▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ประเทศญี่ปุ่น
เที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวญี่ปุ่น
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
Nagoya น่าเบื่อ ไม่มีอะไรน่าเที่ยว จริงหรอ?
เราออกเดินทางตั้งแต่วันพฤหัสฯ ที่ 24 พฤษภาคม จะไปถึง Nagoya เข้าวันศุกร์ที่ 25
รีวิวสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ ไปอ่านได้ที่ลิ้งค์นี้เลยครับ >> https://ppantip.com/topic/37721039
เราว่า ตม. ญี่ปุ่นค่อนข้างโหดเลยนะ คือในใบ ตม.เขาก็จะให้เขียนใช่ป่ะว่าเราพักที่ไหนในญี่ปุ่น แต่ประเด็นคือเราไม่ได้พักโรงแรม เราพักบ้านเพื่อน เราก็เลยเขียนที่อยู่บ้านเพื่อนไป ทีนี้เขาก็ถามว่าไอ้ตามที่อยู่เนี่ย มันอยู่ตรงไหน ตอนนั้นเราก็อึ้งเลยจ้า ก็เราไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนจริงๆ เราก็ตอบไปว่า I don’t know เขาก็ขึ้นเสียงใส่เราว่า why why ? เราก็ตกใจนิดหน่อยเอาจริง 555 ก็เลยบอกไปว่านี่เป็นบ้านของเพื่อน ไม่ใช่โรงแรม เขาก็เลยให้เขียนชื่อ-นามสกุล ของเพื่อนลงไปในใบ ตม.ด้วย ตุ้มๆต่อมๆแล้วตอนนั้น กลัวว่าจะต้องติด ตม. แน่ๆ แต่สุดท้ายก็ผ่านออกไปได้ด้วยดี
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจต่างๆ เราก็เอาของไปเก็บเข้าที่พักก่อน
แต่ก็มีแวะลงที่ Nagoya station ก่อนเพื่อกินกาแฟสักหนึ่งแก้ว Nagoya station เป็นเหมือน center ของ Nagoya อ่ะก็ฟีลเหมือนกับ siam บ้านเรา
เราก็แวะไป starbucks อันนี้อยู่ชั้น 15 มั้งถ้าจำไม่ผิด คือตั้งใจไปสาขานี้เลยเพราะบรรยากาศดี ดูวิว 555
กินเสร็จเดินทางต่อไปยังที่พัก เราพักอยู่แถวๆ Inaei station ( Aonami line ) จาก Nagoya station ใช้เวลาราวๆ 20 นาที อ่ะพอเก็บข้าวของเสร็จ อาบน้ำเสร็จ เวลาประมาณ 11.00 ก็เริ่มเที่ยวกันเลย
Day 1
เป็นวันที่เดินทางโดย subway แล้วก็ bus เยอะ เพื่อนเลยบอกให้ซื้อตั๋ว 1 day pass เพราะคุ้มกว่า ราคา 850 yen ซื้อได้กับคนขับรถเมล์เลย
ที่แรกที่เราไปคือ Nittaiji temple เขาว่าเป็นวัดแห่งความสัมพันธ์ระหว่างไทย - ญี่ปุ่น
จากสถานี Inaei เรานั่งรถเมล์ไปยัง ใต้ดินสถานี Tsukiji-guchi แล้วนั่งไปยังสถานี Sakae แล้วเปลี่ยนสายไปยังสถานี Kakuozan ขึ้นสถานีมาก็เดินไปนิดหน่อยก็จะถึงวัด จริงๆก็ไม่มีอะไรมาก เป็นวัดเล็กๆ ระหว่างทางก็มีร้านขนม ร้านกาแฟให้แวะดูแวะชิม
เจอร้าน dango เลยลองแวะชิมสัก 1 ไม้ ราคา 100 yen
เราใช้เวลาในวัดไม่นาน ก็เดินไปอีกทางนึง ก็เจอกับพิพิธภัณฑ์อะไรสักอย่างเนี่ย เพื่อนบอกว่าเป็นสวน แต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ส่วนนี้ไม่เสียค่าเข้า แต่จะมีอีกส่วนที่เสียค่าเข้า แต่เราไม่ได้ไป
หลักจากเสร็จภารกิจแถวนี้ ที่ๆเราจะไปที่ๆสองก็คือ Nagoya castle จากวัดเราก็เดินกลับมายังสถานีรถไฟใต้ดินแล้วนั่งกลับไปยังสถานี Sakae แล้วเปลี่ยนสายไปยังสถานี Shiyakusho
ขึ้นจากสถานีมาก็จะเจอบ่อน้ำพุนี้
แล้วเราก็เลี้ยวขวาออกไป เดินไปจนถึงแยกก็เลี้ยวขวาอีกทีอีกสักพักก็จะพบกับเป็นเหมือนโซนร้านอาหาร มีร้านอาหาร ร้านขนมหลายร้าน ตอนนั้นก็บ่ายโมงแล้ว เราเลยแวะกินข้าวที่นี่ เราอยากกิน Oyakadon เลยมาจบที่ร้านนี้ ร้านเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก แต่ดีมาก อร่อยมาก ค่าเสียหาย 1,280 yen
อิ่มแล้วเราก็เข้าไปดูปราสาทกันเลย แต่โชคไม่ดีช่วงที่เราไปปราสาทปิดซ่อมแซม เลยไม่สามารถเข้าไปข้างในปราสาทได้ เลยได้แต่เดินดูรอบๆ ค่าบัตรผ่านประตูก็ 500 yen
หลังจากใช้เวลาอยู่ในนั้นสักพักเราก็ไปต่อกันยังย่าน Osu kannon จาก Nagoya castle เราก็ลงรถใต้ดินสถานีเดิม นั่งมายังสถานี Osu kannon เลย ย่านนี้จะเป็นเหมือน shopping street มีร้านอาหาร ของกิน เสื้อผ้า ของใช้เยอะมาก เอาเป็นว่าใครเน้น shopping เน้นกิน ถ่ายรูปเก๋ๆ ก็ขออันเชิญมาที่ย่านนี้เลยครับ ที่นี่ก็มีศาลเจ้าอีกด้วย ลองมาแวะกันดูได้
เราเดินดูนั่นดูนี่สักพัก สักราวๆ 5 โมงเย็นเราก็มีแพลนไปต่อกันที่ Nagoya tv tower กับ Oasis21 สองแห่งนี้อยู่ที่เดียวกัน Nagoya tv tower ก็เป็นหอคอยข้างบนก็มีร้านอาหาร และมีที่ให้ขึ้นไปชมวิวด้วย ถ้าจะขึ้นไปดูวิวรู้สึกจะเสียค่าเข้า 700 yen นะแต่เราไมได้ขึ้นไป ส่วน Oasis21 ก็เหมือนเป็นห้างเปิดอ่ะ ฟีลเหมือน siam one บ้านเรา ข้างบนสามารถขึ้นไปถ่ายรูปได้เก๋ๆ วิวทั้งตอนมีแสงกับตอนมืดก็จะสวยคนละแบบนะ ไปช่วงมียังแสงและอยู่ต่อค่ำๆก็จะดีมาก
เย็นแล้วเริ่มหิว มื้อนี้เราฝากท้องไว้กับ Ramen ที่ Oasis21 เวลาสั่งก็ไปสั่งและจ่ายเงินจากตู้แต่พอสั่งเสร็จ พนง.ก็จะเดินมาถามอีกรอบนึง เหมือนเดินมาทวนเมนู แต่สำหรับนักท่องเที่ยวคือลำบากเลยล่ะ เพราะไม่มีภาษาอังกฤษเลย เราดีที่ยังมีเพื่อนญี่ปุ่นพาเที่ยว 555 ค่าเสียหายมื้อนี้ Ramen 900 yen + Gyoza 100 yen ดูจากสีราเมนเราเหมือนเผ็ดนะ คนญี่ปุ่นก็บอกว่าเผ็ดมาก แต่เราคนไทยไง กินเข้าไป หือออ ไหนเผ็ด หวานด้วยซ้ำ 555 อ่ะก็สรุปว่าอร่อยแล้วก็อิ่มให้ 10 แต้ม
แถวๆนั้นก็ค่อนข้างเป็นย่านธุรกิจเลยล่ะ สามารถ shopping กันได้หนำใจเลย
Shopping เสร็จก็ถือว่าจบ day 1 แล้ว กลับบ้านพักผ่อน เพราะคืนก่อนหน้าได้นอนแค่ชั่วโมงเดียวเองบนเครื่องบิน นอนไม่หลับ 555