หลังพรรคคอมมิวนิสต์เข้าปกครองประเทศลาว เขาเริ่มปฏิรูปศาสนาโดยการตัด “สมณะศักดิ์” ของพระลงไปเยอะ และกำหนดให้มี “นิกาย” เพียงนิกายเดียว (คณะสงฆ์ลาวเคยระหองระแหงแตกแยกกันช่วงรับเอา “ธรรมยุติ” นิกายของฝั่งสยามเข้าไป)
สมณะศักดิ์เป็น “รางวัล” ที่ทางฝ่ายบ้านเมือง “อุปโลกน์” ให้กับพระสงฆ์ไม่ต่างจาก “บรรดาศักดิ์” ที่ให้กับคฤหัสถ์ ซึ่งได้กลายเป็นเครื่องล่อใจ กลายเป็น “นิวรณ์” คือเครื่องสกัดกันและขัดขวางไม่ให้บรรลุถึงความดีของพระสงฆ์ หากภาครัฐ...ต้องการจะปฏิรูปศาสนาจริงๆ ก็ควรเริ่มที่องค์กรหรือหน่วยงานนั่นแหละปลอดภัยที่สุด
ในเมื่อภาครัฐเป็นคนเอาเครื่องกีดขวางคือ “สมณะศักดิ์” อันนี้ไปวางไว้บนเส้นทางของสมณะ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของภาครัฐเป็นอันดับแรกที่จะไปยกออกจากทางของท่าน ไม่ใช่หน้าที่ของพระสงฆ์ที่จะต้องมาปีนป่ายหรือตกเป็นเหยื่อของเครื่องกีดขวางตรงนี้
ต้องไม่ลืมว่าสมณะศักดิ์ชั้นเจ้าคุณต่ำสุดคือชั้นสามัญไปจนถึงสมเด็จพระสังฆราชนั้น แต่ละรูปสามรถแต่งตั้งพระครูเช่นพระครูสมุห์ พระครูปลัด พระครูใบฏีกาในฐานานุกรมของตัวเอง พระราชาคณะชั้นสามัญ(ต่ำสุด) สามารถแต่งตั้งพระครูในฐานานุกรมได้สามตำแหน่ง โดยคร่าวๆ พระราชาคณะชั้นสามัญทั่วประเทศมีไม่ต่ำกว่าร้อย ก็คำนวนดูกันเอาเองครับว่าพระครูทั่วประเทศจะมีกันกี่รูป ไหนจะพระราชาคณะชั้น ราช เทพ ธรรม รองสมเด็จ สมเด็จ และสมเด็จพระสังฆราชอีก เรียกได้ว่า ภาครัฐวาง “เครื่องกีดขวาง” บนทางเดินของพระสงฆ์แล้ว แล้วก็ให้อำนาจพระสงฆ์วางเครื่องกีดขวางให้แก่หมู่สงฆ์กันเองอีก
กรณีเรื่อง “เงินทอนวัด” พระที่อมเงินทอนนั้นผิดเต็มๆ อยู่แล้ว แต่ก็ใช่ว่าหน่วยงานของรัฐจะลอยตัวได้เสียทีเดียว ลอยไม่ลอยเปล่า....ตอนนี้ยังทำตัวเหมือนพระเอกด้วยซ้ำไป อย่างกรณีวัดสระเกศ เจ้าหน้าที่จะไม่รู้เลยหรือครับว่าวัดสระเกศนั้นไม่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ?? โรงเรียนพระปริยัติธรรมทั่วประเทศไทยมีไม่กี่ร้อยวัดด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่ก็อยู่ในกทม. แล้ววัดระดับพระอารามหลวงอย่างวัดสระเกศ เจ้าหน้าที่จะไม่รู้เลยหรือว่าไม่ใช่วัดโรงเรียนปริยัติธรรม แล้วยังเจียดงบประมาณให้ไปได้เป็นสิบล้าน?? พระสงฆ์ก็ปุถุชนลูกหลานชาวบ้าน เห็นเงินก้อนโตปานนั้นก็หวานคอแร้งสิครับ นี่ไม่ได้กำลังแก้ตัวแทนพระนะครับ พระน่ะผิดเต็มประตูอยู่แล้ว แต่ภาครัฐก็ต้องใส่ใจเรื่องจัดสรรงบประมาณด้วยว่าเหมาะสมไหม วัดไม่มีโรงเปรียนปริยัตธรรม แต่ได้รับงบประมาณด้านนี้ คนให้งบประมาณไปจะบอกว่าก็ไม่รู้นี่เห็นจะไม่ได้ล่ะครับ ไม่งั้นใครขอมาอย่างไรก็ให้ไปหมดล่ะสิ?? หรือไง?
…สมณศักดิ์ / เงินทอนวัด / ...วัชรานนท์
สมณะศักดิ์เป็น “รางวัล” ที่ทางฝ่ายบ้านเมือง “อุปโลกน์” ให้กับพระสงฆ์ไม่ต่างจาก “บรรดาศักดิ์” ที่ให้กับคฤหัสถ์ ซึ่งได้กลายเป็นเครื่องล่อใจ กลายเป็น “นิวรณ์” คือเครื่องสกัดกันและขัดขวางไม่ให้บรรลุถึงความดีของพระสงฆ์ หากภาครัฐ...ต้องการจะปฏิรูปศาสนาจริงๆ ก็ควรเริ่มที่องค์กรหรือหน่วยงานนั่นแหละปลอดภัยที่สุด ในเมื่อภาครัฐเป็นคนเอาเครื่องกีดขวางคือ “สมณะศักดิ์” อันนี้ไปวางไว้บนเส้นทางของสมณะ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของภาครัฐเป็นอันดับแรกที่จะไปยกออกจากทางของท่าน ไม่ใช่หน้าที่ของพระสงฆ์ที่จะต้องมาปีนป่ายหรือตกเป็นเหยื่อของเครื่องกีดขวางตรงนี้
ต้องไม่ลืมว่าสมณะศักดิ์ชั้นเจ้าคุณต่ำสุดคือชั้นสามัญไปจนถึงสมเด็จพระสังฆราชนั้น แต่ละรูปสามรถแต่งตั้งพระครูเช่นพระครูสมุห์ พระครูปลัด พระครูใบฏีกาในฐานานุกรมของตัวเอง พระราชาคณะชั้นสามัญ(ต่ำสุด) สามารถแต่งตั้งพระครูในฐานานุกรมได้สามตำแหน่ง โดยคร่าวๆ พระราชาคณะชั้นสามัญทั่วประเทศมีไม่ต่ำกว่าร้อย ก็คำนวนดูกันเอาเองครับว่าพระครูทั่วประเทศจะมีกันกี่รูป ไหนจะพระราชาคณะชั้น ราช เทพ ธรรม รองสมเด็จ สมเด็จ และสมเด็จพระสังฆราชอีก เรียกได้ว่า ภาครัฐวาง “เครื่องกีดขวาง” บนทางเดินของพระสงฆ์แล้ว แล้วก็ให้อำนาจพระสงฆ์วางเครื่องกีดขวางให้แก่หมู่สงฆ์กันเองอีก
กรณีเรื่อง “เงินทอนวัด” พระที่อมเงินทอนนั้นผิดเต็มๆ อยู่แล้ว แต่ก็ใช่ว่าหน่วยงานของรัฐจะลอยตัวได้เสียทีเดียว ลอยไม่ลอยเปล่า....ตอนนี้ยังทำตัวเหมือนพระเอกด้วยซ้ำไป อย่างกรณีวัดสระเกศ เจ้าหน้าที่จะไม่รู้เลยหรือครับว่าวัดสระเกศนั้นไม่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ?? โรงเรียนพระปริยัติธรรมทั่วประเทศไทยมีไม่กี่ร้อยวัดด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่ก็อยู่ในกทม. แล้ววัดระดับพระอารามหลวงอย่างวัดสระเกศ เจ้าหน้าที่จะไม่รู้เลยหรือว่าไม่ใช่วัดโรงเรียนปริยัติธรรม แล้วยังเจียดงบประมาณให้ไปได้เป็นสิบล้าน?? พระสงฆ์ก็ปุถุชนลูกหลานชาวบ้าน เห็นเงินก้อนโตปานนั้นก็หวานคอแร้งสิครับ นี่ไม่ได้กำลังแก้ตัวแทนพระนะครับ พระน่ะผิดเต็มประตูอยู่แล้ว แต่ภาครัฐก็ต้องใส่ใจเรื่องจัดสรรงบประมาณด้วยว่าเหมาะสมไหม วัดไม่มีโรงเปรียนปริยัตธรรม แต่ได้รับงบประมาณด้านนี้ คนให้งบประมาณไปจะบอกว่าก็ไม่รู้นี่เห็นจะไม่ได้ล่ะครับ ไม่งั้นใครขอมาอย่างไรก็ให้ไปหมดล่ะสิ?? หรือไง?