Thai universities and layoff มหาวิทยาลัยไทย .. ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ 8/8/2561
น่าเป็นห่วงถ้ามหาวิทยาลัยไทยบริหารงานแบบราชการ เชื่องช้า ไม่มีประสิทธิภาพ หลงกับอำนาจนิยม
https://ppantip.com/topic/37749699
เมื่อมหาวิทยาลัยไทยต้อง lay off อาจารย์และเจ้าหน้าที่ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
เผยแพร่: 7 มิ.ย. 2561 12:42: โดย: ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
ผู้อำนวยการหลักสูตร Ph.D. และ M.Sc. (Business Analytics and Data Science)
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
https://www.facebook.com/BusinessAnalyticsNIDA
https://mgronline.com/daily/detail/9610000056533
จากสถิตินักเรียนนักศึกษาของคณะและสาขาวิชาต่างๆ ในมหาวิทยาลัยที่ลดลงฮวบฮาบ บางแห่งแทบไม่ต้องคัดเลือกกันเลย เพราะนักเรียนสมัครมีจำนวนน้อยกว่าจำนวนที่ต้องการรับนักศึกษา และการฉายภาพประชากรของไทยที่เข้าสู่ภาวะประชากรถดถอย ประกอบกับตลาดก็เริ่มอิ่มตัวกับปริญญา
เกิดมหาวิทยาลัยในโลกออนไลน์ เรียนจาก MOOC ก็ได้ Coursera ก็มีเยอะแยะ MIT open courseware ก็มี แต่มี e-learning ให้เรียนฟรี ๆ อีกมาก ไปเรียนต่อเมืองนอกสมัยนี้ก็ง่าย มหาวิทยาลัยต่างประเทศก็อยากได้นักศึกษาใจจะขาด หลายที่เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
ในประเทศไทยมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งเจรจาขายกันหลายพันล้านแต่ยังไม่สำเร็จ อีกแห่งหนึ่งชื่อดังเช่นกันปีที่แล้วขาดทุนไป 100 กว่าล้าน ตั้งมาหลายสิบปี ปีที่แล้วขาดทุนเป็นครั้งแรก
มหาวิทยาลัยของรัฐเองก็ย่ำแย่สะบักสะบอม หานักศึกษาไม่ได้ TCAS รอบนี้อาการน่าจะยิ่งหนัก รอบ 3 ก็แล้ว รอบ3/1 ก็แล้ว รอบ 3/2 ก็แล้วยังเติมนักศึกษาได้ไม่เต็มตามจำนวนที่อยากจะรับกัน ส่วนหนึ่งเป็นความห่วยแตกของระบบที่ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ไม่รับผิดชอบ ออกมาขอโทษนักเรียนนักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครองที่เครียดจนสติแตก กระวนกระวาย น่าเห็นใจอย่างยิ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งเราต้องยอมรับว่าประเทศไทยเรามี oversupply คือมีมหาวิทยาลัยมากเกินไปกว่าความต้องการศึกษาต่อของเด็กเสียแล้ว
เราไม่เคยวางแผนการศึกษา โดยเฉพาะอุดมศึกษาอย่างใช้หลักฐานทางสถิติ เช่น การฉายภาพประชากร ประเทศไทยมีประชากรเกิดเกินล้านคนต่อปีติดต่อกันสามสิบกว่าปี จากปี 2505 ถึงปี 2535 เด็กแย่งกันเรียน ที่นั่งในมหาวิทยาลัยไม่พอ ครูและอาจารย์ แม้กระทั่งครูประถมศึกษาก็ขาดแคลน ทำให้เราเร่งผลิตครู เร่งกันสร้างมหาวิทยาลัยกันยกใหญ่ เป็นการหาเสียงของนักการเมืองไปด้วย เป็นการสร้างอาณาจักรสร้างบารมีของอาจารย์มหาวิทยาลัยกันไปด้วย เร่งสร้างกันจนไม่ได้คำนึงถึงความเป็นจริงว่าประเทศไทยต้องการบัณฑิต มหาบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิต อย่างละเท่าไหร่ สาขาอะไร
แต่ละคณะก็เร่งรับอาจารย์เข้ามากันมากมาย และตอนนี้ก็มากเกินกว่าที่ต้องการ ยกเว้นในบางสาขาที่ต้องการเพิ่มขึ้นมาก เช่น แพทย์ พยาบาล เภสัชศาสตร์ เพราะเราเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มวัย ต้องการอาจารย์แพทย์ อาจารย์พยาบาลมากเหลือเกิน โดยเฉพาะพยาบาลวิกฤติหนักมากที่สุด ส่วนสายสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ มีแนวโน้มจะมีอาจารย์ล้นเหลือและไม่มีคนเรียน ในสายวิทยาศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไปไวมากเช่น วิทยาการคอมพิวเตอร์ก็มีแนวโน้มว่าอาจารย์จะล้นเพราะตกยุคไม่ทันสมัย และวิชาทางวิทยาศาสตร์ยาก ๆ เช่นคณิตศาสตร์ก็มีเด็กอยากเรียนลดลงไปมาก เพราะเด็กมีทางเลือกมากเหลือเกินไม่จำเป็นต้องง้อมหาวิทยาลัยอีกต่อไป
ขณะนี้โรงเรียนประถมศึกษาแทบจะร้าง มีโรงเรียนประถมศึกษาใจกลางกรุงเทพ มีชื่อเสียงมาก เคยมีนักเรียน 3600 คน ณ วันนี้เหลือนักเรียนแค่ 600 คนทั้งโรงเรียน โรงเรียนเอกชนปิดไปแทบจะหมดแล้ว และโรงเรียนมัธยมศึกษาก็พบปัญหานี้แล้วเช่นกัน ส่วนมหาวิทยาลัยได้รับผลกระทบรุนแรงมากน้อยบ้างแตกต่างกันไปตามสาขาวิชา มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจริง ๆ และมีความทันสมัย จึงจะอยู่รอดได้
ดังนั้นใครจะมาเป็นผู้บริหารคณะหรือมหาวิทยาลัย ขอให้ตระหนักว่า หน้าที่ที่น่าหนักใจของท่านภายใน 3-5 ปีข้างหน้าคือ ท่านอาจจะต้อง lay off อาจารย์และเจ้าหน้าที่ ที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยออกไปเป็นจำนวนมาก อาจจะมากถึง 40%
อาจจะต้องยุบ ปิดภาควิชา หรือรวมคณะ ภาควิชา สาขาวิชา หรือรวมมหาวิทยาลัย
สำหรับคณบดี ขอให้เตรียมหลักฐานในการ lay off คนที่ไม่มีภาระงาน และไม่ปรับตัวไว้ให้ดี การสั่งให้ปรับตัว ปรับวิชาสอน ปรับการเรียนการสอน ปรับตัว หรือให้ทำวิจัย ต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร อย่าสั่งด้วยวาจาและควรมีบันทึกในรายงานการประชุมให้ชัดเจนให้เป็นหลักฐานไปขึ้นศาลได้ (legally defensible evidences) ว่าต้องเลิกจ้างเพราะไม่มีงานให้ทำหรือคนขาดคุณสมบัติในการทำงานจริง ๆ และได้ให้เวลาในการเตรียมตัวปรับตัวแล้ว หลักฐานเหล่านี้ต้องพร้อมที่จะไปศาลปกครอง อย่าได้ประมาท
และวันดีคืนดี จะมีจดหมายจากผู้บริหารของสถาบันหรือมหาวิทยาลัย เขียนมายังคณบดีว่า
เนื่องจากคณะของท่านมีจำนวนนักศึกษาและภาระการสอน เท่านั้นเท่านี้ และมหาวิทยาลัยได้รับจัดสรรงบประมาณมาจำกัดมากตามจำนวนนักศึกษาที่ลดลง คณะของท่านมีอาจารย์ได้เพียง x คน เจ้าหน้าที่ y คน ซึ่งเกินกว่าอัตราที่กำหนดไว้เป็นสัดส่วนกับภาระงานไป a และ b คนตามลำดับ ดังประกาศเรื่องการคำนวณอัตรากำลังบุคลากร
ขอให้ท่านพิจารณาและกำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดเจนในการ lay off อาจารย์และเจ้าหน้าที่ให้เหมาะสมตามเกณฑ์ หากคณะของท่านไม่สามารถทำได้ โปรดใช้เงินทุนคณะของท่านในการจ่ายค่าตอบแทนเหล่านั้นเอง เนื่องจากไม่มีงบประมาณเพียงพออีกต่อไป และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
การดุลข้าราชการออกสมัยรัชกาลที่ 7 ที่เคยว่ากันว่าเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475เคยเกิดมาแล้ว ทั้ง ๆ ที่เป็นข้าราชการ เพราะเกิด Great depression เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก แต่นี่เป็นพนักงานยิ่งเอาออกง่ายกว่ามาก เพราะเป็นสัญญาจ้างเป็นปี ๆ ไป
สำหรับอาจารย์ที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย
ควรพิจารณาตัวเองว่า ยังมีคุณค่าอยู่หรือไม่ ยังมีภาระการสอนหรือไม่ ตกยุค obsolete หลังเขาหรือยัง ต้องปรับปรุงหลักสูตรอย่างไรให้ดีและทันสมัยเป็นที่ต้องการของสังคม ต้องมีงานวิจัยหรืองานบริการวิชาการอื่นๆ เพียงพอที่จะทำให้ตนเองเป็นที่ต้องการ ต้องสามารถสร้างรายได้และคุณค่าให้หน่วยงานหรือไม่ จะทำอย่างไรให้ตนเองมีคุณค่าและมีศักดิ์ศรี มีที่ยืนได้อย่างสง่างาม เป็นที่ต้องการของสังคมและภาคเอกชนด้วย
อาจารย์มหาวิทยาลัยต้องถามตัวเองว่าจะอยู่ต่อไปอย่างสง่างามได้อย่างไร ถ้าไม่ต้องอยู่ในมหาวิทยาลัยแล้วจะออกไปทำอะไรได้ มีงานของนอกไหม มีเอกชนอยากจะจ้างไหม คนที่มีงานรอข้างนอกนั่นแหละคือคนที่จะได้อยู่ต่อ เพราะสอนอะไรที่เอกชนต้องการเอาไปใช้งานจริงได้
ขอให้ทุกคนในมหาวิทยาลัยเตรียมตัว สถานการณ์จะเป็นนายของทุกคน
ธรรมาภิบาลก็อาจจะมีปัญหา อาจจะเกิดการ lay off คนที่ไม่ใช่พวกของตนก็ได้ ใครจะรู้
Hope for the best, prepare for the worst!
May the force be with you! อย่าประมาท
Thai universities and layoff มหาวิทยาลัยไทย .. ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ 8/8/2561 สรายุทธ กันหลง
Thai universities and layoff มหาวิทยาลัยไทย .. ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ 8/8/2561
น่าเป็นห่วงถ้ามหาวิทยาลัยไทยบริหารงานแบบราชการ เชื่องช้า ไม่มีประสิทธิภาพ หลงกับอำนาจนิยม
https://ppantip.com/topic/37749699
เมื่อมหาวิทยาลัยไทยต้อง lay off อาจารย์และเจ้าหน้าที่ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
เผยแพร่: 7 มิ.ย. 2561 12:42: โดย: ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
ผู้อำนวยการหลักสูตร Ph.D. และ M.Sc. (Business Analytics and Data Science)
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
https://www.facebook.com/BusinessAnalyticsNIDA
https://mgronline.com/daily/detail/9610000056533
จากสถิตินักเรียนนักศึกษาของคณะและสาขาวิชาต่างๆ ในมหาวิทยาลัยที่ลดลงฮวบฮาบ บางแห่งแทบไม่ต้องคัดเลือกกันเลย เพราะนักเรียนสมัครมีจำนวนน้อยกว่าจำนวนที่ต้องการรับนักศึกษา และการฉายภาพประชากรของไทยที่เข้าสู่ภาวะประชากรถดถอย ประกอบกับตลาดก็เริ่มอิ่มตัวกับปริญญา
เกิดมหาวิทยาลัยในโลกออนไลน์ เรียนจาก MOOC ก็ได้ Coursera ก็มีเยอะแยะ MIT open courseware ก็มี แต่มี e-learning ให้เรียนฟรี ๆ อีกมาก ไปเรียนต่อเมืองนอกสมัยนี้ก็ง่าย มหาวิทยาลัยต่างประเทศก็อยากได้นักศึกษาใจจะขาด หลายที่เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
ในประเทศไทยมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งเจรจาขายกันหลายพันล้านแต่ยังไม่สำเร็จ อีกแห่งหนึ่งชื่อดังเช่นกันปีที่แล้วขาดทุนไป 100 กว่าล้าน ตั้งมาหลายสิบปี ปีที่แล้วขาดทุนเป็นครั้งแรก
มหาวิทยาลัยของรัฐเองก็ย่ำแย่สะบักสะบอม หานักศึกษาไม่ได้ TCAS รอบนี้อาการน่าจะยิ่งหนัก รอบ 3 ก็แล้ว รอบ3/1 ก็แล้ว รอบ 3/2 ก็แล้วยังเติมนักศึกษาได้ไม่เต็มตามจำนวนที่อยากจะรับกัน ส่วนหนึ่งเป็นความห่วยแตกของระบบที่ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ไม่รับผิดชอบ ออกมาขอโทษนักเรียนนักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครองที่เครียดจนสติแตก กระวนกระวาย น่าเห็นใจอย่างยิ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งเราต้องยอมรับว่าประเทศไทยเรามี oversupply คือมีมหาวิทยาลัยมากเกินไปกว่าความต้องการศึกษาต่อของเด็กเสียแล้ว
เราไม่เคยวางแผนการศึกษา โดยเฉพาะอุดมศึกษาอย่างใช้หลักฐานทางสถิติ เช่น การฉายภาพประชากร ประเทศไทยมีประชากรเกิดเกินล้านคนต่อปีติดต่อกันสามสิบกว่าปี จากปี 2505 ถึงปี 2535 เด็กแย่งกันเรียน ที่นั่งในมหาวิทยาลัยไม่พอ ครูและอาจารย์ แม้กระทั่งครูประถมศึกษาก็ขาดแคลน ทำให้เราเร่งผลิตครู เร่งกันสร้างมหาวิทยาลัยกันยกใหญ่ เป็นการหาเสียงของนักการเมืองไปด้วย เป็นการสร้างอาณาจักรสร้างบารมีของอาจารย์มหาวิทยาลัยกันไปด้วย เร่งสร้างกันจนไม่ได้คำนึงถึงความเป็นจริงว่าประเทศไทยต้องการบัณฑิต มหาบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิต อย่างละเท่าไหร่ สาขาอะไร
แต่ละคณะก็เร่งรับอาจารย์เข้ามากันมากมาย และตอนนี้ก็มากเกินกว่าที่ต้องการ ยกเว้นในบางสาขาที่ต้องการเพิ่มขึ้นมาก เช่น แพทย์ พยาบาล เภสัชศาสตร์ เพราะเราเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มวัย ต้องการอาจารย์แพทย์ อาจารย์พยาบาลมากเหลือเกิน โดยเฉพาะพยาบาลวิกฤติหนักมากที่สุด ส่วนสายสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ มีแนวโน้มจะมีอาจารย์ล้นเหลือและไม่มีคนเรียน ในสายวิทยาศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไปไวมากเช่น วิทยาการคอมพิวเตอร์ก็มีแนวโน้มว่าอาจารย์จะล้นเพราะตกยุคไม่ทันสมัย และวิชาทางวิทยาศาสตร์ยาก ๆ เช่นคณิตศาสตร์ก็มีเด็กอยากเรียนลดลงไปมาก เพราะเด็กมีทางเลือกมากเหลือเกินไม่จำเป็นต้องง้อมหาวิทยาลัยอีกต่อไป
ขณะนี้โรงเรียนประถมศึกษาแทบจะร้าง มีโรงเรียนประถมศึกษาใจกลางกรุงเทพ มีชื่อเสียงมาก เคยมีนักเรียน 3600 คน ณ วันนี้เหลือนักเรียนแค่ 600 คนทั้งโรงเรียน โรงเรียนเอกชนปิดไปแทบจะหมดแล้ว และโรงเรียนมัธยมศึกษาก็พบปัญหานี้แล้วเช่นกัน ส่วนมหาวิทยาลัยได้รับผลกระทบรุนแรงมากน้อยบ้างแตกต่างกันไปตามสาขาวิชา มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจริง ๆ และมีความทันสมัย จึงจะอยู่รอดได้
ดังนั้นใครจะมาเป็นผู้บริหารคณะหรือมหาวิทยาลัย ขอให้ตระหนักว่า หน้าที่ที่น่าหนักใจของท่านภายใน 3-5 ปีข้างหน้าคือ ท่านอาจจะต้อง lay off อาจารย์และเจ้าหน้าที่ ที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยออกไปเป็นจำนวนมาก อาจจะมากถึง 40%
อาจจะต้องยุบ ปิดภาควิชา หรือรวมคณะ ภาควิชา สาขาวิชา หรือรวมมหาวิทยาลัย
สำหรับคณบดี ขอให้เตรียมหลักฐานในการ lay off คนที่ไม่มีภาระงาน และไม่ปรับตัวไว้ให้ดี การสั่งให้ปรับตัว ปรับวิชาสอน ปรับการเรียนการสอน ปรับตัว หรือให้ทำวิจัย ต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร อย่าสั่งด้วยวาจาและควรมีบันทึกในรายงานการประชุมให้ชัดเจนให้เป็นหลักฐานไปขึ้นศาลได้ (legally defensible evidences) ว่าต้องเลิกจ้างเพราะไม่มีงานให้ทำหรือคนขาดคุณสมบัติในการทำงานจริง ๆ และได้ให้เวลาในการเตรียมตัวปรับตัวแล้ว หลักฐานเหล่านี้ต้องพร้อมที่จะไปศาลปกครอง อย่าได้ประมาท
และวันดีคืนดี จะมีจดหมายจากผู้บริหารของสถาบันหรือมหาวิทยาลัย เขียนมายังคณบดีว่า
เนื่องจากคณะของท่านมีจำนวนนักศึกษาและภาระการสอน เท่านั้นเท่านี้ และมหาวิทยาลัยได้รับจัดสรรงบประมาณมาจำกัดมากตามจำนวนนักศึกษาที่ลดลง คณะของท่านมีอาจารย์ได้เพียง x คน เจ้าหน้าที่ y คน ซึ่งเกินกว่าอัตราที่กำหนดไว้เป็นสัดส่วนกับภาระงานไป a และ b คนตามลำดับ ดังประกาศเรื่องการคำนวณอัตรากำลังบุคลากร
ขอให้ท่านพิจารณาและกำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดเจนในการ lay off อาจารย์และเจ้าหน้าที่ให้เหมาะสมตามเกณฑ์ หากคณะของท่านไม่สามารถทำได้ โปรดใช้เงินทุนคณะของท่านในการจ่ายค่าตอบแทนเหล่านั้นเอง เนื่องจากไม่มีงบประมาณเพียงพออีกต่อไป และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
การดุลข้าราชการออกสมัยรัชกาลที่ 7 ที่เคยว่ากันว่าเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475เคยเกิดมาแล้ว ทั้ง ๆ ที่เป็นข้าราชการ เพราะเกิด Great depression เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก แต่นี่เป็นพนักงานยิ่งเอาออกง่ายกว่ามาก เพราะเป็นสัญญาจ้างเป็นปี ๆ ไป
สำหรับอาจารย์ที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย
ควรพิจารณาตัวเองว่า ยังมีคุณค่าอยู่หรือไม่ ยังมีภาระการสอนหรือไม่ ตกยุค obsolete หลังเขาหรือยัง ต้องปรับปรุงหลักสูตรอย่างไรให้ดีและทันสมัยเป็นที่ต้องการของสังคม ต้องมีงานวิจัยหรืองานบริการวิชาการอื่นๆ เพียงพอที่จะทำให้ตนเองเป็นที่ต้องการ ต้องสามารถสร้างรายได้และคุณค่าให้หน่วยงานหรือไม่ จะทำอย่างไรให้ตนเองมีคุณค่าและมีศักดิ์ศรี มีที่ยืนได้อย่างสง่างาม เป็นที่ต้องการของสังคมและภาคเอกชนด้วย
อาจารย์มหาวิทยาลัยต้องถามตัวเองว่าจะอยู่ต่อไปอย่างสง่างามได้อย่างไร ถ้าไม่ต้องอยู่ในมหาวิทยาลัยแล้วจะออกไปทำอะไรได้ มีงานของนอกไหม มีเอกชนอยากจะจ้างไหม คนที่มีงานรอข้างนอกนั่นแหละคือคนที่จะได้อยู่ต่อ เพราะสอนอะไรที่เอกชนต้องการเอาไปใช้งานจริงได้
ขอให้ทุกคนในมหาวิทยาลัยเตรียมตัว สถานการณ์จะเป็นนายของทุกคน
ธรรมาภิบาลก็อาจจะมีปัญหา อาจจะเกิดการ lay off คนที่ไม่ใช่พวกของตนก็ได้ ใครจะรู้
Hope for the best, prepare for the worst!
May the force be with you! อย่าประมาท