ผ่านร้อน ผ่านฝน ผ่านหนาวมาก้อ สี่สิบกว่าปีแล้ว ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของช่วงเวลาต่างๆ มาก้อมาก สิ่งหนึ่งที่ค้างคาอยู่ในความรู้สึก และยังโหยหาอยู่ตลอด คือการรอรับจดหมาย
เมื่อนานมาแล้ว สมัยประถม โรงเรียนให้เขียนจดหมายหาเพื่อนที่อยู่ต่างโรงเรียน โดยเขียนไปหาเพื่อนใหม่ โดยระบุแค่เลขที่ ชั้น และโรงเรียนเท่านั้น
มีความสุขมากมายที่ได้เขียนจดหมายหากัน โดยที่ไม่รู้จักกัน ชอบมากถึงขนาดเป็นคนเขียนจดหมายให้เพื่อนๆ เกือบครึ่งห้อง
พอมาอยู่มัธยม เริ่มชอบเพศตรงข้าม ได้มีแฟนทางจดหมาย รู้จักกันแค่วันเดียวก้อแลกที่อยู่กัน (อยู่คนละจังหวัด) และเขียนจดหมายหากันตลอดตั้งแต่ ม.1- ม.3 พอจบ ม.3 เขาคนนั้นไม่ได้เรียนต่อ แต่ไปทำงานโรงงาน ขาดการติดต่อไป และไม่เคยได้คุยกันอีกเลย
วันเวลาผ่านไป เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ กระดาษเขียนจดหมายแทบหาซื้อไม่ได้ ที่สำคัญ ไม่มีคนยอมเขียนด้วยนี่สิ
พอโหยหามากๆ ก้อมีความคิดว่า เอาละ ในเมื่อไม่มีใครเขียนหาเรา เราเขียนหาตัวเองก้อได้วะ ก่อนที่จะเริ่มลงมือเขียน ก้อเหมือนโชคเข้าข้าง
มีคนอยากได้รับจดหมายจากเรา ใครกัน เขาคนนั้น เป็นบุคคลต้องโทษ เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที เอาก้อเอา คงไม่เป็นไร แล้วเราก้อเขียนจดหมายติดต่อกับเพื่อนใหม่ในรั้วสูงมาได้เกือบสองปี ก้อรู้สึกดีนะ ที่ได้เป็นกำลังใจให้คนที่สำนึกผิด เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก ในที่สุดเพื่อนคนนี้ก้อพ้นโทษ และเหมือนเคย โลกภายนอกก้อทำให้เขาไม่ต้องการเขียนจดหมายอีกต่อไป แล้วเราก้อแยกย้ายกันไป
บัดนี้ ความรู้สึกโหยหาตัวอักษรมันได้กลับมาอีกแล้ว ต้องการจะหาใครสักคน ที่อยากเขียนจดหมายคุยกัน
ปล. ทิ้งที่อยู่ไว้ที่หลังไมค์เลยนะคะ เราไม่สนใจค่ะว่าคุณเป็นใคร อายุเท่ารัย สูงต่ำ ดำขาว อย่างไร เพราะในจดหมาย เราเพื่อนกันค่ะ
เขียนจดหมายคุยกันเถอะค่ะ
เมื่อนานมาแล้ว สมัยประถม โรงเรียนให้เขียนจดหมายหาเพื่อนที่อยู่ต่างโรงเรียน โดยเขียนไปหาเพื่อนใหม่ โดยระบุแค่เลขที่ ชั้น และโรงเรียนเท่านั้น
มีความสุขมากมายที่ได้เขียนจดหมายหากัน โดยที่ไม่รู้จักกัน ชอบมากถึงขนาดเป็นคนเขียนจดหมายให้เพื่อนๆ เกือบครึ่งห้อง
พอมาอยู่มัธยม เริ่มชอบเพศตรงข้าม ได้มีแฟนทางจดหมาย รู้จักกันแค่วันเดียวก้อแลกที่อยู่กัน (อยู่คนละจังหวัด) และเขียนจดหมายหากันตลอดตั้งแต่ ม.1- ม.3 พอจบ ม.3 เขาคนนั้นไม่ได้เรียนต่อ แต่ไปทำงานโรงงาน ขาดการติดต่อไป และไม่เคยได้คุยกันอีกเลย
วันเวลาผ่านไป เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ กระดาษเขียนจดหมายแทบหาซื้อไม่ได้ ที่สำคัญ ไม่มีคนยอมเขียนด้วยนี่สิ
พอโหยหามากๆ ก้อมีความคิดว่า เอาละ ในเมื่อไม่มีใครเขียนหาเรา เราเขียนหาตัวเองก้อได้วะ ก่อนที่จะเริ่มลงมือเขียน ก้อเหมือนโชคเข้าข้าง
มีคนอยากได้รับจดหมายจากเรา ใครกัน เขาคนนั้น เป็นบุคคลต้องโทษ เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที เอาก้อเอา คงไม่เป็นไร แล้วเราก้อเขียนจดหมายติดต่อกับเพื่อนใหม่ในรั้วสูงมาได้เกือบสองปี ก้อรู้สึกดีนะ ที่ได้เป็นกำลังใจให้คนที่สำนึกผิด เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก ในที่สุดเพื่อนคนนี้ก้อพ้นโทษ และเหมือนเคย โลกภายนอกก้อทำให้เขาไม่ต้องการเขียนจดหมายอีกต่อไป แล้วเราก้อแยกย้ายกันไป
บัดนี้ ความรู้สึกโหยหาตัวอักษรมันได้กลับมาอีกแล้ว ต้องการจะหาใครสักคน ที่อยากเขียนจดหมายคุยกัน
ปล. ทิ้งที่อยู่ไว้ที่หลังไมค์เลยนะคะ เราไม่สนใจค่ะว่าคุณเป็นใคร อายุเท่ารัย สูงต่ำ ดำขาว อย่างไร เพราะในจดหมาย เราเพื่อนกันค่ะ