แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่น 12วัน 11คืน Tohoku - Sapporo

สวัสดีค่ะ  วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองให้ฟังกัน    (นี่เป็นโพสแรกของเราเลยถ้าเล่าไม่สนุกหรือผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วย)
เมื่อต้นเดือนเมษาที่ผ่านมาเรามีแพลนจะไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่ยังไม่รู้จะไปช่วงไหนดี ยิ่งจองตั๋วแบบกระชั้นชิดตั๋วยิ่งแพงด้วย
คือเรายังไม่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นเลยอยากเห็นซากุระ แต่แฟนเราเคยไปแล้วไปกับทัวร์ ยังไม่เคยไปเที่ยวเองและเค้าอยากจะไปซัปโปโร
คุยไปคุยมาก็สรุปได้ว่า ไปเที่ยวโซนโทโฮกุกัน ช่างปลายเมษาน่าจะมีซากุระหลงเหลืออยู่บ้าง แล้วก็ขึ้นไปถึงซัปโปโร ต้นเดือนพฤษภาซากุระบานพอดีบินลงโตเกียว กลับทางซัปโปโร มี JR.Passครอบคลุมเดินทางน่าจะสะดวก
เที่ยวไปเรื่อยๆ มั่วๆไป เปลี่ยนที่นอนไปเรื่อย  เหนื่อยก็พัก กินแบบง่ายๆ ราคาประหยัด 26/4 - 7/5   12วัน 11คืน(ติดGolden Weekพอดี)
*Golden Week เป็นวันหยุดยาวของญี่ปุ่น ซึ่งจะหาที่พักในช่วงนี้ยากมากๆ*
***สิ่งที่เราเตรียมก่อนเดินทาง***
-เตรียมร่างกายให้พร้อม(พร้อมแบกเป้)
-ยาต่างๆ ยาพารา ยาแก้ท้องเสีย ยาถ่าย ยาแก้แพ้ พลาสเตอร์ อะไรก็ว่าไปมีไว้ดีกว่าไม่มี
-ปริ้นเอกสารการจองโรงแรม เราปริ้นทั้ง11คืนเลย 5555(เราจองผ่านBooking), ปริ้นใบยืนยันการจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
-ซื้อJR.Pass เราใช้JR.East-South Hokkaido RailPass มีอายุใช้งาน14วันเลือกใช้งานได้6วัน+ซิมเน็ตญี่ปุ่น(Docomo)
-ซื้อประกันภัยระหว่างที่เราอยู่ที่ญี่ปุ่น ก็ค่าหมอบ้านเค้าแพงอ่ะ เผื่อไว้ก่อน ครอบคลุมทั้งอุบัติเหตุและการเจ็บป่วย
https://traveljoy.sompo.co.th/?gclid=Cj0KCQjwjN7YBRCOARIsAFCb936LTvFkAvDvkHzyRjvGTsodr6wPczmIWhfy5h2i8vgQF4mEy8DJ7NgaAojYEALw_wcB

ตอนที่2Aizuwakamatsu,Fukushima https://ppantip.com/topic/37764086

   ตอนที่1 วันเดินทาง26/4 เราบินกับสายการบิน AirAsia  ชั้นประหยัด รอบ05:05 -13:10 จองตั๋วพร้อมซื้อแพ็กสุดคุ้ม ได้ทั้งประกัน,น้ำหนักกระเป๋า20โล,อาหาร และได้เลือกที่นั่งราคาประหยัด คุ้มมากๆ ราคาก็แล้วแต่เที่ยวบิน
เครื่องออก05:05 ต้องไปถึงสนามบินตี3 แต่เที่ยงคืนเรายังเก็บเสื้อผ้าอยู่เลย5555 รีบกันสุดๆ  แต่เราก็ไปถึงสนามบินทันเวลาจนได้ 5555
เช็คอิน โหลดกระเป๋า เรียบร้อย มีเวลาหาข้าวกินนิดหน่อย แล้วก็ซื้อซิมเน็ตเพิ่มอีกนึงอัน(ของแฟน)
ถึงเวลาขึ้นเครื่อง...เราเลือกนั่งแถวที่2ในโซนปลอดเสียง เป็นทำเลดีมากในชั้นLow Fare
เครื่องออกได้ประมาณสักชั่วโมงกว่าๆพนักงานก็แจกเอกสารเข้าประเทศญี่ปุ่นมี 2ใบ *มีตัวอย่างการกรอกพร้อมคำแปลอยู่ในหนังสือสินค้าของสายการบิน ในกระเป๋าพนักพิงหน้าที่นั่ง*
กรอกเอกสารเสร็จ พนักงานก็จะมาเสริฟอาหาร เราได้ข้าวหน้าไก่เทอริยากิ อร่อยดี กินอิ่มแล้วก็นอนหลับพักเอาแรง ใช้เวลาบินประมาณ6ชม.
**แนะนำให้พกหมอนอิงไปด้วย เดี๋ยวจะปวดคอเหมือนเรา555**
13:10(เวลาโตเกียว)ถึงสนามบินนาริตะ ประตูเครื่องเปิด รอคนที่นั่งชั้นPremiumออกก่อน ชั้นนี้คนไม่เยอะ รอแปปเดียว นี่คือเหตูผลที่เราเลือกนั่งในโซนปลอดเสียง เพราะอยู่ติดกับชั้นPremiumซึ่งใกล้กับทางออก จะออกจากเครื่องได้เร็มมาก ออกจากเครื่องได้ก็รีบเดินรีบวิ่ง555ไปเข้าตม.ด่านแรก
เราต่อแถวเป็นคิวที่4-5นี่แหละ แฟนเราต่อหลังเรา พอถึงคิวเราก็ยื่นพาสปอร์ตพร้อมกับเอกสารที่เรากรอกตั้งแต่อยู่บนเครื่อง  คำถามแรกที่เค้าถาม
เจ้าหน้าที่:มีคนมากับคุณกี่คน                  เรา:1คน
เจ้าหน้าที่:เรียกเค้ามานี่หน่อย                   เราก็กวักมือเรียกแฟน เค้าก็เดินมาแล้วยื่นพาสปอร์ตให้
เจ้าหน้าที่ถามแฟน:คุณมาทำอะไร            แฟน:มาเที่ยว
เจ้าหน้าที่:พักที่ไหน                              แฟน:Aizu wakamatsu
เจ้าหน้าที่:มีหลักฐานการจองโรงแรมมั้ย     เราก็ยื่นใบจองที่เราปริ้นมาให้เค้าดู เป็นปึกเลยเราปริ้นเป็นภาษาญี่ปุ่นมาด้วย
เจ้าหน้าที่:แล้วเดินทางยังไง                   แฟน:เดินทางด้วยรถไฟ เรามีJR.Pass ซื้อจากประเทศไทย แล้วก็หยิบใบExchange Orderให้เค้าดู
เจ้าหน้าที่เค้าก็ขอบคุณแล้วก็ปล่อยเราเข้าไป  เฮ้ออออ นึกว่าจะไปผ่านซะแล้ว55555
ไปรับกระเป๋าแล้วก็ไป ตม.ด่านที่2 เราก็ยื่นพาสปอร์ตให้ เจ้าหน้าที่ไม่ถามอะไรสักคำ กระเป๋าก็ไม่ตรวจ เจ้าหน้าที่เค้าคืนพาสปอร์ตมาแล้วก็ให้เเราผ่านไป
ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 20นาที (ปล.กรณีคนไม่เยอะ) เสร็จจากตรงนี้
เราก็ลงไปที่ชั้น2 ไปเคาร์เตอร์JR.(Ticket Office) เพื่อแลกJR.Pass เราก็ยื่นใบExchange Order พร้อมกับพาสปอร์ต ให้เจ้าหน้าที่ที่เคาร์เตอร์
เค้าก็เอาบัตรJR.Passตัวจริง มาให้เราเขียนชื่อและหมายเลขพาสปอร์ตไว้ด้านหลัง แล้วเราก็บอกเค้าไปว่าเราจะไปที่ไหน ที่ที่เราจะไปเที่ยวที่แรกคือAizu wakamatsu จังหวัดFukushima.        เจ้าหน้าที่ก็จะอธิบายรายละเอียดต่างๆ การเดินทาง การใช้งาน การขึ้นรถไฟ พร้อมกับออกตั๋วจองที่นั่งให้
[เมื่อเราซื้อJR.pass ที่ไทยจะได้เป็นใบ Exchange Order มา ซึ่งในนี้จะมีชื่อเราอยู่ ต้องตรวจสอบให้ดีว่าชื่อตรงกับพาสปอร์ตถูกต้องมั้ย]
  [นี่คือหน้าตาของบัตรJR.Pass ตัวจริง
เราใช้JR.East-South Hokkaido RailPass มีอายุใช้งาน14วันเลือกกำหนดวันใช้งานได้6วัน ราคา26,000เยน ใช้นั่งรถไฟตั้งแต่โตเกียวไปถึงซัปโปโร
ด้านหลังจะมีชื่อกับหมายเลขพาสปอร์ต และช่องสำหรับปั้มวันที่6ช่อง ใช้งานวันไหนเจ้าหน้าที่ก็จะปั้มวันที่ลงไป เราก็สามารถขึ้นรถไฟได้ทั้งวันแบบไม่จำกัดครั้ง ถือบัตรJR.Pass ผ่านประตูอัตโนมัติไม่ได้นะค๊ะ ต้องเข้าทางประตูที่มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจบัตรโดยสารอยู่เท่านั้น
เวลาจะเข้าชานชาลาต้องยื่นบัตรJR.Pass ให้เจ้าหน้าที่ดูแล้วก็ไปขึ้นรถไฟได้เลย ถ้าจะขึ้นรถไฟแบบจองที่นั่งต้องไปออกตั๋วที่Ticket Officeก่อน ถ้าไม่จองที่นั่งก็ขึ้นรถไฟได้เลย]
**เราเลือกใช้เฉพาะวันที่ นั่งShinkansenหรือวันที่ต้องเดินทางเยอะๆเท่านั้น** Pass นี้เราคิดว่าคุ้มมากๆ แต่ก็ขึ้นอยู่กับแผนการเดินทางของแต่ละคน
  [การอ่านตั๋วรถไฟ
ตั๋วใบล่างนะค๊ะ จากTOKYO ไป KORIYAMA เวลา15:36 ถึง17:01 ,ขบวน YAMABIKO 57 , CAR.7(คันที่ึ7) , SEAT13-A(ที่นั่ง13-A)
เทคนิคที่เราใช้ขึ้นรถไฟแบบไม่ผิดขบวนคือ ดูหมายเลขขบวนกับเวลาออก ตรงกับที่เราจะไปก็ขึ้นได้เลย]
[ที่นี่โตเกียว......เดินหาชานชาลาชินคันเซ็น เดินแบบรีบๆ8นาทีก็ถึง เดินแบบชิวๆประมาณ20นาที(เจ้าหน้าที่เค้าบอกมา)
หัวเขียวอยู่ไหนหว่าาาา5555  ตามสัณญาลักษณ์ชินคันเช็นไป เป็นรูปหัวรถไฟสีเขียว ไม่ยากเท่าไหร่มีป้ายบอกตลอดทาง]

เราได้ตั๋วจากสนามบินนาริตะไปโตเกียวรอบ14:20 , ตั๋วไป Koriyama รอบ 15:36
ตั๋วไปAizu-wakamatsu ไม่ต้องใช้ เพราะเป็นรถไฟแบบไม่จองที่นั่ง เรามีJR.Pass ก็ขึ้นได้เลย
แลก JR.Pass เสร็จแล้วก็ลงไปที่ชานชาลา แปปเดียวรถไฟก็มา ตรงเวลามากๆ ถึงโตเกียว 15:14 เรามีเวลา22นาทีในการเดินหาชานชาลา Shinkansen หาไม่ยาก มีป้ายบอกตลอดทาง เดินตามสัณญาลักษณ์ชินคันเช็นไป เป็นรูปหัวรถไฟสีเขียว กึ่งวิ่งกึ่งเดิน 7นาที ก็ถึงชานชาลา
ไปถึงรถไฟมาจอดรออยู่แล้ว ตื่นเต้น!! แต่ยังขึ้นไม่ได้เพราะเค้าทำความสะอาดอยู่ เราก็ไปยืนต่อแถวรอ ดูเค้าทำความสะอาดไป นี่แค่ทำความสะอาดนะ ยังเป็นระบบเลย ดูแล้วเพลินดี สักพักเห็นเบาะที่นั่งมันหมุนเอง โหหห...โคตรล้ำ! เค้าใช้วิธีหมุนเบาะเพื่อที่เวลานั่งจะได้หันหน้าไปตามที่รถไฟวิ่งไม่ต้องกลับหัวรถไฟ เจ๋งๆ แล้วก้ได้เวลาขึ้นรถไฟ เบาะที่นั่งกว้าง สะดวกสบายมากๆ พอได้นั่งปุ๊ปหลับค่ะ วิวไม่ได้ดูหรอก แต่ก่อนหลับต้องตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเดี๋ยวจะหลับยาวเลยสถานีที่ต้องลง 5555
17:01 ถึงKoriyama เดินออกจากรถไฟ ก็งงสิคับไปทางไหนดี555 ที่ยืนงงก็เพราะเราจะไปหาร้านที่ขายหัวแปลงปลั๊กไฟหาร้านขายบัตรโทรศัพท์(ไว้โทรconfirmโรงแรมเผื่อไปโรงแรมดึก) สรุปไม่มีขายสักอย่าง ก็เลยชั่งมันค่อยไปหาเอาข้างหน้า แล้วก็เดินไปสอบถามเจ้าหน้าที่ว่ารถไฟไปAizuwakamatsu อยู่ตรงไหน เจ้าหน้าที่ก็น่ารักมากให้ดูตารางรถไฟแล้วยังเดินมาส่งถึงทางลงไปชานชาลา คงกลัวเราหลง5555
รถไฟรอบต่อไป18:18 ไปถึงสถานีAizu wakamatsu19:36 ใช้เวลาประมาณ1ชม.18นาที
ไปถึงก็ค่ำแล้ว อากาศเย็นมากกก ลงรถไฟมาก็ถามเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วว่าโรงแรมนี้ไปทางไหน เค้าบอกให้เดินตรงไปเลยตรงไปอย่างเดียว
เราพักที่โรงแรม Aizuwakamatsu Washington Hotel อยู่ห่างจากสถานี 500เมตร เดินออกมาหน้าสถานี แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆโรงแรมจะอยุ่ซ้ายมือ
ถึงโรงแรมเช็คอินเรียบร้อย แล้วก็ถามพนักงานว่าหัวแปลงปลั๊กไฟมีขายที่ไหนบ้าง พนักงานบอกแถวนี้ไม่มี เลยให้ยืมที่ชาตแบตไอโฟน2อัน ปรากฎว่า หัวที่ชาตแบตก็เหมือนกับของบ้านเรา เลยลองเอาที่ชาตแบตกล่องถ่ายรูปไปเสียบปลั๊กดู เออ..ก็เสียบได้ ไฟก็เข้า ใช้ด้วยกันได้นี่หน่า ดีเลยไม่ต้องหาซื้อหัวแปลงให้เปลืองตังอยู่5555 นั่งพักหายเหนื่อยก็ออกไปหาข้าวกิน ง่ายๆเลย แฟมิลี่มาร์ท เดินเลยโรงแรมไปหนึ่งแยกไฟแดงก็ถึง ซื้อข้าวซื้อขนมกลับไปกินที่โรงแรม กินอิ่มนอนหลับ พรุ่งนี้ลุยต่อ....
**มี7-11 อยู่หลังโรงแรม สะดวกมากๆ พนักงานก็น่ารัก ห้องพักก็สะอาดมีกลิ่นหอมด้วย**
หมดไป1วันกับการเดินทาง ยังมีเรื่องราวเยอะแยะมากมาย ว่างๆจะมาเล่าสู่กันฟังอีกนะค๊ะ

ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.namfapakhao.com/how-to-go-aizu-wakamatsu/
ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.mprabin.com/2017/11/18/japan_fukushima/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่