ทำไมต้องเป็นหนี้
ในการลงทุนอสังหาจะมีเสน่ห์อยู่หลายอย่าง เช่น เป็นทรัพย์สินที่เห็นเป็นตัวเป็นตน ไม่หายไปไหน สามารถสร้างรายได้ มีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ และสามารถใช้พลังทวีได้
สมมุติว่า เราต้องการลงทุนในบ้านหลังหนึ่ง ที่มีราคาขาย 1,000,000 บาท ซึ่งเราใช้เงินสดซื้อมา และปล่อยเช่า ได้เดือนละ 5,000 บาท ผ่านไป 5 ปี สมมุติว่าอัตราการเติบโตอยู่ที่ 6% ต่อปี ราคาขาย ณ เวลานั้นจะเป็น 1,300,000 บาท รวมกับค่าเช่าที่เราได้ตลอด 5 ปี เป็นรายได้จากค่าเช่า 300,000 บาท ดังนั้นเมื่อขายบ้านหลังนี้ไป ผลตอบแทนของการลงทุนทั้งหมด จะอยู่ที่ 1,600,000 บาท คิดเป็น 160% ของการลงทุน
แต่ในกรณีกลับกัน ถ้าเราเปลี่ยนไปกู้เงินธนาคาร โดยวางเงินดาว หลังละ 100,000 บาท และกู้เงิน หลังละ 900,000 บาท เราจะสามารถซื้อได้ 10 หลัง และเรานำมาปล่อยเช่า ได้ค่าเช่าหลังละ 5,000 บาท แต่เราต้องเสียดอกเบี้ย 5% ของเงินกู้ คิดเป็นเดือนละ 4,500 บาท ต่อหลังต่อเดือน สมมุติว่าเราไม่มีเงินเหลือเลย ส่งเต็ม 5,000 บาท แต่เราขายบ้าน 10 หลังในอีก 5 ปีข้างหน้า และอัตราการเติบโตอยู่ที่ 6% เท่ากรณีแรก เราก็จะขายบ้าน 10 หลังในราคาหลังละ 1,300,000 บาท แต่เราส่งคืนธนาคาร 1,000,000 บาท เราจึงมีกำไรที่แท้จริงหลังละ 300,000 บาท มีบ้านทั้งหมด 10 หลัง เราจึงได้เงินมาทั้งหมด 3,000,000 บาท คิดเป็นผลตอบแทนของการลงทุน 300% กันเลยทีเดียว ทั้งนี้กการจะลงทุนจะต้องคำนึงถึงการดูแล การจัดการ ทำเล ค่าเช่า รวมถึงความเสี่ยงที่จะไม่มีคนเช่า แต่ในกรณีสมมุติเราจะไม่พูดถึง
แต่ในครั้งนี้ผมเพียงที่จะแสดงให้เห็นว่า ถ้าจะลงทุนอะไรสักอย่าง ยิ่งใช้เงินตัวเองน้อยเท่าไหร่ยิ่งเพิ่มโอกาสได้เท่านั้น ครับ
แต่ก็ขอย้ำว่ามันเป็นเพียงตัวอย่างสมมุติสให้เห็นความแตกต่างของพลังทวีในการกู้เงิน และการสร้างหนี้ดี แต่ในการลงทุนจริงๆจะมีรายละเอียดมากกว่านี้ที่ต้องศึกษาเรียนรู้
ขอให้โชคดีทุกคนครับ
ทำไมต้องเป็นหนี้ พลังทวี และกาทรกู้เงิน
ในการลงทุนอสังหาจะมีเสน่ห์อยู่หลายอย่าง เช่น เป็นทรัพย์สินที่เห็นเป็นตัวเป็นตน ไม่หายไปไหน สามารถสร้างรายได้ มีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ และสามารถใช้พลังทวีได้
สมมุติว่า เราต้องการลงทุนในบ้านหลังหนึ่ง ที่มีราคาขาย 1,000,000 บาท ซึ่งเราใช้เงินสดซื้อมา และปล่อยเช่า ได้เดือนละ 5,000 บาท ผ่านไป 5 ปี สมมุติว่าอัตราการเติบโตอยู่ที่ 6% ต่อปี ราคาขาย ณ เวลานั้นจะเป็น 1,300,000 บาท รวมกับค่าเช่าที่เราได้ตลอด 5 ปี เป็นรายได้จากค่าเช่า 300,000 บาท ดังนั้นเมื่อขายบ้านหลังนี้ไป ผลตอบแทนของการลงทุนทั้งหมด จะอยู่ที่ 1,600,000 บาท คิดเป็น 160% ของการลงทุน
แต่ในกรณีกลับกัน ถ้าเราเปลี่ยนไปกู้เงินธนาคาร โดยวางเงินดาว หลังละ 100,000 บาท และกู้เงิน หลังละ 900,000 บาท เราจะสามารถซื้อได้ 10 หลัง และเรานำมาปล่อยเช่า ได้ค่าเช่าหลังละ 5,000 บาท แต่เราต้องเสียดอกเบี้ย 5% ของเงินกู้ คิดเป็นเดือนละ 4,500 บาท ต่อหลังต่อเดือน สมมุติว่าเราไม่มีเงินเหลือเลย ส่งเต็ม 5,000 บาท แต่เราขายบ้าน 10 หลังในอีก 5 ปีข้างหน้า และอัตราการเติบโตอยู่ที่ 6% เท่ากรณีแรก เราก็จะขายบ้าน 10 หลังในราคาหลังละ 1,300,000 บาท แต่เราส่งคืนธนาคาร 1,000,000 บาท เราจึงมีกำไรที่แท้จริงหลังละ 300,000 บาท มีบ้านทั้งหมด 10 หลัง เราจึงได้เงินมาทั้งหมด 3,000,000 บาท คิดเป็นผลตอบแทนของการลงทุน 300% กันเลยทีเดียว ทั้งนี้กการจะลงทุนจะต้องคำนึงถึงการดูแล การจัดการ ทำเล ค่าเช่า รวมถึงความเสี่ยงที่จะไม่มีคนเช่า แต่ในกรณีสมมุติเราจะไม่พูดถึง
แต่ในครั้งนี้ผมเพียงที่จะแสดงให้เห็นว่า ถ้าจะลงทุนอะไรสักอย่าง ยิ่งใช้เงินตัวเองน้อยเท่าไหร่ยิ่งเพิ่มโอกาสได้เท่านั้น ครับ
แต่ก็ขอย้ำว่ามันเป็นเพียงตัวอย่างสมมุติสให้เห็นความแตกต่างของพลังทวีในการกู้เงิน และการสร้างหนี้ดี แต่ในการลงทุนจริงๆจะมีรายละเอียดมากกว่านี้ที่ต้องศึกษาเรียนรู้
ขอให้โชคดีทุกคนครับ