แชร์ประสบการณ์ครับ หญิง-ไบ-ชาย-ตุ๊ด

สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผม ถ้าอ่านยากหรือเข้าใจยากยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ ต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงจากชีวิตผมที่อยากจะแชร์ให้ได้อ่านกันแก้เบื่อครับ(หรือจะเบื่อมากขึ้นก็ไม่รู้) เริ่มกันเลยละกันครับ

         ผมโตมาได้รับการเลี้ยงดูจากแม่ แม่นม และพี่สาว ในตอนเด็กๆนั้น ผมเลยอาจจะเรียกได้ว่าเกือบจะเป็นตุ๊ดเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยความที่ว่าพ่อผมเค้าเป็นทหารและพอจะมีหน้ามีตาในสังคมบ้าง พ่อเลยไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไรกับการที่ลูกจะเป็นตุ๊ดพ่อเลยให้ผมไปหัดต่อยมวยบ้าง แตะบอลบ้าง จนผมโตมาเป็นเหมือนเด็กผู้ชายปกติที่ไม่มีท่าทางหรืออาการออกว่าสาว

         พอเริ่มเข้ามอต้น ผมก็ชอบเด็กผู้หญิงเหมือนเด็กผู้ชายอื่นทั่วๆไป ซึ่งถือว่าเป็นรักแรกของผมหรือ puppy love แบบเด็กๆเลยก็ว่าได้ จากนั้นผมก็เข้าเรียนต่อในระดับ ปวช โดยความคิดของเด็กวัยรุ่นอย่างผมช่วงนั้นคือ เราต้องมีสาวๆคุยเยอะ ถึงจะดูดี ดูเท่ห์ จะว่าไปช่วงนั้นผมมีผู้หญิงคุยทีถึง 3-4 คนในเวลาเดียวกัน โดยไม่ขาดช่วง(ไม่ดีครับ ไม่ควรเป็นแบบอย่าง) จนกระทั่งผมเข้าสู่ชีวิตมหาลัย ตอนนั้นผมก็เริ่มโตขึ้นมาแล้วครับ เลยเริ่มคิดได้ว่าเราควรจะคุยกับใครสักคนเพียงแค่คนเดียว จากนั้นผมก็มีแฟนและคบทีละคนมาเรื่อยๆ ณ ช่วงเวลานั้นถ้าจะถามว่าผมได้มองหรือสนใจผู้ชายบางไหม..... ก็มีมองบางครับ แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าเราก็คงมองเหมือนผู้ชายคนอื่นเค้ามองกัน

         พอหลังเรียนจบผมก็ได้เริ่มงานกับบริษัทแห่งหนึ่งพอทำงานไปได้ปีนึง ผมก็ได้ทุนไปเรียนต่อ ปโท ที่ ตปท ก่อนไปนั้นผมมีแฟนอยู่คนนึงคบกันมาได้ปีนึง พอผมบอกว่าจะไปเรียนต่อ ตปท เค้าก็ไม่ว่าอะไร เค้าว่าจะรอเพราะ ปโท เรียนแค่สองปี ระหว่างที่ผมเรียนไปได้พักหนึ่ง(5เดือน) แฟนผมดันไปคุยกับคนอื่น ผมเลยกลับไทยเพื่อมาเครียให้มันจบๆ สุดท้ายเราก็เลิกกัน

          ระหว่างที่ผมกลับมาไทยนั้นพี่ที่ทำงานเก่าก็รู้เรื่องว่าผมกลับมา แกเลยชวนผมไปกินข้าว พี่เค้าเลยแนะนำผมให้รู้จักกับพนักงานคนใหม่ที่เข้ามาแทนตำแหน่งผม ทำให้ผมได้รู้จักกับไอนิว (นามสมมุติ) และเราก็มี FB กัน พอเครียอะไรในหลายๆเรื่องจบผมก็บินกลับไปเพื่อเรียนต่อ ในวันวาเลนไทน์ของปีนั้นผมได้รับดอกไม้มาช่อนึงจากใครผมก็ไม่ทราบ(มารู้ตอนหลังว่าเป็นของสาวไทยในต่างแดนให้ไว้) ด้วยความที่ว่าความเป็นวัยรุ่น ก็อยากโชว์เป็นเรื่องปกติ ผมเลยถ่ายรูปคู่กับช่อดอกไม้และอับขึ้น FB ไป ทำให้หลายๆคนเข้ามากด like และ comment ในรูปของผม และหนึ่งในนั้นก็มีไอนิว มันก็เข้ามากวนผมใน comment ผมก็เลยกวนมันกลับ จาก comment ใต้ภาพก็คุยไปจนถึงในช่อง inbox ด้วยความที่ว่ามันเป็นคน กวนๆ ตลกๆ และ friendly ไม่ต่างกับผมเราเลยสนิทกันง่าย มันจึงปรึกษาปัญหาเรื่องแฟนมัน(ผู้หญิง)กับผม ผมก็ให้คำแนะนำตามปกติทั่วๆไป ให้มันใจเย็นๆ ค่อยๆคิด แต่สุดท้ายมันก็เลิกกับแฟนมันอยู่ดี

         จากนั้นไม่นานมันก็เลยมาเที่ยวหาผมที่ ตปท และไปๆมาๆ ผมกับมันดันคบกัน มันเป็นแฟนผู้ชายคนแรกและคนเดียวของผม แต่เราก็คบกันได้ไม่ได้ เพียงแค่ปีเดียวผมก็ขอเลิกกับมัน ด้วยความกลัวต่างๆนานาของผมเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสังคม เรื่องหน้าตา ชีวิตความเป็นอยู่ กลัวพ่อแม่จะรับไม่ได้ หรืออะไรต่างๆอีกร้อยแปด ที่ผลุดเข้ามาอยู่ในหัวผมตลอดเวลา แต่ผมไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงกับมันไป เพียงได้แต่บอกว่าเราทะเลาะกันบ่อย คงจะเข้ากันไม่ได้ เท่านั้นเอง และผมสัญญากับตัวเองเลยว่าจะไม่ขอมีแฟนเป็นชายอีก

         ในที่สุดผมก็เรียนจบ ปโท จากเมืองนอกจนสำเร็จตามที่ตั้งใจ และกลับมามีหน้าที่การงานที่ดีทำในไทย ผ่านไปสักระยะหนึ่ง ผมได้เจอกับรุ่นพี่คนนึง ซึ่งเธอสวยมาก เป็นคนผิวสีแทนและหน้าคม ตามสเป็คผม ผมเลยจึงตัดสินใจจีบรุ่นพี่ ผมได้ศึกษาพี่เค้าแค่ช่วงเพียงไม่นาน ผมก็หลงเสนห์พี่เค้าเข้าเสียแล้ว พี่เค้าเป็นสาวสวย เก่ง เป็น working women เหมือนที่ผมต้องการ แถมมี lifestyle ที่คล้ายๆกัน เราไปเที่ยวเดินป่า ดำน้ำ ปีเขา backpack ด้วยกัน ทำให้ผมนั้นคิดไปไกลหวังว่าอยากจะแต่งงานกับพี่เค้า แต่ด้วยความที่ว่าผมไม่เคยหวังกับใครมากขนาดนี้มาก่อน ทำให้ผมไม่เป็นตัวของผมเอง ด้วยความที่ว่าอยากจะทำทุกอย่างให้มันออกมาดี จากที่ผมเคยเป็นคนตลก เฮฮา ก็กลายเป็นวางตัวดูเกรงๆไปหมด จะทำไรก็ไม่กล้า เกรงใจ แทนที่เราจะไปกันได้สวยกับกลายเป็นแบบเดินคู่กันไปแบบปรับกันไปก็ปรับกันมา ไม่ลงตัว ไม่เข้ากันสักที เหมือนมันจะติดขัดอะไรหมด ทำอะไรก็ไม่โอเค เราเลยแยกกันอยู่ไม่คุยไม่ติดต่อกันสัก2เดือน ในช่วง2เดือนนั้น ถ้าถามว่าอยากเจอไหม.... ผมก็ยังอยากเจอพี่เค้าอยู่ตลอด แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกโล่งแปลกๆที่ไม่ต้องไปคอยเกรงๆเวลาอยู่กับพี่เค้า หลังจาก2เดือนผ่านไปเรากลับมาคุยกันอีกครั้งแต่ก็คุยกันได้ประมาณ 4 เดือน จากนั้นมันกลับกลายเป็นการจากลาที่แย่ไปเลยโดยที่ต่างฝ่ายต่างเงียบหายกันไปเลย โดยไม่มีแม้แต่การบอกลา หรือบอกเลิกอะไรทั้งสิ้น

         หลังจากที่ผมเลิกคุยกับพี่เค้าได้ไม่นาน ผมก็ย้ายที่ทำงานใหม่ทำให้ผมไม่ได้คิดเรื่องของพี่เค้าสักเท่าไร มัวแต่ยุ่ง วุ่นกับการศึกษาและเรียนรู้งานใหม่ ผมได้แต่บอกกับตัวเองว่า "พอก่อนนะๆ ทำงานๆ ตั้งใจทำงานสะ แล้วเก็บเงินเที่ยว พอก่อนเรื่องความรัก" แต่ไอเรื่องพวกนี้มันดันไม่เข้าใครออกใคร น้องที่ทำงานใหม่เธอดันมาชอบผมอีก และน้องคนนี้ดันเป็นที่รักของพี่ที่ทำงานใหม่หลายๆคน เธอทั้งนิสัยดี เก่ง ขยันและชอบเอาใจ ผมเลยตัดสินใจเล่าเรื่องคนเก่าให้เธอฟังว่าผมเพิ่งเลิกคุยกับคนเก่ามานะ(ุ6เดือนหลังจากเลิกคนเก่าก็มาเจอน้องคนนี้) ผมไม่พร้อมจะมีใคร แต่ถ้าน้องอยากจะคุยผมก็พร้อมที่จะลองศึกษาไปกับน้องเค้า แต่ด้วยความที่ว่าผมไม่ได้ชอบน้องเค้า ทำให้เราได้ศึกษากันไม่นาน เราก็เลิกยุงกันไปหลังจากคุยกันมาครึ่งปี

         และในตอนนี้ ผมคงพอแล้วจริงๆกับความรักขอทุ่มให้กับงาน ครอบครัวพ่อแม่ของผม และแผนการเที่ยวรอบโลกสักพักใหญ่ๆ(2-3ปี) บางครั้งผมคิดว่านี่มันคงจะเป็นแค่ข้ออ้างของผมที่ยังไม่พร้อมจะมีใคร หรือมันอาจจะเป็นเพราะผมยังไม่เจอใครที่ถูกใจและเคมีตรงกับผมกันแน่


ถาม-ตอบตามความคิดผมครับ
Q:ทำไมผมถึง คบกับหญิง แล้วมาชาย เดียวกับมาคบกับหญิงอีก แล้วเดียวต่อไปจะเป็นไง?
A:สำหรับผมแล้ว ผมไม่ได้สนว่าเค้าคนนั้นจะเป็นเพศไหน จะหน้าตาเป็นไง หรือจะฐานะเป็นไง ขอแค่ใครก็ได้ที่ผมอยู่ด้วยและทำให้ผมมีความสุขแค่นั้นก็พอแล้ว

Q:เกี่ยวกับตัวผม?
A:ตอนนี้ผมอายุ29ปี ทำงานเป็นวิศวะ ลูกครึ่งจีน(แต่ไม่ได้ขาว และไม่ตี๋)





คำถามคาใจครับ
- จากBackgroundของผมแล้ว จะมีผู้หญิงคนไหนที่สามารถรับอดีตพวกนี้ได้ไหมครับ(คำถามนี้ผมไม่ได้ถามเพื่อที่จะหวังว่าหาใคร แต่ผมแค่อยากทราบความคิดเห็น)?

- สำหรับผมก็คงอยากจะมี ลูก และมีครอบครัวที่สมบูรณ์ต่อไป แล้วมันจะเป็นการเห็นแก่ตัวไปไหมครับ ถ้าจะไม่บอกเรื่องพวกนี้กับผู้หญิง?
- หรือถ้าสมมุติบางท่านตอบว่า"มันคงไม่ดี จะเห็นแก่ตัว ฯลฯ " ผมควรทำไง ถ้าผมอยากจะมีลูก ไปหาอุ้มบุญหรือพวกที่เค้ารับจ้างท้องหรอครับ?

ปล.ขอบคุณครับสำหรับพื้นที่ว่างให้ระบายและ/หรือเล่าแชร์ประสบการณ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่