ขอแชร์ประสบการณ์การยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวอังกฤษ (UK Visa) หน่อยนะคะ  เคยไปอังกฤษมาหลายครั้งแล้ว แต่ที่เคยไปเป็นวีซ่านักเรียน (Tier 4) ไม่เคยยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวมาก่อน ก็เลยรู้สึกตื่นตระหนกค่อนข้างมาก ใช้เวลากรอก Application อยู่เป็นเดือน 555+  
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจถึงสิ่งสำคัญในการยื่น VISA ก่อนนะคะ ว่าเขาต้องการอะไรจากนักท่องเที่ยว หลักๆก็มีอยู่แค่ 2 ข้อหลักเท่านั้น
1. มีตังค์พอที่จะรับผิดชอบตัวเอง สำหรับค่าครองชีพ ค่าเดินทาง ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีเงินมากมายอะไร แค่เพียงพอสำหรับการเดินทาง
2. เหตุผลสำคัญที่ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไปวาร์ปเป็นโรบินฮู๊ด ไปแล้วไปลับไม่กลับไทย
แค่สองข้อก็มีหลักฐานประกอบหนาเป็นเล่มนะเออ มาเริ่มกันเลย!

   -    ขั้นตอนแรกจะต้องเข้าไปในเว็บไซต์ https://www.visa4uk.fco.gov.uk เพื่อลงทะเบียนก่อน (Register an Account) ซึ่งสามารถกรอก Application และนัดหมายวัน/เวลายื่นเอกสารให้คนอื่นได้ แต่วันยื่นเจ้าตัวต้องไปยื่นที่ VFS ตึก Trendy ชั้น 28 ด้วยตัวเองนะจ๊ะ เรากรอกให้ครอบครัวทั้งหมดสี่คน มี เรา สามี แม่สามี และน้องสามี ใบสมัครมีทั้งหมด 7 Parts
   -    เมื่อกรอกเสร็จก็ชำระเงินผ่านบัตรเครดิต (136 USD)  ซึ่งหลังจากนี้จะแก้ไขข้อมูลในใบสมัครไม่ได้อีกแล้ว เมื่อชำระค่าสมัครแล้วก็ทำการจองวันและเวลาเพื่อเข้าไปยื่นเอกสารได้เลย ทั้งนี้ต้องเตรียมเอกสารประกอบแนบใบสมัครไปให้ครบด้วยนะ (วิธีการกรอกเข้าไปดู Link นี้เลยค่ะ สอนวิธีการกรอกละเอียดยิบ น่าเสียดายที่เราเจอลิงค์นี้หลังยื่นไปแล้ว แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี อิๆ https://travelling-as-a-couple.com/2016/11/27/get-to-know-england-ep-1-online-application/)
   -    การเตรียมเอกสารประกอบ ในเว็บไซต์ VFS จะมี Checklist เอกสารสำคัญต่างๆที่ต้องเตรียมให้ดาวน์โหลดได้ที่ https://www.vfsglobal.co.uk/thailand/pdf/document-checklist-info.pdf แต่ทั้งนี้เอกสารประกอบของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปแล้วแต่กรณี โดยส่วนตัวเราแนบเอกสารตามรายการนี้
   1.    ใบนัดหมาย (Appointment Confirmation)
   2.    ใบสมัคร (Visa Application)
   3.    Checklist ที่ดาวน์โหลดมา
   4.    สำเนาพาสปอร์ตเล่มเก่าทั้งหมด
   5.    สำเนาบัตรประชาชน
   6.    สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมคำแปล (แปลเองและเซนต์รับรองเอง)
   7.    จดหมายแนะนำตัวเองภาษาอังกฤษ (Cover Letter)
   8.    รายการเดินบัญชีภาษาอังกฤษ (Bank Statement) ของเราไปขอที่ธนาคารเพราะใน Internet Banking ของ KTB ชื่อ-นามสกุล เป็นภาษาไทย เสียค่าธรรมเนียม 200 บาท แม้เราจะให้สามีเป็น Sponsor แต่ก็แนบ Bank statement ของตัวเองไปด้วย เพื่อยืนยันอีกทางว่าเราสามารถรับผิดชอบตัวเองได้
   9.    สัญญาซื้อขายคอนโด (หรือสัญญาซื้อขายทรัพย์สินอื่นๆที่มีภาระผ่อนชำระอยู่ก็ได้)
   10.    จดหมายรับรองผู้สนับสนุนทางการเงิน (Sponsor’s cover letter)
   11.    เอกสารทางการเงินของสปอนเซอร์ ของเราให้สามีเป็นผู้สนับสนุนรองใจดี ผู้มีอุปการคุณ (Sponsor’s support document)
           - สำเนาบัตรประชาชน  
           - สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมคำแปล
           - ใบทะเบียนพาณิชย์ สำหรับบุคคลที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว พร้อมคำแปล แปลเอง เซนต์รับรองเอง (The commercial registration of sponsor’s
              business)
           - รายการเดินบัญชีปริ้นท์จาก Internet Banking โดยต้องมีชื่อ-นามสกุลเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น (copy of bank statement)
           - หนังสือรับรองบัญชีหุ้น ฉบับภาษาอังกฤษ (Certified copy of stock account)
           - รูปงานแต่ง (เนื่องจากว่าเราเพิ่งแต่งงานตอนปลายเดือนเมษายน และยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส จึงแนบรูปงานแต่งไปด้วยเพื่อยืนยันว่าแต่งงาน
             กันแล้วจริงๆ เป็นปั๋วเป็นเมียกันจิงๆนะเว้ยเฮ้ย)
   12.    แผนการเดินทาง (Travel  Itinerary) ระบุรายละเอียดการเดินทางว่าจะไปไหนบ้าง เวลาเดินทาง เราระบุงบประมาณค่าใช้จ่ายลงไปด้วยก็ดี
   13.    ใบจองโรงแรม (Hotel booking confirmation) จองโรงแรมผ่านเว็บไซต์ เลือกโรงแรมที่สามารถยกเลิกได้โดยไม่เสียตังค์ เผื่อไว้หากวีซ่าไม่ผ่าน  
   ส่วนตั๋วเครื่องบินยังไม่จอง เพราะจริงๆแล้วในเว็บไชต์ VFS แจ้งว่าการจองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน ไม่มีผลต่อการพิจารณา แต่เราจองโรงแรมไว้ก่อนเพราะ
  กลัวที่พักเต็ม
*** หมายเหตุ: คนอื่นๆอาจมีเอกสารมากกว่านี้ เอกสารแนบจะแตกต่างกันออกไปทุกคน เช่น หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัทระบุเงินเดือน/วันลาพักร้อน และระยะเวลาการทำงาน  แต่พอดีเราเพิ่งออกจากงานมาช่วยธุระกิจของสามีได้ไม่ถึงเดือน และให้สามีเป็น Sponsor ด้วย จึงไม่ได้แนบหลักฐานการทำงานไป แต่ระบุชี้แจงไปใน Cover letter ตามความจริงว่าเพิ่งออกจากงาน และออกมาทำงานกับสามี สามีให้เงินเดือนเท่าไร บอกหมดเลยจร้า
  
   -    หลังจากที่ยื่นเอกสารไปแล้วปกติสถานทูตจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ  7- 14 วันทำการ ของเรายื่นวันที่ 17 พ.ค 2018 ช่วงเช้า 8.30 น. แนะนำให้ไปช่วงเช้า เช้าได้เท่าไรยิ่งดี เพราะคิวน้อย ไม่ต้องรอนาน จากนั้น รออยู่ 7 วันถึงได้รับอีเมลตอบกลับ
   -    วันที่ 26 พ.ค. 18 : ได้รับอีเมลจาก VFS ว่า “UK Visas and Immigration has made a decision on your visa application. Your documents will be ready for collection soon.”  อันนี้ไม่ได้แปลว่าผ่านแล้วนะคะ ให้ไปลุ้นเอาหน้างานอีกทีจร้า โดยปกติถ้าได้รับเมลนี้ อีก 2 วันไปรับเอกสารได้เลยตั้งแต่ 13.30 – 16.30 น.  อิคนยื่นก็เครียดกินไม่ได้ ขรี้ไม่ออกไปอีก
   -    วันที่ 28 พ.ค.18 : ได้รับอีเมลว่า The processed visa application for GWF reference number -  GWFXXXXXXXXX was received at the UK Visa Application Centre on 5/28/2018 คือเอกสารมาถึงแล้ว ให้ไปเอาได้เด้อ
-    วันที่ 30 พ.ค. 18 : ไปรับเอกสารช่วงบ่ายตามสัญญา เตรียมใบเสร็จตัวจริง + สำเนาหน้าพาสปอร์ต + หนังสือมอบอำนาจของคนอื่นๆ มอบให้เรามารับแทน + สำเนาบัตร ปชช. มาด้วย ทั้งนี้ช่วงบ่ายที่ VFS คนค่อนข้างหนาแน่น นั่งรอตามคิวอย่างอกสั่นขวัญแขวน ถ้าวีซ่าไม่ผ่านต้องโดนปั๋วด่าแน่นอนเลยตรู สุดท้ายก็ได้ซองเอกสารมา 4 ซอง อยากจะฉีกทึ่งเปิดดูตรงเคาท์เตอร์ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป แต่ขอ Keep look นิสนึง หอบกลับไปเปิดดูในรถ ถึงรถปุ๊บเปิดปั๊บ คุณพระ!! …UK! I LOVE YOU…ผ่านทุกคนจ้า โล่งเลยเจ้าค่ะ

****อย่างไรก็ตาม เค้าจะคืนเอกสารที่ยื่นไปทั้งหมดกลับมา แต่เราตรวจดูแล้ว มีเพียงเอกสารเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้คืนมา นั้นก็คือ “Cover Letter”

----Cover Letter หรือ จดหมายแนะนำตัวสำหรับการยื่นวีซ่า สำคัญไฉน???-----
เมื่อยื่นวีซ่าแล้ว จะไม่มีการเรียกสัมภาษณ์อีก จากนี้มีแต่ Yes or No เท่านั้น เพราะฉะนั้นหากเรากังวลว่าผู้พิจารณาอาจมีข้อสงสัยอะไรก็ตามในตัวเรา  ให้เขียนชี้แจงไปใน Cover letter ให้หมด เช่น เหตุผลการออกจากงาน ลาออกเมื่อไร ปัจจุบันมีรายได้จากไหน  สถานะภาพระหว่างสปอนเซอร์ และอีกอย่างที่สำคัญที่สุดคือ เหตุผลที่ต้องกลับมาประเทศไทยคืออะไร หนี้รถ หนี้บ้าน  ดูแลพ่อแม่ ธุรกิจการงาน มีอะไรใส่ไปให้หมดเลยจ้า อธิบายให้คนอ่านไม่สามารถตั้งคำถามต่อได้จะดีที่สุด!

---------------หวังว่าเนื้อหาจะมีประโยชน์อยู่บ้างนะคะ ก็ขอเป็นกำลังใจสำหรับนักเดินทางทุกคนค่ะ------------------