สวัสดีค่ะ ปีก่อน จขกท มีโอกาสไปดูคอนลาร์คครบ 25 ปีมาค่ะ ประทับใจมาก ตั้งใจจะเขียนรีวิวตั้งแต่ตอนนั้น แต่ว่าก็ขี้เกียจ 55555 (จริงๆเอาแต่กรี๊ดไหหล่อมาก) มาตอนนี้เห็นข่าว DVD ของคอนนี้ออก เลยเกิดระลึกความหลังขึ้นมา และอยากทำภารกิจแบ่งปันความสุขนี้ให้ลุล่วงให้ได้ จึงออกมาเป็นบทความชิ้นนี้ค่ะ
บทความนี้เราเขียนลงใน blog ของตัวเอง การจัดหน้ากระดาษอาจไม่สวยนักนะคะ
เริ่มกันเลยค่ะ
++++++++++++++++++++++
ปีก่อน อยู่ๆเพื่อนเก่าก็ถามเราว่า สนใจไปดูคอนลาร์คด้วยกันไหม?
เราไม่ใช่แฟนเหนียวแน่นของ L’Arc~en~Ciel แต่ก็ชอบมากพอจะอยากดูไลฟ์สักครั้ง แถมยังเป็นไลฟ์สำคัญครบรอบ 25 ปี จึงตกลงไปด้วยอย่างง่ายดาย ไม่กี่เดือนถัดมา พวกเราก็พาตัวเองมาอยู่หน้าโตเกียวโดม
หลังผ่านด่านรักษาความปลอดภัยหลายชั้น เราพบตัวเองและเพื่อนนั่งเรียงกันอยู่เกือบจะหน้าเวที ในระดับที่แทบเห็นสีหน้าศิลปินก็ว่าได้
เรายกตั๋วมาตรวจอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะหันมองไปด้านหลัง
ภาพที่เห็นคือคนตัวเท่ามดจำนวนราวครึ่งแสน ค่อยๆเติมที่นั่งแต่ละแถวจนเต็มทีละน้อย
นี่เราอยู่ใกล้เวทีขนาดนี้...ไม่จริงใช่มั้ย
--------------------------
L’Arc~en~Ciel หรือ”ลาร์ค” เป็นวงร็อค 1 ใน 4 ที่ดังที่สุดจากยุคคลาสสิคของญี่ปุ่น เราไม่แน่ใจว่าคนไทยรู้จักพวกเขามากขนาดไหน แต่มั่นใจว่าคนมหาศาลเคยฟังเพลงของเขา พวกเขามีเพลงระดับตำนานมากมาย ขายผลงานได้กว่า 40ล้านชิ้น มีเพลงประกอบอนิเมชั่นและภาพยนตร์ระดับขึ้นหิ้ง ทั้งRurouni Kenshin, FMA, Final Fantasy ไปจนถึง The Ring
วงก่อตั้งเมื่อปี 1991 และหลังเหตุมือกลองในปี 97 พวกเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนสมาชิกอีก Hyde(Vo), Ken(G), Yukihiro(Dr), และหัวหน้าวง Tetsu(B)* เดินทางข้ามเวลาร่วมกันกว่า 25 ปีมาถึงวันนี้ และกลายเป็นตำนานแห่งยุคสมัย
ถึงไม่ใช่วงที่รักที่สุด แต่เป็นเจร็อควงแรกที่ฟัง
ย้อนไปเกือบยี่สิบปี สมัยนิยายสยองขวัญ The Ring กำลังดัง เรามีโอกาสได้ดูฉบับหนังภาคหนึ่งในนั้น และไม่อาจหลุดจากภวังค์ของเพลงที่บรรเลงท้ายเรื่องได้ เพลงนั้นคือ Finale จากหนึ่งในอัลบัมที่เท่ที่สุดของลาร์ค Real(2000)
นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทาง เพลงนี้พาเราไปหาอีกหลายเพลงของลาร์ค และพาไปสู่ดนตรีที่เราไม่เคยพบ
--------------------------
เราไม่ได้ชอบลาร์คขนาดนั้น มีเพลงที่เราชอบมากและมีเพลงที่เราไม่สนใจเลย ถึงอย่างนั้นตอนที่ไฟในโตเกียวโดมดับลง
...เราก็เริ่มใจสั่น
เสียงคลอกีต้าร์จางๆดังขึ้นในความมืด แฟนๆกรีดร้องอย่างตื่นเต้นก่อนจะพากันเงียบเสียง แสงไฟบนเวทีสว่างวาบเห็นเป็นเงาคนที่คุ้นตา เราเริ่มรู้สึกคอแห้ง หายใจไม่ออก ทันใดนั้นเสียงฟาดกลองดังขึ้น! ทั้งโดมอยู่ในความเงียบงัน และอีกชั่วครู่จากนั้น
เราก็ได้ยินเสียงสูดลมหายใจ...
มันคือชั่วขณะก่อนจะเปล่งคำแรกของเพลง เราบอกตัวเองว่านี่คือ Niji เพลงที่เราชอบที่สุด
เสียงของไฮด์แท้ๆเหมือนเส้นไหม หวานนุ่มแต่คมกริบกว่าที่คิดไว้ กีต้าร์ของเคนก็มันส์และพลุ่งพล่านมาก บางครั้งเหมือนลักพาตัวเราไปไว้ที่ไกลๆ ในขณะที่เบสของเท็ตสึ กวนๆแปลกๆ อ้อยอิ่งทั้งที่เป็นเสียงต่ำ แต่ก็เท่จนแทบทนไม่ไหว ผิดคาดที่สุดคือยุกกี้ กลองของยุกกี้แน่นและมันส์ “โหด”กว่าที่เราเคยรู้จักหลายชั้น แถมเสียงกรี๊ดของแฟนๆยังดังกว่าใคร (โดมแทบแตก)
ช่วงแรกของไลฟ์ มีทั้งเพลงที่เรารู้จักจนร้องได้ และเพลงที่เราไม่คุ้นหู ทั้งหมดสร้างบรรยากาศประหลาด ทั้งหวนหา ทั้งเคลิ้มฝัน
Flower, Lies and Truth, Fate, และ Forbidden Lover เป็นช่วงที่เราชอบที่สุด หวานละมุน รำพึงรำพัน
ผ่านถึงช่วงกลาง จังหวะเพลงเร็วขึ้น บรรยากาศเริ่มร้อนแรง ช่วงนี้ไม่ใช่เพลงที่เราชอบ แต่ไม่เบื่อ วงเอาคนดูอยู่หมัด มีช่วงที่เวทีปรับเปลี่ยนและเคลื่อนที่ไปท้ายโดม เอาใจแฟนๆที่ได้บัตรไกล ขณะเวทีเคลื่อนตัวผ่าน เราได้เห็นสมาชิกในวงใกล้ๆ เป็นโมเมนต์ที่ลืมไม่ลงจริงๆ
ใกล้ถึงช่วงท้าย Kasou, Shinshoku ~lose control~, และ Honey ยิ่งเร่งเร้า จากช่วงกลางที่ร้อนแรง ตอนนี้เหมือนใกล้จะระเบิด แฟนๆเริ่มกรี๊ดอย่างบ้าคลั่งในบางจังหวะ และร้องตามอย่างพร้อมเพรียงในอีกจังหวะ อุณหภูมิรอบตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ลาร์คไม่ใช่วงที่จังหวะเร็วหรือเฮดแบงค์แรงๆได้ แต่เมโลดี้ที่เหมือนจะหวานเช่นนี้ กลับกระชากอารมณ์คนดูไปขยี้ไกลๆ แล้วเหวี่ยงกลับมาขยี้ซ้ำ
ฆ่าคนด้วยมีด ย่อมตายทรมานกว่าปืน
นี่คือความร้ายกาจของ L’Arc~en~Ciel วงที่เมโลดี้หวานที่สุดแต่แข็งแกร่งที่สุด
--------------------------
ปี 2001 อินเตอร์เนทยังไม่แพร่หลาย เราแทบไม่ได้ยินข่าวของลาร์คเลย กระทั่งคืนหนึ่งในรายการ J-zone เราเปิดทีวีทิ้งไว้ก่อนจะหันไปทำอย่างอื่น สักพักเพลงก็ดังขึ้น เพียงคำแรกก็สะกิดใจ
...นี่คือเสียงของไฮด์ แต่มันไม่ใช่เพลงของลาร์ค
ปีนั้นไฮด์แยกตัวมาทำงานเดี่ยว เพลงเพราะและประสบความสำเร็จมาก เราชอบอัลบัมนั้น ทุกเสียงที่ออกมาเต็มไปด้วยความทุ่มเทใส่ใจ ทุ่มมากกระทั่งเราเกิดสงสัย หรือเขาไม่อาจเหลือใจให้วงแล้ว?
หลายปีผ่านไปถึงได้รู้ ว่าเราเดาถูกต้อง จากหนังสือของไฮด์ เขายอมรับว่าแท้จริงแล้วอยากออกจากวง จนถึงจุดที่ส่งจดหมายบอกลา เพราะบรรยากาศในวงอึมครึมมาก ซึ่งนั่นยิ่งกว่าเลวร้าย ซ้ำร้าย เขายอมรับว่าลาร์คดังเร็วเกินไป เกินกว่าไฮด์ในช่วงวัยรุ่นจะแน่ใจ ว่าวงนี้แนวเพลงนี้ใช่หนทางที่เขาจะเดินจริงๆ
เมื่อขึ้นถึงจุดสูงสุด ไฮด์กลับมองว่าลาร์คไม่ใช่ที่ของเขาอีกต่อไป
L’Arc~en~Ciel เงียบหายไปหลายปี พร้อมกับสมาชิกทยอยกันออกงานเดี่ยว ทุกคนไปได้ดี และต่างมีชีวิตของตน รวมถึงแฟนๆอย่างพวกเราด้วย ล่วงถึงปี 2004 พวกเขาประกาศจัดคอนเสิร์ต 7 วัน ข่าวลือเริ่มสะพัดว่าวงถึงคราวแยกย้าย
เราไม่แน่ใจลำดับเวลา แต่ครั้งหนึ่งลาร์คเคยคิดจัดคอนเสิร์ตสั่งลาจริง ทว่าเมื่อกลับมาเป็นวงอีกครั้งเพื่อเป็นลาร์คครั้งสุดท้าย ในจังหวะที่ต่างโตเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาเปิดใจก้าวข้ามสิ่งติดค้าง ปรับตัวเข้าหากัน และคงนึกได้ว่าครั้งหนึ่งนั้น พวกเขารักกัน และใฝ่ฝันกับวงนี้มากแค่ไหน
ที่คอนเสิร์ต Shibuya Seven Days ที่ที่สาวกต่างไปรวมตัวกัน หวังร่วมไลฟ์ที่อาจเป็นครั้งสุดท้าย ลาร์คกลับประกาศออกอัลบัมใหม่ และเดินหน้าต่อไปอีกครั้ง
เรานึกไม่ออกเลยว่า จังหวะที่แฟนๆฟังประกาศข่าวดีนั้น พวกเขาดีใจกันมากขนาดไหน
--------------------------
ช่วงท้ายของคอน ทุกคนหยุดพักและเริ่มช่วงพูดคุย ตอนแรกแฟนๆก็หัวเราะมีออกความเห็นกันบ้าง แต่สักพักไฮด์ก็พูดอะไรบางอย่าง แล้วบรรยากาศของทั้งโดมก็เปลี่ยนไป เราสงสัยหันหาเพื่อนให้ช่วยแปล
“เราอยู่ด้วยกันมาถึงขนาดนี้ เราก็คงไม่ไปไหนแล้ว”
คำแปลประโยคนี้ช่างเต็มไปด้วยความหมาย
แล้วคนญี่ปุ่นข้างๆเราก็เริ่มร้องไห้
เสียงเครื่องสายบรรเลงอย่างอ้อยอิ่งก่อนคำร้องจะขึ้นตาม มันคือเพลง My heart draws a dream
ไฮด์ร้องเพลงนี้ขึ้นก่อนในช่วงแรก ก่อนจะนำให้พวกเราทั้งโดมร้องเพลงนี้ไปด้วยกัน เราร้องไม่ได้หรอก ว่าที่จริงจำชื่อเพลงไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เราสัมผัสได้อย่างจริงจัง ถึงความรักและความฝันที่อบอวลอยู่รอบตัว เรื่องราวของลาร์ค ไม่เพียงเป็นของสมาชิกในวงหรือของสตาฟเท่านั้น แต่ยังเป็นของแฟนเพลงทุกคนที่รอเค้าอยู่ทั่วโลกอีกด้วย
ไม่นาน Ready Steady Go ก็ดังขึ้น แล้วจู่ๆเราก็นึกได้ว่า หลายปีหลังลาร์คหายตัวไป อยู่ๆเพื่อนก็โผล่มาลากเราไปมาบุญครอง เพื่อร้องคาราโอเกะเพลงนี้ ซิงเกิ้ลใหม่(ในตอนนั้น)ของ L’Arc~en~Ciel โดยเฉพาะ!
++++++++++++++++++++++
ป.ล. คอนนานแล้ว เราจำได้ลางๆ บางจุดอาจสลับกันนะคะ
ป.ล.2 ขอบคุณเพื่อนๆทั้งสองคนที่พาเราไปคอนและแปลเวลาเค้าคุยให้ด้วย
หมายเหตุ
*Tetsu ตอนนี้ใช้ชื่อ Tetsuya
หนังชื่อ Ring O : Birthday
J-zone เป็นรายการเปิดเพลงญี่ปุ่นตอนดึก
มาบุญครองแต่ก่อนมีคาราโอเกะที่เพลงญี่ปุ่นเยอะมาก
ซื้อเทปและเม้ามอยที่ร้านรอบลิโด้
The Hyde แปลโดยคุณผึ้งน้อยพเนจร (อ่านตั้งแต่กระทู้เพิ่งลง ได้ประโยชน์เยอะเลย) ขอบคุณมากๆค่ะ
https://ppantip.com/topic/30996222
แอบโฆษณา เพจเราเป็น personal blog เขียนเรื่องที่เราติ่ง รวมถึงศิลปินญี่ปุ่นด้วยค่ะ (ไม่มีค้าขายแฝง เน้นเม้ามอย)
เพจ วันนี้ชั้นติ่งอะไร >>
https://www.facebook.com/crazyindailylife/
รีวิวคอน 25 ปี L’Arc~en~Ciel : ฟ้าหลังฝนกับสายรุ้งที่พาดผ่านฟ้า
บทความนี้เราเขียนลงใน blog ของตัวเอง การจัดหน้ากระดาษอาจไม่สวยนักนะคะ
เริ่มกันเลยค่ะ
ปีก่อน อยู่ๆเพื่อนเก่าก็ถามเราว่า สนใจไปดูคอนลาร์คด้วยกันไหม?
เราไม่ใช่แฟนเหนียวแน่นของ L’Arc~en~Ciel แต่ก็ชอบมากพอจะอยากดูไลฟ์สักครั้ง แถมยังเป็นไลฟ์สำคัญครบรอบ 25 ปี จึงตกลงไปด้วยอย่างง่ายดาย ไม่กี่เดือนถัดมา พวกเราก็พาตัวเองมาอยู่หน้าโตเกียวโดม
หลังผ่านด่านรักษาความปลอดภัยหลายชั้น เราพบตัวเองและเพื่อนนั่งเรียงกันอยู่เกือบจะหน้าเวที ในระดับที่แทบเห็นสีหน้าศิลปินก็ว่าได้
เรายกตั๋วมาตรวจอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะหันมองไปด้านหลัง
ภาพที่เห็นคือคนตัวเท่ามดจำนวนราวครึ่งแสน ค่อยๆเติมที่นั่งแต่ละแถวจนเต็มทีละน้อย
นี่เราอยู่ใกล้เวทีขนาดนี้...ไม่จริงใช่มั้ย
L’Arc~en~Ciel หรือ”ลาร์ค” เป็นวงร็อค 1 ใน 4 ที่ดังที่สุดจากยุคคลาสสิคของญี่ปุ่น เราไม่แน่ใจว่าคนไทยรู้จักพวกเขามากขนาดไหน แต่มั่นใจว่าคนมหาศาลเคยฟังเพลงของเขา พวกเขามีเพลงระดับตำนานมากมาย ขายผลงานได้กว่า 40ล้านชิ้น มีเพลงประกอบอนิเมชั่นและภาพยนตร์ระดับขึ้นหิ้ง ทั้งRurouni Kenshin, FMA, Final Fantasy ไปจนถึง The Ring
วงก่อตั้งเมื่อปี 1991 และหลังเหตุมือกลองในปี 97 พวกเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนสมาชิกอีก Hyde(Vo), Ken(G), Yukihiro(Dr), และหัวหน้าวง Tetsu(B)* เดินทางข้ามเวลาร่วมกันกว่า 25 ปีมาถึงวันนี้ และกลายเป็นตำนานแห่งยุคสมัย
ถึงไม่ใช่วงที่รักที่สุด แต่เป็นเจร็อควงแรกที่ฟัง
ย้อนไปเกือบยี่สิบปี สมัยนิยายสยองขวัญ The Ring กำลังดัง เรามีโอกาสได้ดูฉบับหนังภาคหนึ่งในนั้น และไม่อาจหลุดจากภวังค์ของเพลงที่บรรเลงท้ายเรื่องได้ เพลงนั้นคือ Finale จากหนึ่งในอัลบัมที่เท่ที่สุดของลาร์ค Real(2000)
นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทาง เพลงนี้พาเราไปหาอีกหลายเพลงของลาร์ค และพาไปสู่ดนตรีที่เราไม่เคยพบ
เราไม่ได้ชอบลาร์คขนาดนั้น มีเพลงที่เราชอบมากและมีเพลงที่เราไม่สนใจเลย ถึงอย่างนั้นตอนที่ไฟในโตเกียวโดมดับลง
...เราก็เริ่มใจสั่น
เสียงคลอกีต้าร์จางๆดังขึ้นในความมืด แฟนๆกรีดร้องอย่างตื่นเต้นก่อนจะพากันเงียบเสียง แสงไฟบนเวทีสว่างวาบเห็นเป็นเงาคนที่คุ้นตา เราเริ่มรู้สึกคอแห้ง หายใจไม่ออก ทันใดนั้นเสียงฟาดกลองดังขึ้น! ทั้งโดมอยู่ในความเงียบงัน และอีกชั่วครู่จากนั้น
เราก็ได้ยินเสียงสูดลมหายใจ...
มันคือชั่วขณะก่อนจะเปล่งคำแรกของเพลง เราบอกตัวเองว่านี่คือ Niji เพลงที่เราชอบที่สุด
เสียงของไฮด์แท้ๆเหมือนเส้นไหม หวานนุ่มแต่คมกริบกว่าที่คิดไว้ กีต้าร์ของเคนก็มันส์และพลุ่งพล่านมาก บางครั้งเหมือนลักพาตัวเราไปไว้ที่ไกลๆ ในขณะที่เบสของเท็ตสึ กวนๆแปลกๆ อ้อยอิ่งทั้งที่เป็นเสียงต่ำ แต่ก็เท่จนแทบทนไม่ไหว ผิดคาดที่สุดคือยุกกี้ กลองของยุกกี้แน่นและมันส์ “โหด”กว่าที่เราเคยรู้จักหลายชั้น แถมเสียงกรี๊ดของแฟนๆยังดังกว่าใคร (โดมแทบแตก)
ช่วงแรกของไลฟ์ มีทั้งเพลงที่เรารู้จักจนร้องได้ และเพลงที่เราไม่คุ้นหู ทั้งหมดสร้างบรรยากาศประหลาด ทั้งหวนหา ทั้งเคลิ้มฝัน
Flower, Lies and Truth, Fate, และ Forbidden Lover เป็นช่วงที่เราชอบที่สุด หวานละมุน รำพึงรำพัน
ผ่านถึงช่วงกลาง จังหวะเพลงเร็วขึ้น บรรยากาศเริ่มร้อนแรง ช่วงนี้ไม่ใช่เพลงที่เราชอบ แต่ไม่เบื่อ วงเอาคนดูอยู่หมัด มีช่วงที่เวทีปรับเปลี่ยนและเคลื่อนที่ไปท้ายโดม เอาใจแฟนๆที่ได้บัตรไกล ขณะเวทีเคลื่อนตัวผ่าน เราได้เห็นสมาชิกในวงใกล้ๆ เป็นโมเมนต์ที่ลืมไม่ลงจริงๆ
ใกล้ถึงช่วงท้าย Kasou, Shinshoku ~lose control~, และ Honey ยิ่งเร่งเร้า จากช่วงกลางที่ร้อนแรง ตอนนี้เหมือนใกล้จะระเบิด แฟนๆเริ่มกรี๊ดอย่างบ้าคลั่งในบางจังหวะ และร้องตามอย่างพร้อมเพรียงในอีกจังหวะ อุณหภูมิรอบตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ลาร์คไม่ใช่วงที่จังหวะเร็วหรือเฮดแบงค์แรงๆได้ แต่เมโลดี้ที่เหมือนจะหวานเช่นนี้ กลับกระชากอารมณ์คนดูไปขยี้ไกลๆ แล้วเหวี่ยงกลับมาขยี้ซ้ำ
ฆ่าคนด้วยมีด ย่อมตายทรมานกว่าปืน
นี่คือความร้ายกาจของ L’Arc~en~Ciel วงที่เมโลดี้หวานที่สุดแต่แข็งแกร่งที่สุด
ปี 2001 อินเตอร์เนทยังไม่แพร่หลาย เราแทบไม่ได้ยินข่าวของลาร์คเลย กระทั่งคืนหนึ่งในรายการ J-zone เราเปิดทีวีทิ้งไว้ก่อนจะหันไปทำอย่างอื่น สักพักเพลงก็ดังขึ้น เพียงคำแรกก็สะกิดใจ
...นี่คือเสียงของไฮด์ แต่มันไม่ใช่เพลงของลาร์ค
ปีนั้นไฮด์แยกตัวมาทำงานเดี่ยว เพลงเพราะและประสบความสำเร็จมาก เราชอบอัลบัมนั้น ทุกเสียงที่ออกมาเต็มไปด้วยความทุ่มเทใส่ใจ ทุ่มมากกระทั่งเราเกิดสงสัย หรือเขาไม่อาจเหลือใจให้วงแล้ว?
หลายปีผ่านไปถึงได้รู้ ว่าเราเดาถูกต้อง จากหนังสือของไฮด์ เขายอมรับว่าแท้จริงแล้วอยากออกจากวง จนถึงจุดที่ส่งจดหมายบอกลา เพราะบรรยากาศในวงอึมครึมมาก ซึ่งนั่นยิ่งกว่าเลวร้าย ซ้ำร้าย เขายอมรับว่าลาร์คดังเร็วเกินไป เกินกว่าไฮด์ในช่วงวัยรุ่นจะแน่ใจ ว่าวงนี้แนวเพลงนี้ใช่หนทางที่เขาจะเดินจริงๆ
เมื่อขึ้นถึงจุดสูงสุด ไฮด์กลับมองว่าลาร์คไม่ใช่ที่ของเขาอีกต่อไป
L’Arc~en~Ciel เงียบหายไปหลายปี พร้อมกับสมาชิกทยอยกันออกงานเดี่ยว ทุกคนไปได้ดี และต่างมีชีวิตของตน รวมถึงแฟนๆอย่างพวกเราด้วย ล่วงถึงปี 2004 พวกเขาประกาศจัดคอนเสิร์ต 7 วัน ข่าวลือเริ่มสะพัดว่าวงถึงคราวแยกย้าย
เราไม่แน่ใจลำดับเวลา แต่ครั้งหนึ่งลาร์คเคยคิดจัดคอนเสิร์ตสั่งลาจริง ทว่าเมื่อกลับมาเป็นวงอีกครั้งเพื่อเป็นลาร์คครั้งสุดท้าย ในจังหวะที่ต่างโตเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาเปิดใจก้าวข้ามสิ่งติดค้าง ปรับตัวเข้าหากัน และคงนึกได้ว่าครั้งหนึ่งนั้น พวกเขารักกัน และใฝ่ฝันกับวงนี้มากแค่ไหน
ที่คอนเสิร์ต Shibuya Seven Days ที่ที่สาวกต่างไปรวมตัวกัน หวังร่วมไลฟ์ที่อาจเป็นครั้งสุดท้าย ลาร์คกลับประกาศออกอัลบัมใหม่ และเดินหน้าต่อไปอีกครั้ง
เรานึกไม่ออกเลยว่า จังหวะที่แฟนๆฟังประกาศข่าวดีนั้น พวกเขาดีใจกันมากขนาดไหน
ช่วงท้ายของคอน ทุกคนหยุดพักและเริ่มช่วงพูดคุย ตอนแรกแฟนๆก็หัวเราะมีออกความเห็นกันบ้าง แต่สักพักไฮด์ก็พูดอะไรบางอย่าง แล้วบรรยากาศของทั้งโดมก็เปลี่ยนไป เราสงสัยหันหาเพื่อนให้ช่วยแปล
“เราอยู่ด้วยกันมาถึงขนาดนี้ เราก็คงไม่ไปไหนแล้ว”
คำแปลประโยคนี้ช่างเต็มไปด้วยความหมาย
แล้วคนญี่ปุ่นข้างๆเราก็เริ่มร้องไห้
เสียงเครื่องสายบรรเลงอย่างอ้อยอิ่งก่อนคำร้องจะขึ้นตาม มันคือเพลง My heart draws a dream
ไฮด์ร้องเพลงนี้ขึ้นก่อนในช่วงแรก ก่อนจะนำให้พวกเราทั้งโดมร้องเพลงนี้ไปด้วยกัน เราร้องไม่ได้หรอก ว่าที่จริงจำชื่อเพลงไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เราสัมผัสได้อย่างจริงจัง ถึงความรักและความฝันที่อบอวลอยู่รอบตัว เรื่องราวของลาร์ค ไม่เพียงเป็นของสมาชิกในวงหรือของสตาฟเท่านั้น แต่ยังเป็นของแฟนเพลงทุกคนที่รอเค้าอยู่ทั่วโลกอีกด้วย
ไม่นาน Ready Steady Go ก็ดังขึ้น แล้วจู่ๆเราก็นึกได้ว่า หลายปีหลังลาร์คหายตัวไป อยู่ๆเพื่อนก็โผล่มาลากเราไปมาบุญครอง เพื่อร้องคาราโอเกะเพลงนี้ ซิงเกิ้ลใหม่(ในตอนนั้น)ของ L’Arc~en~Ciel โดยเฉพาะ!
ป.ล. คอนนานแล้ว เราจำได้ลางๆ บางจุดอาจสลับกันนะคะ
ป.ล.2 ขอบคุณเพื่อนๆทั้งสองคนที่พาเราไปคอนและแปลเวลาเค้าคุยให้ด้วย
หมายเหตุ
*Tetsu ตอนนี้ใช้ชื่อ Tetsuya
หนังชื่อ Ring O : Birthday
J-zone เป็นรายการเปิดเพลงญี่ปุ่นตอนดึก
มาบุญครองแต่ก่อนมีคาราโอเกะที่เพลงญี่ปุ่นเยอะมาก
ซื้อเทปและเม้ามอยที่ร้านรอบลิโด้
The Hyde แปลโดยคุณผึ้งน้อยพเนจร (อ่านตั้งแต่กระทู้เพิ่งลง ได้ประโยชน์เยอะเลย) ขอบคุณมากๆค่ะ
https://ppantip.com/topic/30996222
แอบโฆษณา เพจเราเป็น personal blog เขียนเรื่องที่เราติ่ง รวมถึงศิลปินญี่ปุ่นด้วยค่ะ (ไม่มีค้าขายแฝง เน้นเม้ามอย)
เพจ วันนี้ชั้นติ่งอะไร >> https://www.facebook.com/crazyindailylife/