feature film, sci-fi adventure
เรื่อง: Jurassic World: Fallen Kingdom (J. A. Bayona, 2018)
คะแนน: 7/10
หนังเล่าเรื่องราวต่อจากภาคที่แล้ว เมื่อ แครล์ นางเอกสาวจากภาคแรก ได้รับภารกิจให้ไปจับไดโนเสาร์บนเกาะเดิมที่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วง ภูเขาไฟประทุและพร้อมจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา แครล์จึงต้องไปขอร้อง โอเวน พระเอกจากภาคแรกและเป็นผู้รอบรู้และเชี่ยวชาญเส้นทางบนเกาะ พร้อมทั้นคุ้นชินกับ ‘บลู’ แรปเตอร์ตัวสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ตอนนี้ โดยที่แครล์ไม่ได้รู้เลยว่าการมาช่วยไดโนเสาร์ในครั้งนี้ จะมีแผนการร้ายแอบแฝงอยู่
ในส่วนของการเล่าเรื่อง เราแอบเสียดายที่หนังเล่าได้ราบเรียบและชวนให้หลับเอามากๆ หนังดึงความสนใจให้เราอยู่ได้เพียงองก์แรกของหนังเท่านั้น ในช่วงองก์แรก เราจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจที่ได้กลับเข้าไปที่ เกาะอิสลา นูบลาร์ เกาะที่มีไดโนเสาร์หลงเหลือจากภาคแรก แต่พอเริ่มเข้าองก์สอง หนังจะพาเราเข้ามาสู่แผนการร้ายและการเตรียมที่จะช่วยเหลือไดโนเสาร์ต่างๆ จากกลุ่มตัวเอก ซึ่งตรงนี้เรารู้สึกว่ามันดำเนินเรื่องตามสูตรไปหน่อย การเล่าเรื่องมันเดาทางได้เกือบทั้งหมด เลยไม่ได้รู้สึกว่ามันบันเทิงเท่าไหร่ แต่ก็โชคดีที่พอหนังเข้าองก์สามสามารถทำให้เรากลับมารู้สึกตื่นเต้นกับตัวหนังได้อีกครั้ง แถมบทสรุปของหนังภาคนี้ ยังชวนให้เรารู้สึกอยากดูภาคต่อไปมากขึ้นอีกหลายเท่าด้วย
งาน production ยังทำได้ดีเหมือนเดิมตามสไตล์หนัง Jurassic ที่เนรมิตไดโนเสาร์ออกมาได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะทั้งตัวเก่า หรือตัวใหม่ที่พึ่งโผล่เข้ามาในภาคนี้ อีกทั้งฉากภูเขาระเบิดในหนังก็อลังการมากๆ ดึงให้คนดูรู้สึกลุ้นระทึกไปกับฉากนี้ได้จริงๆ
อีกสิ่งที่เราชอบมากเป็นพิเศษของเป็นตัวนักแสดง Bryce Dallas Howard ซึ่งมารับบทเป็น Claire Dearing แม่สาวส้นสูง ที่เราตั้งใจมาดูเป็นพิเศษ มาในภาคนี้ เรารู้สึกว่าเธอคือตัวละครหลักที่มีบทบาทเยอะเป็นพิเศษ ถ้าเทียบกับอีกตัวละครหนึ่ง ซึ่งนั่นค่อนข้างเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรา แม้ในด้านของความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครนี้ อาจจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนภาคแรก แต่หนังก็เพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างคนกับไดโนเสาร์เพิ่มขึ้นมา ซึ่งเราจะเห็นได้ในหลายๆ ซีน ที่หนังมีการพูดถึงศีลธรรมมากขึ้น
พอหนังเข้าองก์สุดท้ายของเรื่อง แอบคิดไม่ได้จริงๆ ว่าหนังภาคต่อไปจะเป็นยังไงต่อ ผลพวงจากสิ่งที่มนุษย์ทำมาตลอด 5 ภาค อีกทั้งในภาคนี้ มนุษย์ยังเลือกที่จะฝืนธรรมชาติของมัน และคิดว่าตนเป็นพระเจ้าที่อยากจะทำอะไรกับพวกมันก็ได้ ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็ย้อนกลับมาทำลายตัวมนุษย์เสียเอง
โดยรวม Jurassic World: Fallen Kingdom ไม่ได้เป็นหนัง Jurassic ที่เราชอบมากที่สุด ถ้าเทียบกับภาคแรกที่เป็นตำนานขึ้นหิ้งไปแล้ว หรืออย่างภาคที่แล้วที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นไปกับการเนรมิตเกาะเปิดใหม่ ที่ทุกอย่างดูยิ่งใหญ่ไปหมด แต่ก็คงเถียงไม่ได้จริงๆ ว่าหนังภาคนี้คือหนังที่แฟนๆ ตัวยงต้องมาดู เพราะหนังสามารถทำหน้าที่ของมัน ให้เราได้หายคิดถึงบรรดาเหล่าไดโนเสาร์ อีกทั้งแรปเตอร์ที่ครองใจแฟนๆ หลายๆ คนในภาคที่แล้ว ก็จะกลับมาและมีบทบาทโดดเด่นเอาใจทุกๆ คนได้อีกแน่นอน
FB Page:
https://www.Facebook.com/23SCENES
[SR] Movie Review : จูราสสิค เวิลด์: อาณาจักรล่มสลาย [7/10]
feature film, sci-fi adventure
เรื่อง: Jurassic World: Fallen Kingdom (J. A. Bayona, 2018)
คะแนน: 7/10
หนังเล่าเรื่องราวต่อจากภาคที่แล้ว เมื่อ แครล์ นางเอกสาวจากภาคแรก ได้รับภารกิจให้ไปจับไดโนเสาร์บนเกาะเดิมที่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วง ภูเขาไฟประทุและพร้อมจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา แครล์จึงต้องไปขอร้อง โอเวน พระเอกจากภาคแรกและเป็นผู้รอบรู้และเชี่ยวชาญเส้นทางบนเกาะ พร้อมทั้นคุ้นชินกับ ‘บลู’ แรปเตอร์ตัวสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ตอนนี้ โดยที่แครล์ไม่ได้รู้เลยว่าการมาช่วยไดโนเสาร์ในครั้งนี้ จะมีแผนการร้ายแอบแฝงอยู่
ในส่วนของการเล่าเรื่อง เราแอบเสียดายที่หนังเล่าได้ราบเรียบและชวนให้หลับเอามากๆ หนังดึงความสนใจให้เราอยู่ได้เพียงองก์แรกของหนังเท่านั้น ในช่วงองก์แรก เราจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจที่ได้กลับเข้าไปที่ เกาะอิสลา นูบลาร์ เกาะที่มีไดโนเสาร์หลงเหลือจากภาคแรก แต่พอเริ่มเข้าองก์สอง หนังจะพาเราเข้ามาสู่แผนการร้ายและการเตรียมที่จะช่วยเหลือไดโนเสาร์ต่างๆ จากกลุ่มตัวเอก ซึ่งตรงนี้เรารู้สึกว่ามันดำเนินเรื่องตามสูตรไปหน่อย การเล่าเรื่องมันเดาทางได้เกือบทั้งหมด เลยไม่ได้รู้สึกว่ามันบันเทิงเท่าไหร่ แต่ก็โชคดีที่พอหนังเข้าองก์สามสามารถทำให้เรากลับมารู้สึกตื่นเต้นกับตัวหนังได้อีกครั้ง แถมบทสรุปของหนังภาคนี้ ยังชวนให้เรารู้สึกอยากดูภาคต่อไปมากขึ้นอีกหลายเท่าด้วย
งาน production ยังทำได้ดีเหมือนเดิมตามสไตล์หนัง Jurassic ที่เนรมิตไดโนเสาร์ออกมาได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะทั้งตัวเก่า หรือตัวใหม่ที่พึ่งโผล่เข้ามาในภาคนี้ อีกทั้งฉากภูเขาระเบิดในหนังก็อลังการมากๆ ดึงให้คนดูรู้สึกลุ้นระทึกไปกับฉากนี้ได้จริงๆ
อีกสิ่งที่เราชอบมากเป็นพิเศษของเป็นตัวนักแสดง Bryce Dallas Howard ซึ่งมารับบทเป็น Claire Dearing แม่สาวส้นสูง ที่เราตั้งใจมาดูเป็นพิเศษ มาในภาคนี้ เรารู้สึกว่าเธอคือตัวละครหลักที่มีบทบาทเยอะเป็นพิเศษ ถ้าเทียบกับอีกตัวละครหนึ่ง ซึ่งนั่นค่อนข้างเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรา แม้ในด้านของความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครนี้ อาจจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนภาคแรก แต่หนังก็เพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างคนกับไดโนเสาร์เพิ่มขึ้นมา ซึ่งเราจะเห็นได้ในหลายๆ ซีน ที่หนังมีการพูดถึงศีลธรรมมากขึ้น
พอหนังเข้าองก์สุดท้ายของเรื่อง แอบคิดไม่ได้จริงๆ ว่าหนังภาคต่อไปจะเป็นยังไงต่อ ผลพวงจากสิ่งที่มนุษย์ทำมาตลอด 5 ภาค อีกทั้งในภาคนี้ มนุษย์ยังเลือกที่จะฝืนธรรมชาติของมัน และคิดว่าตนเป็นพระเจ้าที่อยากจะทำอะไรกับพวกมันก็ได้ ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็ย้อนกลับมาทำลายตัวมนุษย์เสียเอง
โดยรวม Jurassic World: Fallen Kingdom ไม่ได้เป็นหนัง Jurassic ที่เราชอบมากที่สุด ถ้าเทียบกับภาคแรกที่เป็นตำนานขึ้นหิ้งไปแล้ว หรืออย่างภาคที่แล้วที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นไปกับการเนรมิตเกาะเปิดใหม่ ที่ทุกอย่างดูยิ่งใหญ่ไปหมด แต่ก็คงเถียงไม่ได้จริงๆ ว่าหนังภาคนี้คือหนังที่แฟนๆ ตัวยงต้องมาดู เพราะหนังสามารถทำหน้าที่ของมัน ให้เราได้หายคิดถึงบรรดาเหล่าไดโนเสาร์ อีกทั้งแรปเตอร์ที่ครองใจแฟนๆ หลายๆ คนในภาคที่แล้ว ก็จะกลับมาและมีบทบาทโดดเด่นเอาใจทุกๆ คนได้อีกแน่นอน
FB Page: https://www.Facebook.com/23SCENES
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้