เมื่อฉันเป็นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ กับการรักษามากกว่า 6 เดือน

สวัสดีค่ะ
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก หากแท็กผิด หรือมีข้อผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยค่ะ
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวสักเล็กน้อยค่ะ
จขกท. ขอแทนตัวเองว่า "เรา" นะคะ
เราอายุ 26 ปีค่ะ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่บ.เอกชนแห่งหนึ่ง งานหนักพอสมควร แต่ไม่เคยทำโอทีค่ะ เข้างานและเลิกงานตรงเวลา

ขอเล่ารายละเอียดการใช้ชีวิตของเรา ก่อนจะเริ่มเป็นภูมิแพ้ผิวหนัง เพื่อให้เพื่อนๆ ได้เห็นภาพกันสักหน่อยนะคะ
1. พักอยู่ที่หอพักใกล้ที่ทำงานมาก (เดินถึง) ทำให้ไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยว หรือพักผ่อน เนื่องจากเราไม่มีรถยนต์ เลิกงานปกติก็จะกลับหอเลยค่ะ
2. ออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 1-2 วัน (วิ่ง 4-5 กม.) หลังเลิกงาน
3. อาหารเช้า อาหารกลางวัน บริษัทเลี้ยง ไม่สามารถเลือกเมนูได้ หากไม่ถูกใจ ก็จะไปซื้อกินแถวที่ทำงาน ซึ่งจะมีให้เลือกไม่กี่อย่างคือ ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว
4. กินผลไม้อย่างน้อยวันละ 2 อย่าง (หลักๆ คือฝรั่ง อีกอย่างก็จะเป็น มะละกอ หรือ มะม่วง ซื้อจากรถผลไม้)
5. เป็นคนกินเก่ง เครียดแล้วกิน เราเป็นคนน้ำหนักเกินเกณฑ์ (อ้วน ><) สูง 156 หนัก 57-58 กก. อยู่แบบนี้มา 5 ปีแล้ว ช่วงไหนอ้วนกว่านี้ก็จะพยายามควบคุมค่ะ
6. ไม่ค่อยกินอาหารที่ห้าง แต่ก็ไม่สามารถทำอาหารกินเองที่หอได้เนื่องจากพื้นที่ห้องจำกัดมากค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะหากินใกล้ที่ทำงาน อาหารเย็นก็จะเป็นอาหารตามสั่งปกติ (เราชอบกินสุกี้ ราดหน้า หรือยำ)
7. บุคลิกส่วนตัวเป็นคนแอคทีฟค่ะ ชอบเดินไปเดินมา อยู่ออฟฟิศก็มักจะเดินไปตึกนั้นตึกนี้ มีออกไปนอกสถานที่บ้าง

เราใช้ชีวิตอย่างที่บอกนี้ ตั้งแต่ปี 59 ค่ะ จนถึงช่วงกลางปี 60 ตอนนั้นเรารู้สึกเหงาๆ เพราะปกติเราเป็นคนไม่ชอบสังสรรค์และปาร์ตี้ ชอบอยู่คนเดียวมากกว่า ห้องก็เงียบๆ เลยอยากหาสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงค่ะ

ที่หอพักเป็นหอของเจ้าของบริษัท ไม่ได้ห้ามเลี้ยงสัตว์ค่ะ แต่เราก็เกรงใจหากเลี้ยงสุนัขกลัวเห่ารบกวนคนอื่นค่ะ เราเลยตัดสินใจเลี้ยงแมว

เราได้แมวมาอยู่ในห้องด้วยตอนประมาณเดือน พ.ค. 60 ค่ะ แมวเราขนสั้น ห้องเรามีเครื่องกรองอากาศนะคะ แล้วเราก็ซื้อเครื่องดูดฝุ่นมาเพิ่มเพราะรู้สึกขนแมวมันร่วงค่อนข้างเยอะ กวาดแล้วไม่เกลี้ยง

ผ่านไปประมาณ 3 เดือนค่ะ เริ่มสังเกตว่าหน้าผากตัวเองมีผื่นขึ้นเป็นวงๆ ลอกแล้วก็คันเป็นปื้นๆ ค่ะ เราคิดว่าเราติดเชื้อราจากแมวเพราะตอนนั้นแมวเราเป็นเชื้อราค่ะ ก็เลยเอายารักษาเชื้อรามาทา ตอนนั้นใช้ FungiNox ที่เป็นขวดสีแดงๆ ค่ะ ตอนแรกซื้อมาฉีดให้แมว เห็นฉลากเขียนว่าใช้รักษาคนได้เลยใช้เองด้วยเลย รักษาทั้งคนทั้งแมว


ทาป็นเดือนไม่เห็นดีขึ้น จึงตัดสินใจไปหาหมอค่ะ ที่แรกที่คิดถึงก็คือสถาบันโรคผิวหนัง ใกล้กับโรงพยาบาลราชวิถีค่ะ

นัดล่วงหน้าทางอินเตอร์เน็ตนะคะ ประมาณสัปดาห์หนึ่ง ไปถึงไม่ต้องต่อคิวนานมาก แต่ถ้าไม่ได้นัด ไปรับคิวเองน่าจะต้องมารับคิวแต่เช้าค่ะ เราไปถึงประมาณ 8 โมงคนแน่นแล้วค่ะ

หมอให้เราไปขูดเชื้อเอาไปตรวจ ตอนนั้นนอกจากที่หน้าผาก ก็มีที่เปลือกตา และมุมปากด้วยค่ะที่เริ่มลอก แดง และคัน (สภาพหน้าคือค่อนข้างแย่ แต่ยังไม่ถึงกับมีคนทักนะคะ)

ผลตรวจ : ไม่ได้เป็นเชื้อราค่ะ หมอก็ให้ยามา รายการตามนี้
1. CETIRIZINE 10 MG (ยาแก้แพ้)
2. LORATADINE 10 MG (ยาแก้แพ้อีกตัว)
3. ELOMET CREAM 5 G (ตัวนี้สเตียรอยด์ค่ะ)
4. TA (triamcinolone acetonide 0.02%) (ตัวนี้สเตียรอยด์ค่ะ)
5. CREAM BASE 30 G (ตัวนี้เป็นครีมบำรุงธรรมดาไม่มีน้ำหอม)
6. PREDNISOLONE 5 MG (ตัวนี้สเตียรอยด์ค่ะ)

คือเราเองเรียนสายวิทยาศาสตร์สุขภาพมาค่ะ เราไม่ค่อยทราบเรื่องยาที่ใช้กับผิวหนัง แต่ถ้ายาที่กินเข้าไปนั้นเราพอทราบ เพราะฉะนั้นเราก็เป็นคนไข้ดื้อที่ไม่ยอมกินยาตามหมอสั่งค่ะ (ข้อ 6. เราไม่กินเลยค่ะ)
แต่ 1-5 เรากิน+ทาตามที่หมอสั่งทั้งหมด หมอให้ยาสำหรับ 2 สัปดาห์ค่ะ แล้วก็นัดมาดูผลอีกที

ตอนแรกที่เริ่มทา หายคันค่ะ ผิวหนังเกือบกลับไปเป็นปกติเลย ทาแค่สัปดาห์เดียวเอง ในใจก็คิดยาอะไรหนอช่างวิเศษแท้ ทาสามสี่วันผื่นยุบทั้งหน้าเลย เย้! เราจะกลับมาสวยเหมือนเดิมละ

สัปดาห์ถัดมาไปตามหมอนัดค่ะ อาการดีมากจนหมอบอกไม่ต้องมาแล้วนะ เราก็โล่งใจค่ะ หายซักที

แต่หลังจากหยุดทายา มันก็เริ่มกลับมาคันอีกค่ะ เราก็งง อ่าวหายแล้วทำไมหยุดทาไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร กลับมาทายาใหม่ คิดว่ายังไงก็หายนี่มันยาวิเศษชัดๆ

เฮ้ย ! ทำไมรอบนี้มันไม่หายวะ?!

เราทาอยู่เป็นเดือนนะคะ หวังว่ามันจะดีขึ้น มีคนแนะนำว่าให้ไปตรวจภูมิแพ้ดูเพราะผื่นเราลักษณะเหมือนแพ้อะไรบางอย่าง เราเลยตัดสินใจไปตรวจภูมิแพ้ค่ะ ครั้งนี้เราไปที่รพ. ศิริราชปิยมหาการุณ เพราะเรามีเวลาน้อย จึงตัดสินใจไปรพ.เอกชนเลย เสียเงินเยอะหน่อยก็ยอม T^T

ผลตรวจ : แพ้ขนแมว

คือจริงๆ เราก็เอะใจอยู่ค่ะ ว่าอาจเพราะแมวหรือเปล่าเพราะตั้งแต่เลี้ยงเขามาเราก็เริ่มเป็น แต่พอมาฟังหมอพูดแบบนี้เราทำใจไม่ได้

"อยากหายต้องเลิกเลี้ยวแมว อาบน้ำแมวบ่อยช่วยได้แต่หมอไม่แนะนำ เพราะนี่อยู่ในห้องนอนเลย และตัวสะเก็ดผิวหนังแมวนั้นเหนียวมาก จะอยู่ในห้องอีกประมาณ 6 เดือน"  

อาจารย์หมอบอกเราแบบนี้ค่ะ เราเศร้ามากเลยค่ะ รู้สึกผิดด้วยที่เอาแมวมาเลี้ยงแล้วไม่คิดให้ดีก่อน เราเคยเป็นภูมิแพ้เมื่อตอนเด็กค่ะ แพ้อากาศ แพ้ฝุ่น แต่ไม่คิดว่าจะแพ้ขนแมวเพราะไม่เคยเลี้ยงสัตว์มาก่อนค่ะ

เราทำใจอยู่นานค่ะ มีคนบอกว่า แพ้ยิ่งต้องสู้ แต่คือเราจะบอกว่า เวลาที่แพ้แล้วคัน มันทรมานมากเลยค่ะ สู้ไม่ไหว

เราเริ่มมองหาเจ้าของแมวคนใหม่ที่เราคิดว่าจะเลี้ยงดูแมวเราอย่างดี แล้วเราก็เจอค่ะ โชคดีของแมวเราที่ได้เจอเจ้าของที่ดี (ทุกวันนี้เราก็ยังติดตามไอจีของเขาอยู่นะคะ แมวเราก็อ้วนท้วนสมบูรณ์ดีค่ะ)

ประมาณเดือน 11 ปี 60 หลังจากเราเอาแมวให้คนอื่นแล้ว เราก็ต้องมาจัดการห้องนอนเราค่ะ ทำความสะอาดครั้งใหญ่เปลี่ยนผ้าปู ปลอกหมอน ผ้าม่าน ล้างแอร์ เช็ดกำแพง นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิวหน้านั้นก็เปลี่ยนใหม่หมด ทั้งหมดนี้คือที่เราใช้แล้วรู้สึกว่าให้ผลดี ช่วยให้หน้าเราไม่แสบและแห้งค่ะ
(ขออนุญาตไม่ลงรูปนะคะ คิดว่าน่าจะพอรู้จักกันอยู่แล้ว)
1. โฟมล้างหน้า Cos Coseutics สีเขียว ไม่มีฟอง ไม่มีน้ำหอม ใช้แล้วไม่ระคายเคืองค่ะ
2. เจลว่านหางจระเข้ BURNOVA GEL PLUS ตัวนี้ช่วยให้หน้าไม่ร้อน เพราะเวลาเราแพ้มันจะมีอาการแสบร้อนคันด้วยค่ะ
3. Physiogel Soothing Care A.I. Cream ตัวนี้ช่วยเรื่องผิวแห้ง แดง ลอก ได้ดีค่ะ แต่ช่วงเป็นหนักเอาไม่อยู่เหมือนกัน (ถ้าเทียบกับ EUCERIN OMEGA SOOTHING CREAM ส่วนตัวเราชอบ A.I. มากกว่าค่ะ)
4. น้ำมันมะพร้าว เราใช้ทารอบตา เพราะไม่กล้าใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ รอบดวงตาค่ะ
5. วาสลิน ใช้ทาแค่มุมปากค่ะ
6. ครีมพอกหน้าของ ยิ้ม (แอมเวย์) ใช้แล้วไม่แพ้ และชุ่มชื้นค่ะ ทำให้หน้าแห้งและลอกน้อยลงนิดหน่อย
7. กันแดดทาไม่ได้เลยค่ะ ไม่ได้ซักยี่ห้อ คันมาก
8. TA Cream เนื่องจากผิวเราติดสเตียรอยด์ไปแล้ว จึงต้องทาอยู่ตลอด ไม่ทาจะยิ่งคันหนักมาก ก.ไก่ล้านตัวค่ะ

คือความจริงเราลองมาเยอะกว่านี้มากๆๆๆ นะคะกว่าจะได้สูตรที่ลงตัวเข้ากับผิวตัวเองที่สุด

หลังจากที่เลิกเลี้ยงแมว จริงๆ ผิวเราก็ควรจะดีขึ้นตามลำดับใช่มั้ยคะ หมอบอกว่า 6 เดือน โอเคเราก็นั่งนับวันรอเลย ประมาณปี 61 ช่วงสงกรานต์เราก็คงหายแล้ว

ที่ไหนได้ มันเป็นหนักขึ้นอีกค่ะ ดูรูปประกอบได้เลยค่ะ (ช่วงนี้คือไม่มีแมวอยู่ในห้องนะคะ)



เราเครียดนะคะ รู้สึกมืดแปดด้านเลย นั่งหาข้อมูลในเน็ต คือจากที่ไปหาหมอ เรายังไม่แน่ใจเลยว่าตกลงเราเป็นโรคอะไรกันแน่ แต่ถ้าเกิดจากภูมิแพ้ ก็น่าจะเป็นพวก eczema แต่ไม่น่าใช่ sebderm ตัดสินใจลองไปหาหมอดูอีกทีค่ะ คราวนี้ไป รพ. ศิริราช คลินิกนอกเวลาค่ะ

หมอวินิจฉัยว่าเราเป็น ภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบและ sebderm ค่ะ ให้ยามาไม่ต่างจากที่สถาบันให้มากนัก หลักๆ ก็คือยาแก้แพ้ และยาสเตียรอยด์ทาแก้คัน คือครอบครัวเราก็ให้กำลังใจนะคะว่ามันอาจต้องใช้เวลาเพราะหมอบอกเองว่าสารก่อภูมิแพ้ของน้องเหมียวจะติดอยู่นาน 6 เดือน แต่เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเยอะขึ้นไงคะทั้งที่เราเลิกเลี้ยงแมวแล้วและทำความสะอาดห้องแล้วด้วย จนตอนนั้นเราคิดว่าเราอาจต้องย้ายห้องนอนแล้วค่ะ

หลังจากนั้นก็ไปหาหมอที่ศิริราชตามนัดอีกค่ะ 2-3 ครั้งไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียวค่ะ หาอยู่ประมาณเดือนหนึ่ง ไม่ไหวค่ะ เรายอมแพ้แล้ว รู้สึกเศร้า หดหู่ ไม่อยากออกไปเจอหน้าใคร จากปกติที่ไม่ค่อยชอบสังสรรค์อยู่แล้ว ตอนนี้แค่ออกไปทำงานยังไม่อยากไปเลยค่ะ

ตอนนี้ผื่นก็เริ่มลามมากขึ้น คือเป็นทั้งหน้าอ่ะค่ะพูดง่ายๆ มีสิวปนมาด้วยแต่หลักๆ คือ แห้ง แดง คัน ลอก เป็นปื้นๆ แผ่นๆ หนาๆ ขึ้นมา ออกไปข้างนอกใครๆก็ทัก หน้าไปทำอะไรมา ทำไมเป็นแบบนี้


แม่แนะนำให้ไปหาแพทย์แผนจีนค่ะ เราก็เถียงกับเขานะคะ มันจะไปช่วยอะไรได้ แต่เขาบอกให้ลองดู ไปเถอะ ครั้งหนึ่งถ้าไม่ดีขึ้นก็เลิกแค่นั้นเอง

เราไม่มีอะไรจะเสียแล้วค่ะ เงินก็เสียไปเป็นหมื่นได้แล้ว หน้าก็พังเหมือนเดิม เราเลยยอมเชื่อแม่ดูซักครั้ง เราไปหาแพทย์จีนที่รพ.หัวเฉียวค่ะ

หมอก็ตรวจเรา ถามประวัติ และให้เราปฏิบัติตามนี้ค่ะ
1. อาหาร งดทุกอย่าง ให้กินแต่หมู กับผัก (พระเจ้าาา!!)
2. ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า
3. งดอาหารพวกแปรรูป หมักดอง ชา กาแฟ แอลกอฮอล์ นม เนย ไข่ แป้ง คือกินแค่หมูกับผักได้แค่นั้นจริงๆ ค่ะ
4. ผัก ผลไม้กินได้ค่ะ
5. กินยาต้ม วันละ 2 ถุง 1 สัปดาห์ และมาหาหมออีกเพื่อปรับยาค่ะ
6. ทายาที่หมอให้เป็นสมุนไพรสีเหลืองๆ ค่ะ มันสกัดมาจากพืชชนิดหนึ่งมีฤทธิ์แก้อักเสบ สลับกับยา TA ที่เราทาอยู่ หมอยังไม่กล้าให้เลิกทันที

แค่นี้เอง! แค่นี้เอง...เหมือนน้อยนะคะ แต่จะบอกว่ามันมหาโหดมาก เพราะอาหารทุกวันนี้ มีไข่ และนม เกือบทุกอย่างค่ะ บะหมี่ก็กินไม่ได้นะคะ ขนมปังงดไปเลยค่ะเด็ดขาด ของหวานไม่ต้องพูดถึง ลาขาด

ผ่านไปเดือนหนึ่งค่ะ น้ำหนักลดไป 1.5 กก. จากการโดนจำกัดอาหาร ทรมานมากนะคะ กินอะไรก็ไม่ได้ ต้องหาซื้อแค่พวกแกงจืด หรือผัดผักกิน แต่ความอดทนของเราก็ให้ผลคุ้มค่านะคะ นอกจากนน.ลด ตอนนี้ผื่นเราเริ่มยุบแล้วค่ะ!!

เราแบบดีใจมาก ในที่สุด! มันก็หาย ระหว่างที่หาก็ยังมีทา TA ไปด้วยนะคะแต่ห่างขึ้น คือจากทาวันละ 2 ครั้ง เหลือวันละครั้ง จากนั้นเป็นวันเว้นวัน และก็ 2 วันครั้ง จนเหลือสัปดาห์ละครั้ง และในที่สุดเราก็หยุดยาสเตียรอยด์ได้ค่ะ



ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนค่ะ เราฝังเข็มด้วย ประมาณเดือนหนึ่งช่วยเรื่องนอนหลับค่ะ เราก็แทบจะหายเป็นปกติ เหลือแค่รอยแห้งๆ ที่หน้าผากค่ะ

การรักษาต่อสัปดาห์ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500-2,000 บาทค่ะ โหดพอดู แต่เราไปตรวจเลือดมาล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน ตับไตทุกอย่างปกติค่ะ เลยคิดว่ายาจีนไม่น่าจะอันตรายต่อสุขภาพอย่างที่บางท่านกลัวกันนะคะ (เพราะหมอจะคอยปรับยาให้ทุกสัปดาห์)

หลังจากที่เราเริ่มดีขึ้น เราก็ไม่ได้กลับไปกินอาหารแบบเดิมนะคะ เราเริ่มจะชินแล้วกับการกินหมูกับผัก และหมอแนะนำให้ค่อยๆ เพิ่มทีละอย่างค่ะ เพราะหลักๆ ที่เราแพ้อาจมาจากอาหาร สิ่งที่กินแล้วยังไงก็ยังคันจะเป็น
1. แป้งสาลี ขนมปัง
2. นมวัว
3. ถั่ว
4. กุ้ง ปู อาหารทะเล
ไข่ไก่ ปลา เรากินได้ค่ะ อาหารที่บอกข้างต้นนี้ก็กินได้แต่ก็จะคันยิบๆ ไม่ถึงกับเห่อขึ้นมา ถ้าไม่อยากคันก็ต้องระวังเรื่องการกินมากๆเลยค่ะ

ผลไม้จากที่เราซื้อกินจากรถเข็น เราก็ยังซื้อเหมือนเดิมแต่ฝรั่งเราจะไม่ให้เขาเฉาะค่ะ เราเอามาล้างเองอีกที เพราะลองหาข้อมูลดูฝรั่งเป็นผลไม้ที่สารพิษเยอะ และเรากินทุกวัน เราก็เลยมาใส่ใจตรงนี้ด้วยค่ะ

เราหวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่เป็นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบนะคะ (มีรูปปัจจุบันมาฝากค่ะ)

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่