 7 ทวิ วรรคหนึ่ง ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทย โดยบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ย่อมไม่ได้รับสัญชาติไทย ถ้าในขณะที่เกิดบิดาตามกฎหมายหรือบิดาซึ่งมิได้มีการสมรสกับมารดาหรือมารดาของผู้นั้นเป็น
(1) ผู้ที่ได้รับการผ่อนผันให้พักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย หรือ
(2) ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าอยู่ในราชอาณาจักรไทยเพียงชั่วคราว หรือ
(3) ผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
------------------------
นักการทูต
โดยทั่ว ๆ ไป มักจะไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วนักการทูตต้องเรียนจบอะไรมาถึงจะเป็นได้
คนส่วนมากจะคิดว่าต้องจบเฉพาะแต่ รัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เท่านั้น
แน่นอนว่าว่า รัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จะตรงสายที่สุด
แต่จริงๆแล้ว การเป็น นักการทูต สามารถรับบัณฑิตได้จากหลายสาขาวิชาครับ
ทูต คือ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทวิชาการ ตำแหน่งหนึ่ง
เรียกว่า นักการทูต (ปฏิบัติการ, ชำนาญการ, ชำนาญการพิเศษ)
การจะเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญได้
ก็ต้องสอบแข่งขันเข้ามาตามขั้นตอน คือ
1. ภาค ก. ความรู้ความสามารทั่วไป
2. ภาค ข. ความรู้เฉพาะตำแหน่ง
3. ภาค ค. ความเหมาะสมกับตำแหน่ง (สัมภาษณ์)
คนธรรมดาๆ ทุกคนมีสิทธิเป็นข้าราชการได้เท่าเทียมกัน
หากคุณสมบัติพื้นฐานครบถ้วน เช่น วุฒิการศึกษา อายุ สัญชาติ เป็นต้น
ตามประกาศรับสมัครสอบแข่งขันปี 2558
นักการทูตปฏิบัติการ ต้องมีคุณวุฒิอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่
ปริญญาตรีหรือคุณวุฒิอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกัน หรือ
ปริญญาโทหรือคุณอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกัน
ในสาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง หรือ หลายสาขาวิชา ดังต่อไปนี้
สาขาวิชารัฐศาสตร์
สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์
สาขาวิชาบริหารรัฐกิจ
สาขาวิชาบริหารธุรกิจ
สาขาวิชาการจัดการ
สาขาวิชานิติศาสตร์
สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์
สาขาวิชาการบัญชี
สาขาวิชาภาษา วรรณคดี
สาขาวิชาศึกษาศาสตร์
สาขาวิชาศิลปะ วัฒนธรรม
สาขาวิชาประวัติศาสตร์ โบราณคดี
สาขาวิชาปรัชญา ศาสนา เทววิทยา
สาขาวิชาสังคมศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์
สาขาวิชานิเทศศาสตร์
http://job.mfa.go.th/201502/mfa201502.pdf
อันนี้เป็นประกาศรับสมัครสอบปี 2558 ลองไปอ่านทำความเข้าใจดูครับ
แต่ล่าสุด ปี 2559 (ประกาศลงวันที่ 29/8/59)
กระทรวงการต่างประเทศ
ประกาศรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ
ในตำแหน่ง นักการทูตปฏิบัติการ
รับวุฒิ ป.ตรี ทุกสาขา ครับ
http://job.mfa.go.th/
https://www.thai.com/thaiupload/mfa201609/mfa201609_1.pdf
http://www.thaijobsgov.com/wp-content/uploads/2016/09/40%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2_%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8_12%E0%B8%81%E0%B8%A2-5%E0%B8%95%E0%B8%84.pdf (สำรอง)
ในส่วนการเตรียมตัวสอบข้อเขียน ประกาศรับสมัครฯ จะระบุขอบเขตเนื้อหาวิชาที่ใช้สอบมาให้แล้ว
ประกาศรับสมัครสอบแข่งขันนักการทูตปฏิบัติการ ปี 2558 ระบุหลักสูตรการสอบแข่งขันไว้ดังนี้
1. การสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (200 คะแนน สอบข้อเขียนปรนัย)
1.1 วิชาความรู้ความสามารถทั่วไป 100 คะแนน เป็นข้อสอบภาษาไทย
เพื่อทดสอบความรู้ความสามารถทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในมิติต่างๆ
ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม กฎหมาย ฯลฯ ทั้งของประเทศไทย และของโลก
1.2 วิชาการใช้ภาษาอังกฤษ 100 คะแนน เป็นข้อสอบภาษาอังกฤษ
เพื่อทดสอบทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ เช่น ไวยากรณ์ และการอ่านจับใจความ เป็นต้น
2. การสอบแข่งขันเพื่อวัดความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง (200 คะแนน สอบข้อเขียนอัตนัย)
2.1 วิชาความรู้ภาษาต่างประเทศ 100 คะแนน
2.1.1 เรียงความเป็นภาษาต่างประเทศ (สามารถเลือกตอบเป็น ภาษา รัสเซีย จีน อังกฤษ
ฝรั่งเศส สเปน อารบิก โปรตุเกส ญี่ปุ่น เยอรมัน บาฮาชา พม่า เขมร หรือ เวียดนาม)
2.1.2 ย่อความภาษาอังกฤษเป็นภาษาอังกฤษ
2.1.3 แปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ
2.1.4 แปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย
2.2 วิชาความรู้สำหรับนักการทูต 100 คะแนน มีข้อสอบ 4 ข้อ บังคับทำ 1 ข้อ และให้เลือกทำ 2 ใน 3 ข้อ
สามารถเลือกตอบเป็น ภาษาไทย รัสเซีย จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน อารบิก โปรตุเกส ญี่ปุ่น เยอรมัน บาฮาชา พม่า เขมร หรือ เวียดนาม)
2.2.1 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (บังคับทำ)
2.2.2 องค์การระหว่างประเทศ (เลือกทำ)
2.2.3 เศรษฐกิจระหว่างประเทศ (เลือกทำ)
2.2.4 กฎหมายระหว่างประเทศ (เลือกทำ)
จะสังเกตได้ว่า การสอบนักการทูตปฏิบัติการ
สิ่งที่ควรเน้นหนักมี 2 ประการ คือ
1. ทักษะภาษาอังกฤษ เพราะเป็นพื้นฐานในการทำข้อสอบ และ
2. ความรู้ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะเป็นเนื้อหาที่ออกข้อสอบ ครับ
หากจะเตรียมตัว ก็เตรียมทักษะในข้อ 1. และ ความรู้ในข้อ 2. ให้มากๆนะครับ
ข้อแนะนำ
ไม่ต้องกังวล ว่า นามสกุลไม่ได้ดัง เส้นไม่ใหญ่ ไม่มีทุนทรัพย์ในการไปเรียนต่อนอก
ทูต คือ ข้าราชการ ประเภทหนึ่ง ต้องมีการสอบแข่งขันเข้าตามกระบวนการ
สามารถเป็นได้แน่นอนถ้าสอบผ่าน ไอ้เรื่องเส้นน่ะ อย่าไปฟังคนอื่นมาก
ตำแหน่งประเภทนี้ ระดับนี้ ไอ้พวกเส้นล้วนๆ ไม่มีความสามารถ ฝากเข้ามาเลยแบบไม่ต้องสอบน่ะ ไม่มีหรอกครับ
อีกอย่างนึง คนเก่งกว่าเราก็อยากเป็นทูตเยอะแยะ
ถ้าเราอ่อนหัด ไม่พัฒนาตัวเอง ก็ไม่มีวันได้เป็นหรอกครับ
รู้ว่าอ่อนอะไร ก็ไปฝึกหัดมา
รู้ว่าเกรดไม่ดี ก็ขยันให้มากๆ
อยากเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ดังๆ ก็ต้องขยัน ต้องเก่ง ต้องพยายาม ครับ
ส่วนที่เขาว่าต้องมีช้งมีเชื้อ ต้องตระกูลดี อะไรนั่น มั่วทั้งเพ
ประกาศรับสมัครสอบเขาระบุไว้ไม๊ว่าต้องมีเชื้อใคร ต้องตระกูลอะไร
ไอ้ที่ดูเหมือนมีแต่ลูกคนใหญ่คนโตได้เป็น เพราะพวกนี้มีพื้นฐานมีโอกาสดีกว่าคนธรรมดา
เช่น เรียน ม. Topๆ, บางคนจบนอก, พื้นฐานภาษาดีมากๆ, พ่อแม่ตระเตรียมลูกมาดี ฯลฯ ครับ
ไม่ได้เกี่ยวกับเส้น หรือ ตระกูลอะไรเลย
คนธรรมดาเป็นนักการทูตได้แน่นอน ถ้าสอบผ่าน
ทั้งนี้เรื่องสถาบัน ก็ไม่ได้กำหนดว่าต้องจบจากที่ใด เพราะฉะนั้น เรียนที่ไหนก็ได้ให้จบครับ
แสดงความคิดเห็น
ใครเคยไปสอบนักการทูตบ้างค่ะ พอดีว่าอยากทราบว่าควรเตรียมตัวอย่างไร
มีคนบอกว่าเรากล้าสอบเหรอ นามสกุลไม่ดัง เขาใช้เส้นสายนะ แต่เราไม่เชื่ออะ เราไม่กลัวเส้นสายหรอกแต่กลัวคนเก่งกว่า ขยันกว่า พยายามมากกว่าเรา เราจะลองดู พยายามให้ถึงที่สุด ถ้าไม่ได้เราก็ไม่เสียใจ เราดีใจถ้าเราได้พยายามมากที่สุดเท่าที่ตัวเองทำได้แล้ว