8 บทเรียนชีวิตที่ BNK48-โอตะควรเอาแบบอย่าง

4 ปีแล้วนะยัยซัช(ชี่): ถอด 8 บทเรียนชีวิตที่ BNK48-โอตะควรเอาแบบอย่าง



อีกไม่ถึง 1 สัปดาห์ก็ถึงการเลือกตั้งเซมบัตสึ AKB48 Sekai Senbatsu Sousenkyo ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 16 มิถุนายนนี้ ที่ นาโกย่าโดม เมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ

ปีนี้ทาง Workpoint ใจดีถ่ายทอดสดทาง Facebook และ YouTube ให้แฟนๆ ชาวไทยได้ลุ้นได้เชียร์ เมมเบอร์ BNK48 ทั้ง 10 คนที่เข้าสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ตั้งแต่เวลา 14.00 – 19.30 น.

แน่นอนว่าปีนี้จะต้องได้ผู้ชนะเลือกตั้งคนใหม่เพราะ ซัชชี่ ซาชิฮาระ ริโนะ จาก HKT48 เจ้าของตำแหน่งชนะเลิศ 4 สมัย และเป็น 3 สมัยติดต่อกันไม่ลงแข่งขัน ซึ่งจะเป็นใครที่จะคว้าตำแหน่งเซนเตอร์ของการเลือกตั้งไป ระหว่าง มัตสึอิ จูรินะ จาก SKE48 มิยาวากิ ซากุระ จาก HKT48 หรือ โอกิโนะ ยูกะ จาก NGT48 ต้องติดตามกัน

พูดถึงซัชชี่ มีเรื่องงราวและบทเรียนชีวิตที่น่าสนใจ อยากจะให้แฟนๆ ได้รู้จักว่ากว่าที่เธอจะมาเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งสูงสุด และเป็นคนแรกที่มี คะแนนรวมเกิน 1 ล้านคะแนน มีเรื่องใดที่น่าจดจำและนำเอาเป็นแบบอย่างบ้าง


1. รักในสิ่งที่ทำ และทำในสิ่งที่รัก

เด็กสาวจากจังหวัดโออิตะนั้นเติบโตขึ้นมาในความหลงใหลในไอดอล จนแทบจะเรียกได้ว่า เธอเป็นโอตาคุไอดอลที่กลายมาเป็นไอดอลชื่อดัง โดยเฉพาะเธอเติบโตขึ้นมาในยุคทองของค่ายฮัลโหลโปรเจกต์ ซึ่งเธอชื่นชอบทั้ง Morning Musume และ Berryz Kobo ด้วยความชื่นชอบนี้เองทำให้เด็กสาวจากเกาะคิวชู ตัดสินใจเข้ามาออดิชั่นที่โตเกียว และได้ก้าวมาเป็นหนึ่งในเมมเบอร์ของ AKB48 รุ่นที่ 5


2. ถ้าไม่สวย ไม่น่ารัก คุณก็ต้องมีเสน่ห์

ในสังคมที่ตัดสินกันด้วยบุคลิกหน้าตาหรือรูปร่าง หากคุณไม่เด่นสะดุดตา คุณก็ต้องหาที่ทางของตัวเองให้ได้ และสิ่งที่เป็นที่จดจำของซัชชี่ ก็คือ สกิลวาไรตี้ หรือการพูด MC ที่ทำให้แฟนๆ เกิดความสนุกสนานเป็นกันเองแตกต่างจากไอดอลคนอื่นๆ ถึงแม้ในรุ่นที่ 5 เธอจะถูกผลักดันหลัง “เมี้ยว” มิยาซากิ มิโฮะ  และ “คิตะริเอะ” คิตาฮาระ ริเอะ ตำนานของ NGT48 แต่เธอก็ไปได้ไกลกว่าเพื่อนร่วมรุ่นทุกคน  


3. นำเสนอจุดเด่นของตัวเอง เปลี่ยนจุดด้อยให้กลายเป็นจุดเด่น

ซัชชี่นั้นมักจะชอบแซวตัวเองว่าเป็น “ไอดอลกากๆ” โดยสมัยก่อนจะมีรายการ Ariyoshi AKB ที่มี “โคจิฮารุ” โคติมะ ฮารุนะ คามิ 7 ยุคทองเป็นพิธีกร ซัชชี่ก็มีช่วง “Sashihara Pride” เพื่อที่จะมาท้าทายอะไรเพี้ยนๆ แข่งกับโคจิฮารุ เช่น การเป่าซองหลอดกระดาษให้ไกลที่สุด หรือนั่งถุงตดให้เสียงเบาที่สุด อีกทั้งเธอยังเป็นคนที่ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมทเรื่องราวของเธอ มีสถิติว่าพฤษภาคมปี 2011 เธอได้อัปเดตบล็อกของเธอถึง 200 ครั้งในเวลา 24 ชั่วโมง โดยได้รับคอมเมนต์ตอบกลับมากกว่า 800,000 ครั้งทีเดียว


4. เมื่อผิดพลาด ล้มแล้วต้องลุกใหม่

ในขณะที่เธอกำลังรุ่งเรืองกับ AKB48 จนก้าวมาติดคามิ 7 ครั้งแรก เมื่องานเลือกตั้งครั้งที่ 4 เธอกลับโดนพิษภาพหลุดกับแฟนหนุ่มเมื่อครั้งอดีตเล่นงาน ทำให้คิดอยากจบการศึกษา แต่ยังโชคดีที่ “อากิพี” อากิโมโตะ ยาสุชิ ให้โอกาสเธอโดยย้ายไปอยู่ HKT48 ที่กำลังตั้งไข่

ซัชชี่เคยตอบคำถามว่าเพราะเหตุใดเธอจึงทำงานหนักและรับงานหลากหลาย เธอตอบทำนองที่ว่าอยากให้คนค้นหาชื่อเธอในโลกออนไลน์ เพื่อที่จะเจอผลงานของเธอ และให้ภาพฉาวครั้งนั้นไปอยู่ท้ายๆ การค้นหา


5. อ่อนน้อมถ่อมตน และเป็นผู้ให้

ชีวิตของซัชชี่ใน HKT48 ไม่ง่ายนักในช่วงแรกเนื่องจากวงเพิ่งออดิชั่นรุ่นที่ 1 เข้ามาและเต็มไปด้วยเหล่าเด็กสาวอายุน้อย และรู้สึกว่าการมาถึงของซัชชี่ จะแย่งซีนพวกเธอ แต่ซัชชี่ไม่ได้เป็นทั้งกัปตันวงและกัปตันทีม เป็นเพียงเมมเบอร์ธรรมดาคนหนึ่ง

วันแรกที่เธอไปเธอทำตัวติดดิน ไม่มีภาพของคามิ 7 ติดตัวไปเลย นั่งแต่งหน้ากับพื้น พูดคุยและขอโอกาสทำงานร่วมกันกับสมาชิกคนอื่นๆ โดยหวังว่าจะเอาความรู้จาก AKB48 มาช่วยสร้างน้องๆ แน่นอนว่าทุกวันนี้หลายๆ คนจาก HKT48 เป็นที่รู้จักก็เพราะการผลักดันของเธอเช่นกัน  


6. ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

ทักษะของซัชชี่เรียกว่ารอบจัดเป็นอย่างมาก เธอพัฒนาจากไอดอลขึ้นมาเป็นโปรดิวเซอร์โดยเริ่มจากรายการ “ห้างสรรพสินค้าฮากาตะ” และ “โรงเรียนเวทย์มนต์ทงคัตสึ” ที่เธอมักจะนำรุ่นพี่และศิลปินมากความสามารถเข้ามาสอนทักษะเมมเบอร์รุ่นน้อง ขยับขึ้นมาช่วยกำกับสารคดีของวง รวมไปถึงเป็นคนกำกับคอนเสิร์ตให้กับศิลปินใน 48 Group อีกหลายๆคน

ในปีที่ผ่านมาเธอก้าวขึ้นเป็นโปรดิวเซอร์ให้วงไอดอลสายนักพากย์อย่าง =love (อ่านว่า อิควลเลิฟ) ทำหน้าที่ตั้งแต่การออกแบบคอนเซปต์ โปรดิวซ์เนื้องาน เขียนเพลง และดูแลโชว์อีกด้วย จนหลายๆ คนเลยเรียกเธอว่า “ซาชิพี”


7. มีเพื่อนและมีมิตรภาพที่ดี

ซัชชี่ เป็นคนแรกๆ ที่ทำลายกำแพงกั้นระหว่างค่ายไอดอล โดยเธอได้จัดคอนเสิร์ตรวมไอดอลหลากหลายค่ายอย่าง Yubi Matsuri โดยนำไอดอลชื่อดังและวงน้องใหม่ขึ้นมาแสดงร่วมกัน เพื่อให้แฟนๆ ได้รู้จัก ด้วยชื่อเสียงและฝีมือของเธอก็ทำให้เธอยังได้เป็นประธานจัดงานไอดอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Tokyo Idol Festival อีกด้วย โดยปีนี้จะมี BNK48 เข้าร่วมแสดงที่โอไดบะ กรุงโตเกียว

หรือสายสัมพันธ์รุ่นที่ 5 อย่าง ซัชชี่ และคิตะริเอะ ก็ทำให้เกิดรายการอย่าง“Sashi Kita Gassen” หรือ ศึกซาชิคิตะ ที่ทั้งสองคนได้เอาเมมเบอร์วงตัวเองทั้ง HKT48 และ NGT48 มาดันร่วมกันให้เป็นที่รู้จัก


8. อย่าลืมตัว อย่าลืมแฟนๆ

ซัชชี่ถือว่าเป็นคนหนึ่งที่รักแฟนๆ ของเธอมาก และยังคงเส้นคงวาในเรื่องของความเป็นกันเอง เรียกได้ว่าถ้าไม่ใช่งานที่สุดวิสัยจริงๆ เธอจะเดินทางมาร่วมงานด้วยตัวเองทุกครั้ง และเธอมักจะกล่าวขอบคุณแฟนๆ ที่ยืนเคียงข้างเธอเสมอ

ย้อนกลับไปวันที่เธอชนะเลือกตั้งครั้งแรกที่จะก้าวมาเป็นเซนเตอร์เพลง Koi Suru Fortune Cookie เธอกล่าวขอบคุณแฟนๆ ที่ยืนเคียงข้างเธอ 1.5 แสนคะแนน ทั้งที่ปีก่อนหน้าเธอเพิ่งเจอพิษภาพหลุด ซึ่งปีสุดท้ายที่เธอลงเลือกตั้งกวาดไปถึง 2.5 แสนคะแนนเลยทีเดียว


บทเรียนจากชีวิตของซัชชี่ ทำให้เราเข้าใจวัฏจักรของชีวิตไอดอล รวมไปถึงวงจรชีวิตของคนทั่วไปที่มีทั้งความสุขและทุกข์ผสมกันไป มีวันที่ดีและวันที่ไม่ดี เพียงแต่ว่าเราจะผ่านมาได้อย่างไร

ในทุกวันนี้ เธอไม่ใช่ไอดอลกากๆ อีกต่อไป และเธอจะเป็นตำนานหน้าหนึ่งของวงการไอดอลญี่ปุ่นตลอดไป




งาน TOKYO IDOL FESTIVAL 2018 ที่ประเทศญี่ปุ่น

ทำไมงานนี้ถึงสำคัญ? ก็เพราะว่านี่คือมหกรรมดนตรีไอดอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ตลอด 3 วันในการจัดงาน 3 - 5 สิงหาคมนี้จะรวบรวมความสนุก สดใส และมีพลังของเหล่าไอดอลที่จะมาแสดงสดต่อหน้าแฟนๆ มากที่สุด ซึ่งการยกพลมาจัดงานนอกประเทศครั้งแรกที่กรุงเทพฯถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการทดลองตลาดใหม่ๆ แต่งานที่ญี่ปุ่นจะยิ่งใหญ่กว่านี้หลายเท่าตัว

เรียกได้ว่าวงไอดอลระดับแถวหน้าของญี่ปุ่นล้วนผ่านเวทีนี้มาแล้วทั้ง AKB48 Team8 และวงในเครือ 48 Group, Nogizaka46, Keyakizaka46, Super Girls หรือ Momoiro Clover Z  หรือวงที่เดินทางมาแสดงที่ประเทศไทยในรอบนี้อย่าง Maneki Kecha และ Task Have Fun ก็จะร่วมแสดงในปี 2018 นี้ด้วย

TOKYO IDOL FESTIVAL ได้รับการยกย่องจากสื่อระดับโลกอย่าง Wall Street Journal ว่าเป็น 1 ใน 5 เทศกาลที่คุณควรไปเยือนหากไปญี่ปุ่นในฤดูร้อน ซึ่งงานนี้เริ่มขึ้นในปี 2010 ซึ่งถือว่าเป็นยุคบูมของไอดอลที่มี AKB48 ในยุคทองขณะนั้นเป็นหัวหอกที่ทำให้เกิดกระแสการตื่นตัวของวงการไอดอล

ทำให้มีแนวคิดที่อยากจะรวบรวมวงดนตรีไอดอลทั้งระดับเมเจอร์ และวงที่เพิ่งเปิดตัวใหม่มาแสดงโชว์ให้แฟนๆ ได้เลือกชมเป็นเทศกาลดนตรี ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อแฟนๆ ที่ได้ชมวงที่ไม่เคยชม และวงเองก็ถือว่าได้แสดงความสามารถเพื่อขยายกลุ่มแฟนออกไปอีกด้วยอย่างในปี 2010 การแสดงของ Momoiro Clover Z ที่เน้นการโชว์แบบสุดเหวี่ยงทำให้พวกเธอเป็นที่ประทับใจคนดู และวันนี้พวกเธอคือไอดอลแถวหน้าในวงการบันเทิงของญี่ปุ่นไปแล้ว

ปี 2017 ที่ผ่านมาความยิ่งใหญ่ของงานนี้รองรับผู้มาเยือนมากกว่า 80,000 คน ตลอด 3 วัน ที่หลั่งไหลมายังย่านโอไดบะ กรุงโตเกียวเพื่อมาเชียร์ไอดอลที่พวกเขาชื่นชอบ มีให้เลือกชมถึง 9 เวที จาก 223 วงไอดอล รวมศิลปิน 1,480 คน

ประธานการจัดงานในปีนี้ยังคงเป็น “ซัชชี่” ซาชิฮาระ ริโนะ แห่ง HKT48 อีกครั้งหนึ่ง โดยในครั้งนี้หนึ่งในไฮไลท์ก็คือ จะมีวงไอดอลที่เธอเป็นโปรดิวเซอร์ เขียนเนื้อเพลง ทำคอนเซปต์ ให้อย่าง =love (หรือ อิควลเลิฟ) ขึ้นร่วมแสดงเป็นไฮไลท์ด้วย

ส่วน BNK48 จะเป็นวงน้องสาววงแรกใน 48Group นอกประเทศญี่ปุ่นที่จะได้เดินทางไปแสดงในงานดังกล่าว เท่าที่เช็กล่าสุดพบว่าตั๋วชนิด 3 วัน จะราคา 16,500 เยนไม่รวมภาษี (ประมาณ 5,000 บาท) และชนิดวันเดียว 7,000  เยน (ประมาณ 2,100 บาท) โดยจะเปิดจำหน่ายในวันที่ 17 มิถุนายน – 3 สิงหาคมนี้ โดยซื้อผ่านเว็บไซต์ Rakuten  ซึ่งถ้าสนใจจะไปสัมผัสบรรยากาศกันลองเช็กจากลิงก์นี้ได้เลย http://www.idolfes.com/2017/ticket/

ต้องดูว่า BNK48 จะได้เล่นเวทีไหน อาจจะไม่ใช่เวทีใหญ่ แต่ก็หวังว่าจะสร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ ได้ไม่มากก็น้อย แต่ต้องพัฒนาศักยภาพการเต้น การพูดคุยกับแฟนๆ ในต่างประเทศ และแน่นอนเรื่องของการร้อง วงที่ผ่านการเดบิวท์มาแล้ว 1 ปีกว่า ควรจะร้องสดในการแสดงได้มากกว่านี้เพื่อพิสูจน์ตัวตน ใครอยากตามไปให้กำลังใจลองแพลนกันดีๆ ถือว่ามีโอกาสไปดูวงไอดอลของญี่ปุ่นในการเปิดหูเปิดตาด้วยครับ

https://www.gmlive.com/8-lessons-from-Rino-Sashihara-to-BNK48-and-otaku

https://www.gmlive.com/what-is-tokyo-idol-festival-bnk48
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่