แชร์ไว้สำหรับคนที่อยากผ่าตัดรักษาเหงื่อมือนะคะ
เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นวันนี้เลย
เล่าเท่าที่พอเล่าได้นะ
วิธีการคือการส่องกล้องเข้าไปจี้เส้นประสาทที่เรียกว่า sympathetic nerve ออก ทำลายไม่ให้มันส่งสัญญาณเหงื่อมาออกที่มือ แต่อาจจะมีเหงื่อทดแทนไปออกทีอื่นแทน แต่จะไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน
การนัดแพทย์
พอดีว่าเราคุยกับคุณหมอวารินทร์ไว้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ในขณะนั้นท่านยังคงรับราชการอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่ก็ไม่ตัดสินใจผ่าเพราะกลัวมาก ก็เลยปล่อยทิ้งไว้เพราะไม่มีผลกระทบอะไรหนัก (จริงๆมันหนักและมีผลต่อความมั่นใจ)
จนมาเมื่อ เดือนกรกฎา ตัดสินใจว่าไม่เอาแล้ว เกิดมาทั้งทีก็อยากลองเป็นคนธรรมดาที่มือแห้งๆกับเค้าบ้าง
แต่ว่าคุณหมอวารินทร์เกษียณอายุราชการ และย้ายมาอยู่โรงพยาบาลพญาไท ตอนแรกคิดว่าจะไปโรงพยาบาลตำรวจรักษากับคุณหมอพรพีระเพราะค่าใช้จ่ายถูกกว่ามาก อยู่ที่ 35,000-40000 บาท ไปมาแล้วและตรวจร่างกายนัดวันไปแล้วแต่สุดท้ายใจก็ฝ่ออีก เลยยกเลิกไปและตัดสินใจในที่สุดเราคิดถึงคุณหมอวารินทร์อีกครั้ง คิดทันทีว่า ครั้งนี้เราเอาจริง!!!
วันพบแพทย์
ต้นเดือนกรกฏาคม 2561 เราเดินทางมาพบคุณหมอ ใช้เวลาน้อยมากก็ได้เข้าพบ ประมาณ 10-15 นาทีที่นั่งรอ และ 30 นาทีก็คุยเรียบร้อย คุณหมอก็แจ้งรายละเอียดและราคาการรักษา และก็ถึงกับร้องจ๊าก เพราะราคาการส่องกล้องและค่าห้องรวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 140,000 บาท 🙀 กลับไปนั่งคิดนอนคิด เอาไงดีว๊าาา และในที่สุดก็เอาวะ! ตัดสินใจผ่าเลย
การเตรียมตัว
ก่อนถึงวันนัดผ่าตัดประมาณ 2 อาทิตย์ เราพยายามกินแต่ผักผลไม้ และออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง ไม่รู้ว่ามีผลรึเปล่า แต่ด้วยความกลัวเราพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยที่ผ่าตัดช่องอก บางรายงานเขียนเกี่ยวกับเรื่องที่ผลไม้แก้ช้ำในได้ งดกาแฟ คาเฟอีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอนพักผ่อนเต็มที่และตรงเวลา นอกนั้นก็ไม่มีอะไรพิเศษ
ก่อนหน้าวันผ่าตัด
ความรู้สึกถาโถมกินไม่ได้นอนไม่หลับกระวนกระวายใจและกลัว! (จะมาป๊อดอะไรตอนนี้!) เกือบจะถอดใจไม่เอาแล้ว เพราะอ่านข้อมูลโน่นนี่ถามคนที่เคยผ่า ก็บอกว่ามันเจ็บ หายใจลำบาก และปวดแผล แต่เราก็ดันมารับรู้ตอนนัดไปแล้ว แต่ด้วยการสนับสนุนของพ่อแม่ และ เพื่อนๆ รวมถึงคนที่เคยผ่า ต่างก็บอกว่าทำเถอะ มันคือ Beautiful pain จนตัดสินใจแน่วแน่อีกครั้ง เอาวะ เป็นไงเป็นกัน นอนร้องไห้ 3 วัน 3 คืน 5555
วันผ่า
คุณหมอนัด
7:30 เช้าเพื่อเข้ามาตรวจร่างกาย ตรวจเลือด คลื่นไฟฟ้าหัวใจและปอด วัดไข้ (ผู้ป่วยมีไข้ หรือหวัดไม่สามารถผ่าตัดให้ได้) สุดท้ายพยาบาลบอกว่า สุขภาพดีทุกอย่าง พร้อมผ่า! แอบเสียใจเบาๆ และใจอยากจะกลับบ้าน
9:30 ขึ้นมานอนรอที่ห้องผู้ป่วยใน ของวอร์ด 11 เพื่อเตรียมร่างกาย ช่วงเวลานี้แหละที่ต่อสู้กับตัวเองหนักมากจนจะเป็นลม เพราะใจคิดถึงแต่ภาพห้องผ่าตัดและเครื่องมือแพทย์ คือเป็นคนกลัวเลือดมาก เห็นไม่ได้เลย แต่เอาจริงๆไม่ได้เห็นหรอกนะ 555 แถมกรณีของเรายังจะต้องพ่นยาขยายหลอดลมเพราะที่บ้าน น้องชายมีประวัติหอบหืด เพื่อความปลอดภัยของตัวเราคุณหมอวิสัญญีเลยให้พ่นยาก่อน
10:00 มีบุรุษพยาบาลและเจ้าหน้าที่มาเคลื่อนย้ายไปห้องผ่าตัด ตอนนี้เรากลัวจนร้องไห้ออกมา พยาบาลปลอบกันใหญ่ว่าไม่ต้องกลัวเลย คิดซะว่าไปหลับพักผ่อนนะ
เค้าเข็นเราไปที่ห้องผ่าตัด พยาบาลทุกคนในแผนกนี้แต่งชุดสีเขียวทั้งหมด ห้องขาวสว่าง สะอาดตา ตอนเข้ามาเค้าซักถามประวัติ ให้พูดชื่อ นามสกุล วันเกิด และสำคัญที่สุดเค้าให้เราพูดว่าเรามาผ่าตัดอะไร และคุณหมอก็ชะโงกหน้ามาให้เราเห็น จากนั้นเซ็นชื่อยินยอมให้เชือด!
ประมาณ 10 นาที เค้าพาเราไปห้องดมยา มีวิสัญญีแพทย์เค้ามาคุยด้วยบอกไม่ต้องกลัวนะคะ เดี๋ยวหมอให้นอนนะ แล้วก็มัดแขนเราสองข้าง จากนั้นฉีดยาคลายเครียดเข้าสายน้ำเกลือก่อน ตามด้วยหน้ากากยานอนหลับ มีควันเย็นๆออกมาไม่มีสีไม่มีกลิ่น เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือ ง่วงก็นอนเลยนะคะ จากนั้นดับวืด ไม่รู้อะไรเลย
ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่ แต่คิดว่าประมาณ 1 ชม. สุดท้ายเราได้ยินเสียงคนเรียก บอกว่าตื่นนะคะ กอดอกไว้ เรารู้สึกเจ็บแขนนิดๆ จากนั้นก็หลับไปอีก มาฟื้นอยู่อีกห้อง พยาบาลเวียนมาเช็คอาการ ให้ยาแก้ปวด และเคลื่อนเรากลับมาหาแม่กับชิง ตอนเห็นหน้าแม่ เรามีความสุขมาก โล่งอก ผ่านไปแล้ว
มือเราแห้งสนิท ไม่มีเหงื่อเลยแม้จะรู้สึกร้อนก็ตาม เราไม่มีอาการบาดเจ็บแบบทรมานเลย หายใจได้ปกติ แต่มีจุกเสียดนิดหน่อย แต่สิ่งที่น่าดีใจมากที่สุดคือ มือเราแห้งสนิทแบบไม่เคยเป็นมาก่อนเลย 👍
หากใครต้องการหลุดพ้นจากอาการเหงื่อออกมือ ทำเลยนะอย่ากลัว อย่าลังเล เพราะสุดท้ายแล้วตัวเราเองนี่แหละที่จะอยู่กับมันไปตลอดชีวิต!
ภาพก่อนการรักษา
ภาพหลังการรักษา
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณโรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์
คุณหมอวารินทร์
พี่ๆพยาบาลและเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลเป็นอย่างดี
ขอขอบคุณบริษัท Aetna ประกันภัย สำหรับค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาล ครอบคลุมดีมาก คิดว่าจะทำเพิ่มให้คนในครอบครัวด้วย
ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่และเพื่อนๆ ที่ให้กำลังใจตลอดเวลาที่ผ่านมา ขอบคุณจริงๆค่ะ
ปล. ถ้าใครมีคำถามเพิ่มเติม อยากได้คำแนะนำ หลังไมค์มาได้นะคะ
<รีวิว> ผ่าตัดรักษาเหงื่อออกมือที่โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์
เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นวันนี้เลย เล่าเท่าที่พอเล่าได้นะ
วิธีการคือการส่องกล้องเข้าไปจี้เส้นประสาทที่เรียกว่า sympathetic nerve ออก ทำลายไม่ให้มันส่งสัญญาณเหงื่อมาออกที่มือ แต่อาจจะมีเหงื่อทดแทนไปออกทีอื่นแทน แต่จะไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน
การนัดแพทย์
พอดีว่าเราคุยกับคุณหมอวารินทร์ไว้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ในขณะนั้นท่านยังคงรับราชการอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่ก็ไม่ตัดสินใจผ่าเพราะกลัวมาก ก็เลยปล่อยทิ้งไว้เพราะไม่มีผลกระทบอะไรหนัก (จริงๆมันหนักและมีผลต่อความมั่นใจ)
จนมาเมื่อ เดือนกรกฎา ตัดสินใจว่าไม่เอาแล้ว เกิดมาทั้งทีก็อยากลองเป็นคนธรรมดาที่มือแห้งๆกับเค้าบ้าง
แต่ว่าคุณหมอวารินทร์เกษียณอายุราชการ และย้ายมาอยู่โรงพยาบาลพญาไท ตอนแรกคิดว่าจะไปโรงพยาบาลตำรวจรักษากับคุณหมอพรพีระเพราะค่าใช้จ่ายถูกกว่ามาก อยู่ที่ 35,000-40000 บาท ไปมาแล้วและตรวจร่างกายนัดวันไปแล้วแต่สุดท้ายใจก็ฝ่ออีก เลยยกเลิกไปและตัดสินใจในที่สุดเราคิดถึงคุณหมอวารินทร์อีกครั้ง คิดทันทีว่า ครั้งนี้เราเอาจริง!!!
วันพบแพทย์
ต้นเดือนกรกฏาคม 2561 เราเดินทางมาพบคุณหมอ ใช้เวลาน้อยมากก็ได้เข้าพบ ประมาณ 10-15 นาทีที่นั่งรอ และ 30 นาทีก็คุยเรียบร้อย คุณหมอก็แจ้งรายละเอียดและราคาการรักษา และก็ถึงกับร้องจ๊าก เพราะราคาการส่องกล้องและค่าห้องรวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 140,000 บาท 🙀 กลับไปนั่งคิดนอนคิด เอาไงดีว๊าาา และในที่สุดก็เอาวะ! ตัดสินใจผ่าเลย
การเตรียมตัว
ก่อนถึงวันนัดผ่าตัดประมาณ 2 อาทิตย์ เราพยายามกินแต่ผักผลไม้ และออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง ไม่รู้ว่ามีผลรึเปล่า แต่ด้วยความกลัวเราพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยที่ผ่าตัดช่องอก บางรายงานเขียนเกี่ยวกับเรื่องที่ผลไม้แก้ช้ำในได้ งดกาแฟ คาเฟอีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอนพักผ่อนเต็มที่และตรงเวลา นอกนั้นก็ไม่มีอะไรพิเศษ
ก่อนหน้าวันผ่าตัด
ความรู้สึกถาโถมกินไม่ได้นอนไม่หลับกระวนกระวายใจและกลัว! (จะมาป๊อดอะไรตอนนี้!) เกือบจะถอดใจไม่เอาแล้ว เพราะอ่านข้อมูลโน่นนี่ถามคนที่เคยผ่า ก็บอกว่ามันเจ็บ หายใจลำบาก และปวดแผล แต่เราก็ดันมารับรู้ตอนนัดไปแล้ว แต่ด้วยการสนับสนุนของพ่อแม่ และ เพื่อนๆ รวมถึงคนที่เคยผ่า ต่างก็บอกว่าทำเถอะ มันคือ Beautiful pain จนตัดสินใจแน่วแน่อีกครั้ง เอาวะ เป็นไงเป็นกัน นอนร้องไห้ 3 วัน 3 คืน 5555
วันผ่า
คุณหมอนัด
7:30 เช้าเพื่อเข้ามาตรวจร่างกาย ตรวจเลือด คลื่นไฟฟ้าหัวใจและปอด วัดไข้ (ผู้ป่วยมีไข้ หรือหวัดไม่สามารถผ่าตัดให้ได้) สุดท้ายพยาบาลบอกว่า สุขภาพดีทุกอย่าง พร้อมผ่า! แอบเสียใจเบาๆ และใจอยากจะกลับบ้าน
9:30 ขึ้นมานอนรอที่ห้องผู้ป่วยใน ของวอร์ด 11 เพื่อเตรียมร่างกาย ช่วงเวลานี้แหละที่ต่อสู้กับตัวเองหนักมากจนจะเป็นลม เพราะใจคิดถึงแต่ภาพห้องผ่าตัดและเครื่องมือแพทย์ คือเป็นคนกลัวเลือดมาก เห็นไม่ได้เลย แต่เอาจริงๆไม่ได้เห็นหรอกนะ 555 แถมกรณีของเรายังจะต้องพ่นยาขยายหลอดลมเพราะที่บ้าน น้องชายมีประวัติหอบหืด เพื่อความปลอดภัยของตัวเราคุณหมอวิสัญญีเลยให้พ่นยาก่อน
10:00 มีบุรุษพยาบาลและเจ้าหน้าที่มาเคลื่อนย้ายไปห้องผ่าตัด ตอนนี้เรากลัวจนร้องไห้ออกมา พยาบาลปลอบกันใหญ่ว่าไม่ต้องกลัวเลย คิดซะว่าไปหลับพักผ่อนนะ
เค้าเข็นเราไปที่ห้องผ่าตัด พยาบาลทุกคนในแผนกนี้แต่งชุดสีเขียวทั้งหมด ห้องขาวสว่าง สะอาดตา ตอนเข้ามาเค้าซักถามประวัติ ให้พูดชื่อ นามสกุล วันเกิด และสำคัญที่สุดเค้าให้เราพูดว่าเรามาผ่าตัดอะไร และคุณหมอก็ชะโงกหน้ามาให้เราเห็น จากนั้นเซ็นชื่อยินยอมให้เชือด!
ประมาณ 10 นาที เค้าพาเราไปห้องดมยา มีวิสัญญีแพทย์เค้ามาคุยด้วยบอกไม่ต้องกลัวนะคะ เดี๋ยวหมอให้นอนนะ แล้วก็มัดแขนเราสองข้าง จากนั้นฉีดยาคลายเครียดเข้าสายน้ำเกลือก่อน ตามด้วยหน้ากากยานอนหลับ มีควันเย็นๆออกมาไม่มีสีไม่มีกลิ่น เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือ ง่วงก็นอนเลยนะคะ จากนั้นดับวืด ไม่รู้อะไรเลย
ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่ แต่คิดว่าประมาณ 1 ชม. สุดท้ายเราได้ยินเสียงคนเรียก บอกว่าตื่นนะคะ กอดอกไว้ เรารู้สึกเจ็บแขนนิดๆ จากนั้นก็หลับไปอีก มาฟื้นอยู่อีกห้อง พยาบาลเวียนมาเช็คอาการ ให้ยาแก้ปวด และเคลื่อนเรากลับมาหาแม่กับชิง ตอนเห็นหน้าแม่ เรามีความสุขมาก โล่งอก ผ่านไปแล้ว
มือเราแห้งสนิท ไม่มีเหงื่อเลยแม้จะรู้สึกร้อนก็ตาม เราไม่มีอาการบาดเจ็บแบบทรมานเลย หายใจได้ปกติ แต่มีจุกเสียดนิดหน่อย แต่สิ่งที่น่าดีใจมากที่สุดคือ มือเราแห้งสนิทแบบไม่เคยเป็นมาก่อนเลย 👍
หากใครต้องการหลุดพ้นจากอาการเหงื่อออกมือ ทำเลยนะอย่ากลัว อย่าลังเล เพราะสุดท้ายแล้วตัวเราเองนี่แหละที่จะอยู่กับมันไปตลอดชีวิต!
ภาพก่อนการรักษา
ภาพหลังการรักษา
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณโรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์
คุณหมอวารินทร์
พี่ๆพยาบาลและเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลเป็นอย่างดี
ขอขอบคุณบริษัท Aetna ประกันภัย สำหรับค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาล ครอบคลุมดีมาก คิดว่าจะทำเพิ่มให้คนในครอบครัวด้วย
ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่และเพื่อนๆ ที่ให้กำลังใจตลอดเวลาที่ผ่านมา ขอบคุณจริงๆค่ะ
ปล. ถ้าใครมีคำถามเพิ่มเติม อยากได้คำแนะนำ หลังไมค์มาได้นะคะ