พี่สาวหายมะเร็งเต้านมระยะ3 ด้วยยาหมอแสง

ไม่รู้ว่าจะตั้งหมวดไหนดีนะคะ
แค่อยากมาเล่าประสบการณ์จริงของพี่สาวที่ไปตรวจเจอมะเร็ง
ตอนแรกหมอบอกระยะ0 เริ่มเป็น ให้ตัดเต้านมทิ้งแต่ไม่ต้องตัดต่อมน้ำเหลือง
พอตัดจริงๆ ชิ้นเนื้อมัน7 cm หมอบอกระยะ 3 แล้ว ให้พี่สาวทำใจ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
ระหว่างนี้ก็รอสแกนทั้งร่ายกายอีกครั้ง โดยไม่ได้ทำการรักษาอย่างอื่นเลย ไม่ว่าจะฉายแสงหรือคีโม
เพราะพี่สาวกลัวมากไม่กล้าเข้ารับการรักษา แต่ลองไปรับยาคุณหมอแสงทานดู แล้วก็สวดมนต์เจริญพระกรรมฐานไปด้วย
ในที่สุดสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นค่ะ

ในวันที่ผลสแกนออก รอลุ้นด้วยความทุกข์ใจจริงๆ เพราะพี่สาวคือคนสำคัญของบ้านเรา
ถ้าเขาป่วยบ้านเราแย่แน่ แต่ผลออกมาว่าหาย ไม่มีเชื้อมะเร็งเหลืออยู่แล้ว บ้าไปเลยค่ะ ดีใจกันทั้งบ้าน ยังกับถูกหวยรางวัลใหญ่เลย

ก็ขอเรียนทุกท่านด้วยความบริสุทธิ์ใจ ที่เข้ามาเล่าคือประสบการณ์จริงๆ  
แต่คนอื่นรับทานยาหมอแสงจะหายเหมือนกันไหมไม่อาจทราบได้
ที่แน่ๆ ดิฉันมีญาติอีก 2 คนก็เป็นมะเร็ง และยังมีชีวิตอยู่ได้ด้วยยาคุณหมอแสงเช่นกัน ทุกคนล้วนมีตัวตนจริง ตรวจสอบประวัติการรักษาได้
ก็หวังว่าจะเป็นทางเลือกในการตัดสินใจในการรักษากันได้ นะคะ

ต้องกราบขอบพระคุณคุณหมอแสงมาก ส่วนนึงก็เชื่อว่า คนที่ไปขอรับยาหมอแสงแล้วหายน่าจะเคยร่วมบุญกันมา
และ พี่สาวของดิฉันหวังว่าจะมีโอกาสได้เข้าไปขอบคุณคุณหมอโดยตรง แต่เข้าถึงยากเหลือเกินค่ะ

ขอจบไว้เพียงเท่านี้นะคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
มะเร็งเต้านมในปัจจุบันถือว่าเป็นโรคทาง systemic นะครับ
คือไม่ได้มีปัญหาแค่ที่ตัวก้อน
ไม่งั้นถ้าก้อนขนาดเท่าไหร่ เช่น 1 cm , 5 cm แต่ยังตรวจไม่พบการกระจายไปที่อื่นแล้วเราตัดก้อนนั้นออกหมดก็หายขาดทุกคนสิครับ
ทีนี้การตรวจหลักว่ามีหลักฐานว่าแพร่กระจายไปชัดเจนหรือไม่เขาก็จะเลาะดูต่อมนำ้เหลืองใกล้เคียงบริเวณนั้นไปตรวจด้วย
ถ้ามีการลุกลามไปต่อมนำ้เหลือง หรือก้อนมีขนาดใหญ่พอสมควร
เขาก็จะแสกนอย่างอื่นเพิ่มว่ามีหลักฐานว่ามีการแพร่กระจายไปที่อื่นนอกจากต่อมนำ้เหลืองหรือยัง
ถ้ามีการจำแนกระยะก็จะกลายเป็นระยะที่ 4 ไปเลยโดยไม่สนใจแล้วว่าก้อนเดิมขนาดเท่าไหร่
การจำแนกหลักๆก็จะดูขนาดของก้อน และก้อนนั้นลุกลามไปไหนหรือไม่ ( T )
การแพร่กระจายไปต่อมนำ้เหลือง ( N )
การแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น ( M )
ถ้าให้เดาคือตอนแรกเมื่อคิดว่าเป็นระยะ 0 หมอเลยคิดว่ายังไม่จำเป็นต้องตรวจต่อมนำ้เหลือง
แต่พอเข้าห้องผ่าตัดจริงเจอก้อนขนาด 7 cm อันนี้ถือว่าเป็น T3 ( ก้อนขนาดมากกว่า 5 cm )
ซึ่งอันนี้ต้องตัดเลาะต่อมนำ้เหลืองออกไปตรวจด้วย
ในห้องผ่าตัดเขาก็จะส่งไปตรวจอย่างรวดเร็วคร่าวๆเรียกว่า frozen section ดูว่ามีการลามไปต่อมนำ้เหลืองหรือยัง
แล้วก็รอผลทางพยาธิวิทยาอย่างละเอียดอีกที
ทีนี้ถ้าไม่ลามไปต่อมนำ้เหลืองเลยและยังไม่แพร่กระจาย  อาจจะเป็นแค่ระยะ II B ( T3 ,N0, M0 )
แต่ถ้าหมอบอกว่าเป็นระยะ III ก็เป็นไปได้ว่าไปยังต่อมนำ้เหลืองบางส่วนแล้ว
ซึ่งก็ต้องไปตรวจสแกนเพิ่มว่ามีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นนอกจากต่อมนำ้เหลืองใกล้ๆหรือยัง
ถ้าไม่มีก็ยังเป็นระยะ III
แต่ถ้ามีก็เป็นระยะ IV ไปแล้ว
อันนี้สแกนยังไม่เจอการลุกลามก็เป็นระยะ III
คราวนี้ตัวโรคเราถือว่ามันเป็น systemic disease
( ถ้าโรคเป็นเฉพาะที่อย่างเดียว ไม่ลามไปที่อื่น เราเรียกว่า local คือเฉพาะที่
แต่ถ้ามันลามไปที่อื่นได้เรียกว่าเป็น systemic )
ระยะ 3 (หรือกระทั่งระยะน้อยกว่านี้ด้วย)นี่การตัดเฉพาะก้อนออกอย่างเดียวแม้ว่าจะตัดก้อนมะเร็งออกได้หมด
แต่มันจะมีเซลล์มะเร็งที่หลุดออกอยู่ที่ต่างๆในร่างกายได้ในปริมาณที่น้อยกว่าที่จะตรวจเจอได้ด้วยวิธีการอื่นๆในปัจจุบัน
เรียกว่าไป seeding ที่อื่น รอวันที่จะเจริญงอกงามต่อไป
การ seeding มักจะเป็นระดับเซลล์เลย
ตำแหน่งที่ชอบก็พวกบริเวณเต้านมเดิมหรืออีกข้าง กระดูก สมอง ตับ อะไรพวกนี้
ซึ่งสแกนไปก็ไม่เจอตอนนี้ ( ถ้าเจอก็คือมันมีมากจนเป็นระยะ 4 )
มันจะต้องใช้เวลาซักพักในการแบ่งตัวเพิ่มจำนวน
เมื่อมากถึงระดับหนึ่งถึงจะตรวจพบหรือแสดงอาการ
อาจกินเวลาเป็นเดือนหรือเป็นปีหรือหลายปี
หลังการตัดก้อนออกถึงต้องมีการรักษาด้วยวิธีอื่นต่อ
เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่ยังมีอยู่ที่อื่น แต่เล็กจนมองไม่เห็นหรือยังไม่สามารถตรวจพบได้ในตอนนี้
เพื่อหวังจะกำจัดเซลล์พวกนี้ให้มากที่สุดหรือถ้าหมดไปได้ยิ่งดี
อาจจะด้วยเคมีบำบัด ฉายรังสีรักษา หรือฮอร์โมนอะไรก็ว่ากันอีกที
ขนาดรักษาต่อด้วยวิธีดังกล่าวก็ยังมีโอกาสกลับมาเป็นซำ้ในอีกหลายปีต่อมาได้
แต่โอกาสกลับเป็นซำ้จะน้อยกว่าไม่รักษา หรือบางรายหายก็มี
ยิ่งระยะน้อยๆโอกาสหายยิ่งสูง หรือกว่าจะกลับเป็นซำ้ก็ยิ่งนาน
แต่ถ้าไม่รักษาอะไรเพิ่มในมะเร็งเต้านมระยะ III
การตัดก้อนออกตอนนี้อย่างเดียว
แล้วสแกนไม่พบมะเร็งที่อื่นบอกได้แค่ว่ายังไม่แพร่กระจายเป็นระยะ 4
แต่อีกไม่นานมันจะกลับมาหาครับ
( ส่วนใหญ่มันคือของเก่าที่มันหลุดรอดจากการตรวจหรือการรักษาไปนั่นแหละครับ )
ถึงตอนนั้นจะเสียใจว่าทำไมไม่รักษาต่อ ทำไมไปเชื่อว่ากินยาหมอ light แล้วหาย ก็อาจจะไม่ทันแล้ว
( จริงๆระยะ 3 ก็คือยังไม่แพร่กระจายไปอวัยวะอื่นนอกจากต่อมนำ้เหลือง
คุณไม่ต้องกินยาหมอ light ก็ได้ครับ
กินแค่นำ้เก๊กฮวยหรือนำ้จับเลี้ยงหรือนำ้อัดลมก็ได้
แล้วไปสแกนก็จะยังไม่เจอว่ามันลุกลามไปไหนเช่นกัน )

อันนี้อาจจะเปรียบตัวอย่างง่ายๆทางการแพทย์
เวลาเราเก็บปัสสาวะผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะไปเพาะเชื้อ
( ปัสสาวะปกติไม่มีเชื้อหรือมีน้อยมาก )
เราจะเอาไปเลี้ยงในจานเพาะเชื้อที่มีอาหารที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อโรค
ใส่ตู้อบในอุณหภูมิที่เหมาะสมที่จะเร่งให้เชื้อโตเร็วที่สุด
เพราะเราต้องการทราบว่าปัสสาวะนั้นติดเชื้อ
เราก็ยังต้องใช้เวลารอผลอย่างน้อย 3 วัน
ถ้าวันแรก วันที่ 2 เชื้อยังไม่ขึ้นเป็นกลุ่มให้เห็นด้วยตาเปล่ายังบอกไม่ได้ว่าไม่มีเชื้อนะครับ
แม้ว่าเชื้อจะมีตั้งแต่แรก แต่มันน้อยเกินที่จะเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ต้องเลี้ยงให้มันมีจำนวนมากขึ้นถึงจะเห็นได้
ของที่ตรวจไม่เจอในระยะแรก
ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มี
มันอาจจะน้อยไปจนต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งให้มันมากขึ้นถึงจะเห็นผลนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่