ถาม -
คนแชร์เชียร์ให้ยังถวายเงินพระ
กับคนแชร์เชียร์ให้หยุดถวายเงินพระ
"ใครได้บุญ ใครได้บาป ?"
ตอบ -
คนแรกได้บุญ เพราะทำตามอริยประเพณี
เช่น นางวิสาขา เป็นต้น ในครั้งพุทธกาล
และบรรพบุรุษไทย ทำสืบมาร้อยปีพันปี
ส่วนปัญหาพระจับต้องยินดีเงินที่โยมถวาย
เป็นอาบัติส่วนตัวพระ เป็นเรื่องเล็ก ที่แก้ไขได้
และมีวิธีการป้องกันแก้ไขอยู่ในพระไตรปิฎก
คนที่ศึกษามาดี มีเจตนาบริสุทธิ์ รู้อยู่แล้ว
คนหลังได้บาป เพราะ "ขัดลาภสงฆ์"
มีนรกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า แม้อ้างว่าหวังดี
เพราะปัญหาพระขาดลาภ ศาสนาขาดปัจจัย
จะส่งผลให้พระอยู่ไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องสึก
คนที่อ้างว่า ทำไมจะอยู่ไม่ได้ ? ถ้าอยู่อย่างพระ
ก็ขอให้ตัวเองลองไปบวชแล้วอยู่ให้ได้ด้วยก่อน
พระเณรถ้าขาดลาภ ยังไงๆ ก็ดำรงอยู่ไม่ได้
หรือถึงอยู่ได้ ก็จะอยู่อย่างคนไร้ความสามารถ
ไม่มีบทบาท สิ้นโอกาสศึกษาเผยแผ่พุทธธรรม
ศาสนาถ้าขาดเงินก็จะอ่อนแอและพังพินาศ
อย่างน้อยๆ ก็ด้อยบทบาท สู้ศาสนาอื่นไม่ได้
ศาสนาคริสต์-อิสลาม แพร่ขยายไปทั่วโลก
ไม่ใช่เพราะ "เขามีเงินมาก" หรือ ? บาทหลวง
โต๊ะอิหม่าม หากดูลึกๆ ระดับเศรษฐีคนมีเงิน
ด้วยกันทั้งนั้น เขาก็จึงเผยแผ่ศาสนาได้เยอะไง
ดังนั้น ถึงอ้างว่าหวังดี คนที่รณรงค์เรื่องนี้
อย่างไม่แยบคาย แชร์ต่อๆ กันไป เอาสะใจ
ไร้ความรับผิดชอบ "คือคนที่ทำลายพุทธศาสนา"
นั่นเอง ถ้าทำสำเร็จ พุทธศาสนาจะล่มจมแน่นอน
ถ้าคนโพสต์-คนแชร์ เป็นชาวต่างศาสนา
นายตะวันขอพูดว่า "คุณโหดร้ายเลือดเย็นมากๆ
พระศาสดาของคุณคงสอนให้ทำลายผู้อื่นสินะ"
ถ้าคนโพสต์-คนแชร์ เป็นชาวพุทธเองแท้ๆ
นายตะวันขอพูดว่า "คุณช่างโง่เขลาเบาปัญญา
หลงรับใช้คนต่างศาสนาโดยไม่รู้สึกตัว เพราะถ้า
คุณทำได้สำเร็จ ผู้ได้รับประโยชน์คือต่างศาสนา
ไม่ใช่พุทธศาสนา ที่จะต้องอ่อนแอและพังพินาศ"
(คุณจะยังเป็นคนหนึ่งที่จะทำลายพุทธศาสนา
ต่อไป ด้วยการโพสต์การแชร์ "โง่ๆ" แบบนี้หรือ ?)
ขอให้แยกแยะ เรื่องพระต้องอาบัติ อันเล็กน้อย
กับเรื่องความอยู่รอดของศาสนา อันใหญ่หลวง
ถ้ายังแยกแยะไม่ออก คุณก็โง่เขลาเบาปัญญา
สุดท้าย ภาพตัวอย่าง คือการอ้างพระสังฆราช
เป็นการกระทำที่ไม่เหมะสมอย่างยิ่ง เท่ากับ
ยืมพระองค์ท่านมาสนองความรุนแรงในใจตน
แม้จะทรงรับสั่งจริง ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะเป็น
แนวปฏิบัติของพระคณะธรรมยุติทำมานานแล้ว
แต่ก็ไม่ได้มาความว่า ห้ามถวาย เพราะความจริง
พระคณะธรรมยุติที่ดูเคร่งครัดนั่นเอง กลับพบ
ว่าได้รับการถวายเงิน (ไวยาวัจกรรับไปเก็บไว้)
มากกว่า (รวยกว่า) วัดฝ่ายมหานิกายเสียอีก
(ดูวัดบวร-ธรรมยุติ, กับวัดมหาธาตุ-มหานิกาย สิ)
สรุปว่า อ้างพระสังฆราช ก็เสียมารยาทอันควร
เข้าไปอีก เป็นการรบกวนพระทัยพระองค์ท่าน
ที่คงไม่ประสงค์ให้ใคร (แอบ) อ้างอย่างนี้แน่ๆ
ก่อนจะแชร์อะไรให้ศึกษาหาความรู้ให้รอบด้าน
พระไตรปิฎกจำเป็นต้องอ่าน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
ต้องศึกษาค้นคว้า ประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์
ร่วมด้วยจึงจะไม่ไขว้เขว เช่น ตัวอย่างในลิงก์นี้
ที่เอาหลักฐานโบราณมาอ้างไว้ให้เห็นให้รู้กัน
https://siampongsnews.blogspot.com/2018/06/blog-post_8.html…
สรุปให้ชัดเจนเป็นแนวทางปฏิบัติ
1. ฝ่ายพระเณรมีพระวินัยห้ามไว้ไม่ให้รับ
ไม่ให้พระเณรรูปอื่นรับแทน และไม่ให้ยินดี
แม้เงินทองที่ฆราวาสรับไปเก็บไว้เพื่อตน
(จะเห็นว่าวรรคสุดท้าย ฆราวาสเก็บรักษา
เงินทองไว้ให้พระเณรได้ คนแยบคายก็คง
เข้าใจ ถ้าห้ามไม่ให้ถวายเงินทองพระเณร
อย่างเด็ดขาดจริงๆ แล้ว จะมามีฆราวาส
รับไปเก็บรักษาไว้ให้พระเณรได้อย่างไร ?)
2. ฝ่ายฆราวาสไม่มีข้อห้าม เช่น นางวิสาขา
ถวาย "มหาลดา" อาภรณ์สตรี มีทั้งเงินทอง
เพชรนิลจินดาประดับอยู่ เพราะลืมไว้แล้ว
พระอานนท์ถือไปเก็บรักษาไว้ จะเห็นได้ว่า
พระจับต้องเงินทองได้ ถ้าไม่ได้ยินดียินร้าย
แบบพระอานนท์นี่ไง ? และฆราวาสสามารถ
ถวายเงินทองพระเณรได้ เช่น นางวิสาขา
ถวาย "มหาลดา" แดพระอานนท์ ท่านหยิบ
ไปเก็บไว้ ด้วยความเลื่อมใส ถวายท่านเลย
ไม่ขอรับคืน แม้พระพุทธองค์ก็ทรงอนุโมทนา
ก็จึงเป็นที่มาของการสร้างวัดบุพพารามไง
เพราะมหาลดามีมูลค่าเป็นสิบล้านร้อยล้าน
3. รัฐบาล ควรหาวิธีการ จะเป็นรูปกฎหมาย
หรือระเบียยปฏิบัติใดๆ ก็ได้ มาสนับสนุนให้
พระเณรก็ไม่ต้องผิดวินัย ฆราวาสญาติโยม
ก็ยังถวายเงินทองอุปถัมภ์พระเณร (ศาสนา)
ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวาง เช่น เป็นผู้อุปถัมภ์
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้พระเณรเสียเอง เป็นต้น
สังคมอุดมปัญญา ต้องแบบนี้
ไม่ใช่เอาแต่ความสะใจในฝ่ายตัวเอง
cr.พระอิสรภาพ อาจรสมฺปนฺโน
คนแชร์เชียร์ให้ยังถวายเงินพระ กับคนแชร์เชียร์ให้หยุดถวายเงินพระ “ใครได้บุญ ใครได้บาป ?”
คนแชร์เชียร์ให้ยังถวายเงินพระ
กับคนแชร์เชียร์ให้หยุดถวายเงินพระ
"ใครได้บุญ ใครได้บาป ?"
ตอบ -
คนแรกได้บุญ เพราะทำตามอริยประเพณี
เช่น นางวิสาขา เป็นต้น ในครั้งพุทธกาล
และบรรพบุรุษไทย ทำสืบมาร้อยปีพันปี
ส่วนปัญหาพระจับต้องยินดีเงินที่โยมถวาย
เป็นอาบัติส่วนตัวพระ เป็นเรื่องเล็ก ที่แก้ไขได้
และมีวิธีการป้องกันแก้ไขอยู่ในพระไตรปิฎก
คนที่ศึกษามาดี มีเจตนาบริสุทธิ์ รู้อยู่แล้ว
คนหลังได้บาป เพราะ "ขัดลาภสงฆ์"
มีนรกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า แม้อ้างว่าหวังดี
เพราะปัญหาพระขาดลาภ ศาสนาขาดปัจจัย
จะส่งผลให้พระอยู่ไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องสึก
คนที่อ้างว่า ทำไมจะอยู่ไม่ได้ ? ถ้าอยู่อย่างพระ
ก็ขอให้ตัวเองลองไปบวชแล้วอยู่ให้ได้ด้วยก่อน
พระเณรถ้าขาดลาภ ยังไงๆ ก็ดำรงอยู่ไม่ได้
หรือถึงอยู่ได้ ก็จะอยู่อย่างคนไร้ความสามารถ
ไม่มีบทบาท สิ้นโอกาสศึกษาเผยแผ่พุทธธรรม
ศาสนาถ้าขาดเงินก็จะอ่อนแอและพังพินาศ
อย่างน้อยๆ ก็ด้อยบทบาท สู้ศาสนาอื่นไม่ได้
ศาสนาคริสต์-อิสลาม แพร่ขยายไปทั่วโลก
ไม่ใช่เพราะ "เขามีเงินมาก" หรือ ? บาทหลวง
โต๊ะอิหม่าม หากดูลึกๆ ระดับเศรษฐีคนมีเงิน
ด้วยกันทั้งนั้น เขาก็จึงเผยแผ่ศาสนาได้เยอะไง
ดังนั้น ถึงอ้างว่าหวังดี คนที่รณรงค์เรื่องนี้
อย่างไม่แยบคาย แชร์ต่อๆ กันไป เอาสะใจ
ไร้ความรับผิดชอบ "คือคนที่ทำลายพุทธศาสนา"
นั่นเอง ถ้าทำสำเร็จ พุทธศาสนาจะล่มจมแน่นอน
ถ้าคนโพสต์-คนแชร์ เป็นชาวต่างศาสนา
นายตะวันขอพูดว่า "คุณโหดร้ายเลือดเย็นมากๆ
พระศาสดาของคุณคงสอนให้ทำลายผู้อื่นสินะ"
ถ้าคนโพสต์-คนแชร์ เป็นชาวพุทธเองแท้ๆ
นายตะวันขอพูดว่า "คุณช่างโง่เขลาเบาปัญญา
หลงรับใช้คนต่างศาสนาโดยไม่รู้สึกตัว เพราะถ้า
คุณทำได้สำเร็จ ผู้ได้รับประโยชน์คือต่างศาสนา
ไม่ใช่พุทธศาสนา ที่จะต้องอ่อนแอและพังพินาศ"
(คุณจะยังเป็นคนหนึ่งที่จะทำลายพุทธศาสนา
ต่อไป ด้วยการโพสต์การแชร์ "โง่ๆ" แบบนี้หรือ ?)
ขอให้แยกแยะ เรื่องพระต้องอาบัติ อันเล็กน้อย
กับเรื่องความอยู่รอดของศาสนา อันใหญ่หลวง
ถ้ายังแยกแยะไม่ออก คุณก็โง่เขลาเบาปัญญา
สุดท้าย ภาพตัวอย่าง คือการอ้างพระสังฆราช
เป็นการกระทำที่ไม่เหมะสมอย่างยิ่ง เท่ากับ
ยืมพระองค์ท่านมาสนองความรุนแรงในใจตน
แม้จะทรงรับสั่งจริง ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะเป็น
แนวปฏิบัติของพระคณะธรรมยุติทำมานานแล้ว
แต่ก็ไม่ได้มาความว่า ห้ามถวาย เพราะความจริง
พระคณะธรรมยุติที่ดูเคร่งครัดนั่นเอง กลับพบ
ว่าได้รับการถวายเงิน (ไวยาวัจกรรับไปเก็บไว้)
มากกว่า (รวยกว่า) วัดฝ่ายมหานิกายเสียอีก
(ดูวัดบวร-ธรรมยุติ, กับวัดมหาธาตุ-มหานิกาย สิ)
สรุปว่า อ้างพระสังฆราช ก็เสียมารยาทอันควร
เข้าไปอีก เป็นการรบกวนพระทัยพระองค์ท่าน
ที่คงไม่ประสงค์ให้ใคร (แอบ) อ้างอย่างนี้แน่ๆ
ก่อนจะแชร์อะไรให้ศึกษาหาความรู้ให้รอบด้าน
พระไตรปิฎกจำเป็นต้องอ่าน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
ต้องศึกษาค้นคว้า ประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์
ร่วมด้วยจึงจะไม่ไขว้เขว เช่น ตัวอย่างในลิงก์นี้
ที่เอาหลักฐานโบราณมาอ้างไว้ให้เห็นให้รู้กัน
https://siampongsnews.blogspot.com/2018/06/blog-post_8.html…
สรุปให้ชัดเจนเป็นแนวทางปฏิบัติ
1. ฝ่ายพระเณรมีพระวินัยห้ามไว้ไม่ให้รับ
ไม่ให้พระเณรรูปอื่นรับแทน และไม่ให้ยินดี
แม้เงินทองที่ฆราวาสรับไปเก็บไว้เพื่อตน
(จะเห็นว่าวรรคสุดท้าย ฆราวาสเก็บรักษา
เงินทองไว้ให้พระเณรได้ คนแยบคายก็คง
เข้าใจ ถ้าห้ามไม่ให้ถวายเงินทองพระเณร
อย่างเด็ดขาดจริงๆ แล้ว จะมามีฆราวาส
รับไปเก็บรักษาไว้ให้พระเณรได้อย่างไร ?)
2. ฝ่ายฆราวาสไม่มีข้อห้าม เช่น นางวิสาขา
ถวาย "มหาลดา" อาภรณ์สตรี มีทั้งเงินทอง
เพชรนิลจินดาประดับอยู่ เพราะลืมไว้แล้ว
พระอานนท์ถือไปเก็บรักษาไว้ จะเห็นได้ว่า
พระจับต้องเงินทองได้ ถ้าไม่ได้ยินดียินร้าย
แบบพระอานนท์นี่ไง ? และฆราวาสสามารถ
ถวายเงินทองพระเณรได้ เช่น นางวิสาขา
ถวาย "มหาลดา" แดพระอานนท์ ท่านหยิบ
ไปเก็บไว้ ด้วยความเลื่อมใส ถวายท่านเลย
ไม่ขอรับคืน แม้พระพุทธองค์ก็ทรงอนุโมทนา
ก็จึงเป็นที่มาของการสร้างวัดบุพพารามไง
เพราะมหาลดามีมูลค่าเป็นสิบล้านร้อยล้าน
3. รัฐบาล ควรหาวิธีการ จะเป็นรูปกฎหมาย
หรือระเบียยปฏิบัติใดๆ ก็ได้ มาสนับสนุนให้
พระเณรก็ไม่ต้องผิดวินัย ฆราวาสญาติโยม
ก็ยังถวายเงินทองอุปถัมภ์พระเณร (ศาสนา)
ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวาง เช่น เป็นผู้อุปถัมภ์
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้พระเณรเสียเอง เป็นต้น
สังคมอุดมปัญญา ต้องแบบนี้
ไม่ใช่เอาแต่ความสะใจในฝ่ายตัวเอง
cr.พระอิสรภาพ อาจรสมฺปนฺโน