วันนี้มีโอกาสได้ดู The circle เดอะ เซอร์เคิล ที่เขารีวิวกันในทวิตเตอร์ เราดูเพราะชื่นชอบ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) เป็นการส่วนตัวติดตามมาตั้งแต่ที่นางยังเป็นแม่มดน้อย ในแฮรี่ พอตเตอร์จนกลายเป็นสาว แล้วเรื่องนี้ก็สมกับที่เราหามาดูมาก เพราะ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) สวย และน่ารักเกือบทุกฉากเลย เลิฟฟ อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ Tom Hanks ของเรานั่นเอง ปกติเราจะคุ้นพี่ ทอม แฮงส์ ในบทบาทตัวละครดีดี แต่เรื่องนี้จะได้เห็นมุมที่ต่างออกไปแต่ไม่ขอสปอยด์นะว่าเป็นมุมไหน อยากให้ดูเอง แต่ยังไงรางวัลออสการ์ที่พี่แกทั้งได้รับทั้งได้เสนอชื่อเข้าชิง แค่นี้ก็การันตีได้แล้วว่าตอนเข้าฉากกับ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) จะน่าสนใจขนาดไหน
ประเด็นของหนังจะเกี่ยวกับพวกเทคโนโลยีนำสมัยพวกกล้องจับภาพวิดีโอ โลกออนไลน์ อะไรทำนองนี้ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) ก็รับบทเป็นพนักงานน้องใหม่ของบริษัท แค่เห็นเดินมาสมัครก็อยากรับแล้วอะ เก่งมั้ยไม่รู้ รู้ว่าสวย จบ จนได้เข้ามาทำงานก็มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นในระหว่างที่ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) กำลังไปได้ดี หนังพยามเสนอเรื่องการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน ให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรา โลกของหนังจะติดกล้องไปทั่วทุกมุม และตัว เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) ก็จะติดกล้องที่ตัวพร้อมออนไลน์ตลอดเวลา และใช่ค่ะ ถ้าเป็นจริงคงฟิน ได้เห็น เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) ตลอด 24 ชั่วโมง
ตอนที่เราอ่านสปอยด์มา คืออยากรู้มากว่าตัวหนังจะเสนอในมุมมองไหนให้ดูสมจริงที่สุด คนเราจะออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงได้ไง ถ้าหน้าไม่ดีนี่จบเลย คือต้องตื่นมาแล้วสวยเหมือน เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) อะ ถึงรอด ภาพรวมดูแล้วโอเค หนังใส่ฉากข้อเสียของการออนไลน์มาเหมือนกัน มันเลยดูเรียลที่เสนอทั้งข้อดีข้อเสีย ถึงจะเน้นไปทางข้อดีซะเยอะ แต่ก็ตามฉบับของหนังอะ อะไรที่ดีตอนต้นเรื่อง ตอนจบก็จะหักมุม แต่เรื่องนี้จะหักมุมนิ่มๆ แต่ถ้าใครดูแล้วอินก็จะสะใจ
เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรมาก ทุกอย่างดำเนินไปตามเวลาปกติ ดูแล้วเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ข้อดีของหนังเรื่องนี้เรายกให้ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) เพราะมีเสน่ห์ทุกฉาก เรื่องบทก็ปูเรื่องค่อนข้างดี ประเด็นหลักชัดเจน ตัวนักแสดงเล่นดี ดูสมทบาท เราชอบเวลาที่ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) เล่นหนังตรงที่ สีหน้า แววตา เขาเข้าถึงบท ดูเชื่อว่าเป็นตัวละครนั้นจริงๆ บทนี้ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) ก็เล่นแล้วดูมีไหวพริบ มีความรู้จริงๆ เชื่อว่าเขาฉลาดจริงๆ คนอะไรจะสวยจะเก่งขนาดนี้อะ ถ้าไม่ใช่แม่มดน้อย เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) นี่ไม่ยอมนะ เราว่ามันเหมาะสำหรับคนที่ชอบดูหนังที่ตัวละครสวย ฉลาด คำพูดสวยๆ กินใจ ถ้าชอบแนวนี้ เรื่องนี้คือตอบโจทย์เลย ซึ่งเราดูแล้วมันโอเค เราให้ 7-8 คำพูดจำในหนังที่เราชอบๆ มีอยู่สองสามประโยค (รูปอาจมีสปอยด์)
(กลัวจะเก่งไม่พอ) อันนี้เป็นฉากที่นางมาสัมภาษณ์งานกับบริษัทหลักของหนัง หน้าว่าสวยแล้วคำตอบสวยกว่า ดูรูปแค่นี้อาจจะงงๆ ต้องดูเนื้อเรื่องแล้วจะชอบคำตอบนี้มาก
(การเก็บความลับเท่ากับโกหก )
การได้รู้เป็นเรื่องที่ดี การได้รู้ทุกอย่างมันดีกว่าเยอะ
ฉากนี้เป็นตอนที่ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) พูดกับบริษัทและพนักงานทุกคน อันนี้เราว่าเป็นจุด Climax ของเรื่อง ถ้าคนที่ได้ดูจะรู้สึกว่านี่คือจุดเปลี่ยนของ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) กับของหนัง
สุดท้ายนี้ เราว่าเรารู้สึกชอบนะ หนังมันมีอะไรมากกว่าที่เสนอมาในตัวอย่าง แล้วก็อยากให้คนได้ดูผลงานของ Emma ด้วย เพราะคนนี้ ยิ่งเล่นยิ่งมีเสน่ห์ ยิ่งดูยิ่งหลง เห็นละจะอยากจะถอดวิกกลับไปแมนแมนเตะบอล แต่ติดที่ว่า เตะไม่ได้เดี๋ยวเล็บหลุดเพ้นท์มาแพงค่ะ อิอิ ถ้ามีตรงไหนที่คิด หรือเขียนผิดขออภัยด้วยเด้อออออ
ปล.ขอบคุณภาพจาก App MONOMAXXX ด้วยน้า
เมื่อแม่มดสาว เฮอร์ไมโอนี่ ผันตัวกลายมาเป็นพนักงานบริษัท?
ประเด็นของหนังจะเกี่ยวกับพวกเทคโนโลยีนำสมัยพวกกล้องจับภาพวิดีโอ โลกออนไลน์ อะไรทำนองนี้ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) ก็รับบทเป็นพนักงานน้องใหม่ของบริษัท แค่เห็นเดินมาสมัครก็อยากรับแล้วอะ เก่งมั้ยไม่รู้ รู้ว่าสวย จบ จนได้เข้ามาทำงานก็มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นในระหว่างที่ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) กำลังไปได้ดี หนังพยามเสนอเรื่องการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน ให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรา โลกของหนังจะติดกล้องไปทั่วทุกมุม และตัว เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) ก็จะติดกล้องที่ตัวพร้อมออนไลน์ตลอดเวลา และใช่ค่ะ ถ้าเป็นจริงคงฟิน ได้เห็น เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) ตลอด 24 ชั่วโมง
ตอนที่เราอ่านสปอยด์มา คืออยากรู้มากว่าตัวหนังจะเสนอในมุมมองไหนให้ดูสมจริงที่สุด คนเราจะออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงได้ไง ถ้าหน้าไม่ดีนี่จบเลย คือต้องตื่นมาแล้วสวยเหมือน เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) อะ ถึงรอด ภาพรวมดูแล้วโอเค หนังใส่ฉากข้อเสียของการออนไลน์มาเหมือนกัน มันเลยดูเรียลที่เสนอทั้งข้อดีข้อเสีย ถึงจะเน้นไปทางข้อดีซะเยอะ แต่ก็ตามฉบับของหนังอะ อะไรที่ดีตอนต้นเรื่อง ตอนจบก็จะหักมุม แต่เรื่องนี้จะหักมุมนิ่มๆ แต่ถ้าใครดูแล้วอินก็จะสะใจ
เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรมาก ทุกอย่างดำเนินไปตามเวลาปกติ ดูแล้วเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ข้อดีของหนังเรื่องนี้เรายกให้ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) เพราะมีเสน่ห์ทุกฉาก เรื่องบทก็ปูเรื่องค่อนข้างดี ประเด็นหลักชัดเจน ตัวนักแสดงเล่นดี ดูสมทบาท เราชอบเวลาที่ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) เล่นหนังตรงที่ สีหน้า แววตา เขาเข้าถึงบท ดูเชื่อว่าเป็นตัวละครนั้นจริงๆ บทนี้ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) ก็เล่นแล้วดูมีไหวพริบ มีความรู้จริงๆ เชื่อว่าเขาฉลาดจริงๆ คนอะไรจะสวยจะเก่งขนาดนี้อะ ถ้าไม่ใช่แม่มดน้อย เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) นี่ไม่ยอมนะ เราว่ามันเหมาะสำหรับคนที่ชอบดูหนังที่ตัวละครสวย ฉลาด คำพูดสวยๆ กินใจ ถ้าชอบแนวนี้ เรื่องนี้คือตอบโจทย์เลย ซึ่งเราดูแล้วมันโอเค เราให้ 7-8 คำพูดจำในหนังที่เราชอบๆ มีอยู่สองสามประโยค (รูปอาจมีสปอยด์)
(กลัวจะเก่งไม่พอ) อันนี้เป็นฉากที่นางมาสัมภาษณ์งานกับบริษัทหลักของหนัง หน้าว่าสวยแล้วคำตอบสวยกว่า ดูรูปแค่นี้อาจจะงงๆ ต้องดูเนื้อเรื่องแล้วจะชอบคำตอบนี้มาก
(การเก็บความลับเท่ากับโกหก )
การได้รู้เป็นเรื่องที่ดี การได้รู้ทุกอย่างมันดีกว่าเยอะ
ฉากนี้เป็นตอนที่ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) พูดกับบริษัทและพนักงานทุกคน อันนี้เราว่าเป็นจุด Climax ของเรื่อง ถ้าคนที่ได้ดูจะรู้สึกว่านี่คือจุดเปลี่ยนของ เอ็มมา วอตสัน (Emma Watson) กับของหนัง
สุดท้ายนี้ เราว่าเรารู้สึกชอบนะ หนังมันมีอะไรมากกว่าที่เสนอมาในตัวอย่าง แล้วก็อยากให้คนได้ดูผลงานของ Emma ด้วย เพราะคนนี้ ยิ่งเล่นยิ่งมีเสน่ห์ ยิ่งดูยิ่งหลง เห็นละจะอยากจะถอดวิกกลับไปแมนแมนเตะบอล แต่ติดที่ว่า เตะไม่ได้เดี๋ยวเล็บหลุดเพ้นท์มาแพงค่ะ อิอิ ถ้ามีตรงไหนที่คิด หรือเขียนผิดขออภัยด้วยเด้อออออ
ปล.ขอบคุณภาพจาก App MONOMAXXX ด้วยน้า