สวัสดีครับ ผมขอใช้นามสมมุติล่ะกัน ผมชื่อบอล อายุ 29 ปี ที่บ้านผมทำธุรกิจห้องเช่าเล็กๆที่จังหวัดภูเก็ต ขอเริ่มเลยล่ะกันครับ ผมอยู่ในครอบครัวระดับปานกลาง พ่อผมพอมีฐานะแต่ไม่ได้รวยเวอร์อะไรมากมาย ส่วนตัวจะมีเพื่อนมาที่บ้านทุกวันคนรอบข้างคิดว่า พ่อผมรวยผมก็คงได้เงินจากพ่อผมเยอะ แต่จริงๆแล้วไม่เลย พ่อผมเป็นคนที่ประหยัดมาก กว่าจะให้เงินผมต้องทำงานแลก อันนี้ธรรมดา สมัยผม 20 ต้นๆ ผมได้เงินจากพ่ออาทิตย์ล่ะ 500 คุณเชื่อมั้ย แต่ก็ว่าไปพูดให้คนรอบข้างฟังว่าได้เท่านี้ ไม่เคยมีใครเชื่อจริงๆ พอมาสักระยะ ก็ได้เป็นอาทิตย์ล่ะ 1500 ต่อสัปดาห์ จนถึงปัจจุบัน ที่จะบอกคือผมไม่ได้ร่ำรวยเหมือนพ่ออย่างที่คนอื่นเค้าคิด เพื่อนที่มาที่บ้านส่วนมากจะทำงานมนุษย์เงินเดือนส่วนมาก และไม่ทำงานหรือทำนิดๆหน่อยๆส่วนนึง เรื่องมันเริ่มจากนี้ เพื่อนผมชื่อ นุ่น รู้จักกันมากตั้งแต่สมัยรุ่นๆเทียวด้วยได้ สมัยนั้นไม่ถึงกับสนิทกันมาก เพื่อนผมเป็น ช นะครับ แต่ไม่ได้เจอกันเกือบสิบปี มาเจอกัน ก็มานั่งที่บ้านประจำ นุ่นมีครอบครัวมีลูก หนึ่ง เช่าบ้านอยู่กับ เมียและแม่ยาย นุ่นจะมายืมเงินกับพ่อผมหรือผมเป็นประจำ เดือนล่ะ 2000 บ้าง 3 บ้าง แต่หลังๆเร่ิมจะยืม 5บ้าง หรือมากกว่านั้น นุ่นยืมเงินพ่อผมไปประมาณ 15000 โดยรับปากว่าจะคืนให้ภายใน 1 เดิอน ซึ่งอันนี้ผมไม่รู้ว่าเค้ายืมกันตอนไหน เดือนเดียวกัน นุ่นก็มายืมเงินผมอีก 5 พัน บอกว่าสิ้นเดือน ผมเป็นคนง่ายมากๆ ก็ให้ยืมไปตามปกติ และแล้วนุ่นมาหาผมอีกครั้งซึ่งปกติก็มาที่บ้านประจำแต่รอบนี้มาบอกขอยืมเงิน 33000 ผมก็ถามว่าเอาไปทำอะไร ***ลืมบอกครับผมมีแฟนแฟนทำงานสปาหน้าที่ ตปท โดยเงินที่ได้จะตกเดือนล่ะ 1 แสนโดยจะโอนให้ผมเก็บทุกเดือนผมเลยมีเงินแฟนตรงนี้และผมทำงานแจกไพ่ในบ่อนต่างๆ ก็มีเงินเก็บส่วนนึง *** ต่อๆ เค้าบอกว่าจะเอาไปเป็นค่าโอนบ้าน ***เรื่องบ้านนี้ยาวขอข้ามไปนะครับ*** ผมก็ถามว่าจะได้คืนเมื่อไหร่ นุ่นบอกว่าได้สิ้นเดือนพร้อมเงิน 5 พันแรก ผมก็ย้ำว่าเอาไปทำอะไรเลยหันไปทางถามแม่ยายเพื่อน เค้าก็รับปากกันดิบดี ผมก็ให้ยืมไปอีก **โง่มั้ยล่ะ** หลังจากนั้นไม่กี่วัน นุ่นก็ทะเลาะกับแฟนเค้าจนแฟนเค้าหนีไปทำงานที่ ตจว สรุปบ้านไม่ได้ซื้อไม่ได้โอน ที่นี่ผมก็ถามว่าสรุปเงินว่ายังไง ทีนี้นุ่นบอกว่า เงินของพ่อผมกับผมจะผ่อนให้เดือนล่ะ 5 พัน ผมเลยอึ้งเพราะไม่รุ้ว่าไปยืมเงินพ่อผมมาก่อนแล้ว ผมก็ง่ายๆ ได้ๆ ตกลงผ่อนเดือนล่ะ 5 พัน ก็ผ่อนมาได้สัก 2 เดือนขอหยุดส่ง 1 เดือนเพราะทางเค้าแจ้งว่าจะจ่ายค่าเทอมหลานเค้า เลยขอหยุด เราก็ตกลง **ที่เริ่มผ่อนเดืนอล่ะ 5000 นี่คือให้ของพ่อของผมก่อนนะครับของผมทีหลัง** พอหยุดได้ 1 เดือนก็ผ่านไป เมื่อถึงกำหนด ก็ขอเลื่อนไปก่อน ผมก็พยายามโทรถามเพราะพ่อผมให้ผมโทรจี้ให้ จนมันเลื่อนเลยเป็นเวลานานเกือบ 1 เดือนกว่าๆ กว่าจะได้เงินก้อนสุดท้ายคือ 7500 กว่าจะได้ตาเลือก ทีนี้เงินพ่อผมหมด ก็ต้องถึงคืวของผมที่เค่าต้องผ่อน ถึงกำหนดเดือนแรก โทรถามแม่ยายเค้า บอกว่า แย่ตอนนี้โรงเรียนปิดไม่มีรายได้เลยขอหยุดก่อนแต่หลังจากโรงเรียนเปิด จะส่งให้ปกติ เราก็เริ่มหงุดหงิดนิดๆ แต่ยังไม่ได้แสดงกริยา จนมาหลังๆ ยังไม่ได้สักที เลยโทรถาม แม่ยายนุ่นบอกว่า เงินจาก เดือนล่ะ 5 พัน ขอลดเหลือเดือนล่ะ 3 พันได้มั้ย ก็อ้างเหตุผลต่างๆนาๆ เราก็ เอาว่ะอีกสักรอบ จนถึงกำหนดโทรถามอีก เค้าบอกว่าเงินของผมจะเดือนล่ะ 3 พันขอเหลือเดือนล่ะ 2 พัน ผมเริ่มหมดความอดทน เลยบอกกับแม่ยายนุ่นว่าแบบนี้มันไม่ไหว เงินของผม 38000 ผ่อนเดือนล่ะ 2000 ก็ทั้งหมด 19 เดือน คิดดูว่ามันนานแค่ไหน ที่ทางผมไปโทรทวงไปทางนุ่นเพราะแม่ยายเค้าบอกว่า เงินที่เค้ายืมมาก็มาให้กับทางครอบครัวเมียเค้าทั้งหมด ลำพังนุ่นทำงานเงินเดือนจ่ายค่า รถ ค่าบัตรต่างๆก็หมดแล้ว ไม่ได้มาร่วมรับผิดชอบส่วนตรงนี้ **แม่ยายเค้ากลัวนุ่นเพราะอารมณ์ร้อน** เมือผมได้ยินว่าจะผ่อนให้เดือนล่ะ 2000 ผมก็ไม่ไหวล่ะ ผมบอกงั้นเดียวต้องคุยกับนุ่นเพราะตอนมาเอานุ่นเป็นคนออกหน้า ถ้าไม่ได้นุ่นเงินนั้นผมไม่มีทางให้ ทีนี้ล่ะแม่ยายเค้าเริ่มอารมณ์เสีย ผมเลยถามว่าแล้วเงินนี่ใครจะเป็นคนจ่ายให้ผม แม่ยายเค้าบอกว่า ลูกสาวเค้าทีเป็นแฟนนุ่นทีหนีไปจะรับผิดชอบให้ ผมก็เลยขอเบอร์ลูกสาวเค้าเพื่อนจะยืนยันว่าเค้าจะรับผิดชอบเรื่องเงินที่ต้องผ่อนกับผม พอถามไปแม่ยายเค้าตอบมาว่า ไม่ต้องไปยุ่งกับเค้า ให้ฟังเค้าคือแม่ยาย ผมก็เลยถามต่อไปว่าทำไมถึงจะไม่ได้ในเมื่อแม่ยายเปนคนบอกว่าลูกสาวเค้าจะรับผิดชอบ ผมก็ต้องคำ ยืนยัน จากคนที่รับใช้ แม่ยายนุ่นสวนกลับมาว่า ให้อยู่เฉยๆรอรับเงินอย่างเดียวพอ ตอบมาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีล่ะ เลยมีการขึ้นเสียงกัน ผมก็พยายามอดทนเพราะกลัวเงินผมจะศุนย์เปล่า พอคุยกันไปทะเลาะกันไปสักพักแต่ไม่ได้ใช้คำหยาบคายนะครับ แม่ยายเค้าบอกว่าให้โอกาสครอบครัวเค้าหน่อย ตัวผมก็มีเงินเยอะ จะตาย คือเค้าพูดทำนองว่าให้ผมรอเพราะทางบ้านผมมีเงิน ผมเลยสวนไปว่า มันไม่เกี่ยวนะผมมีเงินหรือไม่มี เงินของผมๆก็อยากได้คืน ทั้งๆที่ทีแรกตกลงกันเดือนล่ะ 5000 แต่ตอนนี้เหลือ 2000 ผมก็บอกเหตุผลไปว่า เงินของผมก็ต้องหมุนต้องใช้ ไม่ใช่เงินถุงเงินถัง คือมันคนล่ะเรื่องกันเลยกับเรื่องนี้ น้ำเสียงแม่ยายนุ่นเริ่มไม่พอใจหนัก สวนผมกลับมาว่า เค้ายืมเงินนะไม่ใช่ขอเงิน เป็นไงล่ะครับ เจอคำตอบนี้ อึ้งสิครับ และถามผมว่าผมจะเอาดอกเท่าไหร่ ผมเลยตอบไปว่า เงินผมที่ให้ไปไม่ได้ต้องการดอกสักบาทแต่ต้องการเงินต้นคืน แม่ยายนุ่นสวนมาว่า ขอบใจนะๆ ที่ช่วยเหลือ แต่น้ำเสียงนี่ผมฟังยังไงก็เหมือนว่าเค้าพูดแดรก ผมก็เลยถามไปว่า ทำไมแม่พูดว่าแดรกผมเหรอ พูดจาแบบนี้ เค้าบอกป่าว จะไปพูดอย่างนั้นทำไม แต่น้ำเสียงนี่มาก ก่อนจะวางสายไปแม่ยายบอกว่า ผมน่ะเหรอเพื่อนที่ดี ผมน่ะคอยจะเหยียบให้นุ่นจมดิน เนี่ยเหรอเพื่อนที่ดี แม่ยายพุดต่อไปว่า ผมอ่ะจะให้นุ่นเอารถยนต์ที่เค้ามีไปขาย เนี่ยเหรอเพื่อนดีมีแต่จะเหยียบให้จมดิน เท่านั้นล่ะครับผมเลยสวนไปว่า ผมไม่ใช้ให้มันขาย แต่ผมแนะนำทางออก ให้มัน แม่ยายก็วางสายหนีไป
****ขออธิบายเรื่องรถที่ทางแม่ยายเค้าบอกว่าผมให้นุ่นเอารถไปขาย เรื่องมีอยู่ว่า ก่อนที่จะมายืมเงินทางบ้านผมเนี่ย นุ่นกับเมียเอารถยนต์ไปจำนำไปที่เต้นอยู่แล้ว จังหวะมาเจอเรื่องเงินผมพอดี เค้าจะอยากจะรีบใช้เงินให้ผม นุ่นถามว่ารถถ้าขายเถื่อนได้เท่าไหร่ ผมก็โทรสอบถามพี่ๆเค้า ได้คำตอบคือ 80000 แต่รถที่นุ่นไปจำนำไว้ จำนำไว้ 60000 ไม่รวมดอก ดอกอีก 20000 เพราะมันหลายเดือนผมก็เลยบอกไปว่าขายจะได้เท่านี้ ก็เท่ากับรถคันนี้ช่วยอะไรไม่ได้ ผมก็บอก ว่าแล้วแต่จะตัดสินใจตัวผมก็แนะนำว่า ภาระตอนนี้อันไหนที่ไม่จำเป็นหยุดได้ก็หยุดไปก็แล้วแต่ว่าเอาไงยังไง ตอนคุยเรื่องรถนี่เมียเค้าหนีไปล่ะนะ ผมก็แนะนำสอนไป ก็เลยถามว่าแต่ล่ะเดือนต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง นุ่นตอบว่า ค่าบัตร ค่ารถ และก็ส่งดอกที่จำนำรถ รวมๆแล้วเงินเดือนเค้าไม่เหลือ ผมก็แนะนำไปอะไรตัดได้ก็ตัด แต่ถึงเค้าจะขายรถได้ผมก็ไม่ได้คืนอะไรคืนอยู่ดี แต่แค่เค้าจะลดภาระของเค้า เนี่ยล่ะครับเรื่องรถที่บอก
ถ้าคุณเป็นผมควรจะทำอย่างไงดี **ส่วนตัวตอนนี้ผมกะว่าเอาหนังสือสัญญาให้เค้าเซ็นต์ไว้นี่อันที่หนึ่งที่คิด สองคือผมจะยอมเสียเงินไปแต่จะขอคืนแค่ 15000 บาท แต่จะขอเป็นเงินก้อนเดียว ที่เหลือผมยกให้ เพราะเจอคนแบบนี้แล้วเสียความรู้สึกมาก อีกอย่างจะถามว่า ผมนี่เหรอครับคนที่คอยทับถมเพื่อน
*** กระทู้นี่กระทู้แรกของผมนะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัย แต่ขอความคิดเห็นด้วยนะครับ *** พอทีกับเรื่องให้เพื่อนยืมเงินเข็ด
ผมให้เพื่อนยืมเงินแต่แม่ยายเค้าบอกผมจะเหยียบเพื่อนให้จมดิน
****ขออธิบายเรื่องรถที่ทางแม่ยายเค้าบอกว่าผมให้นุ่นเอารถไปขาย เรื่องมีอยู่ว่า ก่อนที่จะมายืมเงินทางบ้านผมเนี่ย นุ่นกับเมียเอารถยนต์ไปจำนำไปที่เต้นอยู่แล้ว จังหวะมาเจอเรื่องเงินผมพอดี เค้าจะอยากจะรีบใช้เงินให้ผม นุ่นถามว่ารถถ้าขายเถื่อนได้เท่าไหร่ ผมก็โทรสอบถามพี่ๆเค้า ได้คำตอบคือ 80000 แต่รถที่นุ่นไปจำนำไว้ จำนำไว้ 60000 ไม่รวมดอก ดอกอีก 20000 เพราะมันหลายเดือนผมก็เลยบอกไปว่าขายจะได้เท่านี้ ก็เท่ากับรถคันนี้ช่วยอะไรไม่ได้ ผมก็บอก ว่าแล้วแต่จะตัดสินใจตัวผมก็แนะนำว่า ภาระตอนนี้อันไหนที่ไม่จำเป็นหยุดได้ก็หยุดไปก็แล้วแต่ว่าเอาไงยังไง ตอนคุยเรื่องรถนี่เมียเค้าหนีไปล่ะนะ ผมก็แนะนำสอนไป ก็เลยถามว่าแต่ล่ะเดือนต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง นุ่นตอบว่า ค่าบัตร ค่ารถ และก็ส่งดอกที่จำนำรถ รวมๆแล้วเงินเดือนเค้าไม่เหลือ ผมก็แนะนำไปอะไรตัดได้ก็ตัด แต่ถึงเค้าจะขายรถได้ผมก็ไม่ได้คืนอะไรคืนอยู่ดี แต่แค่เค้าจะลดภาระของเค้า เนี่ยล่ะครับเรื่องรถที่บอก
ถ้าคุณเป็นผมควรจะทำอย่างไงดี **ส่วนตัวตอนนี้ผมกะว่าเอาหนังสือสัญญาให้เค้าเซ็นต์ไว้นี่อันที่หนึ่งที่คิด สองคือผมจะยอมเสียเงินไปแต่จะขอคืนแค่ 15000 บาท แต่จะขอเป็นเงินก้อนเดียว ที่เหลือผมยกให้ เพราะเจอคนแบบนี้แล้วเสียความรู้สึกมาก อีกอย่างจะถามว่า ผมนี่เหรอครับคนที่คอยทับถมเพื่อน
*** กระทู้นี่กระทู้แรกของผมนะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัย แต่ขอความคิดเห็นด้วยนะครับ *** พอทีกับเรื่องให้เพื่อนยืมเงินเข็ด